ตอนที่ 76 เงื้อมมือมารที่คืบคลานเข้ามา
หลังจากนั้นชั้นก็ทำสนามฝึกที่เละเทะให้กลับคืนดังเดิม
แม้พื้นจะเต็มไปด้วยหลุมเครเตอร์ หน้าดินมีรอยแตกแยกเต็มไปหมด
ทว่าด้วยเวทธาตุดินขั้นสูงสุด 【Earth Wave】ของสัตว์ประหลาดอย่างชั้นก็กลับมาสวยนิ้งดังเดิม
เวทธาตุดินโดยพื้นฐานแล้วเป็นเวทที่ใช้สร้างก้อนดิน
หรือแทรกแซงพื้นผิวดินในวงแคบซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ปรับเปลี่ยนเคลื่อยย้ายในระดับเล็กน้อย
แต่ด้วยเวท【Earth Wave】ที่ตามตัวอักษรเลยคือเคลื่อนพื้นดินในสภาพแบบคลื่น
โดยกำหนดขอบเขตให้มีผลเท่าสนามฝึกทั้งหมด
ซึ่งขอบเขตที่ว่าก็มากจากการที่ชั้นใช้ในระดับออมมือเต็มที่เช่นเคย
ถ้าใช้แบบเอาจริงจะมีขอบเขตสักเท่าไรกันเรื่องนั้นในใจทั้งอย่างรู้และไม่อยากรู้
หมู่นี้ส่วนมากใช้แต่สกิล【ประดิษฐ์เวท】สร้างเวทออริจินัล
การได้ใช้เวทธาตุดินที่ปกติไม่ได้ใช้ถือเป็นความแปลกใหม่เลยล่ะ
เรื่องนั้นช่างเถอะเอาเป็นว่าใช้【Earth Wave】เกลี่ยดินจนกลับมาสวยเหมือนเดิมเรียบร้อย
.........ก็นะ พวกคุณเบียทริสพอเห็นภาพแบบนั้นเลยกลับมาอึ้งใบ้กินกันอีกรอบ
จบเรื่องได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอไง!เอ้า จบๆ!
หลังจากชั้นทำสนามฝึกกลับเป็นเหมือนเดิม ก็ใช้เวทWashที่เป็นเวทในชีวิตประจำวันล้างฝุ่นทราย
ที่ติดตัวทุกคนจนร่างกายกลับมาสะอาดพร้อมกลับห้องเรียนอีกครั้งเพื่อโฮมรูม
...........เวทในชีวิตประจำวันสะดวกชิบ.............
ทุกคนกลับห้องเรียนไปนั่งตามที่นั่งกันแบบเบลอๆ
คุณเบียทริสยืนตรงที่สอนกวาดตามองทุกคนแล้วเอ่ยปากขึ้น
「เอาล่ะ คิดว่าทุกคนคงได้แสดงความสามารถให้ครูเซอิจิเห็นแล้ว..........
ยิ่งกว่านั้นทุกคนคงได้เห็นความสามารถของครูเซอิจิกันแล้วสินะ」
『.................』
ยกเว้นซาเรียกับรูรูเนะ ทุกคนต่างเงียบและแสดงท่าทางเห็นพ้องกันเต็มที่
แหม ไม่ต้องพยักหน้าพร้อมเพรียงกันขนาดนั้นก็ได้!ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ!
แต่ว่านะถึงจะบอกว่าแสดงความสามารถให้ดูแต่ก็ยังไม่ได้แสดงพลังออกมาสักเท่าไรเลย
ที่สู้ไปแค่ระดับออมมือแบบสุดๆเองยังไม่ถึงปกติด้วยซ้ำ ............คิดแบบนี้ได้นี่หลุดโลกไปแล้วสินะ?
แม้แต่วงจรความคิดยังเป็นสัตว์ประหลาดไปด้วยแบบนี้ ไม่เอาแล้ว
「ทุกคนนั้นมีความเป็นไปได้มากมายเก็บซ่อนไว้อยู่ในตัวค่ะ แม้ความเป็นไปได้ที่ว่าครูไม่สามารถ
นำมันออกมาได้แต่ถ้าเป็นความสามารถของครูเซอิจิจากที่ได้เห็นในวันนี้ ต้องดึงความเป็นไปได้
ของทุกคนออกมาได้เป็นแน่ เพราะงั้นทุกตนขอให้พยายามอย่ายอมแพ้นะคะ」
ทันทีที่คุณเบียทริสกล่าวแบบนั้นออกมาในห้องก็ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ทำใจลำบาก
ยกเว้นซาเรีย รูรูเนะและเบียสทุกคนต่างมีสีหน้าแบบเดียวกันหมด
นั่นก็คือ........สีหน้าที่ตัดใจยอมแพ้
『ต่อให้พยายามไปก็.............』เป็นสีหน้าของมนุษย์ที่ตัดใจยอมแพ้กับความพยายามแสดงออกมา
แม้แต่อากุโนสที่เขียนแต่คำว่าพลังใจในข้อสอบก็แสดงสีหน้าแบบเดียวกัน
เป็นบรรยากาศที่............ไม่ดีเอาซะเลย
คำกล่าวที่ว่าความพยายามย่อมได้รับผลตอบแทนกลับมา ชั้นเองก็เห็นด้วยส่วนหนึ่ง
ที่บอกว่าส่วนเดียวเพราะไม่ว่าจะยังไงการตั้งเป้ากับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้น่ะคงพูดได้แค่ว่าไม่รู้จักคิด
แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปอาจใช้ความพยายามทำให้สำเร็จได้
แน่นอนความแตกต่างของพรสวรรค์ก็เป็นตัวแปรสำคัญเช่นกัน
มีแต่อัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถรู้วิธีก้าวข้ามผ่านกำแพงที่คนสามัญได้แต่หยุดยืนมอง
กว่าคนสามัญจะใช้เวลารับรู้ถึงสิ่งนั้นได้ก็เติบโตไปเท่าไรแล้วนั่นคือสิ่งที่ชั้นคิด
ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่รู้วิธีนั้น
ขีดจำกัดของพรสวรรค์ทำให้คนจำนวนมากคิดว่าพยายามไปก็ไร้ประโยชน์
ก็นะ การหาวิธีที่ว่านั้นให้เจอมันก็ว่ามันยากแล้วแต่ดันมีตัวตนอย่างอัจฉริยะที่สามารถรับรู้สิ่งนั้นได้
โดยใช้แค่ความรู้สึกการจะคิดว่าความพยายามมันเปล่าประโยชน์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่แบบนั้นมันน่าเศร้าออก? ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่าเนี่ยนะ
เพราะฉะนั้นชั้นจึงอยากตอบรับในความพยายาม
เพราะชั้นเข้าใจความรู้สึกของคนที่พยายามดียังไงล่ะ
..........ถึงคนอย่างชั้นที่แค่บังเอิญกินผลไม้เหลือเชื่ออย่าง『ผลวิวัฒนาการ』
จนมีพลังมหาศาลไม่มีสิทธิมาพูดก็เถอะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากให้ยอมรับในความพยายาม
ก็พยายามจนรักกอลิล่าได้นี่แม้แต่ตัวเองยังยอมรับเลย..........!
เพราะงั้นตอนนี้จะขอพูดอย่างมั่นใจเลย
รักกอลิล่าไปแล้ว!
เรื่องนั้นช่างเถอะ โชคดีที่ทุกคนในห้องเรียนนี้มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์หลบอยู่ภายใน
เพียงแค่ยังไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง
ก็มีคิดเหมือนกันว่าบางทีผู้คนในโลกนี้จะไม่มีคนที่ใช้เวทไม่ได้จริงๆด้วยซ้ำ
นั่นเพราะทุกคนมีพลังที่ไม่คุ้นเคยอย่าง『พลังเวท』อยู่ในร่างกายทุกคน
ต่างกับพวกชั้นที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเดิม
แม้จะใช้เวทธาตุไม่ได้ก็น่าจะใช้เวทไร้ธาตุได้
ที่ใช้ไม่ได้เพราะวิธีที่ใช้พยายามมาจนถึงตอนนี้มันผิดต่างหาก
ถึงในกรณีของสกิลจะมีตัวตนพิเศษอย่างรุยเอสเป็นตัวอย่าง
แต่ในกรณีเวทมนตร์การที่มีพลังเวทอยู่ในร่างกายแต่กลับใช้พลังนั้นไม่ได้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
อีกอย่างก็ไม่อยากพูดแต่ตัวตนที่หลุดโลกอย่างชั้นขอบอกเลย
ต่อให้ไม่มีพรสวรรค์ในเวทมนตร์จริงๆก็ไม่เห็นเกี่ยวสักหน่อย
นั่นเพราะมีคนที่สามารถทำให้พรสวรรค์นั้นปรากฏออกมาได้อย่างชั้นอยู่ไง
ถึงจะไม่ใช่เทพเจ้าแต่【มนุษย์】น่ะเก็บงำความสามารถที่เป็นได้ถึงเทพเจ้าอยู่
ชั้นจึงกวาดตามองทุกคนแล้วก้าวออกมาข้างหน้าพลางพูดออกมา
「ไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นจะทำให้ใช้เวทมนตร์ได้แน่นอน」
คำประกาศของชั้นทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความตกตะลึง
ซึ่งทางอัลนั้นยิ้มแบบแห้งๆ ซาเรียยิ้มเต็มใบหน้า รูรูเนะกับออริก้าจังมองด้วยสายตายกย่อง
มั่นใจเกินไปรึเปล่าหว่า?
ยังไงก็ตามแต่---------ได้เวลาแสดงความสามารถเฉพาะตัวของ【มนุษย์(สัตว์ประหลาด)】แล้วมั้ง?
◆◇◆
-----------【ป่าใหญ่บาบาโดล】ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล
ที่นี่ไม่ใช่มีแค่เพียงสัตว์ต่างๆยังมีมอนเตอร์มากมายหลายชนิดอาศัยอยู่
ทำให้โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลใช้สถานที่แห่งนี้ในการฝึกต่อสู้จริงอยู่บ่อยๆ
และเพื่อไม่ให้พวกนักเรียนได้รับอันตรายพวกครูจึงได้มีการลดจำนวนมอนเตอร์อยู่เสมอ
ไม่ให้มีจำนวนมากเกินความจำเป็น
ลึกเข้าไปในป่าแห่งที่ว่านี้เองมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนตอไม้ที่ถูกตัด
สภาพของชายคนนั้นสวมเสื้อกราวน์เหมือนพวกหมอหรือนักวิจัยและใส่แว่นตาที่ไม่ค่อยใส่กันในโลกนี้
ใบหน้าได้รูปรอยยิ้มนุ่มนวลราวกับภาพวาด
ทว่าบรรยากาศรอบชายคนนั้นกลับชวนขวัญผวา
เพราะบริเวณโดยรอบมีศพมอนเตอร์จำนวนมากที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมกองอยู่เกลื่อนกลาด
「น่าผิดหวัง ทั้งที่เป็นมอนเตอร์ถูกจัดอยู่ในระดับAดันลงนรกไวซะ น่าผิดหวังชะมัด
น่าเบื่ออย่างนี้เดี๋ยวก็ได้บ้าตายกันพอดีเนอะ? แอนเครีย」
「----------ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ เดมิโอรอส」
พอชายคนนั้นส่งเสียงเรียกไปกับอากาศโดยไม่หันสายตาไปมอง ทันใดนั้นห้วงอากาศก็บิดเบี้ยว
ใจกลางมีผู้หญิง---------แอนเครียที่สวมชุดเดรสโกธิคขาวดำหรูหราปรากฏตัวออกมา
พอแอนเครียปรากฏตัวออกมา ชายคนนั้น--------เดมิโอรอสก็ยิ้มมากขึ้นไปอีกแล้วถามกับแอนเครีย
「แล้ว? ทั้งที่พื้นที่รับผิดชอบของเธออยู่ตั้งไกลยังอุตส่าห์มาหาผมอีกมีธุระอะไรเหรอ?」
「มีเรื่องมาเสนอน่ะ เดมิโอรอส สนใจมาร่วมมือกับฉันมั้ย?」
「โฮ่?」
ดวงตาสีม่วงที่อยู่ภายในแว่นตาของเดมิโอรอสแสดงท่าทางสนใจ
「คุณเองก็รู้เรื่องความผิดพลาดของไครย์แล้วใช่มั้ยล่ะ? พักหลังมานี่แม้จะพยายามให้ท่านเทพปีศาจ
ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแต่【ความรู้สึกด้านลบ】ที่เป็นอาหารกลับไม่เพียงพอ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
แถมในนั้นไครย์ดันทำงานพลาดอีก แล้วไม่ใช่แค่ไครย์เท่านั้น บรรดาสาวกคนอื่นเอง
ก็มีเด็กที่ทำงานพลาดอยู่ตั้งไม่รู้กี่คน แล้วคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุรู้มั้ย?」
「หืม」
「คำตอบมันก็ง่ายๆ เพราะพยายามทำงานคนเดียวถึงได้ล้มเหลวไงล่ะ
แล้วถ้าให้สองคนร่วมมือกันทำล่ะจะเป็นยังไง? ขอบเขตวิธีรวบรวมอาหารมาให้ท่านเทพปีศาจ
ก็จะเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้นภาระของหนึ่งคนก็จะลดลงทำให้ลดความเสี่ยงในการล้มเหลวได้มากขึ้น
เป็นไง? มีประสิทธิภาพดีใช่มั้ยล่ะ?」
「อย่างนี้นี่เอง...........」
แอนเครียแสดงรอยยิ้มแบบเซ็กซี่ออกมาในขณะที่เดมิโอรอสทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อย
「เรื่องนั้นสรุปคือคนเดียวไม่มั่นใจเลยอยากให้ผมช่วยสินะ?」
「........นั่นหมายความว่ายังไง?」
กับคำพูดของเดมิโอรอส แอนเครียตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ทันใดนั้นผมสีม่วงเช่นเดียวกับดวงตาของเดมิโอรอสก็เริ่มตั้งขึ้นพลางยิ้มแบบดูถูก
「เฮอะ อย่างผมน่ะ เรื่องความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาดอะไรนั่นไม่มีหรอก」
「มั่นใจมากเลยนะ? คำประกาศที่เกินตัวมีแต่จะทำลายตัวเองนะรู้มั้ย?」
「ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง----------แต่จะร่วมมือกับข้อเสนอของแอนเครียก็ได้」
「อาร้า? คิดยังไงถึงได้เปลี่ยนใจซะล่ะ?」
「ให้พูดมันก็หลายเรื่องแต่ที่จริงผมเองก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของแอนเครียตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
ถึงจะน่าเจ็บใจแต่ผมน่ะคิดวิธีรวบรวมความรู้สึกด้านลบได้ไม่เก่งเท่าแอนเครีย
แต่ถ้าดูแค่อัตราความสำเร็จล่ะก็ผมมั่นใจเรื่องที่รวบรวมความรู้สึกด้านลบได้สำเร็จแน่นอน
ก็นะ วิธีที่คิดขึ้นมาแล้วทดสอบจนถึงตอนนี้มันประสบความสำเร็จทั้งหมดเลยนี่นา
...........แล้วถ้าผมที่เป็นแบบนั้นร่วมมือกับแอนเครียก็น่าจะรวบรวมความรู้สึกด้านลบ
ที่มีคุณภาพสูงและสำเร็จอย่างแน่นอนไง」
「............คุณนี่มีนิสัยยุ่งยากไม่เปลี่ยน ถ้าคิดอย่างนั้นก็ควรพูดมาตั้งแต่แรกสิ」
พอเห็นสภาพของแอนเครียที่เอือมระอาจากใจ เดมิโอรอสก็หัวเราะออกมา
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!เรื่องนั้นไม่ไหวหรอก แอนเครีย ก็ผมมันไม่ซื่อตรงนี่นา
------------เอางั้นก็ได้ เรามาร่วมมือกัน」
「ตกลงแล้วนะ」
แอนเครียพูดพลางยื่นมือที่สวมถุงมือสีดำยาวถึงต้นแขนออกมา
เดมิโอรอสก็จับมือนั้น
แล้วทั้งสองคนก็ตกลงร่วมมือกันแต่เดมิโอรอสก็พึ่งนึกได้เลยถามแอนเครียถึงเหตุผลที่เลือกตัวเอง
「แอนเครีย เหตุผลที่จะให้ผมร่วมมือกับเธอก็พอรู้แล้ว แต่ทำไมถึงเป็นผมล่ะ?
ยังมีตัวเลือกอีกตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?」
「อาร้า? ฉันประเมินคุณไว้ออกจะสูงนะ? แต่ที่จริงเหตุหลักเลยคือ-----------
อยู่ใกล้กับโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลนี่แหละ」
「อะไรนะ? ..........หรือว่าจะจัดการกับโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล!?」
「ถูกต้อง」
「ที่นั่นมีผู้กล้าอยู่นา?」
「อย่างผู้กล้าที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ก็แค่เด็กเท่านั้นแหละ」
「นั่นมันก็ถูกอยู่...........แต่ตัวตนของพวกเรายังเปิดเผยออกไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ
ทั้งที่รู้อยู่แล้วยังจะทำอีก?」
「อย่างนั้นเหรอ แต่ไม่ต้องใส่ใจไปหรอก ก็แค่-------ฆ่าให้หมดทุกคนซะก็สิ้นเรื่อง」
「!...........เธอนี่มันบ้าของแท้เลย」
「เหรอ? แต่ฉันคิดว่ายังห่างชั้นกับคุณเยอะเลยนะ?
ก็ดูสิแม้แต่ตอนนี้-----------ยังทำหน้ายิ้มแบบสนุกสุดๆเลยนี่นา」
「คุคุคุคุคุ.................」
เดมิโอรอสหัวเราะให้กับคำบอกของแอนเครีย
ในหัวของเขาจมอยู่กับความคิดที่ว่าจะบุกเข้าไปฆ่าล้างนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลยังไงดี
「ผมน่ะตอนนี้กำลังเสียใจมากเลยกับอดีตของตัวเองว่าทำไมไม่รีบร่วมมือกันให้เร็วกว่านี้............」
「ไม่เห็นเป็นไรเลย จากนี้ก็มาสนุกกันดีกว่าเนอะ? คุณ『ส่งลงนรก』?」
「นั่นสิ มาสนุกกันดีกว่าเนอะ............『เจ้าหญิงล้างสังหาร』?」
พวกเขาแม้จะดูสง่างาม............แต่กลับมีรอยยิ้มอันชั่วร้าย
เงื้อมมือมารของ【ลัทธิเทพปีศาจ】กำลังเข้ามาใกล้โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลแล้ว
---------โดยที่『ฮิรากิ เซอิจิ』หรือก็คือ【มนุษย์(สัตว์ประหลาด)】ไม่รู้ถึงเรื่องนั้น-------------