ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 88 บุกรุก

ตอนที่ 88 บุกรุก


「ฟู่......」


หลังจากชั้นส่งเลออนที่ห้องพยาบาลเรียบร้อยก็เตรียมกลับไปยังสนามแข่งอีกครั้ง
ครูห้องพยาบาลก็ไม่อยู่ซะด้วยสิ.........แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเลย
หวังว่าคงมีอยู่นะ? ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นก็เถอะ
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน............มันเพราะอะไรกันเวทมนตร์ถึงได้เกรงชั้น
ต้องการอะไรจากชั้นกันแน่?
ก่อนอื่นเลยเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากอะไร?
ชั้นเลยตรวจดูสเตตัสของตัวเองดูสักรอบ
และแล้วตรงช่องค่าพลังหรือช่องสกิลไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ
แต่ตรงช่องฉายาดันเจอของแปลกๆอยู่นี่สิ


『ผู้ที่เวทมนตร์เชื่อฟัง』............ตรงตัวตามความหมาย


อย่ามาล้อเล่นนะเฟ้ย!
มันจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว!แถมคำอธิบายนี่ขอไปทีมาก!ถึงจะเข้าใจก็เถอะ
ฉายานี่เป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นสินะ!


「เฮ้อ.........ช่างเถอะ รีบกลับไปดีกว่า」


ชั้นเก็บความรู้สึกที่ไม่มีที่ระบายไว้พลางเดินไปที่สนามแข่งอย่างไร้เรี่ยวแรง
.......อ้ะ จะว่าไปสภาพแบบนี้ก็ยิ่งทำให้สกิล『อารมส์』เพิ่มสเตตัสขึ้นไปเรื่อยๆน่ะสิ
...............อะฮะฮะฮะ


「ไม่เอาแล้ว!」


◆◇◆


ระหว่างที่เซอิจิพาเลออนไปห้องพยาบาล ในที่สุดทุกคนรวมถึงผู้ชมก็ได้สติกลับมากัน


「อ อะไรกันน่ะ? เมื่อกี้..........」
「ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะแต่เห็นครูห้องSโดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวเลย.........」
「คนๆนั้นเป็นใครกันแน่.........?」
「เดิมทีทำไมถึงไปประจำชั้นห้องFแบบนั้นได้ล่ะ.....?」


ไม่ว่าใครก็สงสัยในตัวตนของเซอิจิ
ระหว่างนั้นลิลลี่ที่เป็นพิธีกรเมื่อได้สติกลับมาก็ดำเนินการต่อ


『อ้ะ!?  สถานการณ์มันเหลือเชื่อมากจนสติของฉันปลิวไปเลยล่ะค่ะ!』
『เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจแบบสุดๆไปเลยนะคร้าบ』
『น นั่นสินะคะ............เอาเถอะค่ะถึงมีอะไรหลายๆอย่างแต่เท่านี้
ผลแพ้ชนะก็ตัดสินแล้ว!ฝ่ายชายห้องSปะทะห้องF ผู้ชนะคือห้องFค่า!』


แม้ลิลลี่จะประกาศผลแต่เสียงปรบมือจากผู้ชมกลับมีแค่เปาะแปะ
สำหรับเหตุผลนั้นมาจากการที่พวกคนที่เคยดูแคลนมาจนถึงตอนนี้
กลับเอาชนะห้องที่เก่งที่สุดในโรงเรียนได้ ทำให้ทำใจยอมรับได้ยาก
ลิลลี่ที่อ่านบรรยากาศในสนามแข่งได้อย่างรวดเร็วก็อยากจะถอนตัว
จากการดำเนินการแข่งฝ่ายหญิงห้องSและห้องFที่เป็นลำดับถัดไป
แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ ลิลลี่เลยต้องดำเนินการต่อ


『เอาล่ะค่ะ..........ต่อไปเป็นการแข่งระหว่างฝ่ายหญิงห้องSกับฝ่ายหญิงห้องF!
จะแสดงการแข่งแบบไหนมาให้ดูกันคะเนี่ย!?』
『บางทีห้องFก็ชนะขาดอีกมั้งคร้าบ』
『ช่วยอ่านบรรยากาศสักหน่อยก็ดีนะคะ!』


ขณะที่พิธีกรทั้งสองคนกำลังรับส่งมุขกันเหมือนคู่นักแสดงตลก
ทันใดนั้นที่ใจกลางสนามแข่งก็ปรากฏวังวนสีดำ
ขณะที่ทุกคนมองวังวนนั้นอย่างสงสัย มีเพียงบานาบัสเท่านั้นที่รู้สึกได้
ถึงสิ่งชั่วร้ายจากใจกลางวังวน จึงรีบพุ่งออกจากอัฒจรรย์ไปยังใจกลางสนามแข่งทันที
แต่ทว่า-----------


「อึก!? น นี่มัน..........」


ที่่ร่างกายของบานาบัส มีห่วงแสงมาพันรอบตัวไม่รู้กี่ชั้นกักตัวไว้
ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้จนกลิ้งไปกับสนามแข่ง
บานาบัสที่เป็นถึงผู้อำนวยการจู่ๆก็เคลื่อนไหวและถูกผนึกการเคลื่อนไหว
ทำให้ผู้คนในสนามแข่งต่างพากันตกตะลึง
ทันใดนั้นที่ใจกลางวังวนก็มีชายในเสื้อกาวน์กับสตรีในชุดโกธิกสีดำปรากฏตัวออกมา
ชายนั้นแม้จะใส่แว่นตาใบหน้าได้รูปรอยยิ้มนุ่มนวลแต่บรรยากาศกลับชวนขวัญผวา
สตรีเองแม้จะก็ใส่หน้ากากขาวปิดบังใบหน้าซีกซ้ายก็ไม่กระทบกับความสวยนั้น
ซ้ำยังมีรอยยิ้มดูเป็นผู้ดีแต่กลับมีบรรยากาศชวนขวัญผวาเช่นเดียวกับฝ่ายชาย
ชายในเสื้อกาวน์ก้าวออกมาหนึ่งก้าวและเปิดปากพูดกับผู้ชมที่ตกตะลึง


「ทุกคน ผมคือเดมิโอรอสแห่งลัทธิเทพปีศาจ ขอโทษที่กะทันหันไปหน่อย
แต่พวกคุณช่วยตายทีนะ」


ทุกคนไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายในเสื้อกาวน์----------เดมิโอรอสพูดออกมา
พอเห็นสภาพแบบนั้น เดมิโอรอสก็ยิ้มขึ้นไปอีก


「อื้ม...........ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจกันสินะ งั้นแบบนี้เป็นไง?」


พอเดมิโอรสดีดนิ้ว ห่วงแสงที่รัดบานาบัสก็บีบรัดบานาบัสอย่างรุนแรง


「อ๊าาาาาาาาาาาาาา!」


เมื่อได้ยินกรีดร้องอันเจ็บปวดนั้น
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจในสถานการณ์----------จนตกอยู่ในภาวะโกลาหล


「ผ ผู้อำนวยการ!?」
「ม มันอะไรกันน่ะ!?」
「ให้ช่วยตาย........ล ล้อเล่นใช่มั้ย!?」
「ลัทธิเทพปีศาจนี่มันอะไรกันฟะ.......!」


เมื่อมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามที่นั่งคนดู เดมิโอรอสกับสตรีก็ยิ้มขึ้นไปอีก


「เสียงกรีดร้องเองก็ถือเป็นเครื่องสังเวยแด่ท่านเทพปีศาจ.............ดีจังเลย」
「แอนเครีย ยังหรอก ความกลัวที่แท้จริงมันจากนี้ต่างหาก」


เดมิโอรอสพูดกับสตรี-------แอนเครียแล้วก็เข้าไปใกล้บานาบัสที่ทรมานอยู่พลางเตะใส่


「!?」
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!ดูไม่ได้เลยนะ? 『เซียนเวท』
สุดท้ายแค่โดนปิดผนึกพลังเวทเข้าไปก็ไร้พิษสง」
「เวทธาตุแสงขั้นสูงสุด『แสงผนึกเวท』งั้นเหรอ.........!」
「มีแค่ความรู้ที่น่าชมเชยอย่างที่กะไว้เลย?  แต่ถึงจะรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี」


อาศัยจังหวะที่เดมิโอรอสกับบานาบัสคุยกัน นักเรียนหลายคนเริ่มพากันหลบหนี
พอเห็นแบบนั้น เดมิโอรสก็ยิ้มเหี้ยมพลางประกาศออกมา


「โอ๊ะ อย่าคิดว่าจะหนีจากที่นี่ได้จะดีกว่า ที่ทางเข้าออกน่ะมีเวทมนตร์ทำงานรอไว้แล้ว
ความช่วยเหลือจากภายนอกเองก็อย่าหวังเลย ก็ในเมื่อ-----------จะให้ตายกันนี่นา」


คำพูดของเดมิโอรอสทำให้ทั่วทั้งสนามแข่งปกคลุมด้วยความเงียบ


「ยังไงก็ตามแต่เรียกว่าเตรียมการมาพร้อมสรรพเชียวนะ ด้วยเหตุนี้เวทที่จัดเตรียมไว้
ขอเพียงอยู่ในสภาวะที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกเวทวาร์ปมายังที่เวทีของสนามแข่งแห่งนี้
ตามที่ว่ามาแค่นี้ก็ได้ตัวประกันมาง่ายๆแล้ว」


พูดไปพลางเดมิโอรอสก็จับคอครูคลิฟที่สภาพปางตาย
เดมิโอรอสที่พึ่งรู้สึกตัวว่าครูคลิฟใกล้ตายอยู่แล้วเลยจัดแว่นไปพลางเหงื่อไหล


「............ท ทำไมถึงชิงใกล้ตายไปก่อนล่ะเนี่ย」


คนที่กะจะได้ใช้เป็นตัวประกันดันมีสภาพใกล้ตายซะงั้น
เป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิดของเดมิโอรอส
แม้จะยังเก็บสีหน้าไม่ให้คนรอบข้างรู้แต่ในใจกระวนกระวายอยู่


「อ เอาเถอะ เพราะถึงยังไงโชคชะตาของพวกคุณก็อยูในมือผมแล้ว
เพราะมี『เซียนเวท』ที่เป็นความหวังสุดท้ายของทุกคนเป็นตัวประกันอีกคนไงล่ะ」


เมื่อแก้สถานการณ์ได้แล้วเดมิโอรอสก็กวาดสายตาไปรอบๆ


「ทว่าพวกเราไม่ใช่ว่าจะมาฆ่าเฉยๆหรอกนะ ที่มานี่เพื่อจะให้มาเล่นเกมอย่างหนึ่งกัน」
「เกม..........งั้นเหรอ.......?」


บานาบัสอดทนกับความเจ็บปวดพลางพึมพำ


「ใช่ เกม จากนี้ไปจะให้พวกคุณทุกคนมาสู้กับผมทีละคน ง่ายใช่มั้ยล่ะ?
ถ้าชนะทุกคนก็ได้เป็นอิสระ ก็นะ ส่วนแพ้............ก็แค่ตายเท่านั้นเอง」


ไม่ว่าใครต่างก็พูดไม่ออก


「แน่นอน จะแหกกฏเข้ามารุมกันผมก็ไม่ว่าอะไร
ถ้ามั่นใจว่าหลบเวทที่โปรยไว้ทั่วบริเวณโดยรอบนี้ได้..........ก็ลองดูนะ」


ขนาดบานาบัสยังไม่รู้สึกถึงเวทที่เดมิโอรอสเตรียมไว้จนโดนจับ
ก็ไม่มีใครมีความสามารถพอจะทำได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว


「อื้ม เป็นผู้ฟังที่ดีแบบนี้น่าประทับใจจริงๆ
ก็นะเอาเป็นว่าถ้าพวกคุณจัดการผมไม่ได้ก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้」
「เดี๋ยวสิเดมิโอรอส? เรื่องนี้ฉันไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลยนะ
แล้วอีกอย่างจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?」
「หืม? อ้ะ แอนเครีย เธอมีบทบาทสำคัญอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วงหรอก」
「บทบาทสำคัญ?」


ทันทีที่แอนเครียถามด้วยความสงสัย
ที่ใต้เท้าของแอนเครียก็มีเวทเดียวกับที่ใช้คุมตัวบานาบัสปรากฏออกมา
มัดแอนเครียไว้ในชั่วพริบตา


