ตอนที่ 98 กลับบ้าน
「เซอิจิ」
「หือ?」
หลังจากตกลงว่าทุกคนจะกลับโลกมนุษย์กัน คุณพ่อก็มองชั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
「เซอิจิขอพูดไว้สักประโยคนะ เรื่องเหมือนอย่างคราวนี้อย่าได้ทำอีกล่ะ」
「เอ๋?」
ชั้นเอียงคอกับคำพูดของคุณพ่อ
「ยกตัวอย่าง มีคนตายที่ใช้ชีวิตอย่างพึงพอใจจนหมดอายุขัย
คิดว่าการคืนชีพให้คนๆนั้นเป็นสิ่งที่ดีรึเปล่าล่ะ?」
「เรื่องนั้น...........」
พอชั้นพูดอะไรไม่ออกคุณพ่อก็ลูบหัวอย่างอ่อนโยน
「มีคำว่าลบหลู่คนตายอยู่จริงมั้ย? การกระทำของเซอิจิเองก็ใกล้เคียงกัน
แน่นอนไม่ได้คิดว่าเซอิจิเป็นคนที่คิดว่าชีวิตไม่มีค่า
แต่สิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้นยังไงมันก็ต้องสิ้นสุดไปตามธรรมชาติ
เพราะงั้นอย่าได้ชุบชีวิตคนตายอีก ไม่ต้องเก็บเอามาคิดเลย」
「...........」
「มันก็มีการตายโดยที่ยังไม่หมดอายุขัยอยู่ อย่างความเจ็บป่วยที่ต้องต่อสู้ด้วย
แต่ถ้าไม่สามารถทำได้มันก็ถือเป็นโชคชะตาของคนๆนั้นจริงมั้ย
รวมถึงในกรณีอื่นๆด้วย.........ยกตัวอย่างถ้าเกิดเป็นกรณีคนสำคัญถูกดึงไปเกี่ยวข้อง
กับอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์จนถึงแก่ความตายคิดว่าควรทำยังไง?
ขอให้ตรึกตรองโดยนึกถึงคำพูดของพ่อไว้นะ」
ความรู้สึกราวกับตอนที่คุณพ่อกำลังดุว่าชั้น
เพราะกรณีของคุณพ่อจะไม่ใช้วิธีดุว่าโดยการตะคอกใส่ แต่จะใช้วิธีดุว่าโดยทำให้คิด
และในกรณีนี้สิ่งที่ต้องการสื่อคือการชุบชีวิต
ถ้างั้น.............
「............ไม่ยอมให้เจอกับอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์นั้นๆ?」
「นั่นสินะ การป้องกันไว้ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าทำได้
แล้วการไม่ให้เจอกับอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์นั้นๆต้องทำยังไงล่ะ?」
「เอ่อ............」
แน่นอนว่าชั้นเองก็ไม่รู้
คอยระวังไว้เสมอเหรอ? หรือว่าคอยอ่านบรรยากาศรอบๆ?
แต่ต่อให้พยายามยังไงก็ไม่มีทางป้องกันอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ได้สมบูรณ์แบบอยู่ดี
มันมีความไม่แน่นอนมากจนไม่อาจชี้ชัดลงไปได้
และแล้วพ่อก็พูดตัดสินมาอย่างชัดเจน
「อะไรเล่า มันก็ง่ายๆนี่นา เซอิจิปกป้องให้ได้ก็พอแล้ว」
「เอ๋?」
「แม้พ่อจะทำไม่ได้แต่เกิดเป็นลูกผู้ชายทั้งทีต้องปกป้องคนสำคัญให้ได้สิ」
「.......นั่นเป็นคำตอบได้เหรอครับ?」
จริงๆเลยนะคุณพ่อเนี่ย...........
แต่ก็ด้วยคำดุว่าที่อ่อนโยนและการชี้ทางของคุณพ่อแบบนี้แหละชั้นถึงไม่เคยย่อท้อ
「พูดไปก็หลายอย่างแต่สิ่งที่พ่ออยากจะพูดกับเซอิจิมีประโยคเดียว
สิ่งที่เรียกว่า『ความตาย』ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป
จงอย่ารับมันไว้เพียงแค่เป็นคำพูดที่น่าประทับใจ เก็บเอาไปคิดให้ดีด้วย」
「...........ครับ」
ขณะที่พูดคุยกับคุณพ่ออย่างนั้นอยู่เซนอสก็เข้ามาหา
「ท่านมาโกโตะ สำหรับเรื่องนั้นคงจำกัดแค่ครั้งนี้แหละ」
「คุณเซนอส เรื่องนั้นหมายความว่ายังไง?」
「ก็อย่างที่รู้สึกแหละครับ พวกเราจะได้รับผลกระทบจากร่างของท่านเซอิจิ............
ร่างเนื้อของคนเป็น จนร่างคนตายของพวกเราถูกเปลี่ยนเป็นร่างของคนเป็น
การคืนชีพจึงสามารถทำได้ แต่นั่นก็มาจาการที่【ปรภพ】เป็นสถานที่
ที่คนตายมีจิตวิญญาณอยู่จึงทำเรื่องดึงดันแบบนี้ได้.........หากเป็นคนตายที่โลกเดิม
ใช้วิธีเดียวกันคงไม่สามารถทำให้คืนชีพได้ เพราะเมื่อตายจิตวิญญาณจะถูกส่ง
มายัง【ปรภพ】............การทำแบบเดียวกันอีกครั้งจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย」
『.........นั่นสินะ.........จากเรื่องในครั้งนี้เราจะเพิ่มข้อจำกัดในการมาปรภพให้มากขึ้น
...........เพราะดูเหมือนว่าเราเองก็ได้รับผลกระทบจากคุณเซอิจิมาเหมือนกัน........
สิ่งที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้จึงสามารถทำได้แล้ว..........หนึ่งในข้อจำกัดการเข้ามาที่นี่
...........มนุษย์ที่ยังไม่ตายจะไม่สามารถใช้เวทวาร์ปหรือเล็ดลอดเข้ามาทางประตู
ที่อยู่ปลายสุดตะวันตกของโลกมนุษย์ได้...........』
ปรภพเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเซนอส
ว่าแต่ ปรภพก็ได้รับผลกระทบจากชั้นด้วยนี่มันอะไร? ไม่เห็นเข้าใจเลย
ยังไงก็ตามแต่เรื่องอย่างในครั้งนี้จะไม่มีอีกแล้วเท่านั้นแหละที่เข้าใจ
........ก็นะ ที่พวกคุณพ่อตายไปแล้วก็รู้ ที่บอกว่าเป็นการกระทำที่ดึงดันก็เห็นด้วย
การที่พวกคุณพ่อที่ตายไปแล้วไม่ควรจะกลับไปได้เหมือนชั้นก็รู้ดี
ทว่าได้ใช้เวลาร่วมกับพวกคุณพ่อแบบนี้ยังไงก็ให้ยอมรับว่าตายไปแล้วไม่ได้หรอก
พอค่อยมาคิดดูแบบนี้ก็รู้สึกอยากตะโกนแบบไม่เป็นภาษาออกมา..........
ก็เพราะชั้นน่ะได้มาพบพวกคุณพ่ออีกครั้ง
ได้สัมผัส........ได้รู้สึกถึงไออุ่นที่ไม่คิดว่าจะได้รู้สึกมันอีกเป็นครั้งที่สอง
การจำต้องแยกจากพวกคุณพ่อที่อยู่ตรงหน้าโดยที่ทำอะไรไม่ได้.......มันทนไม่ได้หรอก
ทั้งที่ร่างกายพุ่งทะลุเหนือการคาดการณ์ไปไกลลิบ..........
แต่ด้านจิตใจกลับไม่ได้เติบโตขึ้นเลย น่าสมเพชชะมัด.............
「อีกอย่างสำหรับพวกเราน่ะรู้สึกยินดีที่ได้คืนชีพเป็นล้นพ้น」
「อ อย่างนั้นเหรอ?」
เซนอสพูดออกมาเลยว่าดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้คืนชีพ
「บางคนอาจเห็นว่าเป็นการลบหลู่คนตาย แต่ฉันน่ะอยากมีชีวิตอยู่
อยากจะใช้ชีวิต ...........ด้วยกันกับแมรี่ที่อยู่ตรงนี้」
「ท่านเซนอส..........」
「สำหรับฉันนั้นไม่ว่าทางไหนก็เป็นการเอาแต่ใจเหมือนกัน
หากบอกว่าการคืนชีพคนตายเป็นการเอาแต่ใจ
การที่ไปคิดแทนคนตายก็เป็นการเอาแต่ใจเช่นเดียวกัน
ก็นะ มันเป็นแค่ความคิดส่วนบุคคลของฉันอย่าได้ใส่ใจไปเลย」
「เฮ้อ.......」
คุณพ่อกับเซนอสคุยเรื่องยากๆกันชั้นไม่เห็นจะเข้าใจเลย
ขอที่มันง่ายกว่านี้ได้มะ? ........อ้ะ หรือว่าชั้นโง่เองหว่า
「เอาน่าไม่เห็นเป็นไรเลย!เลิกพูดเรื่องยากๆกันเถอะ!
ดูสิ เซอิจิคุงนิ่งไปแล้วนั่น」
「อ้ะ ความแตกแล้ว!?」
「ก็แบบว่ามันออกมาที่หน้าเห็นๆเลยนี่นา」
ไม่ไหวเลยแฮะชั้นนี่
หลังจากชั้นหัวเราะกลบเกลื่อนก็ถามเรื่องที่สงสัยกับปรภพ
「จะว่าไปเห็นบอกว่ากำเนิดผู้เฝ้าประตูแล้วนี่ให้ไปเฝ้าประตูทันทีเลยเหรอ?」
『.........เปล่า...........พึ่งจะให้กำเนิดมา.........อยู่ใกล้ๆคุณเซอิจินี่แหละ.........』
「ใกล้ชั้น?」
ทันใดนั้นชั้นก็หันหลังกลับไป ที่ตรงนั้นก็เจอเทวรูปนิโอแบบที่เคยเห็นในตำราเรียน
ยืนโพสท่าLat Spreadแบบพวกเล่นกล้ามยืนอยู่ ตั้งแต่เมื่อไรกัน!?
ว่าแต่ถึงหน้าตาน่ากลัวแต่ท่าโพสพิลึกไปหน่อยมั้ย!? ยิ่งกว่านั้นตัวละครมันซ้ำ!
ตัวละครกล้ามเนื้อมีแค่กัลซุสก็เกินพอแล้ว!
ขณะที่ชั้นกำลังตกใจกับเทวรูปนิโอที่จู่ๆโผล่มา พวกคุณพ่อก็ตาเป็นประกายกันใหญ่เลย
「คุณมาโกโตะ คุณมาโกโตะ!เทวรูปนิโอล่ะ!」
「โอ้!ใช่เลย!ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นในที่ๆไม่ใช่โลกแบบนี้」
「ถ่ายรูป!มาถ่ายรูปเก็บไว้กันเถอะ!」
「เดี๋ยวนะสมาร์ทโฟนสมาร์ทโฟน........โทษที แต่จะว่าไปก็ไม่มีสมาร์ทโฟนนี่นา......」
「อะไรกัน........เซอิจิ!แล้วลูกล่ะมีสมาร์ทโฟนรึเปล่า?」
「นี่ก็อารมส์ท่องเที่ยวจัง!? ไม่สิ ก็มีอยู่อ่ะนะ!」
ใช่ ก็มีอยู่.............อยากจะตะโกนจังว่าเลิกทำลายความเป็นแฟนตาซีได้แล้ว
แต่ชั้นดันเป็นคนทำเองอ่ะนะ
ทว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกมาจากเวทInstant farm ฟังชั่นกล้องคงจะไม่......
「.........มีด้วย」
ครบเครื่องเชียวนะ!? ชั้นนี่อึ้งเลย!
ขณะที่ตะลึงกับฟังชั่นกล้องที่เจอ คุณแม่ก็วีดว้ายพลางพูดกับคุณพ่อ
「เอ้า!คุณมาโกโตะมาถ่ายด้วยกันสิ!」
「อา เซอิจิก็มาสิ」
「เอ๋? เอ่อ อื้ม」
มาทำอะไรแบบนี้กันจะดีเหรอ? ขณะที่รู้สึกอย่างนั้พลางทอดสายตาไปทางพวกเซนอส
ไม่รู้ยังไงถึงมองมาทางนี้ด้วยสายตาอบอุ่น แย่ล่ะ อายเป็นบ้าเลย
แม้ว่าชั้นเขินอายจนหน้าแดงพวกคุณพ่อก็ไม่สนใจ
ฉุดแขนชั้นไปยืนระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่
จากนั้นคุณแม่ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
「...........เผลอแป๊ปเดียวโตขึ้นขนาดนี้แล้วนะ..........」
「.........นั่นสิ ตัวใหญ่กว่าพ่ออีก...........」
ชั้นที่รู้สึกจั๊กจี๊กับสายตาของทั้งสองคนก็พูดเสียงดังขึ้นมาแก้เขิน
「อ เอ้า!ปล่อยให้พวกเซนอสคอยมันไม่ดีนะ!รีบถ่ายเถอะ!」
「ก็จริงนะ」
หน้าของพวกคุณพ่อเขยิบเข้ามาใกล้หน้าชั้น
ไม่เคยถ่ายรูปให้ตัวเองเลยไม่รู้ว่าควรทำยังไงแต่ก็พยายามปรับให้เข้าท่าที่สุด.........
「เอ้ายิ้มหน่อย!」
「หน้าแข็งหมดแล้วนั่น」
พูดกับพวกคุณพ่อไปพลางชั้นก็เริ่มถ่ายมาหนึ่งรูป
「เอ้า แชะ!」
ทันทีที่พูดอย่างนั้นไม่รู้ทำไมเทวรูปนิโอเองก็ยิ้มแถมชูพีชสองมืออยู่ที่ด้านหลังพวกชั้น
เฮ้ย จะเป็นกันเองมากไปหน่อยมั้ย!? ความน่าเกรงขามของผู้เฝ้าประตูน่ะหายไปไหน!?
เทวรูปนิโอหลังถ่ายภาพเสร็จก็กลับมาโพสท่าเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「เซอิจิ ภาพล่ะ?」
「เอ๋? เอ่อ...........」
ก่อนที่ชั้นจะได้ทันพูดอะไร พวกคุณพ่อก็ฉกสมาร์ทโฟนไปดูรูปถ่าย
แหม คงจะอึ้งกันน่าดูแหละที่เทวรูปนิโอที่เคร่งขรึมดันมาชูพีชซะงั้น
「อื้ม ถ่ายได้สวยจังเนอะ!」
「นั่นสิ เทวรูปนิโอเองก็มาร่วมวงด้วยล่ะ!」
「ไม่อึ้งกันเลย!」
หนำซ้ำยังรับกันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติอีกแน่ะ!สมกับเป็นพวกคุณพ่อ!
ชั้นนี่เลียนแบบไม่ได้เลย!แต่ก็นะ พอจะรู้สึกตั้งแต่ที่พูดว่าจะถ่ายรูป
ด้วยอารมส์ท่องเที่ยวทั้งที่อยู่ในปรภพแล้วล่ะ!
ขณะรู้สึกทึ่งกับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของพวกคุณพ่อที่ไม่เคยเปลี่ยน
ปรภพก็ส่งเสียงเรียก
『........เรียบร้อยรึยัง.........?』
「อ้ะ ครับ ขอโทษด้วย」
『.........ไม่เป็นไร..........ไม่ต้องใส่ใจหรอก...........
คนถ่ายภาพเล่นในปรภพเองก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละ..........』
ก็แหงล่ะ มันอันตรายเกินกว่าจะเป็นที่ท่องเที่ยวนี่นา ไหนจะต้องตายก่อนอีก
『..........ถ้าเช่นนั้นคิดว่าคงได้เวลาที่จะส่งทุกคนไปยังโลกมนุษย์แล้ว..........
สถานที่ส่งไปคือสถานที่ก่อนที่ท่านเซอิจิจะมาที่นี่...........』
สรุปคือสนามฝึกซ้อมของโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลสินะ
........เจอเหตุการณ์อย่างนั้นกันไปคงไม่มีใครอยู่ที่สนามแข่งแล้วล่ะ
ต่อให้พวกเราอยู่ๆโผล่ไปก็คงไม่ทำให้ตกใจกัน
「เข้าใจล่ะ」
『..........ถ้าอย่างนั้น จะเริ่มทำการส่งตัว.........ท่านเซอิจิ..........
สำหรับเรื่องในคราวนี้............ต้องขอขอบคุณจริงๆ.........』
「..........ทางนี้ก็เช่นกัน ขอบคุณนะ」
แล้วที่บริเวณเท้าของพวกเราก็ปรากฏเวทวาร์ป
จากนั้นปรภพก็กล่าวส่งท้าย
『..........ขออวรพรให้กับอนาคตของท่าน.........แล้วมาเที่ยวเล่นอีกนะ.........』
「เป็นปรภพพูดเรื่องอย่างให้มาเที่ยวเล่นจะดีเหรอ!?」
สุดท้ายของท้ายสุดชั้นที่ถูกชวนอย่างนั้นก็ได้ถูกวาร์ปไปกับพวกคุณพ่อ
◆◇◆
「.......กลับมา........แล้วเหรอ.........?」
หลังจากเวทวาร์ปทำงานทิวทัศน์ที่เข้ามาสู่สายตาชั้น
คือสนามฝึกซ้อมของโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลไม่ผิดแน่
「กลับมาแล้วไม่ผิดแน่........」
ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่ไม่มีใครอยู่เลยอย่างที่คิด
「.........ก็ยังมีส่วนที่ไม่อยากเชื่อจากเบื้องลึกของจิตใจแต่...........
พวกเราคืนชีพมากันแล้วจริงๆ..........」
ได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของเซนอสเลยหันไปมองแต่ก็ไม่ใช่แค่เซนอส
พวกคุณพ่อและคนที่เหลือต่างก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน
และแล้วคุณนาชูเรียน่าก็ปล่อยโฮออกมา
「อ........อา.........อึกกก.......อ๊าาาาาาาาาา.....」
「คุณนาชูเรียน่า!? เป็นอะไรไปครับ!?」
พวกเราแตกตื่นเข้าไปหาคุณนาชูเรียน่า
พอคุณลิลิแอนลูบแผ่นหลังปลอบ คุณนาชูเรียน่าก็สะอึกสะอื้นพลางเอ่ยปาก
「ฉ......ฉัน.........รู้สึกผิดค่ะ.........」
「เอ๋?」
「..........ที่ปล่อยคนสำคัญทิ้งไว้..........ยังกว่านั้นยังถูกฆ่าต่อหน้าคนๆนั้นด้วย........」
คุณนาชูเรียน่าไม่ได้มีชะตาเกี่ยวข้องโดยตรงกับใครในที่แห่งนี้
ทั้งอย่างนั้นกลับมีชะตากับชั้นไม่มากก็น้อยตรงไหนสักแห่งจนได้มาร่วมกับพวกเซนอส
ว่าแต่มีชะตากันตรงไหน...........ชั้นเองยังไม่รู้เลย
แล้วยังสาเหตุการตายอีก............
「ทั้งที่............ตัดใจว่าไม่ได้พบกับเขาอีกแล้ว..........
พอคิดว่าได้มีโอกาสพบกันอีก..........ฉันก็...........」
「อย่างนั้นเหรอ..........」
ขณะที่คุณลิลิแอนลูปแผ่นหลังของคุณนาชูเรียน่าไปเรื่อยๆ
คุณแอนนาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
「ไม่ต้องห่วงหรอก พวกฉันไม่ใช่คนในยุคนี้แล้ว..........
เพราะงั้นจะให้ความร่วมมือช่วยกันตามหาคนสำคัญของคุณให้เอง ได้ใช่มั้ยคะ?」
「แน่นอน!ได้อยู่แล้ว」
「ใช่ใช่ เป็นพวกพ้องที่กลับจากปรภพด้วยกันทั้งที ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก」
อาเบลกับกัลลูสพูดกับคุณนาชูเรียน่าแบบนั้น
จริงสินะ ลืมไปเลยว่าไม่ใช่แค่พวกอาเบลเท่านั้นพวกเซนอสเองก็ไม่ใช่คนยุคนี้
สำหรับพวกคุณพ่อไม่ใช่คนของโลกนี้ด้วยซ้ำ............
ขณะที่คิดเรื่องนั้นคุณพ่อก็เอ่ยปากขึ้น
「เซอิจิ」
「หือ?」
「ไม่ต้องห่วงเรื่องของพวกพ่อหรอกนะ」
「เอ๋?」
ชั้นงงกับคำพูดของคุณพ่อ
จากนั้นคุณพ่อก็พูดต่อโดยไม่สนใจชั้น
「พวกพ่อน่ะไม่อยากเกะกะเซอิจิ เชิญไปทำเรื่องที่ชอบเถอะ」
「ไปทำเรื่องที่ชอบ.........แล้วพวกคุณพ่อล่ะจะทำยังไง?」
สำหรับชั้นน่ะแค่ได้อยู่กับพวกคุณพ่อก็มีความสุขแล้ว
และแล้วคราวนี้เป็นคุณแม่ที่พูดกับชั้น
「พวกเราน่ะจะไปใช้ชีวิตสบายๆที่ไหนสักแห่ง
แม่น่ะขอแค่มีบ้านพร้อมสวนสักหลังก็พอแล้ว」
คุณแม่ที่มั่นคงในจังหวะของตัวเองตลอดกล่าวออกมา
「ไปใช้ชีวิตสบายๆนี่.............แล้วตั้งใจจะไปกันที่ไหนล่ะครับ」
「ไม่รู้สิจ้ะ? เซอิจิไม่มีที่ดีๆบ้างเหรอ?」
「สุดท้ายก็โยนกลับมาเนี่ยนะ!? ไม่สิ ของอย่างนี้พวกเซนอสน่าจะรู้ละเอียดกว่า.......」
「ยุคสมัยที่ฉันอยู่มันต่างกัน อีกอย่างต่อให้รู้สถานที่ดีๆที่ว่า
ช่วงที่มีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยเห็นกับตาเลย」
คำพูดมันฟังขึ้นจนชั้นพูดไม่ออก
ไม่สิ ถ้าพูดถึงสถานที่ดีๆก็............
พอคิดถึงตรงนั้นชั้นก็นึกถึงสถานที่หนึ่งขึ้นมาได้
「........นึกออกแล้ว」
「แหม ที่ไหนเหรอจ้ะ?」
「เมืองหลวงเทลเวลของอาณาจักรวินบุค
.........เป็นสถานที่ๆต้อนรับผมซึ่งถูกส่งมาโลกนี้ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างอบอุ่น」
เป็นสถานที่ที่ดีจนเรียกว่าเป็นบ้านเกิดหลังที่2ได้เลย
แต่บอกตามตรงมันมีพวกโรคจิตอยู่เป็นฝูงเลยไม่อยากแนะนำเท่าไร
「อย่างนั้นเหรอ? ถ้าช่วยดูแลเซอิจิตามที่บอกต้องไปขอบคุณหน่อยแล้ว」
「นั่นสิ」
คุณพ่อกับคุณแม่พูดคุยหัวเราะกันอย่างร่าเริง
「...........แต่โลกนี้มันอันตรายนะครับ?
ในสภาพที่เป็นแบบนั้นจะให้ผมแยกจากพวกพ่อไปแบบนี้มัน..............」
ที่ชั้นไม่อยากแยกกับพวกคุณพ่อเพราะโลกนี้มันมีอันตรายอยู่เคียงข้าง
ชนิดโลกเก่าเทียบไม่ได้เลย แน่นอน ก็ไม่ได้จะบอกว่าญี่ปุ่นปลอดภัยสมบูรณ์แบบหรอก
ขณะที่กังวลอย่างนั้นอยู่ เซนอสก็พูดคลายความกังวลของชั้น
「ท่านเซอิจิ เรื่องพ่อแม่ของท่านฝากให้ฉันดูแลจะได้มั้ย?」
「เอ๋?」
「นั่นสินะ ผมเองก็จะช่วยปกป้องพ่อแม่ของคุณให้เป็นอย่างดีเลย วางใจเถอะ」
「ข้าเอง........ก็จะปกป้อง..........พ่อแม่ของแก.......」
คุณลูเชียสกับกล่องสมบัติก็เอาด้วย
แบบว่า ถ้าทำอย่างนั้นกำลังรบมันจะมากเกินไปมั้ย?
มีจอมมารรุ่นแรกกับอาจารย์ผู้กล้าเป็นคนคุ้มกันนี่เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหนเนี่ย?
ส่วนกล่องสมบัตินี่ไม่รู้สิ
ขณะที่เผลอทำหน้าลำบากใจออกมา เซนอสก็อธิบายให้ฟัง
「ก็ตามที่บอกไปก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ใช่คนของยุคนี้ดังนั้นจึงอยากได้งานทำ」
「งาน?」
「ใช่ นั่นก็เพราะพวกเรา----------ว่างงานไงล่ะ」
「อ้ะ」
จะว่าไปมันก็จริง
เซนอสก่อนตายอาจเป็นดยุคแต่ก็ถูกประเทศทรยศ
หนำซ้ำปัจจุบันประเทศก็ล่มสลายไปแล้ว เซนอสจึงไม่ต่างอะไรกับตกงาน
「ผมเองก็ว่างงาน」
「อ้ะ งั้นชั้นก็ด้วยสิ」
「ใช่เลย」
「นั่นสินะ」
「ยังไงดีน้า?」
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตกงานกันหมดเลยไม่ใช่เรอะ.......!
เป็นผู้กล้ากับจอมมารแต่ไม่มีงานทำนี่มันยังไง!? สถานภาพทางสังคมแย่เนอะ!
ขณะที่คิดอย่างนั้น กล่องสมบัติก็ยืดอกกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
「ข้า..........เป็นกล่องสมบัติ นั่นคืออาชีพของข้า ส่วนพวกแกน่ะ.........ตกงาน」
『อั่ค!?』
คำพูดของกล่องสมบัติกระแทกเข้ากลางอกทุกคนยกเว้นคุณนาชูเรียน่ากับพวกคุณพ่อ
ตะกี้นี้ติดคริเลยนะเนี่ย............
เซนอสที่ได้รับความเสียหายอย่างคาดไม่ถึงปรับอารมส์ใหม่พลางเสนอความคิดกับทุกคน
「อ อื้ม เห็นว่าเป็นไง? กับการที่พวกเราทุกคนย้ายไปอยู่เทลเวลที่ว่านั่น」
「อ้ะ ก็เป็นความคิดที่ดีนี่นา? คนสำคัญของคุณนาชูเรียน่าที่พูดถึง
ก็ใช้ที่นั่นเป็นฐานที่มั่นในการค้นหาซะเลย」
「สำหรับพวกเราถ้าคุณนาชูเรียน่าเห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วเนอะ?」
「อา ที่นั่นก็น่าจะมีกิลด์อยู่ ไปลงทะเบียนแล้วหาเงินใช้ด้วยก็ดีเหมือนกัน」
「นั่นสินะ วิธีนั้นน่าจะไม่ยุ่งยากที่สุดแล้ว?」
「ถ้ามีทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล่ะก็ต่อให้เป็นนักผจญภัยกันก็ไม่ลำบากอยู่แล้ว」
ขอโทษครับคุณรันเซ่
แบบว่าบรรดาบุคคลสำคัญกำลังไปอาศัยอยู่ที่ประเทศของคุณแล้ว
ถึงชั้นจะเป็นคนแนะนำเองก็เถอะ
ขณะที่เผลอทอดสายตาออกไปไกลๆ คุณแม่ก็ทำหน้าอ่อนโยนมองมาทางชั้น
「เห็นมั้ย เซอิจิไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก ทุกคนเขาคอยช่วยอยู่แล้วล่ะ」
「อ อื้ม」
「อีกอย่างลูกเองก็มีคนสำคัญอยู่ไม่ใช่เหรอจ้ะ?」
「เอ๋?」
เคยพูดถึงด้วยเหรอ?
ทันทีที่กำลังคิดกับคำพูดของคุณแม่
「เซอิจิ!」
「!」
ทั้งที่เวลาก็ไม่ได้ผ่านไปมากขนาดนั้นแต่กลับเป็นเสียงที่น่าคิดถึงเหลือเกิน
เพียงแค่ได้ยินเสียง เสียงของคนสำคัญนั้น...........ก็ทำให้ชั้นยิ้มออกมา
พอหันสายตาไปตามเสียง ที่ตรงนั้นก็เป็นซาเรียที่ยิ้มโดยมีน้ำตาเอ่อล้น
ชั้นตัวแข็งค้างจ้องมองซาเรีย
ซาเรียวิ่งเข้ามาหาชั้นพลางกระโดดมาซุกที่อกทั้งอย่างนั้น
「กลับมาแล้วเหรอ เซอิจิ!」
「เหวอ!?」
แม้จะตกใจกับการกระทำอันกระทันหันแต่ชั้นก็รับซาเรียไว้
「ซาเรีย?」
「.........ถึงจะเชื่อว่าไม่เป็นอยู่แล้วแต่...........แต่ก็ค่อยยังชั่วที่กลับมาโดยปลอดภัย」
ซาเรียเงยหน้ามองชั้นพลางยิ้มออกมา
พอเห็นรอยยิ้มนั้นชั้นกอดซาเรียไว้แน่น
「กลับมาแล้วล่ะซาเรีย」
「อื้ม! ยินดีต้อนรับกลับนะ!」
ชั้นกับซาเรียกอดกันแน่นที่ตรงนั้น
「แหมแหม เย็นนี้ต้องหุงข้างแดงแล้วสิ!」
「เซอิจิเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ」
-------------โดยที่ลืมพวกคุณพ่อไปสนิทเลย