เพราะอนิเม? มังงะ? หนัง? จะอะไรก็ไม่สำคัญหรอก ตราบเท่าที่เป็นพลังซึ่งแฝงตัวอยู่ในเงามืดได้ ก็ชอบหมด
ไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่บอสใหญ่ แต่กำลังพูดถึงตัวตนลึกลับซึ่งอยู่เบื้องหลัง และแสดงพลังภายใต้เงามืด
ผมใฝ่ฝัน และอยากเป็นเช่นนั้น
แบบเดียวกับที่เด็กอยากเป็นฮีโร่ สำหรับผมคืออยากเป็นพลังในเงามืด ก็แค่นั้น
แต่ต่างจากเด็กที่แค่ใฝ่ฝัน ผมไม่ได้อยากแบบฉาบฉวย มันลึกล้ำไปกว่านั้น
เป็นดั่งเชื้อเพลิงอันร้อนแรงอยู่ภายในใจ และผลักดันให้ผมเดินหน้า
คาราเต้ ชกมวย เคนโด ศิลปะการต่อสู้ผสมผสาน และอื่นๆ, เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น ก็เรียนรู้ทุกอย่างที่จำเป็น พลางแอบซ่อนพลังเอาไว้ รอวันที่จะเผยตัว
ที่โรงเรียน เป็นแค่คนเห่ยๆ ไร้พิษภัยต่อผู้คนและสรรพสัตว์, ว่าชัดๆก็คือ ตัวประกอบ A
แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตประจำวัน คือการฝึกฝนอันหนักหน่วง
นี่คือวัยรุ่นของผม ชีวิตในรั้วโรงเรียนของผม
แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนโตขึ้น ความกังวลก็เริ่มกดทับ จนมาถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริง
ความเป็นจริง ที่ว่า ความพยายามทั้งหมดเป็นสิ่งสูญเปล่า
ไม่ว่าจะชำนาญวิทยายุทธแค่ไหน ก็ยังห่างไกลนัก เมื่อเทียบกับพลังสุดโต่งของพวกผู้มีพลังอำนาจอยู่ในเงามืด
ที่ผมทำได้ อย่างมากก็แค่มีแรงอัดพวกนักเลงไม่กี่คน
หากมีอาวุธปืนเข้ามาเกี่ยว อาจจะลำบาก, แล้วถ้าถูกล้อมด้วยกองทหารอาวุธครบครัน ยังไงก็จบเห่
พลังในเงามืดที่พ่ายแพ้ทหาร....ช่างน่าขันนัก
ต่อให้ใช้เวลาฝึกฝนอีกเท่าใด ต่อให้กลายเป็นนักวิทยายุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เจอทหารรุมล้อม ก็เละอยู่ดี, อืม บางทีอาจจะชนะได้มั้ง ถ้าฝึกฝนมาพอ มนุษย์อาจจะมีศักยภาพมากพอโค่นล้มทหารได้อยู่หรอก
แต่ว่า ถึงจะจัดการทหารทั้งหมดลงได้ แต่เมื่อแตโปดอง (ขีปนาวุปสเปคสูงของเกาหลีเหนือ) ยิงมาลงหัว, ผมก็กลายเป็นจุลอยู่ดี นี่ล่ะ ขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์
พลังในเงามืดที่ผมใฝ่ฝันนั้น กะอีแค่แตโปดอง ทำอะไรไม่ได้หรอก
แปลว่าผมเอง ก็ต้องกลายเป็นมนุษย์ซึ่งแตโปดองไม่อาจทำอะไรได้ด้วย
แล้วอะไรที่จำเป็นสำหรับการต้านทานแตโปดองล่ะ?
พลังหมัด?
ร่างที่แข็งแกร่ง?
ความอึดไร้ขีดจำกัด?
ไม่หรอก
สิ่งที่ต้องการ ตือพลังที่แตกต่างออกไป
พลังเวท, มานา, คิ, ออร่า, จะอะไรก็ได้ จำต้องได้มาซึ่งพลังลึกลับในทำนองนั้น
นั่นคือคำตอบที่เข้าถึง หลังจากยอมรับความเป็นจริง
หากมีใครดั้งด้นค้นหาสิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์อย่างจริงจัง คงถูกสงสัยว่าเสียสติรึเปล่า
ผมเองก็เช่นกัน คงมองว่าบ้าไปแล้ว
แต่ก็นั่นล่ะ
ในโลกนี้ ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเวทมนต์มีจริง แต่กลับกัน ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเวทมนต์ไม่มีจริง
การเสียสติ ไม่อาจทำให้ผมได้รับพลังซึ่งกำลังแสวงหา, พลังที่ผมแสวงหา อยู่เลยจากขอบเขตของความวิปลาศเช่นว่าไปอีก
จากจุดนั้น การฝึกฝนของผมก็ยิ่งยากขึ้น
พลังเวท มานา คิ ออร่า ไม่มีใครรู้จักวิธีเรียนสิ่งเหล่านี้
ผมทำสมาธิแบบพุทธ, บำเพ็ญเพียรใต้น้ำตก, เข้าฌานอย่างสงบ, อดอาหาร, ฝึกโยคะ, เข้ารีต, ค้นหาแก่นแท้ของจิตวิญญาณ, ภาวนา, กระทั่งตรึงตนบนกางเขนก็ทำมาแล้ว
ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง, ตัวเลือกเดียวที่มี คือเดินหน้าต่อ บนเส้นทางที่เชื่อมั่น ด้วยตัวคนเดียว ท่ามกลางความมืดมิด
เวลาผ่านไป จนถึงฤดูร้อนสุดท้ายของช่วงชีวิตม.ปลาย
ผมยังไม่ค้นพบพลังเวท มานา คิ หรือออร่าห่าเหวอะไรเลย……
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
หลังเสร็จการฝึกฝนเช่นเคย, ก็เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว
ผมใส่กางเกงในที่กองทิ้งไว้ และใส่เสื้อนักเรียน
ยังไม่เข้าถึงพลังลึกลับ แต่ว่า เริ่มรู้สึกเหมือนมีความคืบหน้าในการฝึกฝนตนเองแล้ว
อย่างเช่นตอนนี้
เพิ่งฝึกเสร็จ ก็รู้สึกเหมือนมีแสงวูบวาบอยู่ในหัว และภาพที่เห็นก็กะพริบ
คงเป็นพลังเวท…… หรือไม่ก็ออร่า……
ท่าทางจะรู้สึกได้ถึงผลของอย่างใดอย่างนึงแล้ว
เรียกได้ว่าการฝึกฝนวันนี้มีความหมาย
การถอดชุดออกทั้งหมดระหว่างอยู่ในป่า ทำให้สามารถเข้าถึงและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้
การเอาหัวโขกต้นไม้หนาๆอย่างไม่หยุด ทำให้สามารถขจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป และกระตุ้นสมองให้ปลุกพลังลึกลับจากการหลับไหล
เป็นการฝึกฝนที่สมเหตุสมผลยิ่งนัก
อาา, ภาพที่เห็นชักเบลอแล้วสิ
ยังกับว่าสมองกระทบกระเทือนเลย
ตัวเหมือนจะลอยๆ – เปรียบดังการลอยอยู่บนอากาศ! – ลอยขึ้นจากป่า
แล้วก็เห็นแสงแกว่งๆ
แสงสองดวง แกว่งกลางอากาศ
ช่างลึกลับเป็นยิ่งนัก! เหมือนกับเป็นแสงนำทาง, แสงแห่งการเชิญชวน
“ร-, หรือว่า…… เวทมนต์?”
ผมเตาะแตะเข้าใกล้
ใช่เลย! เวทมนต์แน่ๆ!
ในที่สุด! ผมก็เจอพลังลึกลับแล้ว!
การย่างก้าว กลายเป็นการวิ่งโดยไม่รู้ตัว, รากไม้ที่เกะกะ ทำให้ตัวหกล้ม กลิ้งเข้าหาแสงไฟ เปรียบเสมือนสัตว์ป่าพุ่งเข้าหาแสง
“เวท! เวท! เวท! เวทเวทเวทเวทเวท!!!”
ผมโดดใส่แสงทั้งสอง แล้วคว้าเอาไว้……
“อ่ะ……?”
แสงทำให้โลกของผมพร่าเป็นสีขาว
เสียงเบรคเอี๊ยดดังก้องในหัว
แรงกระแทกชนใส่ร่าง, แล้วผม…… ก็…… เวทมนต์…………
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
บทสรุปคือ เจอเวทมนต์แล้ว
พอตื่นขึ้นมา, รอบข้างก็เต็มไปด้วยเวทมนต์
แม้ว่ามันจะแตกต่างจากแสงสองดวงที่เห็นวันนั้น แต่ใครจะสนรายละเอียดปลีกย่อยพวกนั้นล่ะ
จริงสิ รายละเอียดยิบย่อยอีกอย่างนึง คือผมเกิดใหม่ด้วย
จะเพราะผมพบเจอเวทมนต์ จนประตูแห่งการเกิดใหม่เปิดออก หรือเพราะอะไรก็เหอะ, ใครจะไปสนล่ะ
ตอนนี้ ผมเป็นเด็กทารกมาหลายเดือน ซึ่งก็เพิ่งจะรู้ตัวขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้, ทำให้ความรู้สึกด้านเวลายังเบลอๆ เลยไม่ค่อยแน่ใจในรายละเอียด
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่เข้าใจภาษาเลย, รู้แค่ว่า โลกนี้มีวัฒนธรรมแบบยุโรปยุคกลาง, ซึ่งก็เอาเหอะ ดีแล้วมั้ง
เพราะจุดสำคัญของเรื่องนี้ คือผมได้พลังเวทมาอยู่ในมือแล้ว, เป็นอันจบประเด็น
ส่วนเนื้อหาปลีกย่อยหรือขั้นตอนความเป็นมาอื่นๆ ไม่ต้องไปใส่ใจนักหรอก
ทันทีที่รู้ตัว ก็รับรู้ถึงพลังเวท, อนุภาคที่เปล่งประกายและลอยอยู่ในอากาศ เหมือนกับสิ่งที่ผมเห็นตอนวิ่งทั่วสวนดอกไม้ขณะเปลือยกายเพื่อฝึกฝนตนเองในชาติก่อนเลย
การฝึกฝนอันนั้น ไม่ได้ไร้ประโยชน์นะ, หลักฐานก็คือตอนนี้ผมรับรู้ถึงพลังเวทได้ และก็เกิดความเชี่ยวชาญทางพลังเวทเหมือนกับเป็นมือเป็นเท้าของตัวเองเลย
ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนตรึงตัวเองแบกกางเขนขณะเปลือยกาย…… ไม่สิ, มันเหมือนกับตอนที่เปลี่ยนศาสนาเรื่อยๆพลางอธิษฐานในท่าเต้นอย่างเปลือยๆกายซะมากกว่า…… มั่นใจเลยว่าทุกสิ่งอย่างของการฝึกฝน ผลิดอกออกผลแล้ว
ยืนยันแล้วด้วยว่าการเสริมพลังกายสามารถทำได้
เอาเวลาว่างที่เป็นอภิสิทธิของทารกมาทำการฝึกฝน, คราวนี้ล่ะ จะต้องเป็นพลังในเงามืดให้ได้เลย…… อ่ะ, ขี้แตกซะแล้วสิ
พูดถึงนะ, เคยเรียนมาว่านกไม่สามารถอั้นขี้ได้, แต่ทารกมนุษย์เองก็เช่นกัน
ต่อให้เหตุผลพยายามบอกให้อดกลั้นเอาไว้ แต่สัญชาตญาณกลับกรีดร้องให้ปล่อยพรวดออกมา
ทว่า ด้วยเวทเสริมพลังซึ่งใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อฝึกฝน ก็ทำให้ขมิบหูรูดทวารหนักเพื่อซื้อเวลาได้, และระหว่างนี้…..
“แแแแแแง้!”
…… ก็เรียกหาความช่วยเหลือ