「อึก!? ค คิดจะทำอะไรน่ะ!?」
「ไม่รู้เหรอ? คนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในจุดปลอดภัยกลับถูกผลักตกเหว...........
คิดว่าจะเกิดความสิ้นหวังสักเท่าไรกันล่ะ?」
「นาย........หรือว่า..........!」
「การที่ผมขี้ขลาดไม่กล้ายื่นมือมายุ่งกับโรงเรียนนี้จริงอยู่ที่เป็นความผิดของผมเอง
เพราะงั้นเลยยอมออกแรงร่วมมือเพื่อรวบรวมความสิ้นหวังโดยไม่สนความยุ่งยาก..........
เรื่องที่เธอถูกเรียกว่า『เจ้าหญิงล้างสังหาร』แต่ความจริงผมรู้นะ?
เอาแต่พูดจาหว่านล้อมสาวกคนอื่นให้ฆ่าคนโดยไม่ให้มือตัวเองแปดเปื้อน
เธอน่ะขี้ขลาดกว่าผมซะอีก แต่นั่นก็เพราะหวังให้ท่านเทพปีศาจหวนกลับมา
ไปพร้อมกับที่ไม่อยากให้ตัวเองต้องตกต่ำแหละนะ
เพราะงั้น หลังจากที่ใช้ให้โปรยเวทในที่แห่งนี้ก็หมดธุระกับเธอแล้วล่ะ」
「...........แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง........ห หากฆ่าฉันล่ะก็เวทมันจะหายไปนะ?
จะดีเหรอ?」
「คุคุคุ.........จริงอยู่ที่ผมทำเป็นว่าเป็นคนใช้เวทมนตร์เองแต่โชคร้ายที่ผมไม่ถนัดใช้เวท
เวทเปิดฉากที่สำคัญที่สุดอย่าง『แสงผนึกเวท』นี่ก็สุดความสามารถของผมแล้ว
พวกเวทโจมตีอะไรนี่ไม่ถนัดเอาซะเลย..........แต่ถ้ารู้ว่านี่มันใช้ยังไงที่เหลือมันก็ง่ายๆ」
「อ้ะ!?」


เดมิโอรอสหยิบห่วงสีดำอันหนึ่งออกมาให้แอนเครียดู


「『ปลอกคอสวามิภักดิ์』ไงล่ะ ถ้าใส่เจ้านี่เข้าไปจะเป็นยังไง..........คงรู้นะ?」
「ห หยุดนะ............!」


แม้แอนเครียจะพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่หลังจากเดมิโอรอส
มองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามแล้วก็สวมที่คอแอนเครียอย่างไม่ลังเล
จากนั้นก็ปลดแสงที่มัดแอนเครียไว้


「เอาล่ะเท่านี้เธอก็เป็นทาสของผมแล้ว ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้อีก」
「นาย...........!」


ทันทีที่แอนเครียพุ่งเข้าไปหาเดมิโอรสอย่างเดือดดาล
ด้วยประสิทธิภาพของ『ปลอกคอสวามิภักดิ์』เมื่อตัดสินว่าเป็นการโจมตี
ใส่เดมิโอรสที่เป็นเจ้าของจึงสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้ร่างกายของแอนเครีย


「อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」
「เธอไม่ใช่สิทธิอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่ยอมดีๆเดี๋ยวก็ฆ่าซะหรอก」


หลังจากทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนหมอบไปที่ตรงนั้นก็จ้องเดมิโอรอสอย่างรุนแรง


「.....แฮ่ก.........แฮ่ก.......ท ทั้งที่เป็นสาวกเหมือนกัน.........แต่กลับทำกับฉัน..........แบบนี้
.........ท่านเทพปีศาจไม่มีทางอยู่เฉยแน่!」
「ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดอะไรสักอย่างนะ ก็เธอน่ะ..........ไม่ใช่สาวกสักหน่อย」
「.................เอ๋?」


แอนเครียไม่เข้าใจกับสิ่งที่เดมิโอรสพูดมา


「สาวกน่ะคือผู้ที่ได้รับประทานพลังส่วนหนึ่งจากท่านเทพปีศาจและใช้ต่างหาก
ส่วนหลักฐานของสิ่งนั้นคือจะมีตราปรากฏออกมา แบบนี้ไง」


พอเดมิโอรอสเปิดอกให้ดูที่ตรงนั้นมีภาพมารร้ายอยู่ภายในของรูปโล่ที่น่าสะพรึงกลัว


「----------」
「เอ้าแล้วตราของเธออยู่ที่ไหนล่ะ?」


แอนเครียไม่รู้เรื่องของตราเลย


「จากสายตาของสาวกคนอื่นคงจะตลกกันเป็นบ้าเลย แม้เธอจะไม่ใช่สาวก
แต่พลังเวทและมันสมองมีค่าให้ใช้งานเพราะงั้นเลยยอมเชื่อฟังคำพูดของเธอ
รวบรวมเจตนาร้ายและความสิ้นหวังต่อไป แต่ว่ากลับกันเธอที่ไม่ได้แม้แต่จะมีตรา
กลับอวดไปทั่วว่าเป็นสาวก..........คุคุคุ........ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!」


เดมิโอรอสหัวเราะเสียงดัง
ส่วนแอนเครียนั้น..........


