ตอนที่ 80 มิตรภาพ
สุดท้ายหลังจากนั้นพวกเราก็กลับห้องเรียนกัน
นั่นเพราะพวกอากุโนสเสนอมาว่าเรื่องที่ใช้เวทมนตร์ได้
อยากเก็บเป็นความลับกับพวกห้องSไว้ก่อน
สาเหตุก็เพราะถึงจะใช้ได้แต่ก็แค่พึ่งเริ่มหัดใช้ ยังไม่ได้ใช้เก่งอะไร
ทางชั้นเองแม้จนถึงเมื่อกี้จะไฟลุกว่าต้องทำให้หันกลับมามองให้ได้
แต่เวลาผ่านไปก็เริ่มดีขึ้น จนมาถึงห้องเรียนก็แทบจะไม่ได้สนใจเรื่องห้องSแล้ว
แน่นอน เรื่องที่ดูถูกคุณเบียทริสนั้นยกโทษให้ไม่ได้
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชั้นต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแต่เป็นพวกอากุโนสต่างหาก
คนที่พยายามควรเป็นพวกอากุโนสที่ใช้เวลาร่วมกันมายาวนาน
แทนที่จะเป็นชั้นที่พบกันได้ไม่นาน
ชั้นแค่ทำให้พวกอากุโนสใช้เวทได้และคอยช่วยให้สู้คนอื่นได้ก็พอ
ตัวหลักที่พยายามคือพวกอากุโนส ส่วนชั้นก็พยายามสนับสนุนทุกคนเต็มที่
แต่ก็นะ ตอนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นพวกผู้กล้าแป๊ปนึง
จะบอกว่าโชคดีก็ได้ที่คนสังเกตุเห็นมีแค่รุ่นพี่คันนะซึกิที่เจอกันแล้ว
พวกโชตะไม่ทันได้สังเกตุเห็นชั้น ก็แหงล่ะ อ้วนก็ไม่ ฮู้ดก็ใส่อยู่
จะรู้ได้มีแต่สุดโต่งอย่างรุ่นพี่คันนะซึกิเท่านั้นแหละ
ขณะที่คิดแบบนั้นอยู่ คุณเบียทริสก็กลับมาที่ห้องเรียน
เรื่องของเรื่องคือชั้นไปห้องพยาบาลแจ้งกับคุณเบียทริสว่าจะอยู่ที่ห้องเรียนเอง
ทว่าตอนที่ชั้นไปห้องพยาบาลเลออนก็ยังไม่ฟื้นเลย
「กลับมาแล้วค่ะ」
「อ้ะ คุณเบียทริส」
「เจ๊เบียทริส!เลออนเป็นอะไรมั้ยครับ?」
พออากุโนสถามแบบนั้น คุณเบียทริสก็มีสีหน้าเศร้าพลางส่ายหน้า
「ฟื้นแล้วล่ะแต่ตอนนี้เห็นว่าอยากอยู่คนเดียว.......... 」
「งั้นเหรอครับ........」
ยังไงก็ตามแต่ดูเหมือนว่าจะฟื้นแล้วหลังจากที่ชั้นกลับมา
เอาจริงๆ เลออนนี่จะเป็นอะไรมั้ยนะ? ถ้ามีสิ่งที่พวกเราทำได้ก็ดีหรอก.........
「......เอาเถอะ ถ้าบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็คงต้องปล่อยไว้ก่อน
แล้วก็เรื่องต่อจากนี้ที่คุยไว้...........คุณเบียทริส ว่าไงครับ?」
「ค่ะ ไม่เป็นไร เพื่อให้พวกนักเรียนLvอัพควบคู่ไปด้วย
ไปทำกิจกรรมข้างนอกกันเถอะค่ะ」
「งั้นเหรอครับ!ได้แบบนั้นก็ดีเลย!」
ความจริงตอนที่ไปแจ้งว่าจะกลับห้องเรียนกับคุณเบียทริส
ชั้นก็ถือโอกาสนั้นถามด้วยว่ามีที่ไหนฝึกได้นอกจากที่สนามฝึกซ้อมรึเปล่า
ก็ได้คำตอบเป็นเรื่องที่ออกไปนอกโรงเรียนสู้กับคู่ต่อสู้ที่เป็นมอนเตอร์
เลยฝากให้คุณเบียทริสขออนุญาตเรื่องออกไปข้างนอกให้
「งั้นจากนี้ก็รีบออกไปข้างนอกกันเถอะ」
「อ้ะ ลูกพี่ รอเดี๋ยวก่อนครับ!
ก่อนออกไปข้างนอกขอไปดูอาการเจ้าเลออนมันก่อนได้มั้ย?」
「เอ๋? เรื่องนั้น.........จะเป็นอะไรมั้ยครับ?」
ตะนี้คุณเบียทริสก็บอกแล้วว่าเลออนอยากอยู่คนเดียว............
ชั้นไม่รู้สภาพอย่างละเอียดเลยลองถามคุณเบียทริสดู
「จริงอยู่ที่บอกว่าอยากอยู่คนเดียวแต่จากตอนนั้นก็ผ่านมาได้สักพักแล้ว
แม้จะนิดหน่อยแต่คิดว่าน่าจะดีขึ้นแล้วค่ะ
เหนือสิ่งอื่นใดให้ทุกคนไปกันน่าจะมีประโยชน์มากกว่าพวกเรา」
「ก็อย่างที่ว่ามา งั้นไปเยี่ยมห้องพยาบาลก่อนออกไปข้างนอกกัน」
「รับทราบ!」
และแล้วพวกเราก็แวะไปเยี่ยมห้องพยาบาลก่อนออกไปข้างนอก
◆◇◆
ผม--------เลออน ฮาดี้กำลังกลัว
ที่เป็นแบบนี้เพราะผมมีความลับที่ปิดบังห้องFทุกคนไว้อยู่
นั่นคือผมสามารถใช้เวทมนตร์ได้
เดิมที ห้องFเป็นห้องรวมคนที่จัดเป็นของเหลือจากสังคมเข้าไว้ด้วยกัน
ของเหลือในที่นี้คือการที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้
เวทมนตร์คือพลังอันยิ่งใหญ่
แม้คนที่ใช้ดาบหรือหอกไม่เป็นก็สามารถใช้พลังอันมหาศาลนั้นจัดการคนหมู่มากได้
แน่นอน ถึงแม้จะมีคนใช้ดาบหรือหอกเก่งชนิดหนึ่งสู้พันได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์เลย
แต่คนเหล่านั้นก็มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้บรรดาประเทศต่างๆจึงปฏิบัติกับคนที่สามารถใช้เวทมนตร์
จัดการศัตรูทั่วไปได้โดยง่ายราวกับเป็นสมบัติ
ซึ่งนั่นอาจมาจากการที่โลกนี้ยังมีการต่อสู้อยู่มากเลยมีค่านิยมแบบนี้
และในค่านิยมที่ว่านี้ผมซึ่งเกิดมาในฐานะลูกชายคนรองของบ้านฮาดี้
สมัยก่อนสามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึง5ธาตุ
พ่อแม่ที่รู้ว่าการควบคุมได้ถึง5ธาตุนั้นในโลกนี้จัดว่าหาได้ยากจึงดีใจกันมาก
ผมเองก็ดีใจที่พ่อแม่มีความสุขจึงพยายามศึกษาเวทมนตร์มากมาย
ทว่าผมที่อายุยังน้อยนั้นไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายจากการกระทำที่ว่านั้นเลย
นั่นคือตัวตนของพี่ชายฝาแฝดของผม
พี่เองก็สามารถใช้เวทได้2ธาตุแต่ด้วยการที่มีตัวตนอย่างผมอยู่
พี่จึงมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบเป็นประจำ
พี่ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านคนต่อไปของบ้านฮาดี้ในอนาคต
จึงถูกเคี่ยวเข็ญทั้งด้านการเรียนและวิชาการต่อสู้
แต่ด้วยการมีตัวตนอย่างผมอยู่
ในบ้านฮาดี้จึงมีการออกความเห็นกันว่าน่าจะให้ผมเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปแทน
ตั้งแต่นั้นวันเวลาแห่งนรกของผมก็เริ่มต้นขึ้น
ให้ใส่ไอเท็มพิเศษที่ปิดผนึกเวทมนตร์และทุกวันก็จะกลั่นแกล้งในนามของการฝึก
ผมที่ไม่เก่งทั้งดาบและหอกจึงทำได้แค่ถูกตีเท่านั้น
สิ่งอ้างแทนการฝึกเวทมนตร์คือการถูกมัดให้กลายเป็นเป้าซ้อมเวทมนตร์
ทุกวันทั้งกระดูกหัก อวัยวะภายในเสียหายจนกระอักเลือดออกมา
พอผมทำท่าจะตาย คนรับใช้หรือพวกลูกขุนนางที่มีสัมพันธ์กับพี่
ก็จะรักษาบาดแผลให้แล้วค่อยทำร้ายต่อซ้ำไปซ้ำมา
แม้จะเอ่ยปากขอโทษเท่าไรพี่ก็ไม่เคยฟัง
หนำซ้ำยังยิ้มอย่างสนุกสนานออกมา มีความสุขที่ได้ทำลายผม
เพราะใช้เวทจึงได้เห็นนรกแบบนี้
สูญเสียความหวังในเวทมนตร์ได้แต่เจ็บแค้นร่างกายตัวเอง
ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ดีกว่าคนอื่น
และในที่สุด--------ผมก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีก
เนื้อแท้ของเวทมนตร์นั้นคือพลังจินตนาการ
เวทมนตร์จะเปลี่ยนจินตนาการเป็นรูปร่างให้ปรากฏออกมาเป็นความจริง
จึงมีตัวช่วยอย่างบทร่ายหรือไอเท็มออกมา
ทว่าผมในสมัยก่อนเพียงแค่เอ่ยชื่อเวทก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้แล้ว
เพราะเวทมนตร์เป็นอย่างที่ว่ามาผมจึงกลัวการใช้มันออกไป
หากใช้เวท วันวานแห่งนรกจะหวนกลับมา..............
การคิดแบบนั้นจึงทำให้ไม่สามารถจินตนาการเวทมนตร์ได้
เวทมนตร์นั้นน่ากลัว
ผมที่ถูกสลักความรู้สึกนั้นลงไปจึงทำให้ไม่สามารถใช้เวทได้อีกเป็นครั้งที่สอง
「เพราะมีผมอยู่ พี่เลย...........เพราะคนอย่างผมมีชีวิตอยู่..........」
พอจมอยู่กับความคิดอันมืดมิด อยากจะหายไปมันทั้งแบบนี้เลย
----------ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่นั่นเอง
「โอ้โอ้โอ้โอ้!หายดียัง!? เลออน!」
「แกน่ะบ้าป่าว? ที่นี่มันห้องพยาบาลนะ หัดเงียบหน่อย」
『เป็นยังไงบ้าง?』
「เป็นยังไงบ้างค้า~?」
「ยังไงก็ตามแต่ตื่นขึ้นมาได้ก็ดีแล้วล่ะ」
「จู่ๆก็สลบไป ทุกคนเป็นห่วงกันมากเลยนะรู้มั้ย!」
「..........ก็นะ เท่าที่ดูคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง」
พอประตูห้องพยาบาลเปิดออกอย่างกะทันหัน
พวกอากุโนส..........ห้องFทุกคนตรงเข้ามาหาผม
「ท ทำไมถึง..........」
「จะทำไมล่ะ.........ก็เป็นห่วงกันน่ะสิถึงได้มาหา」
เพื่อคนอย่างผมถึงกับอุตส่าห์มาเยี่ยมกัน
「อ อะไรกัน.........คนอย่างผมไม่ต้องมาใส่ใจหรอกครับ」
「ไอ้บ้า!อย่าพูดว่า『คนอย่างผม』สิฟะ!แกไม่ได้ตัวคนเดียวนะเฟ้ย?」
「...........」
「..........จะไม่ถามหรอกนะว่าเจออะไรมา ว่าแต่?
นี่พวกเรากำลังจะออกนอกโรงเรียนไปฝึกกับพวกครูเซอิจิ..........เลออนจะไปด้วยมั้ย?」
「น นอกโรงเรียน?」
ทั้งที่ตะกี้ยังฝึกกันที่สนามฝึกอยู่เลย
พอเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไม บูลุคคุงก็บอกให้
「คิดว่าเลออนคงเห็น ว่าพวกเราใช้เวททุกคนใช้เวทกันได้
แล่วตอนนั้นพวกห้องSก็มากัน...........พวกเราอยากเก็บเป็นความลับไว้ก่อน
เลยอยากไปฝึกข้างนอกพร้อมกับให้พวกครูเซอิจิกำกับดูแลไปด้วย」
「ไอ้พวกน่ารังเกียจนั่นบังอาจมาดูถูกเจ๊เบียทริสเชียวนะเฟ้ย!?
เพราะงั้นงานประลองยุทธภายในโรงเรียนครั้งนี้จะแสดงพลังของพวกเราให้ดู」
ดูเหมือนว่าช่วงที่ผมหมดสติจะมีอะไรเกิดขึ้น
「คงรู้อยู่แล้วนะว่างานประลองยุทธภายในโรงเรียนจะจัดเป็นทีม5คนแยกชายหญิง
สู้กันทีละคน ฝ่ายที่ชนะ3ครั้งก่อนเป็นฝ่ายชนะ ห้องเราเพราะได้พวกซาเรีย
เข้ามาด้วยฝั่งหญิงเลยมีสมาชิกพอแต่ฝั่งชายยังขาดไปหนึ่งคน
แน่นอนถึง4คนจะยังเข้าร่วมแข่งได้แต่มันก็มีความเสี่ยงสูง
ถึงแม้จะบอกว่าแค่ชนะ3ครั้งซะก็พอ..........แต่อีกฝ่ายเป็นถึงห้องS จะดูถูกไม่ได้」
「เพราะงี้แหละ เลออนช่วยร่วมแข่งทีเถอะ ขอร้องล่ะ!
ให้พวกเรายืมพลังที!」
「อ อะไรกัน!ถ ถึงกับก้มหัวให้คนอย่างผม!」
ไม่ใช่แค่อากุโนสเท่านั้น บูลุคคุงกับเบียสคุงเองก็ก้มหัวให้ผมด้วย
「พวกเราน่ะอยากให้เจ้าพวกนั้นหันกลับมามองใหม่
อยากให้รู้ว่าครูประจำชั้นของพวกเราสุดยอดแค่ไหน เพราะงั้น.........ขอร้องล่ะ! 」
「..........」
แม้อากุโนสจะขอร้องอย่างสุดความสามารถแต่ผม-------------
「ผ ผมน่ะ..........ไม่ไหวหรอกครับ!ผมต่อสู้ไม่ไหวหรอก.........!」
ผมปฏิเสธคำขอร้องนั้น
พอได้ฟังคำตอบของผม อากุโนสคุงก็----------
「--------งั้นเหรอ เอาเถอะ ช่วยไม่ได้!
แค่พวกเราชนะกันให้หมดก็พอ!ไม่ต้องคิดมากหรอก!」
อากุโนสคุงยิ้มแย้มแบบไม่คิดมากมาให้กับผม
ทั้งที่ผมปฏิเสธการสู้เพื่อห้อง------------
「ทำไมล่ะ...........ทำไมทั้งที่คนอย่างผม........」
「ก็--บอก--ว่า!เลิกทำตัวต่ำต้อยสักที!」
「บุ!?」
จู่ๆ อากุโนสก็เอามือสองข้างมาบี้แก้มผมบังคับให้สบสายตากัน
「มองไปข้างหน้า!แล้วยิ้มซะ!คิดว่าพวกเราจะแพ้เหรอ!?」
「ม ไม่ใช่.........」
「งั้นก็อย่าทำหน้าตายซากแบบนั้น!ฟังนะ? จงมองแค่พวกเราเท่านั้น!」
「!」
「ไม่ต้องไปใส่ใจคนอื่นเขา!
ถ้าใส่ใจนักล่ะก็มาจับจ้องความเท่ห์ของพวกเราแทนซะ!」
อากุโนสคุงพูดกับผมอย่างนั้น
จากนั้น บูลุคพูดด้วยท่าทางเหลือรับ
「เฮอะ ก็นะ ดูอากุโนสน่าจะทำให้หัวเราะออกมาได้ ก็ติงต๊องซะขนาดนี้」
「หมายความว่าไงฟะ!?」
『เลออนทำใจให้สบายแล้วดูการต่อสู้ของพวกเราเถอะ』
เบียสคุงเองก็บอกอย่างนั้นกับผม
คนอย่างผมก็ยังมีคงเป็นห่วง
หลังจากที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ขนาดพ่อแม่ยังไม่สนใจผมเลย
เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจผมที่เป็นแบบนี้ก็ได้
แต่พวกอากุโนสคุงยอมรับในสภาพของผม
ดังนั้นเลยบอกว่าให้คอยดู
แต่ถึงอย่างนั้น ผมในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้
แม้ผมจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีคนคอยห่วงใย...........
ผมที่สัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นเลยอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้
「ดีจังน้า~」
「ผู้ชายนี่เร่าร้อนกันแปลกๆเนอะ」
「ดีจัง เราเองก็อยากมีมิตรภาพแบบนี้ด้วยอ่ะ」
「นี่สินะคือความงดงามของมิตรภาพลูกผู้ชาย
อาจจะเข้าใจยากเกินสำหรับผู้หญิงอย่างพวกเรามั้ง?
แต่ฉันน่ะBeautifulยิ่งกว่ามิตรภาพนั้นอีก............!」
แต่ว่าพอได้ฟังความเห็นที่พวกผู้หญิงได้ฟังผู้ชายอย่างพวกเราคุยกันจากด้านหลัง
ผมกลับเผลอหัวเราะออกมาแทน