ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 73 ความโกรธของสัตว์ประหลาด

ตอนที่ 73 ความโกรธของสัตว์ประหลาด


------------วันนั้นทั้งสัตว์และมอนเตอร์ต่างพากันหนีอย่างอลหม่าน
ตั้งแต่มอนเตอร์ที่อ่อนแอจนต้องคอยระวังตัว มอนเตอร์ที่มีความสามารถรับรู้อันตรายสูง
ไปจนถึงมอนเตอร์ที่ทางการตัดสินว่าเป็นภัยพิบัติ
ทั้งหมดพยายามหนีสุดชีวิตจากอะไรสักอย่าง
แม้แต่มอนเตอร์ที่ควรจะโจมตีมนุษย์ยังหนีโดยไม่มีทีท่าว่าจะโจมตีหมู่บ้านหรือเมืองที่ผ่านไปเลย
ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีอย่างเดียวเท่านั้น
ทว่า ไม่มีผู้รู้ถึงเหตุผลนั้นเลย
----------เหตุผลที่ต่างพยายามหนีให้ห่างจากโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้


◆◇◆


เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดไม่ใช่แค่เพียงกับเหล่ามอนเตอร์เท่านั้น
ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลต่างพร้อมใจกันหยุดการเคลื่อนไหว
พวกเขาเหล่านั้นต่างเหงื่อไหลโทรมกายแต่ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว
นั่นก็เพราะพวกเขาต่างมองเห็นภาพหลอน
ภาพหลอนที่【ความตาย】เอามือมาวางบนไหล่ของพวกเขา
ทว่าไม่ได้เป็นแค่ของอย่าง『ยมทูต』ที่ทำหน้าที่ดูแลความตาย
แต่เป็นภาพตัว【ความตาย】เองเลยที่วางมือบนไหล่มองลงมาอย่างเย็นยะเยือกพร้อมยิ้มอย่างอำมหิต
หากหันไปมองคือตาย
ทว่าก็ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลนั้น
ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น..............แต่แม้อยากจะคิดเรื่องนั้นก็ไม่สามารถทำได้
เพราะได้แต่กลัวกับ【ความตาย】ที่มาปรากฏอยู่ด้านหลังของตนเอง
ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างต่างพากันหยุด ภายในโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลที่เงียบงัน----------
【ฮิรากิ เซอิจิ(สัตว์ประหลาด)】ได้เริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ


◆◇◆


ชั้นทำยังไงดี?
ความรู้สึกที่ลึกลงไปจนมองไม่เห็นนี้................จะระบายมันออกไปที่ไหนดี?
ด้วยการที่ตัวเองในอดีตกับตัวเองในปัจจุบันยอมรับซึ่งกันและกัน
ทำให้ร่างกายที่ผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบสามารถสัมผัสได้ถึงสเตตัสที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
จากประสิทธิภาพของ『อารมส์』ที่เป็นสกิลเฉพาะตัว
อ๋อ........มันก็ง่ายๆนี่นา
ที่มาแตะต้องเหล่าคนสำคัญของชั้น-----------แค่ไประบายกับอาณาจักรไคเซอร์ซะก็สิ้นเรื่อง
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการที่โหดแค่ไหนก็ต้องทำลายมันให้ราบ
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็น่าเจ็บใจที่ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงทำให้อีกฝ่ายสิ้นหวัง
รู้อย่างนี้เข้าคอร์ส『หลักสูตรSMขั้นสูง』ของคุณเอลิสที่กิลด์ศูนย์ใหญ่ซะก็ดีหรอก
ช่างเถอะ ถึงยังไง...........มันก็สายไปแล้ว
ช่วยไม่ได้ จะยอมให้แค่ไม่ให้เหลือซาก----------ไม่ให้มีตัวตนหลงเหลืออยู่เลยแค่นี้ก็ได้
แล้วชั้นก็เริ่มประดิษฐ์เวทมนตร์ใหม่
เวทลบล้างอันโหดเหี้ยมอำมหิตไร้ความปราณีชนิดไม่เหลือไว้แม้แต่ความทรงจำ
ภาพจินตนาการไม่มีอะไรทั้งนั้น
นั่นเพราะทุกอย่างหายไปทั้งหมด
ทว่าช่วงเวลาก่อนที่ชั้นจะลงมือ ขณะที่กำลังเข้าไปหารุ่นพี่คันนะซึกิที่หยุดยืนโดยไม่ทราบสาเหตุ
โดยกำลังคิดถึงอาณาจักรไคเซอร์ที่ไม่รู้ที่ตั้งอย่างแรงกล้าพลางกำลังพูดชื่อเวทมนตร์ออกมานั่นเอง


「เซ-----------」
『เซอิจิ!』


ทันใดนั้นก็มีคนหลายคนมากอดร่างกายของชั้นไว้แน่น
พอหัวเริ่มเย็นลงก็พลางหันสายตาไปมองพวกคนที่มากอดชั้นไว้------------


「เซอิจิ!ไม่เป็นไรแล้วล่ะนะ!」
「ใจเย็นๆไว้ เซอิจิ!」
「นายท่าน!ช่วยสงบลงเถอะค่ะ!ถึงไม่เข้าใจเหตุผลแต่มากินของอร่อยกันแทนดีกว่า!
ถ้าทำอย่างนั้นต้องใจเย็นลงได้แน่นอนค่ะ!」
「...........เซอิจิโอนี่จัง  มากกว่านี้ ไม่ได้นะ」


11.jpg


อัลกับรูรูเนะมากอดแขนชั้นไว้คนละข้าง ซาเรียมากอดเอวไว้ ออริก้ามากอดขาไว้
พอมองดูคนที่มาหยุดการเคลื่อนไหวของชั้น ความรู้สึกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งของชั้น
ก็สงบลงได้ในทันที


「ท ทุกคน.........ทำอะไรกัน........?」


พอพึมพำแบบสับสนอย่างนั้นออกมา อัลก็ตอบให้


「ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ.........มันรู้สึกว่าถ้าไม่หยุดเซอิจิไว้ล่ะก็หลังจากนี้เซอิจิต้องเสียใจน่ะสิ..........」
「เสียใจ..............」


พอฟังคำพูดของอัลชั้นก็รู้สึกตัวว่าเกือบจะทำเรื่องที่โหดร้ายเกินความจำเป็นไปซะแล้ว
ชั้น เกือบจะลบอาณาจักรไคเซอร์ให้หายไปจากความทรงจำของผู้คนทั่วโลก
และเป้าหมายที่ลบไม่เพียงแค่คนใหญ่คนโตของอาณาจักรไคเซอร์ ยังรวมไปถึงประชาชนด้วย
ทันทีที่รู้สึกตัวถึงเรื่องนั้นสติของชั้นก็กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์แบบ


「พลังของเซอิจิน่ะถ้าใช้ด้วยความโกรธก็ไม่มีความหมายหรอกนะ?
ต้องแบบปกติที่เซอิจิใช้สิ ถึงจะแปลกพึลึกแต่ก็ทำให้ทุกคนมีความสุข!」


ซาเรียที่มายืนตรงหน้าชั้นยิ้มแล้วพูดแบบนั้น
รูรูเนะก็พยักหน้าตามคำพูดของซาเรีย


「ใช่แล้วค่ะนายท่าน พลังของนายท่านเอาไปใช้กับเรื่องหายนะมันน่าเสียดายออก
ใยต้องไปใส่ใจไปกับความโกรธอันไร้สาระด้วย ยังไงโลกนี้ก็สยบให้นายท่านแล้ว
ปล่อยให้มันหายไปเองดีกว่า ว่าแต่นายท่าน............โกรธแบบนี้ไม่หิวเหรอคะ?
ไปกินข้าวด้วยกันอีกครั้งเถอะค่ะ!」
「ถึงจะบอกว่ายั้งไว้นิดหน่อยแต่ตะกี้กินเข้าไปตั้ง3จานแล้วไม่ใช่เรอะ!?
แล้วไปจัดชั้นอยู่ในระดับไหนฟะ!」


ชั้นเผลอตบมุขไปกับคำพูดของรูรูเนะ ว่าแต่รูรูเนะรู้เรื่องที่ชั้นมีฉายาสยบโลกด้วยเหรอ!?
นี่ยังไม่เคยบอกใครเลยนะ!?
หลังจากนั้นพวกซาเรียต่างก็ยิ้มแย้มกันออกมา


「ในที่สุดก็กลับมาเป็นเซอิจิตามปกติสักทีนะ!」
「จริงๆเลยน้า.........ถึงจะไม่รู้สาเหตุแต่อยู่ๆบรรยากาศของเซอิจิเปลี่ยนไปเล่นเอาตกใจหมด......」
「ฉันพอจะรู้สาเหตุค่ะ........」
「รู้ด้วยเหรอ!?」
「........ฉัน ก็รู้」
「ออริก้าจังด้วย!?」


อัลส่งเสียงตกใจออกมา
แล้วรูรูเนะกับออริก้าจังก็พร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่กำไลของรุ่นพี่คันนะซึกิ


「บางที คงเป็นเจ้านั่นแหละ」
「............อืม นั่น........ไม่ดีมากเลย」
「หา? ..........อะไรล่ะ? ดีไซล์ก็ดูหาได้ทั่วไปนี่นา..........」
「...........【กำไลสวามิภักดิ์】เป็นของที่ลดระดับลงมาจาก【ปลอกคอสวามิภักดิ์】ที่ฉันเคยใส่
..........ฉันเอง ก็พึ่งสังเกตุเห็นเมื่อกี้」
「..........อา」


แม้จะรู้สึกขุ่มมัวขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ได้โมโหจนลืมตัว
ชั้นค่อยๆเข้าไปหารุ่นพี่คันนะซึกิ


「รุ่นพี่คันนะซึกิ..........」
「อ้ะ!? ฉ ฉันเป็นอะไรไป..........?」


ไม่รู้ทำไมรุ่นพี่ถึงได้เหงื่อไหลท่วมพลางเอียงคอ
ทันใดนั้นชั้นก็รู้สึกตัวว่ารอบข้างเงียบกันหมดเลยหันไปมองรอบๆ
ก็พลันได้เห็นสภาพอันน่าประหลาดที่ทุกคนไม่ล้มลงไปก็ฟุบไปกับโต๊ะโดยไม่ทราบสาเหตุ


「หา!? มันเกิดปรากฏการณ์ลึกลับอะไรขึ้นเนี่ย!?」
「ไม่ล่ะ เพราะเซอิจินั่นแหละ」


อัลจ้องสายตามาที่ชั้นพลางพูดแต่ชั้นไม่มีความทรงจำในตอนนั้นเลยได้แต่เอียงคอ
และแล้วซาเรียก็ช่วยบอกให้


「เพราะโดนความโกรธของเซอิจิเข้าไปน่ะสิ แล้วพอถูกปลดปล่อยจากอาการที่เคลื่อนไหวไม่ได้
ก็พากันโล่งอกพร้อมกับหมดสติไปไง」
「เอ๋? เพราะความโกรธของชั้นเนี่ยนะ!?」


อะไรฟะเจ้าอาวุธสงครามเดินได้นี่!อย่าเผลอระเบิดอารมส์ออกมาสิเฟ้ย!
ไม่แน่ ถ้าเกิดร้องไห้อย่างจริงจังอาจเกิดเป็นทะเลสาบขึ้นมาเลยก็ได้เนอะ?
แหม ไม่หรอกมั้ง-------------ปฏิเสธความเป็นไปได้ไม่ได้ซะด้วยสิ!


「จ จริงอยู่ที่มีสกิล『ข่มขู่』แต่เจ้านี่ถ้าLvไม่สูงกว่าก็ใช้ไม่ได้นี่นา.............」
「กรณีของเซอิจิ ไม่ใช่มาจากของอย่างสกิลแต่มาจากพลังของตัวเองล้วนๆเลยล่ะ
สัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอดของทุกคนถึงได้ส่งสัญญาณเตือนกันใหญ่เลย」


ชั้นต่อให้ไม่มีสกิลแต่แค่ตัวเองล้วนๆก็พอใช้ขู่ได้แล้วอ่ะ
ก็นะ ถ้าเห็นสเตตัสของชั้นก็คงยอมรับได้อยู่แล้วล่ะเนอะ!ไม่เป็นไร!ชินแล้วน่า!


「รุ่นพี่คันนะซึกิ! เป็นอะไรมั้ยครับ?」
「อ อื้ม แล้วเซอิจิล่ะเป็นอะไรมั้ย? ฉันน่ะชั่วพริบตารู้สึกตกอยู่ในสภาพที่ทั้งหมดของชั้นถูกสยบ
.............แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกดีเหลือเกิน」
「ดูท่าจะเป็นแฮะ」


ก็ไม่เข้าใจหรอกนะแต่ขณะที่ทุกคนล้มไปเพราะความโกรธของชั้น
รุ่นพี่คันนะซึกิกลับรู้สึกดีนี่ยังเรียกว่าปกติได้เหรอ
แถวนี้มีหมออยู่บ้างมั้ยคร้าบ? ทางนี้มีคนอาการสาหัสอยู่คร้าบ
รุ่นพี่คันนะซึกิแม้โซเซแต่ก็ยังยืนอยู่ได้ชั้นเลยเริ่มเข้าเรื่องด้วยสีหน้าจริงจัง


「รุ่นพี่คันนะซึกิ กำไลนั่น............ได้มายังไงครับ?」
「นี่เหรอ? เจ้านี่ได้รับมอบมาจากอาณาจักรไคเซอร์
เห็นบอกว่าจะช่วยปรับการเติบโตของสเตตัสให้กับพวกเราน่ะ」
「..............」


ว่าแล้วว่าต้องเป็นพวกอาณาจักรไคเซอร์...........แล้วถ้าคาดเดาตามที่รุ่นพี่คันนะซึกิบอกมา
พวกผู้กล้าทุกคนต้องมีใส่ไว้แน่
แต่ถึงอย่างนั้นเพราะชั้นได้พวกซาเรียช่วยหยุดไปแล้วเลยไม่ระเบิดความโกรธออกมาอีก
..........ใช้เวท【Judgemt】ยิงใส่ไปเลยดีมั้ยนะแต่เกิดอยู่ๆผู้นำประเทศหายไป
ประชาชนของอาณาจักรไคเซอร์ได้เดือดร้อนกันพอดี แถมปกครองกันแบบไหนก็ยังไม่รู้ด้วย
แต่ชั้นก็ไม่คิดที่จะเก็บความโกรธนี้ไว้หรอกนะ
เพราะงั้น ไว้สักวันเถอะ..........ถ้าคิดหาวิธีได้ล่ะก็ไล่จัดการเป็นรายตัวไปเลย
นี่ไม่ใช่แค่กำหนดการไว้ก่อนหรอกนะ จะทำแน่นอน


「รุ่นพี่คันนะซึกิ...........ฟังให้ดีๆนะครับ กำไลที่พวกรุ่นพี่สวมอยู่เรียกว่า【กำไลสวามิภักดิ์】
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้บังคับผู้ใส่ให้เชื่อฟังผู้ที่สวมให้」
「ว่าไงนะ!? แต่จากที่พวกเราใช้สกิล『ตรวจสอบ』ก็ไม่เห็นแสดงอะไรแบบนั้นเลย........」
「พอดีผมได้เจออะไรมาหลายอย่างสกิล『ตรวจสอบ』เลยพัฒนา
เป็นสกิล『ตรวจสอบขั้นสูง』นอกจากนั้นยังมีสกิลเฉพาะตัวอย่าง『ตาพิภพ』ด้วย
ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบสถานะของเป้าหมายได้..........และสถานะของรุ่นพี่คันนะซึกิ
แสดงออกมาว่าเป็น【ข้ารับใช้】ครับ」
「หา!?」


คำอธิบายของชั้นทำให้รุ่นพี่คันนะซึกิตกใจอย่างมาก


「ทำไมเซอิจิคุงถึงมีสกิลยอดเยี่ยมแบบนั้นล่ะ?」
「.......พูดไปเรื่องมันยาวไว้มีเวลาค่อยเล่าแล้วกัน แทนที่จะคุยกันเรื่องนั้นก่อนอื่นมาถอด
【กำไลสวามิภักดิ์】ที่รุ่นพี่คันนะซึกิใส่อยู่กันก่อนเถอะ ถึงจะไม่รู้สาเหตุแน่ชัด
แต่คงใช้บางอย่างที่เหนือกว่ามาตบตาสกิล『ตรวจสอบ』ของพวกรุ่นพี่นั่นแหละครับ」
「อะไรกัน...........」


รุ่นพี่คันนะซึกิได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างมาก
ก็แน่อยู่แล้ว ของที่คิดว่าจะให้ผลดีกับตัวเองกลับมีแต่ผลเสียนี่นา


「โชคดีผมมีเทคนิคที่ใช้ปลดปล่อยจากสถานะที่ว่าได้ เพราะงั้นรีบปลดออกเดี๋ยวนี้-----------」
「รอเดี๋ยวก่อนนะ เซอิจิคุง」
「เอ๋?」
「ถ้าที่นายพูดมาเป็นเรื่องจริงล่ะก็แปลว่าประเทศที่อัญเชิญพวกเรา...........อาณาจักรไคเซอร์
ตั้งใจให้สวมไว้ ถ้ากลับไปประเทศโดยที่สถานะถูกยกเลิกเห็นชัดเลยว่าได้มีปัญหายุ่งยากแน่」
「ถ้างั้นก็ไม่เป็นจำเป็นตัองกลับไปเลยนี่ครับ!」
「คงทำอย่างที่พูดไม่ได้หรอก」
「ทำไมล่ะ!?」
「...........ทั้งที่ไม่อยากให้นายต้องกังวลเกินความจำเป็นแท้ๆ..............
ตอนที่พวกเราถูกอัญเชิญมาพวกครูถูกจับไว้เป็นตัวประกันน่ะ」
「หา!?」
「ไม่ใช่แค่พวกครูเท่านั้น บางทีพวกคนที่ไม่มีคุณสมบัติในฐานะผู้กล้า..........
สรุปคือพวกนักเรียนที่ไม่เก่งการต่อสู้........ก็ถูกควบคุมตัวไว้เหมือนกัน」
「............」


ชั้นได้แต่นิ่งเงียบ
เพราะเนื้อหาที่ว่ามามันกระเทือนใจชั้นถึงขนาดนั้นเลย


「ฉันทำไม่ได้หรอกที่จะทอดทิ้งพวกเขาไป เพราะจะอะไรยังไงก็เป็นประธานนักเรียนนี่นา」
「...........」


แน่นอน ชั้นเองถ้าให้ตัดสินใจทอดทิ้งไปเลยก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
แต่สำหรับชั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกว่าคือพวกรุ่นพี่คันนะซึกิ
ชั้นไม่ใช่นักบุญอะไรที่ไหน
ไม่ว่าใครจะพูดยังไง สำหรับชั้นนอกจากพวกรุ่นพี่คันนะซึกิสุดท้ายก็เป็นแค่คนอื่น
อีกอย่างถึงชั้นอยากจะวาร์ปไปอาณาจักรไคเซอร์ด้วยเวทมนตร์ก็ไม่สามารถทำได้
นั่นเพราะวาร์ปที่อยู่ใน『เวทมิติ』ถ้าไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนก็ไม่สามารถใช้ได้
ต่อให้เป็น【ประดิษฐ์เวท】ของชั้นก็ไม่อาจหักล้างทฤษดีนั้นได้
ซึ่งนั่นก็เพราะไม่สามารถจินตนาการได้
ต่อให้ใช้【ประดิษฐ์เวท】สร้างเวททำให้มองเห็นภาพในที่ไกลๆได้ แต่เงื่อนไขในการวาร์ป
ไม่ใช่『เคยเห็น』แต่เป็น『เคยไป』เพราะงั้นจึงเป็นไปไม่ได้
ก่อนหน้านั้นเลยเวท『วาร์ป』เป็นเวทที่มีอยู่แล้วเพราะงั้นจึงไม่สามารถใช้【ประดิษฐ์เวท】ได้


「ถ้างั้นจะให้ทำยังไง--------」
「ตรงจุดนั้นแหละ เซอิจิคุงช่วยถอดออกโดยไม่ให้เสียหายได้มั้ย」
「เอ๋?」


ม ไม่ให้เสียหาย?
พอชั้นใช้เวท【ประธานาธิปดีลินคอน】ปลอกคอของออริก้าจังก็แหลกไปเลย แล้วจะทำได้เหรอ?
..........ถ้านึกภาพไม่ทำให้มันเสียหายก็รู้สึกว่าจะใช้เวทได้ตามภาพนั้น
ถึงไม่รู้เหตุผลที่ชั้นคิดว่าน่าจะทำได้ก็เถอะ
ต้องบอกว่าจากการที่ร่างกายกับจิตใจของชั้นรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างกายของชั้นเลยสื่อมาว่าทำได้กับความคิดของชั้น
..............ไม่ไหวคงได้แต่ลองเท่านั้น
พอยกกำไลที่สวมติดกับรุ่นพี่คันนะซึกิขึ้นมาชั้นก็นึกภาพที่หลุดออกมาแบบปกติ
ตามด้วยร่ายเวท【ประธานาธิปดีลินคอน】
และแล้ว-------------


「ถอดออกได้จริงๆด้วยสินะ」
「ถอดออกได้จริงด้วยแฮะ」
「ไม่ใช่แล้ว ถ้านายไม่รู้แล้วทำได้ไงล่ะ!?」


ถอดกำไลออกมาได้อย่างสวยงามโดยไม่เสียหาย
รุ่นพี่คันนะซึกิก็หยิบกำไลที่ถูกถอดขึ้นมาแล้วยื่นให้กับชั้น


「ดีล่ะ งั้นก็มาสวมให้ฉันสิ」
「ไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ」


ทำไมต้องเอาของที่อุตส่าห์ถอดออกมาได้สวมกลับเข้าไปอีก!? บ้าไปแล้วเหรอไง!?
แม้จะพูดด้วยปฏิกิริยาตอบโต้กับการกระทำที่ไม่รู้สาเหตุแน่ชัดของรุ่นพี่คันนะซึกิ
แต่รุ่นพี่คันนะซึกิกลับไม่แสดงท่าทางใส่ใจอะไรหนำซ้ำยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีก


「อยากถูกนายควบคุมนี่นา」
「สายไปซะแล้ว.............!」


พอชั้นเอามือกุมหัวพลางร้องตะโกน รุ่นพี่คันนะซึกิก็ยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังต่อ


「ล้อเล่นส่วนหนึ่งน่ะ」
「งั้นก็จริงจัง9ส่วนสินะ!?」
「เอาน่า ใจเย็นก่อน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ถ้ากลับไปประเทศโดยที่ไม่มีกำไลที่ควรจะสวมไว้
ต้องมีปัญหายุ่งยาก เรื่องนั้นไม่ผิดแน่」
「นั่นสินะครับ」
「ถ้างั้นก็เปลี่ยนผู้สวมให้ซะก็สิ้นเรื่อง ถ้าทำแบบนี้ความลับของทางโน้นก็ไม่แตก
หนำซ้ำได้ยังได้ถูกนายควบคุมด้วย.............ฉันนี่ช่างอัจฉริยะจริงๆ」
「อัจฉริยะแบบนี้ไม่อ๊าว!」
「ยังไงก็ตามแต่ไม่ต้องมีคำสั่งก็ได้แค่สวมให้ฉันอีกครั้งก็พอ ขอร้องล่ะ」