「ใช่!อย่างนั้นแหละ!สีหน้านั่น ความรู้สึกนั่นแหละที่ต้องการ!」


พอจับผมของแอนครียดึงเข้ามาหาก็ยื่นมือไปยังหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าซีกซ้าย


「!อ อย่า------」
「เจ้านี่ก็ไม่จำเป็นแล้ว」


พอเอาหน้ากากออก ที่ตรงนั้น----------ก็เผยให้เห็นผิวที่ไหม้อย่างน่าเกลียดเกินจะทนไหว


「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!น่าเกลียด!น่าเกลียดจังเลยนะแอนเครีย!
น่าเกลียดแบบสุดๆไปเลย!」
「อึก.......」
「ผมรู้ว่าทำไมเธอถึงมาเข้าลัทธิเทพปีศาจ เธอในอดีดเคยเป็นขุนนาง
ปกครองดินแดนหนึ่งและมีคู่หมั้น คู่หมั้นที่ว่าก็คบหากันอย่างถูกต้องบริสุทธิ์
ทั้งครอบครัวและประชาชนต่างรักใคร่ ชีวิตของเธอช่างสดใส
-------------จนเมื่อดินแดนถูกเผาหายไป」
「!」
「ดินแดนถูกเผา ประชาชนแตกตื่นวิ่งหนี!ส่วนเธอที่หนีจากเปลวเพลิงนั้นด้วย
ก็ได้รับแผลเป็นใหญ่ที่ใบหน้า อา หน้าของหญิงสาวก่อนแต่งงานกลับต้องมาเสียโฉม
ความตกต่ำของเธอนี่มันช่างน่าสนุกจริงๆ ครอบครัวต่างหลบเลี่ยง
คู่หมั้นที่เคยเชื่อใจก็ถอนหมั้น............เพลิงนั้นทำให้เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป
แหมแหม..........ช่างเป็นเรื่องที่น่าเวทนาซะจริงน้า」
「.............ทำไม...........ถึงรู้ขนาดนั้น.............」
「ยังไม่รู้อีกเหรอ? ก็คนร้ายที่วางเพลิงนั่น.........คือผมเองไงล่ะ
สนุกจัง..........อา สนุกเป็นบ้าเลย!ความเพลิดเพลินจากการผลักคนที่มีความสุข
ไปสู่ก้นเหว!สีหน้าที่บิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดและสิ้นหวัง!
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!ที่อุทิศตนน่ะไม่ใช่เพียงเพื่อการหวนกลับมาของท่านเทพปีศาจ
มันก็เพื่อเสถียรทางจิตใจของผมด้วย!」
「พ พอ........พอได้แล้ว..........」
「เจ็บใจ? เสียใจ? หรือว่าโกรธ? แต่ไม่ว่าอันไหนก็เป็นความรู้สึกด้านลบอันรุนแรง
เป็นของถวายให้แก่ท่านเทพปีศาจ..........เอ้า เรียกความรู้สึกด้านลบออกมาอีกสิ!」


พูดแบบบ้าคลั่งอย่างนั้นแล้วเดมิโอรอสก็ทุบแอนเครียไปกับพื้นจากนั้นก็เหยียบซ้ำ


「หน้าอัปลักษณ์แบบนั้นก็เหมาะกับพื้นดีนี่นา?
ไหนๆแล้วลองเอาหน้าถูไปกับพื้นดูหน่อยสิ」
「แก........!ไม่ใช่พรรคพวกกันเหรอ............!」


แม้บานาบัสที่เหงื่อซึมหน้าผากจะเดือดดาลแต่ที่มัดไว้ก็ไม่คลายลงเลยสักนิด
เดมิโอรอสหันไปทางบานาบัสด้วยใบหน้าที่อย่างกับไม่ใส่ใจอะไร


「แล้วไงเหรอ?」
「!?」


ดวงตาที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยจนน่าขนลุกทำให้บานาบัสหวาดกลัว
เรื่องนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆก็เช่นเดียวกัน
ด้วยผลกระทบจากเนื้อหาที่เดมิโอรอสพูดทำให้ไม่มีใครสามารถเคลื่อนไหวได้


「คนๆนั้น........มีอะไรบางอย่างน่ากลัว..............」
「ท่านซาเรียไม่ต้องห่วงค่ะ!ฉันจะปกป้องให้เอง!」


กับสิ่งที่ไม่เคยเห็นแบบนั้นพวกซาเรียเองก็เหมือนกันทั้งบรรยากาศและการกระทำ
ของเดมิโอรอสทำให้สัญชาติญาณระวันภัยของพวกซาเรียดังขึ้น
ทว่า----------


「แก...........ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วอยู่ๆก็โผล่มาพล่ามอะไรไม่รู้เรื่อง...........
เฮ้ย!อธิบายมาแบบที่หัวอย่างข้าก็เข้าใจได้หน่อยดิฟะ!」
「หือ?」
「อ อากุโนส!?」


จากที่นั่งสำหรับห้องFอากุโนสที่โกรธมากกว่ากลัวจนทนไม่ไหว
จึงเดินไปหาเดมิโอรอสอย่างว่องไว


「เอาแต่พล่ามคำพูดยากๆ..............ถ้ามีเรื่องที่อยากพูดล่ะก็พูดมาตรงๆเลยเซ่!」
「งั้นเหรอ งั้นก็ตายทีนะ」
「มันจะตรงไปหน่อยมั้ยฟะไอ้บ้านี่!」


ท่าทีของอากุโนสที่โมโหเดือดไปรอบกลับมาเป็นปกติทันที


「อากุโนสคุง!ไม่ได้นะ กลับมาเดี๋ยวนี้!」
「แหม เจ๊เบียทริส ก็เจ้านี่มันทำบ้าๆกับผมนี่นา!อย่างนี้ต้องขอสักหมัด!」
「ไม่ล่ะ ก็บ้าอยู่แล้วนี่นา」
「เฮ้ย!?」
「บูลุคคุง!?」


บูลุคเดินเข้าไปหาเดมิโอรอสเช่นเดียวกับอากุโนส


「พวกแกเป็นใครมาจากไหนก็ไม่สนตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะนะ
แต่ว่า..........แม้จุดประสงค์ร่วมกันจะเป็นเรื่องไม่ดี การทำให้พรรคพวกต้องเสียหาย
การกระทำที่เหยียมหยามแบบนั้นไม่ชอบใจเอาซะเลย」
「โฮ่? แล้วจะทำอะไรล่ะ?」
「มันแน่อยู่แล้ว? ก็อัดแกไงล่ะ...........!」


พูดแล้วอากุโนสก็เงื้อไม้เบสบอลตอกตะปูพลางพุ่งเข้าไปหา


「ถ้าเป็นการต่อสู้ระยะประชิดล่ะก็ทางนี้ถนัดเฟ้ย!」


ทันทีที่อากุโนสฟาดเดมิโอรอสด้วยไม้เบสบอลตอกตะปูแบบเต็มเหนี่ยวนั่นเอง-------


「คิดตื้นๆ」


ร่างของเดมิโอรอสหายไป


「เฮ้ย!?」
「โชคร้ายหน่อยนะ ผมถนัดการต่อสู้ระยะประชิดเหมือนกัน」
「อั่ก!?」
「อากุโนส!」


ลำตัวของอากุโนสโดนหมัดอันเฉียบคมกระทุ้งเข้าให้
อากุโนสปลิวกระเด็นไปไกลทั้งอย่างนั้น


「เจ็บชิบเป๋ง เฮ้ย!? เก่งไม่ใช่เล่นนี่หว่า!? ความเร็วพอๆกับลูกพี่เลย!?」
「.............」


อากุโนสเช็ดเลือดที่มุมปากพลางแสดงอาการตกใจ
พวกซาเรียเองก็ตกใจเช่นกันเพราะความเร็วของเดมิโอรอสนั้น
ขนาดพวกซาเรียยังมองไม่ทันเลย


「คงเข้าใจแล้วสินะ? นี่แหละคือสาวก.........พลังของท่านเทพปีศาจไงล่ะ
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ที่นายออกมาด้วยแบบนี้แปลว่าเตรียมใจแล้วสินะ?」
「!?」


บูลุคเชื่อในสัญชาตญาณตั้งดาบยาวมาขึ้นมาป้องกันตัว
แต่เดมิโอรอสก็ใช้หมัดพังดาบยาวนั้นซัดบูลุคจนปลิวไปไกลเช่นเดียวกับอากุโนส


「อ๊อก!?」
「แค่นี้เองเหรอ? ทั้งที่ผมออมมือแล้วแท้ๆ............น่าผิดหวังจัง.........เอาเถอะ
ให้พวกนายเป็นเหยื่อรายแรกทั้งอย่างนี้เลยแล้วกัน」


พูดแล้วเดมิโอรอสก็เข้าประชิดอากุโนสในชั่วพริบตา ใช้มือเดียวจับคอยกขึ้น


「ค่อก!? อึก!」
「จะให้ขาดอากาศทั้งอย่างนี้หรือหักคอเลยดี..........
เอ้านี่ให้เธอเลือกเลยนะว่าอยากตายแบบไหน?」
「แบบไหนก็ไม่ยอมให้ทำหรอกเฟ้ย.....!」
「หือ?」


ขณะที่เดมิโอรอสกำลังจะฆ่าอากุโนส อัลโทเรียก็พุ่งเข้าโจมตีใส่อย่างห้าวหาญ
ทำให้เดมิโอรอสต้องโยนอากุโนสทิ้งพลางทิ้งระยะห่าง


「โทษที........ร่างกายมันกลัวจนขยับไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ข้าเองก็จะสู้ด้วย」
『ชั้นเองก็จะช่วย』


ทันใดนั้นเบียสก็ออกมายืนเรียงอยู่ข้างอัลโทเรีย
จากนั้นก็หยิบของเหมือนอย่างสเก็ตบุ๊คออกมาแสดงคำพูดเหมือนอย่างเคย


『แล้วดูเหมือนเจ้านั่นจะเป็นศัตรูแห่งโชคชะตาของชั้น รวมถึงผู้หญิงตรงนั้นด้วย.......』
「ศัตรูแห่งโชคชะตา?」


อัลโทเรียถามกลับพลางเอียงคอแต่ก็ไม่มีคำพูดตอบจากสเก็ตบุ๊คของเบียส


「หืม.........เพิ่มขึ้นทีเดียว2คนเลยแฮะ แต่สำหรับผมต่อให้ที่เพิ่มมาเป็น
คนที่ท่าทางเป็นนักผจญภัยกับนักเรียนกี่คนผลก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดี」
「หนวกหูน่า!」


อัลโทเรียบังคับขวานอย่างเชี่ยวชาญโจมตีใส่เดมิโอรอส
พร้อมกันนั้นเบียสเองก็ต่อยใส่ด้วยหมัดสวมสนับมือ


「เซ็งชะมัด ทั้งที่ต่อให้เป็นเกมก็ไม่น่าจะอยากสู้กันแท้ๆ..............
อยากตายกันขนาดนั้นเชียวเหรอ?」
「จะเป็นอย่างนั้นไปได้ไงล่ะ..........โอร่า!」


อัลโทเรียสะบัดขวานอย่างรุนแรง
เดมิโอรอสหลบได้อย่างง่ายดายแต่กลับเล็งไปทางเบียสแทนไม่ใช่อัลโทเรีย


「เสร็จกัน........!」
『ชิ!』
「นักผจญภัยเอ๋ย ดูอยู่ตรงนั้นเถอะ ว่าด้วยระดับพลังอย่างเธอน่ะปกป้องใครไม่ได้」


พูดแล้วกำปั้นที่รุนแรงก็เสียบเข้าไปที่ท้องเบียสจนเบียสลอยสูงขึ้นฟ้าไปทั้งอย่างนั้น


「เบียส!」
「มีเวลาว่างมาห่วงคนอื่นด้วยเหรอ?」
「คุ!?」


ทันทีที่อัลโทเรียตั้งท่าป้องกันก็มีแรงกระแทกอย่างรุนแรงมาใส่ขวาน
แม้จะไม่พังเหมือนดาบยาวของบูลุคแต่แรงกระแทกก็ส่งไปถึงอัลโทเรีย
จนอัลโทเรียปลิวกระเด็นไปไกล
จากนั้นสุดท้ายเบียสที่ตกลงมาก็ร่างกายกระแทกใส่พื้นดินอย่างรุนแรงทั้งอย่างนั้น


「หืม.......ก่อนหน้านี้เห็นนายพูดว่ามีโชคชะตากับผมและแอนเครียสินะ
แต่ผมจำหน้าหมีแบบนั้นไม่ได้เลย..........ไม่สิ ข้างใต้นั่นเป็นยังไงนะ?」
『!?』


เดมิโอรอสเข้าไปใกล้เบียสที่ลมหายใจขาดห้วงอย่างช้าๆแล้วดึงหมวกหมีออก
และแล้ว---------


「!คุคุคุ.........ฮะฮะฮะ...........ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
นี่มันเจ๋งเป็นบ้า!สุดยอด สุดยอดเลย!」
『.........』
「แอนเครีย!ดีใจด้วยนะ!เหมือนเธอ.........ไม่สิ มีคนเคราะห์ร้ายยิ่งกว่าเธออีก!」


ใบหน้าภายใต้หมวกหมีของเบียสนั้น...........ทั่วใบหน้ามีรอยแผลไฟไหม้
แม้แต่เส้นผมก็ไม่มี ปรากฏเป็นใบหน้าสุดน่าเวทนาออกมา


「ไม่อยากเชื่อเลยในวันนี้วันเดียวจะได้เจอคนที่ชีวิตพังพินาศด้วยมือผมอีกคน!
สุดยอดเลย!น่าเกลียดเป็นบ้า!ทั้งที่โอกาสแก้แค้นมาถึงโดยบังเอิญ
แต่กลับจบลงโดยทำอะไรไม่ได้........น่าขำ!นี่แหละคือความแตกต่างของผู้ถูกเลือก
และไม่ถูกเลือก ใช่ น่าเศร้า กรีดร้องสิ ตะโกนเข้าไป!
ไม่สิ ลำคอเสียหายนี่นาจะตะโกนได้ไงล่ะเนอะ?  น่าเสียดาย
แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ นายจะได้ไม่ต้องครวญครางเสียงอันอ่อนแอออกมาน่ะ!」
『...........!』
「พอสักทีเถอะค่ะ!」
「หา?」


เบียทริสที่ทนไม่ไหววิ่งออกไปที่สนามแข่งพลางตะโกน


「ช่วยอย่า............ทำร้ายนักเรียนกับครูไปมากกว่านี้เลยค่ะ!」
「ไม่เอาหรอก?」
「!」
「เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า?  พวกคุณน่ะที่ไม่มีพลังไม่มีสิทธิออกความเห็นใดๆหรอกนะ
ว่าง่ายๆเข้าร่วมเกมของผมจากนั้นก็เศร้าโศกสิ้นหวังแล้วตายไปก็พอ
.........ใช่แล้ว พอดีเลย มามอบความตายอันน่าสิ้นหวังให้กับเธอดีกว่า
ก็ไม่ได้ยากอะไรแค่สับเธอเป็นชิ้นๆเริ่มจากนิ้ว หักข้อต่อทั่วตัวแค่นี้เอง
ง่ายใช่มั้ยล่ะ? ถึงเวทโจมตีผมจะไม่ถนัดแต่เวทรักษานี่เก่งนะ
ต่อให้ใกล้ตายสักกี่ครั้งก็จะรักษาให้เอง」
「!」


เบียทริสร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจากเจตนาร้ายที่ส่งมาของเดมิโอรอส


「จ เจ๊..........เบียทริส.......หนีไป.............!」
「คนแพ้น่ะอยู่เงียบไปเถอะ」
「อุ๊บ!?」


เดมิโอรอสเข้าใกล้อากุโนสในชั่วพริบตาพลางเตะเสยใส่ใบหน้า
จากนั้นก็หันสายตาไปทางเบียทริสอีกครั้งพลางค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหา


「อะ...........」


เบียทริสเข่าอ่อนทรุดลงไปที่ตรงนั้น


「เอ้า แสดงสีหน้าสิ้นหวังของเธอให้ดูหน่อยสิ」
「อ อย่า------------」


มือแห่งความสิ้นหวังค่อยๆเงื้อเข้ามาหาเบียทริส----------


「เอ๋ สภาพนี้มันอะไรกันเนี่ย!?」


เซอิจิที่กลับมาจากห้องพยาบาลยืนอึ้งด้วยความตกใจ
---------และตอนนั้นเอง เป้าแห่งความสิ้นหวังก็เปลี่ยนไป

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate