ตอนที่ 72 สัตว์ประหลาดสังเกตุเห็น
ชั้นตกใจอยู่กับเรื่องที่คาดไม่ถึงของ『ผลวิวัฒนาการ』
แต่พอบังเอิญหันไปสายตาไปหารุ่นพี่คันนะซึกิก็ได้พบกับรุ่นพี่คันนะซึกิที่แววตาตายไปแล้ว
「ฮะฮะฮะ.............ได้ฟังความลับที่ไม่รู้ของเซอิจิแบบนี้..........รู้สึกอิจฉาเหลือเกิน」
พูดคุยกันไปเรื่อยจนลืมรุ่นพี่คันนะซึกิสนิทเลย...........!
ก็แน่ล่ะสิ รุ่นพี่คันนะซึกิไม่รู้เรื่อง『ผลวิวัฒนาการ』นี่นา!
ถ้าถามคุณเบียทริสเวลาอื่นก็รอดไปแล้ว!
ขณะที่กำลังคิดว่าจะพูดกับรุ่นพี่คันนะซึกิยังไงดี ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
「จะว่าไป พวกโชตะเป็นยังไงกันบ้างครับ?」
ชั้นพูดพลางหันสายตาไปมองรอบๆ
แต่ไม่ต้องพูดถึงพวกโชตะเลยแม้แต่ผู้กล้าคนอื่นๆก็ไม่เห็นในโรงอาหารด้วยซ้ำ
และแล้วรุ่นพี่คันนะซึกิก็พลิกจากสีหน้าคนตายมาเป็นสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อยแล้วบอกกับชั้น
「เซอิจิคุง การจะอธิบายเรื่องนั้นคงจำเป็นต้องอธิบายถึงสภาพในปัจจุบันของพวกเราก่อน」
「เอ๋?」
「ขอบอกตามตรง พวกเราที่เป็นผู้กล้านั้น............ถูกโรงเรียนนี้มองเป็นศัตรูอยู่」
「หา!?」
จู่ๆบอกมาแบบนั้น ชั้นที่ช็อกกับสภาพความเป็นจริงเลยส่งเสียงตกใจ
พร้อมกันนั้นคุณเบียทริสก็พูดเสริมมาให้
「..........ถึงจะพูดลำบากแต่............สิ่งที่คุณคันนะซึกิพูดเป็นความจริงค่ะ」
「อะไรกัน..........ทำไมสถานการณ์ถึงเป็นแบบนี้!? ล แล้วทำไมรุ่นพี่คันนะซึกิถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ!?
รุ่นพี่คันนะซึกิมาอยู่ตรงนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับ!?」
「ฮิ.........พอดีลางสังหรณ์ของฉันกระซิบบอกว่าถ้าไม่ไปโรงอาหารแล้วจะเสียใจน่ะ
อีกอย่างแม้จะเบาบาง..........แต่ก็ได้กลิ่นของเซอิจิด้วย」
「โอเค ไม่เข้าใจเลยสักนิด!」
ดูท่าเป็นสิ่งที่เกินขอบเขตความเข้าใจของชั้นไปซะแล้ว
「แล้วก็เพราะฉันพอจะวางตัวได้เก่งถึงจะไม่สมบูรณ์แบบแต่เมื่อเทียบกันคนอื่นแล้ว
ความรู้สึกเป็นศัตรูเลยน้อยกว่า อีกทั้งคอยอยู่ในสายตาของพวกครูด้วย
เลยไม่มีสถานการณ์ที่ถูกเข้ามาหาเรื่อง และต่อให้ถูกหาเรื่องก็มีพลังในระดับที่ป้องกันตัวได้
ถึงยังไงก็เป็นคนที่มีความสามารถเป็นอันดับต้นๆของพวกผู้กล้าเชียวนะ
เพราะงั้นวางใจเถอะ」
「อ อย่างนั้นเหรอครับ.........」
ขณะที่โล่งใจกับการที่ได้รู้ว่าไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาหาเรื่อง
รุ่นพี่คันนะซึกิก็จ้องมองชั้นด้วยแววตาดำมืด
「ไม่ต้องห่วงไปหรอก เพราะยังไงความบริสุทธิ์ของฉันก็ไม่มอบให้ใครนอกจากนายเท่านั้น 」
「ถึงจะคนละความหมายแต่อดห่วงไม่ได้แล้วสิ!」
「ไม่ต้องห่วงหรอก มาทะลวงผ่านความบริสุทธ์ของฉันไปได้เลย
จะหลงเหลือรอยแผลที่ไม่มีวันหายไปก็ไม่เป็นไร ช่วยมาทำให้ฉันแปดเปื้อนที」
「จะเปิดบริสุทธ์ไปถึงไหน...........!」
ชั้นไม่รู้จักรุ่นพี่คันนะซึกิในแบบนี้เลย!ไม่สิ ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ!
ชั้นที่ภูมิต้านทานเรื่องนั้นต่ำเลยเผลอเอาสองมือขึ้นมาปิดหน้าหนี
เดิมทีทำไมถึงมาพูดคุยเรื่องอย่างนั้นกับคนอย่างชั้นล่ะ!?
ที่โลกเดิมก็ได้ยินว่ารุ่นพี่คันนะซึกิเป็นที่รักของใครต่อใครไม่ใช่เรอะ!?
ขณะที่สมองเกิดอาการช็อกเฉียบพลัน อัลที่อารมส์ชักจะไม่ดีแล้วก็ถามรุ่นพี่
「แล้ว? ตกลงเธอต้องการจะทำอะไรกับเซอิจิหา?」
「อยากเอาไปขัง」
「หลุดความต้องการจริงๆออกมาแล้วอ่ะ!」
เนื้อหาที่ตอบทันทีนี่จะโหดไปไหน!จะทำยังไงดีฟะเนี่ย!?
ทันใดนั้นรุ่นพี่ทำสีหน้าช็อกแล้วพูดออกมา
「อ อะไรกัน...........ทั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องของเซอิจิคุงมากขนาดนี้.............ทั้งที่ฉันมีแค่เซอิจิคุงเท่านั้น
หากเซอิจิคุงต้องการไม่ว่าอะไรก็มอบให้ทั้งนั้น...........ไม่สิ จะทำให้ทั้งนั้น」
「เข้าใจล่ะ งั้นช่วยกลับเป็นปกติทีเถอะครับ」
「ฉันก็ปกติอยู่แล้วนี่นา?」
「สายไปแล้วเหรอเนี่ย...............!」
ไม่มีท้างไม่มีทาง มันห่างจากคำว่า『ปกติ』ที่ชั้นรู้แบบคนละเรื่องเลยนะ?
ระหว่างที่ชั้นไม่รู้ คำจำกัดความของคำว่า『ปกติ』เปลี่ยนไปแล้วเหรอ? เปลี่ยนไปแล้วสินะ?
「เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...........」
「ไว้ก่อนได้เรอะ!」
「ความจริงที่ชั้นมาพบกับเซอิจิคุงในวันนี้ก็มีเหตุผลสำคัญอยู่」
「เหตุผลสำคัญ?」
พอชั้นเอียงคอ รุ่นพี่คันนะซึกิก็ชี้นิ้วมาที่ฮู้ดของชั้น
「ว่าแต่เซอิจิคุงถึงจะไม่ปิดบังเรื่องชื่อแต่สภาพในตอนนี้ทำให้ไม่เห็นหน้าตาเลยนะ」
「นั่น............สินะครับ พอดีตั้งใจจะปิดบังตัวตนเลยสวมฮู้ดไว้.........อ้ะ จะให้รุ่นพี่คันนะซึกิดูก็ได้ครับ
เผื่อตอนที่ผมถอดฮู้ดจะทำให้จำไม่ได้」
「เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ว่านายจะเป็นแบบไหนก็รู้ได้ทันทีอยู่แล้ว」
「โอ้โห ทำเอากังวลขึ้นมาอีกแบบเลยนะเนี่ย!?」
แหงล่ะ ก็เล่นจับสัมผัสตัวตนของชั้นโดยใช้แค่กลิ่นหรือลางสังหรณ์นี่นา!
ล้ำลึกกันแบบสุดๆไปเลย!
「เหตุผลที่ฉันมาพบคือจะมาบอกว่าไม่ให้เซอิจิคุงยุ่งเกี่ยวกับพวกฉัน」
「หา!? ทำไมล่ะครับ!?」
「เพราะไม่อยากให้นายต้องมาพัวพันด้วยน่ะ」
รุ่นพี่คันนะซึกิพูดแล้วก็หันสายตาไปทางพวกซาเรีย
「เซอิจิคุงในตอนนี้เทียบกันโลกเดิม...........เห็นได้เลยว่ามีความสุขเหมือนตอนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่」
「เรื่องนั้น...........」
ก็จริงนะแม้จะถูกรังแกแต่ตอนที่พ่อแม่อยู่ชั้นก็มีความสุขจนไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้นเลย......
「ฉันไม่อยากทำลายความสุขนั้นของนาย สำหรับฉันแล้วการที่เซอิจิมีความสุข
เป็นเรื่องที่น่ายินดีเหนือสิ่งอื่นใด」
「...........」
「เพราะงั้นเลยไม่อยากให้นายมายุ่งเกี่ยวกับผู้กล้าอย่างพวกฉัน..........ไม่สิ กับอาณาจักรไคเซอร์
เพื่อการนั้นเลยอยากให้นายปิดบังใบหน้าจริงอยู่แบบนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องชื่อ โลกนี้ก็มีประเทศตะวันออก
ที่พวกคนในประเทศมีการตั้งคล้ายๆกัน คงไม่ทำให้คิดว่านายมาจากโลกเหมือนอย่างพวกเรา
ต่อให้มองจากพวกในห้องผู้กล้าก็ตาม พวกโชตะเองก็คงไม่รู้สึกตัวล่ะมั้ง? แต่ถ้าไปพูดคุยกันก็ไม่แน่
ขอแค่ภายนอกสวมฮู้ดเอาไว้ก็ต่างจากเดิมมากพอแล้วล่ะ」
รุ่นพี่พูดด้วยสีหน้าจริงจังจากนั้นก็แสดงสีหน้าเปล่าเปลี่ยวออกมา
「อย่างที่เคยบอกไป สถานะของห้องผู้กล้าอย่างพวกฉันในโรงเรียนนี้ถือว่าอันตรายอย่างมาก
สาเหตุหลักก็มาจากค่าสถานะอันเหนือชั้นของผู้กล้า และด้วยศักยภาพนี้ทำให้เกิดการแบ่งแยก
ดูแคลนผู้คนรอบข้าง.............ฮึ ดูยังไงก็กรรมตามสนองชัดๆ」
「.........」
「ช่างเถอะ เรื่องหน้าตาที่แท้จริงของนาย............ก็อยากเห็นอยู่
พอสมควร..........ไม่สิ..........มากเลย............ฮึ่ย เจ้าพวกผู้กล้าเอ้ย..............!」
คือว่ารุ่นพี่คันนะซึกิ? คุณก็เป็นผู้กล้าด้วยนะ? แถมยังเป็นประธานนักเรียนอีกด้วย!?
เพราะงั้นอย่าหลุดความรู้สึกส่วนตัวออกมาเซ่!
「อะแฮ่ม เอาเถอะ สำหรับฉันยังไงก็ได้พบกันอีกครั้ง.........ถึงไม่อยากแยกจาก
อยากอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต...........แต่เพื่อความสุขของนาย ต้องอดทนไว้」
ขอโทษครับ แต่ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดๆ
「อ้ะ? แต่...........ถ้าเกิดถูกเห็นว่ามาพูดคุยกันแบบนี้จะไม่แย่เหรอครับ?」
「เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เลือกที่นั่งที่คนรอบๆน้อยเผื่อไว้แล้ว และที่สำคัญมีครูเบียทริสอยู่ด้วย
อย่างมากก็บอกว่ามาถามคำถามกับครูแค่นี้ก็ไม่ถูกซักไซ้แล้ว อีกอย่างที่คุยกันตรงนี้ก็ไม่ได้มีแค่เซอิจิคุง
ให้เห็นว่าไม่ได้เจาะจงมาคุยกับเซอิจิคุงแค่นี้ก็พอแล้ว」
คิดเผื่อไว้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ............
แต่ว่าถึงรุ่นพี่คันนะซึกิจะบอกไม่ให้มายุ่งเกี่ยวแต่ชั้นพยักหน้ารับง่ายๆไม่ได้หรอก
「........แม้จะบอกว่าเพื่อผมแต่ให้ยอมรับคงไม่ได้หรอกครับ」
「มีแค่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่ต่อให้เป็นคำขอของนายก็ไม่สามารถตอบรับได้
ถ้าเกิดสมมติว่านายพยายามจะมาพูดคุยกับพวกเรา พวกเราก็จะแกล้งทำเป็นคนไม่รู้จัก
เรื่องนี้เคยคุยไว้กับพวกโชตะมาแล้วด้วย และต่อให้นายพยายามจะไปติดต่อกับพวกที่เคยแกล้งนาย
ก็ไม่มีความหมาย พูดแรงหน่อยก็คนที่พูดคุยด้วยได้ก็มีแค่เพื่อนของนายที่มีจำนวนน้อยนิดใช่มั้ยล่ะ?」
「อึก」
เถียงกลับไปไม่ได้เลย ก็ชั้นมันเพื่อนน้อยนี่หว่า!แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้น้อยซะหน่อย!
ว่าแต่ ทั้งที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าชั้นอยู่โรงเรียนนี้ไปคุยกับพวกโชตะตอนไหนกัน!?
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ก็จริงนะถึงชั้นจะไปติดต่อกับห้องผู้กล้าแต่นอกจากพวกรุ่นพี่คันนะซึกิแล้ว
ก็ไม่มีประโยชน์ แถมในตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็อย่างว่าก่อนหน้าที่จะมาโลกนี้
ก็ถูกรังแกมาหลายปี การต้องไปเจอพวกที่เคยรังแกทำให้รู้สึกแย่ด้วย
แต่แน่นอนว่าต่อให้บังเอิญไปเจอกันก็ไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว หนำซ้ำยังสวนคืนได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ถ้าพวกรุ่นพี่คันนะซึกิแกล้งทำเป็นคนไม่รู้จักก็จบกัน
.............ไม่สิ ถ้าแกล้งทำเป็นคนไม่รู้จัก ชั้นก็ไปคบเป็นเพื่อนอีกครั้งซะเลยแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วนี่นา?
ถึงจะเข้าใจว่าที่รุ่นพี่คันนะซึกิทำก็ด้วยความหวังดี
แต่ถึงอย่างนั้นจะให้ชั้นทิ้งพวกรุ่นพี่คันนะซึกิน่ะทำไม่ได้หรอก
「ยังไงก็ตามแต่นายไปใช้ชีวิตตามสบายเถอะ
ฉันเองถ้าจบหน้าที่ในฐานะผู้กล้ายังไงก็ต้องกลับมาหานายอยู่แล้วล่ะ」
「.............」
ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไปยังไงรุ่นพี่คันนะซึกิก็คงไม่เปลี่ยนความคิด นี่ไม่ได้จะอวดว่ารู้ดี
เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กนะ ถ้ารุ่นพี่คันนะซึกิตัดสินใจไปครั้งหนึ่งล่ะก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้แทนที่จะเถียงกลับไปสู้เปลี่ยนเรื่องไปตามความเหมาะสม
ทิ้งเรื่องให้ค้างคาจะดีกว่า
「อ้ะ จะว่าไปรุ่นพี่คันนะซึกิบอกว่าเพราะเป็นรุ่นพี่เลยมาที่โรงอาหารนี้ได้ไม่เป็นไร
ถ้างั้นพวกโชตะกินอาหารกลางวันกันยังไงเหรอครับ?」
ถึงจะดูเป็นการบังคับเปลี่ยนเรื่องพูดแต่เพราะเวลารุ่นพี่คันนะซึกิตัดสินใจเรื่องอะไรไป
ก็จะตั้งสมาธิแต่กับเรื่องนั้นเลยไม่ทันรู้ตัวกับการเปลี่ยนเรื่องที่ไม่เป็นธรรมชาติ
「อาหารของผู้กล้าคนอื่นเหรอ? ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง
อาหารของพวกเขามีจัดเตรียมไว้ส่งไปให้ถึงห้องผู้กล้าเลยล่ะ」
เป็นคนดังจากที่ไหนฟะ ที่มันไม่ใช่การปฏิบัติกับนักเรียนธรรมดาๆแล้วเนี่ย?.........อ้ะ ก็เป็นผู้กล้านี่นา
「นี่มันจะไม่เว่อร์เกินไปหน่อยเหรอครับ.............
แต่ถ้ารุ่นพี่เป็นคนพูดมาเองสถานะก็คงอันตรายถึงขนาดนั้นล่ะมั้ง」
ก็รุ่นพี่คันนะซึกิน่ะเป็นถึงลูกสาวของ【คันนะซึกิกรุ๊ป】ความสามารถที่ใช้ในการคาดคะเน
บรรยากาศรอบข้างหรือสายตาของผู้คนย่อมไม่แพ้ใครอยู่แล้ว
เพราะงั้นถึงการบอกว่าอันตรายดูจะเป็นการพูดเกินไป
แต่ถ้าเป็นคำพูดจากรุ่นพี่คันนะซึกิล่ะก็ควรระวังไว้จะดีกว่า
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่ ก็เจอกับสายตาขุ่นมัวของรุ่นพี่คันนะซึกิอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว
「เอาล่ะ เซอิจิคุง คงจะไม่ได้พบกันอีกสักพัก
เพราะงั้นช่วยส่งฟิกเกอร์ตัวเธอเมื่อสมัยก่อนที่สร้างเมื่อกี้มาให้ทีสิ」
「ขอไม่ให้ได้มะ!?」
「แล้วก็ช่วยสร้างขนาดเท่าของจริงให้ด้วยนะ」
「มีการสั่งเพิ่มอีกแน่ะ!」
ขณะที่กุมหัวพลางตบมุข รุ่นพี่ก็ยิ้มพลางลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
「เอาล่ะ ฉันคงต้องไปแล้ว พักกลางวันเองก็หมดเวลาแล้วด้วย」
「คือว่า..........」
「อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ทันทีที่พักกลางวันจบลงถือว่าฉันกับนายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันนะ」
「...........」
「............ยังไงก็ตามที่นายปลอดภัย.........ไม่สิ มีความสุขนี่รู้สึกดีใจจริงๆ」
รุ่นพี่คันนะซึกิยิ้มแบบเหงาๆ
「ถ้างั้นก็ไว้เจอกันใหม่ คราวหน้าที่เจอขอเป็นคันนะซิกิ คาเร็นที่เป็น『เพื่อนสมัยเด็ก』
ไม่ใช่คันนะซึกิ คาเร็นที่เป็น『ผู้กล้า』แล้วกันนะ」
พูดเพียงแค่นั้นรุ่นพี่คันนะซึกิก็หันหลังจากไป
ชั้นจ้องมองแผ่นหลังนั้น
แล้วในเวลานั้นเองก็บังเอิญสังเกตุเห็นกำไลข้อมือหยาบๆที่ข้อมือของรุ่นพี่คันนะซึกิ
กำไลนั่น.......เคยมีใส่ด้วยเหรอ?
แม้จะนึกภาพของรุ่นพี่คันนะซึกิเมื่อสมัยก่อนก็จำไม่ได้เลยว่าเคยใส่กำไลอย่างนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าให้พูดก็คือกำไลที่รุ่นพี่คันนะซึกิใส่ดูแล้วชวนให้นึกถึง【ปลอกคอสวามิภักดิ์】
ที่ออริก้าจังเคยใส่ขึ้นมา
ชั้นที่ถูกชักนำด้วยความกังวลอย่างบอกไม่ถูกเลยรีบใช้สกิล『ตรวจสอบ』กับกำไลของรุ่นพี่คันนะซึกิ
และแล้ว----------
【กำไลสวามิภักดิ์】
ข้างในของชั้นมีอะไรสักอย่างขาดผึง