รุ่นพี่คันนะซึกิพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เอาเถอะ เรื่องที่พูดมาก็เข้าใจอยู่หรอก............
ขณะที่กำลังเถียงกันอยู่รุ่นพี่ก็มาคว้ามือชั้นโดยไม่ทันตั้งตัวแล้วจับให้สวมกำไลให้ทั้งอย่างนั้น


「อ้ะ!?」
「ฟุฟุ เท่านี้ฉันก็เป็นของนายแล้ว」


ทำไมรุ่นพี่ต้องพูดด้วยสีหน้าฟินสุดๆถึงขนาดนั้นด้วยอ่ะ


「เอาล่ะ รีบสั่งฉันมาเร็วๆสิ」
「ตะกี้พึ่งบอกอยู่หยกๆว่าไม่ต้องมีคำสั่งก็ได้ไม่ใช่เรอะ!บอกมาเองชัดๆ!?」
「เรื่องนั้นโกหกอยู่แล้ว อุตส่าห์ได้มาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอร่อยแบบนี้จะให้ซื่อตรงอยู่อีกเหรอ?」
「ยืดอกพูดมาได้เนอะ!」
「เอาเถอะน่าสั่งฉันมาสิ」
「จุดยืนมันกลับกันมั้ยเนี่ย!?」


ทั้งที่ชั้นควรเป็นคนมีสิทธิออกคำสั่ง ไหงกลายเป็นรุ่นพี่คันะซึกิสั่งชั้นแทนเนี่ย
ยิ่งกว่านั้นยังบอกให้『สั่งมา』อีก..........คนๆนี้ๆไม่เอาด้วยแล้ว
โดนจ้องงงงงงงมาแบบนี้ทำเอาชั้นขวัญผวาอย่างคาดไม่ถึงเลยวุ้ย
ขณะที่คิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ชั้นก็นึกออก


「ถ้างั้น รุ่นพี่คันนะซึกิ」
「ดีล่ะ ให้ฉันร่วมหลับนอนด้วยสินะ? วางใจได้เลย」
「เธอนี่ตกลงมองชั้นเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย!?」


กระแอมทีนึงแล้วชั้นก็หันหน้าไปหารุ่นพี่คันนะซึกิอีกครั้ง


「ถ้าอย่างนั้นจะสั่งล่ะนะ...........【ต้องรักษาตัวให้ดีที่สุด】...........นี่คำสั่งที่จะมอบให้เธอ」
「เซอิจิคุง............」
「ผมถือความสำคัญกับพวกรุ่นพี่คันนะซึกิมาก่อนครับ คำพูดอาจจะดูแล้งน้ำใจแต่ขอบอกเลยว่า
ถ้าพวกรุ่นพี่คันนะซึกิปลอดภัยล่ะก็นักเรียนคนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง
เพราะพวกรุ่นพี่เป็นคนสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด 」
「...........」
「ถึงรุ่นพี่บอกว่าอยากหลีกเลี่ยงไม่ให้ผมเข้ามาพัวพันด้วยแต่จนกว่ากำไลที่พวกโชตะใส่จะถูกถอด
ยังไงก็ต้องไปหาแน่นอนครับ」
「...........เรื่องกำไลของทุกคนน่ะ..........คงปฏิเสธไม่ได้แหละนะ ทั้งที่นายไม่ได้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ
ที่สำคัญฉันก็ไม่อยากดึงนายเข้ามาเกี่ยวด้วย.............ไม่ไหวเลยนะฉันนี่」
「รุ่นพี่คันนะซึกิ...........」
「............เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นให้ไปถอดกำไลของพวกโชตะก็ได้
ที่เหลือก็จะร่วมมือกับพวกโชตะพยายามปกป้องทุกคนให้เอง」


พูดแล้วรุ่นพี่คันนะซึกกิก็ยิ้มแล้วพูดกับชั้นต่อ


「แน่นอนว่าจะรักษาคำสั่งของนายไปด้วย...........แต่อยากได้คำสั่งรุนแรงกว่านี้จัง」


ประโยคสุดท้ายนั่นชั้นไม่ได้ยิน
12.jpg

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate