ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 77 คันนะซึกิ คาเรน กับ ฮิรากิ เซอิจิ

Cover.jpg

01.jpg
11.jpg





ตอนที่ 77 คันนะซึกิ คาเรน กับ ฮิรากิ เซอิจิ


ฉัน--------คันนะซึกิ คาเรน มีความรักอยู่
ในสมัยเด็กฉันที่มีนิสัยเข้มแข็งมักจะคอยช่วยเด็กผู้หญิงคนอื่นที่ถูกรังแก
ต่างกับปัจจุบันคือมีผมสั้นและแต่งตัวเหมือนผู้ชาย
ทำให้เป็นถูกรังแกจากเด็กผู้ชายวัยเดียวกันบ่อยๆ
บ้านของฉัน-----【คันนะซึกิกรุ๊ป】แม้จะมีชื่อเสียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กที่ไม่รู้เรื่องทางสังคม
มันก็ไม่มีความหมายอะไร ก็นะ ต่อให้มีความหมายก็ไม่คิดจะใช้อยู่ดี
ในช่วงเวลานั้นตอนที่กำลังช่วยเด็กผู้หญิงที่โดนรังแกเหมือนอย่างเคยจนเป้าหันมาที่ฉันนั่นเอง
---------เขาก็ปรากฏตัวออกมา


「รังแกเด็กผู้หญิงไม่ได้นะ!」


เจ้าของเสียงนั้นคืออีกฝ่ายที่ฉันหลงรัก---------ฮิรากิ เซอิจิ
เซอิจิคุงในสมัยเด็กเองก็มีภาพลักษณ์ชวนให้รังแกเหมือนสมัยมัธยมปลาย
แต่ถึงกระนั้นสมัยที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยท้อแท้จากการถูกรังแก
ในเวลานั้นฉันกับเซอิจิไม่ใช่แค่ไม่รู้จักชื่อกันเท่านั้น
ต่อให้ฉันบังเอิญเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เซอิจิคุงถูกรังแก
ฉันที่เป็นมิตรแต่กับเด็กผู้หญิงก็จะทำเป็นมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
แล้วก็อย่างที่รู้กัน เป้าการรังแกจึงหันไปที่เซอิจิคุงแทน


「อย่ามาพูดอะไรน่าขยะแขยงดีกว่า ไอ้บ้า」
「หา!? คนที่ว่าคนอื่นบ้าต่างหากล่ะที่บ้า!」
「หนวกหูน่า หน้าตาน่าเกลียดยังจะปากดีอีก」
「หา!? คนที่ว่าคนอื่นน่าเกลียดต่าง--------เอ๊ะ!? น่าเกลียดจริงนี่หว่า!?」


เซอิจิคุงในสมัยก่อนก็แบบนี้แหละ
ต่อให้ถูกรังแกยังไงก็มีท่าทางใส่ใจอะไร
แต่การที่พ่อแม่ตายทำให้เสียท่าทางนั้นไปด้วย
พ่อแม่ของเซอิจิคุงที่เคยเจอในอดีดแม้จะดูห่างเหินกันมากตรงไหนสักแห่ง
แต่ก็คอยเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่กับเซอิจิคุงที่ถูกรังแก
เป็นความรักที่แม้แต่คนนอกอย่างฉันยังรับรู้ได้
เพราะได้พ่อแม่แบบนั้นเป็นคนเลี้ยงดูทำให้เซอิจิคุงแม้จะถูกรังแก
ก็ยังเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
แล้วหลังจากนั้น พวกเด็กผู้ชายที่เป็นฝ่ายรังแกก็เริ่มลงมือกับเซอิจิคุงหนักขึ้น


「ไปตายซะ ไอ้เวรเอ้ย」
「อุ้ย!? เจ็บนะ!ขอปฏิเสธความรุนแรง!」
「หนวกหูเฟ้ย!」
「แอ่ฟ!?」


ทั้งชกทั้งเตะ แป๊ปเดียวเซอิจิคุงก็เละเป็นผ้าขี้ริ้ว
ฉันแม้จะเป็นคนที่มีนิสัยเข้มแข็งแค่ไหน
ก็ยังกลัวจนไม่กล้าไปหยุดการใช้กำลังอย่างจริงจังของพวกเด็กผู้ชายที่ทำกับเซอิจิคุง
ผ่านไปซักพัก พวกผู้ชายคงเหนื่อยเลยทำท่าเบื่อแล้วจากไปโดยปล่อยเซอิจิคุงทิ้งไว้
ในเวลานั้นฉันที่ในที่สุดก็ขยับตัวได้จึงรีบวิ่งเข้าไปหาเซอิจิคุงทันที


「ป เป็นอะไรมั้ย!?」
「อา..........เห็นทุ่งดอกไม้ด้วย........」
「ว่าไงนะ!ค ใครก็ได้ เรียกรถพยายาล............!」
「ล้อเล่นน่ะ!ล้อเล่น!ขอโทษทีที่ไม่ขำ!」
「หา!? ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ!?」


กับคำถามที่เน้นเสียงนิดหน่อยนี้ เซอิจิคุงตอบกลับมาแบบเขินอาย


「........ก็ กลัวอยู่ใช่มั้ยล่ะ? เลยอยากทำให้สบายใจหน่อย...........」


แม้จะน่วมไปหมดทั้งตัวเซอิจิคุงก็ยังพูดล้อเล่นเพื่อให้ฉันสบายใจ
ฉันเลยเผลอถามเซอิจิคุงที่ลุกขึ้นยืนพร้อมด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด


「ทำไมถึงช่วยฉันล่ะ? นายกับฉันเพิ่งเคยเจอกันไม่ใช่เหรอ?」
「พ เพิ่งเคยเจอกัน? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยคำอะไรยากจัง」
「ตอบมาตามตรง」


พอฉันพูดแบบนั้น เซอิจิคุงก็ตอบกลับมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดามาก


「ก็ เด็กผู้หญิงกำลังเดือดร้อนนี่นา จะไม่ช่วยได้ไง」
「หา?」


เสียงมึนงงหลุดจากปากของฉัน
แล้วเซอิจิคุงก็พูดต่อ


「คุณพ่อบอกว่าต้องให้ความสำคัญกับเด็กผู้หญิง!แน่นอน ฉันเองก็คิดแบบนั้น」


เซอิจิพูดแล้วก็ยิ้มหัวเราะออกมา
ฉันที่ไม่เคยถูกปฏิบัติในฐานะผู้หญิงทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของเซอิจิ
จนพูดออกมาเสียงสั่นโดยไม่รู้ตัว


「อ อะไรกัน.........อย่างฉันเนี่ยนะเด็กผู้หญิง..........」
「อื้ม.........ชั้นว่าก็น่ารักดีออกนี่นา」


เซอิจิเอ่ยปากทำนองนั้นออกมาทำให้อาการยิ่งแย่เข้าไปอีก
คำพูดนั้นทำให้มีหน้าแดงขึ้นมาเลย


「น นายนี่...........พูดจาตรงจังเลยนะ」
「ก็ คุณแม่บอกว่าถ้าไม่พูดออกไปตรงๆจะสื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่ได้นี่นา?
คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเสียหายอาจไม่ได้แต่ถ้าเป็นการชมล่ะก็
ยิ่งดีเท่าไรก็ให้บอกออกไปเลยไม่ต้องเก็บไว้!」


จริงอยู่ที่ว่านี่เป็นการพูดคุยกับตรงๆเป็นครั้งแรกแต่ก็เคยบังเอิญเห็นเซอิจิคุง
ที่มีชื่อเสียงในทางเป็นเด็กที่ถูกรังแกอยู่จากที่ไกลๆหลายครั้ง
ทุกครั้งที่เซอิจิคุงถูกรังแก เขาก็จะบอกให้หยุดโดยไม่ทนเก็บเอาไว้
แต่เรื่องนั้นกลับทำให้หัวใจซาดิสม์ของพวกเด็กที่ชอบรังแกลุกโชนขึ้นไปอีก
อย่างอื่นก็แม้เซอิจิคุงจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ยังเป็นที่รังเกียจในหมู่เด็กผู้หญิง
การพูดจาตรงไปตรงมาต่อกับพวกเด็กผู้หญิงเหมือนที่ทำอยู่
ก็ยิ่งถูกตั้งแง่ว่าน่าขยะแขยงเข้าไปอีก
แต่สำหรับฉันที่เคยฟังการพูดกันเรื่องต่างๆของพวกผู้ใหญ่ที่คบหากับพ่อแล้ว
การได้รับคำตอบจากความรู้สึกจริงๆทำให้มีความสุขอย่างแท้จริง
และเหนือสิ่งอื่นใด ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไร้ซึ่งความกังวลของเซอิจิช่างเจิดจ้าเหลือเกิน
หลังจากนั้นฉันกับเซอิจิคุงก็เริ่มทำอะไรต่างๆร่วมกัน
แม้จะเป็นการทำเพื่อสนองความต้องการ หนีจากความผิดที่เมินเฉยต่อเซอิจิคุงมาตลอด
แต่พอรู้ตัวอีกทีตัวตนของเซอิจิก็กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับฉันไปแล้ว
ได้รู้จักกับโชตะที่เป็นคนเรื่อยเปื่อยหรือเคนจิที่อ่อนแอต่างจากปัจจุบัน
ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเซอิจิคุง
ได้เพื่อนในวัยเดียวกันที่มีน้อยนิดสำหรับฉัน
ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเซอิจิคุง
จะบอกว่าการพบกับเซอิจิคุงทำให้มีฉันในวันนี้ก็ได้
ท่ามกลางความสุขนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันหลงรักเซอิจิคุงขึ้นมา
ในเวลานั้นทั่วโลกเกิดเศรษฐกิจซบเซาแต่คันนะซึกิกรุ๊ปกลับใช้สถานการณ์นั้น
ขยายกิจการเพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ฉันถูกดึงไปพัวพันกับการแก้แค้นของพวกที่ถูกคันนะซึกิกรุ๊ปแย่งงานไปจนถูกลักพาตัว
ตอนนั้นนอกจากฉันพวกโชตะกับเซอิจิคุงก็อยู่ด้วยแต่ที่ถูกลักพาตัวมีแค่ฉันกับพวกโชตะ
สำหรับเซอิจิคุงนั้นไม่รู้ทำไมถึงถูกปล่อยทิ้งไว้
พวกคนที่ลักพาตัวพวกฉันต้องการเงินค่าไถ่
เพื่อการนั้นเลยปฏิบัติกับพวกฉันอย่างสุภาพไม่ทำพฤติกรรมก้าวร้าวอะไรเลย
แต่ถึงกระนั้นการที่ถูกลักพาตัวก็ยังเป็นเรื่องจริงแถมมีปืนด้วยทำให้เคนจิร้องไห้ใหญ่เลย
ที่น่าประหลาดคือตอนนั้นโชตะเองก็ร้องไห้ด้วยความกลัวกับเขาด้วย
ก็นะ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ถ้าคิดถึงเรื่องอายุในเวลานั้น
แม้ฉันจะไม่ร้องไห้สักนิดแต่ในใจนั้นกังวลมากเลยล่ะ
และตอนที่สถานการณ์แบบนั้นดำเนินไปได้สักพักนั่นเอง


「ทุกคนนนนนนนนนนนนนนน!อยู่ที่ไหนนนนนนนนนนนนนนนนนน!?」


ไม่น่าเชื่อ----------ว่าจะได้ยินเสียงของเซอิจิคุง
จริงอยู่ที่ไม่รู้ทำไมเซอิจิคุงถึงไม่ถูกลักพาตัวมาด้วยแต่มาถึงที่นี่ได้ยังไงนี่แหละที่ไม่เข้าใจเลย
เรื่องนั้นคนลักพาตัวก็คงด้วย จึงเหลือคนเฝ้าไว้หลายคนแล้วได้รีบไปจับตัวเซอิจิคุงทันที


「เฮ้ย.........มาที่นี่ได้ไงฟะ?」
「ได้ยินจากคุณลุงของคาเรนจังมา!」
「หา? คุณลุง?」
「อื้ม!ฟังจากที่คุณลุงคุยโทรศัพท์ไง!」


พอได้ฟังอย่างนั้นฉันก็เข้าใจทันที
พวกคนร้ายลักพาตัวเรียกร้องเงินค่าไถ่ก็ต้องโทรบอกสถานที่รับเงินค่าไถ่อยู่แล้ว
บางทีหลังจากที่เซอิจิคุงถูกปล่อยไว้อยู่คนเดียวก็รีบไปแจ้งกับคุณพ่อ
เลยบังเอิญอยู่ในสถานการณ์ที่คุยโทรศัพท์นั้น
แม้จะเป็นตามที่ว่าแต่การมาคนเดียวแบบนี้...........


「ช่างเหอะ..........ว่าแต่แกมาทำไม? มาให้ถูกจับด้วยเหรอไง?」
「ไม่ใช่!มาเอาทุกคนคืนต่างหาก!」
「คิดว่าจะพูดอะไรซะอีก............ไอ้หนู พวกเราเองก็ปล่อยให้กลับไปเงียบๆไม่ได้หรอกนะ」
「ใครจะไปสนล่ะ!เอาคืนมานะ!」


เซอิจิคุงพูดแล้วก็โดดเข้าใส่คนร้ายลักพาตัวคนหนึ่ง
ทว่าเด็กน่ะสู้ผู้ใหญ่ไม่ได้อยู่แล้วเลยโดยซัดจนปลิว


「อ๊อก!?」
「ไอ้หนู.........พวกเราน่ะนะ ต้องสูญเสียงานแล้วยังลูกเมียไปเพราะพ่อแม่ของยัยนี่
รู้มั้ย? พวกเราน่ะแม้จะถูกแย่งผลงานจากหัวหน้าแย่ๆ ทุกวันถูกปฏิบัติด้วย
แบบคนไร้ความสามารถในบริษัทเล็กๆ............แต่ แต่ถึงอย่างนั้นหากสิ่งที่พวกเราพยายาม
มีประโยชน์กับใครสักคนแม้จะไม่ได้โดดเด่นก็ถือว่าพอใจแล้ว
แต่คันนะซึกิกรุ๊ปกลับมาแย่งงานของพวกเราไป บริษัทพังไม่พอ เงินเลี้ยงดูครอบครัวไม่มี
ลูกเมียก็หนี..............ไม่ใช่แค่นั้นนะ ทำไมถึงมีแค่คนที่แย่งผลงานของพวกเรา
ได้เข้าทำงานที่คันนะซึกิกรุ๊ปนั่นด้วย? แล้วพวกเราล่ะ?
ความพยายามของพวกเรามันคืออะไรกัน!? ไอ้เด็กที่ความลำบากคืออะไรยังไม่รู้จัก
อย่างเสนอหน้ามาขวางพวกเราหน่อยเลย!」


พอหัวหน้าคนร้ายลักพาตัวพูดแบบนั้นก็ได้นินเสียงคัดจมูกจากคนร้ายที่อยู่รอบข้าง
อาจจะดูใจอ่อนแต่ฉันสงสารพวกเขา
ถ้าที่พวกเขาเล่ามาเป็นเรื่องจริงล่ะก็คนที่ทำลายพวกเขาไม่ใช่แค่คันนะซึกิกรุ๊ปเท่านั้น
เจ้านายของบริษัทที่ว่าก็ร่วมด้วยแต่สำหรับพวกเขาเรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็คงไม่สนกันแล้ว
ขณะที่คิดอย่างนั้นเซอิจิคุงที่ถูกซัดจนปลิวก็ยืนขึ้นโดยอดทนต่อความเจ็บปวด
จากนั้นก็ตะโกนออกมาทั้งน้ำตา


「หนวกหูเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」
『!?』


ไม่อยากเชื่อเลยว่าเซอิจิจะโกรธกลับจนตะโกนออกมา ทำให้พวกฉันเปิดตาโตกันทุกคน


「ชั้นน่ะรู้สึกขอบพ่อแม่ที่ให้ชั้นเกิดมา!ขอบคุณหรอกนะแต่........ดูชั้นสิ!?
ดูเป็นคนมีความฝันยังไง!? ดูมีอนาคตตรงไหน!? ทั้งอ้วน ตัวเหม็น หน้าตาก็อุบาทว์!
ทั้งที่ไม่ได้อยากจะอ้วนเลย.........ทั้งที่ไม่ได้อยากจะตัวเหม็นเลย............!
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น เข้าใจความรู้สึกของชั้นที่โดนรังแกเพราะเรื่องที่ว่าบ้างมั้ยล่ะ!?
พวกลุงน่ะยังได้แต่งงาน!? ยังมีงานทำ!? แล้วยังจะขอมากกว่านี้อีกเรอะ!
ชั้นน่ะมีชีวิตอยู่ทุกวันอย่างยากลำบากนะรู้มั้ย!? ไปโรงเรียนก็กลัว!
ไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นนอกจากพ่อแม่ก็กลัว!การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ทุกข์ทรมาน!
แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้ดีว่ามีคนที่ทุกข์ทรมานกว่าชั้นอยู่อีกมาก!
เพราะงั้นถึงได้ยังพยายามมีชีวิตอยู่ไง!? แล้วถ้าชั้นตายไปพ่อกับแม่ก็จะเสียใจ!
ไม่ว่าจะขมขื่นแค่ไหนก็ยังพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป!ถ้าเทียบกันแล้วพวกลุงยังดีกว่าด้วยซ้ำ!?
ทำไมกับเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้อีก!?」
「ต แต่..........ไอ้หนูแกน่ะยังเด็ก------------」
「เด็กแล้วไง!? ดูสิ!คิดว่าหน้าแบบนี้โตขึ้นจะหล่อเรอะ!? ดูมีอนาคตสดใสเรอะ!?」
「............」
「ถึงรู้ตัวแล้วก็เถอะแต่เงียบแบบนี้โคตรเจ็บปวดเลย!」


พวกคนร้ายลักพาตัวถูกข่มอย่างง่ายดาย
คำพูดแต่ละคำที่ออกจากปากของเซอิจิมีน้ำหนักจนความหนักนั้นทับถมพวกเขา
จริงอยู่ที่สถานะในตอนนี้ของพวกเขาอาจจะลำบาก
แต่เมื่อเทียบกับเซอิจิคุงที่ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากมากกว่าตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว
พวกคนร้ายลักพาตัวเลยพากันเห็นใจเซอิจิคุง


「ไอ้หนู........แกเองก็ลำบากสินะ...........」
「เข้มแข็งเข้าไว้..........ในชีวิตคนเราอาจจะเจออะไรบ้างก็ได้ใครจะไปรู้.........เนอะ?」
「นี่ไง เอาลูกอมนี่ไปกินสิ..........」


ต้องบอกว่าเวทนากันเต็มที่เลย
เซอิจิคุงน่ะไม่ใช่ว่าจะไม่พยายามเรียน แม้จะออกกำลังกายก็ทำได้แย่มาก
และที่โหดร้ายยิ่งกว่าอะไรเลยคือความประทับใจครั้งแรกที่ตัดสินกันด้วยหน้าตาของโลกนี้
หน้าตาของเซอิจิคุงหากมองจากมาตรฐานโลกดูเหมือนจะน่าเกลียดมาก
แต่สำหรับฉันดูมีเสน่ห์ดีออก
เรียกว่าการที่เซอิจิคุงจะได้รับความสุขในระดับคนธรรมดานั้นถ้าไม่ไปเกิดใหม่ซะเห็นที่จะไม่ได้
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นตามที่เซอิจิพูดมา ไม่ว่ามองจากสายตาใคร อนาคตของเซอิจิคคุงก็มืดมนสิ้นดี


「ไอ้หนู..........ดูเหมือนว่าข้าทำเรื่องไม่ดีไปซะแล้ว.............แต่ก็ยังไม่เป็นไรเหรอ..........?」
「ไม่เป็นไรหรอก ก็ยังไม่มีใครเป็นอะไรเลยนี่นา
อีกอย่างถ้าคิดว่าทำเรื่องไม่ดีก็ขอโทษซะสิ」
「........งั้นเหรอ............อย่างนั้นสินะ」


และแล้วพวกฉันก็ถูกปล่อยตัวอย่างปลอดภัย พวกคนร้ายลักพาตัวยอมไปมอบตัว
พวกฉันรีบไปหาเซอิจิคุงทันที  เซอิจิคุงก็แสดงความเป็นห่วงใหญ่เลย
พวกโชตะร้องไห้กันจนเหนื่อยล่ะมั้งเลยหลับไป


「ทุกคนไม่เป็นอะไรนะ!?  บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!?」
「ไม่เป็นไรหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เซอิจิคุง..........นายนี่มุทะลุมากเลยนะ」


พอฝืนยิ้มพลางพูดอย่างนั้น เซอิจิคุงก็จ้องหน้าฉันเขม็ง
จากนั้น-----------


「โทษที กลัวมากเลยสินะ แต่ว่า........ไม่เป็นไรแล้วล่ะ」
「อ้ะ--------」
「โอ๋โอ๋」


เซอิจิคุงกอดฉันอย่างแผ่วเบาแล้วลูบหัว
ฉันที่ถูกกอดด้วยร่างใหญ่นั้นทำให้รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
และแล้วสิ่งที่อดทนเก็บไว้มาตลอดก็ไหลทะลักออกมารวดเดียว
ในที่สุดน้ำตาของฉันก็ไหลออกมา


「อึก........ฮึก.........ฮือออออออออออออออ!
ก กลัววววววววววววววววววว!」
「อื้ม อื้ม」
「ม ไม่รู้ว่า..........จะโดน......อะไรบ้าง........」
「ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว」


เซอิจิคุงคอยปลอบฉันอย่างอ่อนโยนจนฉันหยุดร้องไห้
พอหน้าซุกไปกับอกของเขา ก็ได้กลิ่นของเขาแพร่กระจายอยู่เต็มอก


「ซู้ด...........กลิ่นของเซอิจิคุง..........」
「เอ๋!? โทษที เหม็นสินะ!? ขอโทษนะที่กอดไว้ไม่ปล่อย!?」


แม้อยู่ๆจะถูกแยกจากเซอิจิคุงที่กอดไว้อย่างแนบแน่น ฉันก็รู้สึกเต็มอิ่มกับกลิ่นของเขา


「ไม่หรอก..........กลิ่นของนายน่ะ ฉันชอบ」
「.........คาเรนจัง..........จมูกเป็นอะไรมากมั้ย?」
「เสียมารยาท ตัวนายเองยังยอมรับว่าตัวเองเหม็นเลยไม่ใช่เหรอ?」
「อืม พูดแล้วชั้นก็อยากร้องไห้ขึ้นมาเลย」


การสนธนาแบบไร้สาระนั้นทำให้ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
คนรอบข้างอาจะพูดจาโหดร้ายกับเซอิจิคุง
แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับฉันเซอิจิคุงเป็นตัวตนที่ทำให้สบายใจ อยู่ด้วยกันสนุกไปด้วยกัน
สามารถเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้
พอผ่านเหตุการณ์ที่ว่าทำให้ฉันตะหนักได้ถึงความรู้สึกอันแรงกล้านี้-----------
ฉันรักเขาแล้ว
หาได้อยู่ข้างเขาไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ยังยิ้มไปด้วยกันได้
ใช่ เหมือนเป็นคู่ครองกัน
------และหลังจากนั้นพวกคนร้ายลักพาตัวไม่ได้ถูกจับกุม
นั่นเพราะเมื่อพ่อของฉันได้ฟังเรื่องนั้น จึงทำการตรวจสอบหัวหน้าเก่าของพวกเขาอย่างละเอียด
สืบหาพยานหลักฐาน จนยืนยันได้ว่าคำพูดของพวกเขาเป็นความจริงเลยยกโทษให้พวกเขา
และด้วยเหตุนี้ บรรดาหัวหน้าเก่าของพวกคนร้ายลักพาตัวที่รังแกลูกน้องเมื่อถูกเปิดโปง
ก็ถูกเลิกจ้างทั้งหมด ให้พวกคนร้ายลักพาตัวทำงานอย่างขยันขันแข็งในคันนะซึกิกรุ๊ปแทน
หากถามถึงพวกเขาในช่วงเวลานั้น พวกเขาก็จะตอบกลับมาอย่างยิ้มแย้ม


『เพราะได้เจ้าหนูที่ต้องทุกข์ทนกว่าพวกเราดุว่าถึงได้มีพวกเราในตอนนี้』


การพบกันของพวกเขากับเซอิจิคุงเป็นผลทำให้พวกเขายิ้มได้
เพราะงั้นก็อยากให้เซอิจิคุงที่เป็นแบบนั้นยิ้มด้วย
และพร้อมกันนั้นฉันก็ตัดสินใจว่าจะรักเซอิจิคุง

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate