ตอนที่ 71 ความจริง
รุ่นพี่คันนะซึกิที่ไฟมอดจนหมดพอฟื้นกลับคืนมาได้ก็เริ่มหัวเราะแบบเสียสติ
「ฮะ ฮะฮะฮะ...........ฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ」
「กลัวกลัวกลัวกลัว!รุ่นพี่คันนะซึกิ น่ากลัวเกินไปแล้วครับ!?」
พอเห็นหัวเราะแบบตาไร้ความรู้สึกเลยเผลอถอยหนีออกมา
เป็นใครก็กลัวทั้งนั้นแหละ!
「ฉันนี่บ้าจริงๆ ทั้งที่เรื่องเซอิจิคุงมีเสน่ห์ฉันน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด.............
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ」
「ร รุ่นพี่........?」
รุ่นพี่คันนะซึกิก้มหน้าพึมพำงึมงำอะไรสักอย่าง
ไม่นานนักรุ่นพี่คันนะซึกิก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม
「ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องจับมัดมือมัดเท้าเอาไปขังไม่ให้มีใครเข้าใกล้ได้ซะแล้ว」
「คุณทหารคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!」
ถึงกับขังนี่ไม่ไหวแล้ว!ใครก็ได้พาคุณทหารผู้เก่งกาจจากเทลเวลมาคุ้มครองชั้นที!
「ฟุฟุฟุ.........ไม่ต้องพาทหารที่ไหนมาหรอก เพราะต่อให้พาใครมาก็ขวางฉันไม่ได้ทั้งนั้น?
ก็ร่างกายและหัวใจของฉันเป็นของเซอิจิคุง ส่วนร่างกายและหัวใจของนายก็.........เนอะ.........」
「อ่านใจของผมได้ด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!
Help!Helppppppppppppppppppppppppppppppppppp!」
「ฟุฟุฟุฟุฟุ นี่ก็เป็นความสามารถที่ได้จากความคิดที่มีต่อนายไงล่ะ
สายตาของชั้นสะท้อนแต่ภาพของนาย ช่วยรับความรักอันคลั่งไคล้นี้ไปที....................」
เป็นความรักที่หนักมาก!ไม่สิ ชั้นยังมีเวลามานั่งเล่นมุขรุ่นพ่อแบบนี้อยู่อีกเรอะ!?
เผลอเกลียดร่างกายของตัวเองที่บ้าบอแบบนี้ขึ้นมาเลย!
ทำไมรุ่นพี่คันนะซึกิถึงพูดประโยคน่ากลัวแบบหน้าชื่นตาบานได้เนี่ย
...............แต่ตาไม่มีแววเลยอ่ะนะ
ขณะที่กอดตัวเองพลางตัวสั่น อัลก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างชั้นกับรุ่นพี่คันนะซึกิ
「ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องเป็นยังไง.................แต่ก่อนอื่น ถ ถอยออกไปจากเซอิจิของข้านะ?」
ค คุณอัล..............เท่ห์จัง!กอดที!แล้วช่วยปลอยโยนชั้นที!
ขณะที่อัลกำลังเผชิญหน้ากับรุ่นพี่คันนะซึกิ คุณเบียทริสก็พูดออกมาอย่างเก้ๆกังๆ
「เอ่อ...........จะไปกินข้าวเที่ยงกันมั้ยคะ?」
คุณเบียทริส คุณน่ะเป็นคนหันดีที่หาได้ยากเลยครับ
◆◇◆
พอรุ่นพี่คันนะซึกิกับอัลพักรบกันชั่วคราว พวกเราก็ไปสั่งอาหารแล้วไปหาที่ว่างนั่งกัน
ซาเรียไม่ได้ใส่ใจอะไรกับท่าทางของรุ่นพี่คันนะซึกิ มานั่งกินแฮมเบิร์กอยู่ข้างๆชั้นอย่างเอร็ดอร่อย
พอเผลอมองภาพนั้นด้วยความโล่งใจ ซาเรียมองมาทางชั้นแล้วเอียงคอ
「? มีอะไรเหรอ?」
「เปล่า............พอมองซาเรียแล้วมันรู้สึกช่วยเยียวยาจิคใจน่ะ」
「เอ๋? จริงเหรอ~? เอะเฮะเฮะ~เขินอ่ะ............แต่ก็ดีใจจัง!」
ซาเรียที่ยิ้มหน้าบานก็กลับไปกินต่อ
ที่เหลือก็ออริก้าจังไม่ได้สนใจรุ่นพี่คันนะซึกิอะไรเหมือนกันโดยนั่งกินข้าวไข่เจียวเหมือนกับชั้น
และไม่จำเป็นต้องบอกเลยคือรูรูเนะนั้นกินอาหารคนเดียวถึงสามชุด.............ที่สั่งมาก็มี
『ชุดแฮมเบิร์ก』『ชุดข้าวไข่เจียว』『ชุดปลาย่าง』ซึ่งกินแบบตาเป็นประกายไปด้วย
.............เห็นว่าอดกลั้นความอยากอาหารไว้อยู่นะเนี่ยถึงได้สั่งมาแค่นี้
ยัยนี่คงเส้นคงวาดีจริงๆ
ขณะที่แอบคิดอิจฉารูรูเนะ อัลก็ถามรุ่นพี่คันนะซึกิด้วยสีหน้าจริงจัง
「แล้ว? ตกลงเธอน่ะเป็นใครกัน? เห็นพูดว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเซอิจิ.............」
กับคำถามที่อยู่ๆก็เข้าประเด็นสำคัญนั้นรุ่นพี่คันนะซึกิก็ตอบให้โดยไม่ปิดบังอะไร
「ตามที่เธอพูด ฉันกับเซอิจิเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
และเป็นคนที่รู้จักกันในนาม『ผู้กล้า』ที่มาจากต่างโลก」
「อะไรนะ? 『ผู้กล้า』? ............หือ? เดี๋ยวนะ? งั้นหมายความว่า เซอิจิก็.............」
อัลทำหน้าตกใจพลางหันสายตามาทางชั้น
คุณเบียทริสที่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวก็หันมาทางชั้นด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน
..............ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรสักหน่อย แค่ไม่มีโอกาสบอกเท่านั้นเอง-------------นี่ไม่ได้แก้ตัวนะ
ชั้นเลยถอนหายใจแล้วบอกกับพวกซาเรียทุกคน
「ใช่แล้ว ชั้นก็เหมือนกันรุ่นพี่คันนะซึกิเป็นคนที่มาจากต่างโลก
ทว่า ไม่ได้เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่าง『ผู้กล้า』อะไรแบบนั้นหรอก」
ใช่ ชั้นไม่ใช่『ผู้กล้า』อะไรทั้งนั้น ก็ไม่ได้ถูกอัญเชิญมาในฐานะผู้กล้านี่นา
「หา? ตกลงมันหมายความว่ายังไงกัน?
ตามที่ข้ารู้มาอาณาจักรไคเซอร์ก็อัญเชิญ『ผู้กล้า』มาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ.............」
「ฮะฮะฮะ...........ก็นะ พอดีชั้นเป็นคนที่ถูกรังแกจากต่างโลก
ตอนที่ถูกส่งมาโลกนี้เลยไม่ได้เข้าร่วมเวทอัญเชิญ『ผู้กล้า』กับเขาด้วย」
「หา!?」
อัลตะลึงกับคำพูดของชั้น
「ถึงตอนนี้ชั้นจะทั้งผอมและสูงขึ้น..............แต่ที่โลกเดิมชั้นรูปร่างหน้าตาห่วยชนิดเหลือรับ
เลยถูกทุกคนรังเกียจน่ะ」
ถึงการถูกรังแกจะขมขื่นแต่เพราะชั้นมีคนที่มองในฐานะเพื่อนอยู่ชั้นเลยยังทนได้
แล้วชั้นก็ถามคำถามที่อดถามไม่ได้กับอัลที่ตะลึงจนพูดไม่ออกด้วยความกังวล
「อัล...........ผิดหวังกับชั้นรึเปล่า?」
「หา?」
「ก็ต่างกับที่เห็นแบบคนละเรื่องนี่นา? รูปร่างหน้าตาระดับที่ว่าน่าขยะแขยง
แถมตอนนี้เพราะได้สกิลช่วยเลยระงับเรื่องกลิ่นเหม็นอะไรพวกนี้ได้?
สุดท้ายชั้นในตอนนี้ก็แค่รูปร่างชั่วคราวเท่านั้นเอง」
ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าไม่ได้คิดมากอะไรกับการบอกเรื่องที่ชั้นมาจากต่างโลกเหมือนกับพวกผู้กล้า
ทว่าพวกอัลจะคิดยังไงกับรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของชั้น............นี่แหละที่กลัวมากที่สุด
แต่พวกอัลบอกชอบชั้นเพราะฉะนั้นชั้นเองก็ต้องบอกความจริงกลับไป
แม้จะสายป่านนี้แล้วแต่จะหันหน้าหนีต่อไปไม่ได้
ต้องเปิดเผยเรื่องตัวชั้นเมื่อสมัยก่อนเพื่อให้สมกับพวกซาเรียแม้สักนิดก็ยังดี
เพราะงั้นการที่บังเอิญมาพบกับรุ่นพี่คันนะซึกิถือเป็นโอกาสดีที่ให้ชั้นได้เตรียมใจบอกเรื่องของตัวเอง
แล้วชั้นก็นึกถึงภาพตัวเองตามความทรงจำ
พลางสร้างเวทแสดงตัวชั้นเมื่อสมัยก่อนขนาดฝ่ามือให้พวกอัลดู
「【Figure】」
พอพูดชื่อเวทที่ชั้นสร้างขึ้นใหม่ออกมา ก็ปรากฏเป็นตัวชั้นเมื่อสมัยก่อนบนฝ่ามือของชั้น
สำหรับเรื่องนี้ในหัวก็มีเสียงแจ้งชนิดที่สร้างมาว่าเป็น『เวทเซอิจิ』อีกแล้วแต่ช่างมันเถอะ
รูปร่างทั้งเตี้ยและอ้วน สิวเต็มหน้า ถึงแม้จะไม่มีกลิ่นตัวส่งออกมา
แต่เพียงเท่านี้ก็แสดงถึงรูปร่างอันน่ารังเกียจได้มากพอแล้ว
「นี่แหละคือชั้นเมื่อสมัยก่อน ตัวชั้นที่ไม่มีพลังได้แต่ถูกรังแก」
「เซอิจิคุง.............」
รุ่นพี่คันนะซึกิมองดูฝ่ามือของชั้นด้วยสีหน้าเศร้า
.............มันไม่ดีจริงๆนั่นแหละ ทั้งซาเรียทั้งอัลควรจะไปอยู่กับคนที่คู่ควรมากกว่าคนอย่างชั้น
เพราะงั้น----------
「เซอิจิก็คือเซอิจิใช่มั้ยล่ะ?」
ซาเรียพูดมาตามตรงแบบนั้นพลางเอียงคอเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
「เอ๋?」
「ก็บอกว่าเซอิจิก็คือเซอิจิใช่มั้ยล่ะ?
เซอิจิเมื่อสมัยก่อนกับเซอิจิในตอนนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยไม่ใช่เหรอ?」
「จ จะเป็นอย่างนั้นได้ไงล่ะ? ดูดีๆสิ น่ารังเกียจออกเห็นมั้ย?」
「ทำไมเหรอ? ทำไมต้องรังเกียจเซอิจิด้วยล่ะ?」
「ทำไม........ก็รูปร่างหน้าตาแบบนี้........」
「ถึงรูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปแต่นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปใช่มั้ยล่ะ?」
「หา? ก ก็นะ คิดว่านิสัยไม่ได้เปลี่ยนหรอก..............」
「อื้ม นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปแน่นอน」
ไม่รู้ยังไงแต่รุ่นพี่คันนะซึกิมาร่วมช่วยยืนยันให้ชั้นด้วย
「ก็แบบนั้นแหละ!」
「เอ๋?」
「ที่ฉันชอบคือคนที่คอยตกใจกับเรื่องเล็กน้อย คอยตบมุข บ็องๆ........ชอบเอะอะโวยวายอยู่เสมอ
เซอิจิที่สนุกสนานแบบนั้นยังไงล่ะ!」
「ซาเรีย」
「ฉันน่ะเพราะเซอิจิเป็นแบบนั้นถึงได้ชอบ!ทั้งสมัยก่อนทั้งตอนนี้และจากนี้..........ตลอดไป!
เพราะเป็นเซอิจิ.............เซอิจิเท่านั้น ชอบที่สุด!」
「!」
ซาเรียยิ้มอย่างใสซื่อพูดแบบนั้นกับชั้น
อัลเองก็ทำท่าแบบหน่ายๆพลางพูดกับชั้นที่ยังอึ้งอยู่
「คิดว่าจะพูดอะไรซะอีก............ก็แล้วมันยังไงล่ะ?」
「อัลก็ด้วยเหรอ............」
「เซอิจิ นายได้เห็นอะไรที่เทลเวลมาบ้าง? แค่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว
จะไปเกลียดนายได้ยังไง? ---------อย่ามองตัวเองต่ำนักสิ」
「..........」
「ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น พวกที่เทลเวลเองก็ด้วย เจ้าพวกนั้นถึงขนาดยอมรับข้าที่ถูกเรียกว่า
≪ภัยพิบัติ≫ได้ แล้วทำไมจะมาเกลียดนายกับเรื่องแค่นี้?
≪ภัยพิบัติ≫ของข้าสำหรับเจ้าพวกนั้นมันก็แค่จุดเด่นอย่างหนึ่ง
เพราะงั้นรูปร่างหน้าตาของนายมันก็แค่จุดเด่นของ『เซอิจิ』เท่านั้นแหละ
ต่อหน้าเจ้าพวกนั้นน่ะไม่มีใครมาใส่ใจเรื่องปมด้วยส่วนบุคคลแบบนี้หรอก」
ในหัวของชั้นก็มีภาพของพวกกิลด์ศูนย์ใหญ่ที่ใช้ชีวิตซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเองลอยขึ้นมา
และก็ลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นชั้นในสภาพเมื่อสมัยก่อนไปที่กิลด์ศูนย์ใหญ่ จะเป็นยังไงบ้าง?
และแล้ว...........
『อุ!เซอิจิคุง!พุงหย่อนใหญ่แล้วนะ!มาสิ มาสร้างกล้ามเนื้ออันเจิดจรัสด้วยกันกับฉัน!
ก่อนอื่นก็ต้องฟิตกล้ามท้องเบาะๆสักหมื่นครั้ง!』
『อ้าว รูปร่างของคุณนี่............ไม่คิดอยากจะให้ทุกคนในเมืองได้เห็นบ้างเหรอ? คิดสินะ?
งั้นเรามาเปลือยกันเถอะ!มาปลดปล่อยสู่อิสระภาพอันแท้จริง...............!』
『ยาราไนก๊ะ?』
คิดได้แต่ภาพจินตาการที่ยอมรับกันง่ายๆ หนำซ้ำยังมาดึงให้เข้าร่วมรสนิยมของพวกตัวเองอีกต่างหาก
ขณะที่กำลังสั่นกลัวกับข้อเท็จจริงนั้น อัลก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางพูด
「อีกอย่าง............ตามที่ซาเรียบอกไป ข้าเองก็เพราะเป็นนายถึงได้ชอบ
นายที่ยอมรับทั้งหมดของข้ารวมไปถึง≪ภัยพิบัติ≫ของข้าด้วย............. 」
「............」
「วิธีการพูดแบบนี้อาจไม่สมเป็นข้า...........แต่ตอนนี้เท่านั้นขอพูดให้ชัดๆเลยแล้วกัน」
พอเกริ่นมาแบบนั้นแล้วอัลก็หน้าแดงด้วยความเขินอายพร้อมพูดมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
「ข้านอกจากเซอิจิแล้วชอบใครไม่ได้ทั้งนั้น ถึงความคิดจะดูเป็นสาวน้อยไปหน่อย...............
แต่ขอบอกเลยว่าคู่ชีวิตของข้าคือเซอิจิ」
「!」
「ไม่ว่าก่อนหรือหลังจากนี้คู่ของข้า---------คือเซอิจิ มีแค่นายคนเดียวเท่านั้น」
อัลเขินอายจนเห็นได้ชัดพลางพูดกับชั้นอย่างนั้น
.............ถึงขนาดนั้นทำไมกัน---------
「...........เซอิจิโอนี่จัง」
「ออริก้าจัง?」
「...........ฉันเป็นเด็กต้องสาป แต่............เซอิจิโอนี่จังก็ไม่ใส่ใจ ...........รู้สึกดีใจมากเลย」
「............」
「...........ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้เซอิจิโอนี่จังก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
แม้ฉันจะพึ่งได้อยู่ด้วยกันไม่นาน........ก็ยังรู้」
「............」
「..........ขมขื่นก็ช่วยกอดให้ ..........ช่วยลูบให้ ...........เพราะงั้นคราวนี้.........ถึงตาฉันบ้างแล้ว」
พูดแล้วออริก้าก็เข้ามาหาชั้นใช้ร่างกายเล็กๆนั้นกอดชั้นไว้แล้วลูบหัวให้อย่างอ่อนโยน
「...........เด็กดีเด็กดี」
คำพูดของซาเรีย อัลรวมถึงออริก้า..............พอรู้สึกตัวอีกทีชั้นก็น้ำตาไหลออกมา
ถึงจะเชื่อในตัวพวกซาเรียแต่ถึงอย่างนั้นก็อดกลัวที่จะแสดงตัวเองเมื่อสมัยก่อนไม่ได้
ถึงในหัวจะเดาผลได้ไม่ยากแต่ยังไงในใจก็ยังกลัวอยู่ดี
เพราะงั้นถึงได้...............ดีใจที่สุด
ตัวชั้นในอดีตได้ถูกยอมรับแล้ว-----------
「!」
ทันใดนั้นร่างกายของชั้นก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น
ไม่สิ เรียกว่าเหตุประหลาดคงไม่เหมาะ
เพราะเมื่อกี้ 『ร่างกาย』ของชั้น..........กับ『สำนึก』ของชั้นได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ
แน่นอน จนถึงตอนนี้ก็เคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติแต่ตอนนี้มันผิดกัน
พอตัวชั้นในอดีตได้รับการยอมรับจากพวกซาเรีย
ตัวตนของชั้น...........ทั้งในอดีตและในปัจจุบันจึงได้ยอมรับซึ่งกันและกัน
ผลลัพธ์คือ ชั้น----------ในฐานะบุคคลที่ชื่อ『ฮิรากิ เซอิจิ』
ได้รู้สึกว่าร่างกายเป็นของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ
แม้จะสับสนกับความเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันแต่ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกอะไรไม่ดีเลย
แล้วคุณเบียทริสที่นิ่งเงียบคอยเฝ้ามองดูเหตุการณ์ก็เอ่ยปากขึ้นอย่างอ่อนโยน
「คุณเซอิจิ ก็ตามที่คุณซาเรียพูดคุณก็คือคุณค่ะ ทุกคนเพราะเป็นคุณ ถึง-ได้-ชอบ
เรื่องนั้นอย่าลืมเด็ดขาดเลยนะคะ」
「.........ครับ」
พอตอบกลับพลางเช็ดน้ำตา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงรูรูเนะที่จ้องตัวชั้นที่ฝ่ามือเขม็ง
「รูรูเนะ? มีอะไรเหรอ?」
「............นายท่าน ทางนี้คือรูปร่างนายท่านเมื่อสมัยก่อนสินะคะ」
「เอ๋? อ อา ก็ใช่อยู่หรอก..........」
「..............เอื้อก」
「ตะกี้กลืนน้ำลายใช่มั้ย!?」
「อ้ะ!? ผ เผลอไป............ถึงตอนนี้จะวิเศษอย่างไร้ที่ติ
แต่รูปร่างนายท่านเมื่อสมัยก่อนที่อุดมไปด้วยไขมันก็ดูน่าดึงดูดใจไม่หยอก.............」
「จะกินชั้นเรอะ!?」
รูรูเนะเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจรูปร่างตัวชั้นเมื่อสมัยก่อน............
แต่ไม่รู้ทำไมถึงมองด้วยตาเปล่งแสงแถมน้ำลายไหลอีกต่างหาก ..............แบบว่า เสียววูบขึ้นมาเลย?
ขณะที่เผลอยิ้มให้กับรูรูเนะที่ยึดมั่นในแนวทางของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง ซาเรียก็ยิ้มแล้วพูดมา
「อีกอย่างเซอิจิกิน『ผลวิวัฒนาการ』เข้าไปด้วยใช่มั้ยล่ะ?
เพราะงั้นรูปลักษณ์ของเซอิจิในตอนนี้ต้องเป็นของเซอิจิเองอย่างแน่นอน!」
「เอ๋?」
「ต ตะกี้.........พูดว่า『ผลวิวัฒนาการ』ใช่มั้ยคะ!?」
ขณะที่ชั้นส่งเสียงสับสนกับคำพูดที่เหนือความเข้าใจของซาเรีย
คุณเบียทริสก็แสดงท่าทางตกใจออกมา
「อื้ม!『ผลวิวัฒนาการ』!
ทั้งฉัน เซอิจิ..........แล้วก็รูรูเนะกินผลวิวัฒนาการเข้าไปด้วยล่ะ!」
「อา เป็นผลไม้ที่ที่ห่วยแตกสุดๆไปเลยล่ะค่ะ!
แหม ขนาดตอนนี้นึกย้อนกลับไปก็ยังคิดเลยว่าเป็นรสชาติที่ห่วยเหนือคำบรรยาย!」
「ม ไม่น่าเชื่อ..............มีอยู่จริงเหรอเนี่ย............」
จะว่าไป『ผลวิวัฒนาการ』เป็นของเพียงอย่างเดียวที่ใช้สกิลตรวจสอบแล้วก็ยังไม่รู้ประสิทธิภาพ
ทว่า ซาเรียที่มาจาก【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】ดูเหมือนว่าจะรู้รายละเอียดดี
แต่ดันลืมถามไปเลยรู้แค่ว่าเป็นผลไม้ที่สุดยอดอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ
และตอนนี้ก็มีคุณเบียทริสที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับ『ผลวิวัฒนาการ』นอกจากซาเรียปรากฏออกมา
............เดาจากท่าทางตกใจของคุณเบียทริส ต้องเป็นผลอะไรที่มันเหลือเชื่อแน่ๆ
แม้จนถึงตอนนี้จะไม่เคยรู้แต่ในเมื่อได้โอกาสแล้วลองถามดูดีกว่า
「คือว่า.............คุณเบียทริสรู้จัก『ผลวิวัฒนาการ』ด้วยเหรอครับ?」
「จะว่าไปตอนที่รูรูเนะกลายเป็นมนุษย์ก็เห็นพูดเรื่อง『ผลวิวัฒนาการ』เหมือนกันนี่นา........」
ระหว่างที่อัลกำลังนึกถึงรูรูเนะในตอนนั้น คุณเบียทริสที่สงบใจได้บ้างแล้วก็อธิบายมาให้ฟัง
「ฟังนะคะ? 『ผลวิวัฒนาการ』.............เป็นผลไม้ในจินตนาการค่ะ」
「หา? จ จินตนาการ?」
คำพูดของคุณเบียทริสทำให้ชั้นส่งเสียงสับสนออกมา
「ค่ะ จินตนาการ นั่นก็เพราะไม่รู้ตำแหน่งที่มันเติบโตอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว」
「เอ๋? ถ ถ้างั้นทำไมถึงได้รู้ถึงการมีอยู่ของ『ผลวิวัฒนาการ』ได้ล่ะครับ?」
「เป็นคำถามที่สมเหตุสมผลมากค่ะ เรื่องนั้นเพราะมีหนังสือเล่มหนึ่งบันทึกเกี่ยวกับ
เรื่องของ『ผลวิวัฒนาการ』ไว้น่ะค่ะ ซึ่งได้เขียนอธิบายไว้ว่า 『เป็นผลแห่งปาฏิหารย์ที่ช่วยพัฒนา
สถานะของสิ่งมีชีวิต เป็นพืชเพียงหนึ่งเดียวที่แม้แต่ทวยเทพก็ไม่อาจคาดเดาได้』............」
「เอ่อ..........แล้วมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ?」
「สรุปคือ『ผลวิวัฒนาการ』.............ตามหลักแล้วไม่มีทางมีอยู่ได้ค่ะ」
ในหัวชั้นชักสับสนขึ้นเรื่อยแล้วแฮะ ก็แหม มันต้องมีอยู่สิ ก็ชั้นกินเข้าไปถึงได้รอดตายมาได้นี่นา..........
「ทำความเข้าใจได้ยากสินะคะ? เรื่องนั้นเพราะปรากฏการณ์ทั้งหลายทั้งมวลในโลกนี้
เป็นสิ่งที่เทพเจ้าเป็นผู้กำหนดมา..........สรุปคือแม้แต่โชคชะตาเทพเจ้าก็สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด」
ก ก็นะ พวกเทพแห่งสรรพสิ่งที่โลกเดิมก็มีว่าไว้ประมาณนั้นเหมือนกัน
ชะตาชีวิตของคนอย่างพวกเราเทพสามารถรับรู้ได้ทั้งหมด
แต่ถ้าตามที่เทพที่วาร์ปมาโลกนี้บอกเป็นเรื่องจริงโลกนี้ก็ไม่น่าจะมีเทพมายุ่งเกี่ยวนี่นา.........
「และ『ผลวิวัฒนาการ』ที่ทวยเทพไม่สามารถคาดเดาได้แบบนั้น..............
จึงเป็นตัวตนอันไม่น่าเชื่อที่อยู่เหนือโชคชะตาค่ะ」
「สรุปคือ.............『ผลวิวัฒนาการ』เป็นตัวตนอันลึกลับที่แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่รู้?」
「ตามที่พูดมานั่นแหละค่ะ」
โอ้? กลายเป็นเรื่องใหญ่ชนิดคาดไม่ถึงเลยแฮะ? ชั้นมันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
จะแบกรับเรื่องระดับนี้ไหวเหรอ? เจ้านี่ เอาไปให้คนใหญ่คนโตโน่นไป๊!
「ต แต่ เรื่องนั้นจะยืนยันได้ยังไงล่ะครับ? ให้ไปถามเทพเจ้าเอาโดยตรงงั้นเหรอ?」
「ค่ะ」
「เหยอ!」
จะให้ไปถามเทพเจ้าเอาเนี่ยนะ!?
ไม่สิ ชั้นเองในทางทฤษดีก็เคยคุยกันมาแล้ว ก็ไม่ใช่อะไรที่คุยด้วยไม่ได้นี่นา!
「แล้วจะไปถามยังไงล่ะครับ?」
「นั่นสินะ...........คุณเซอิจิเป็นคนจากต่างโลกคิดว่าจะรู้แล้วซะอีกแต่การที่จะไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไร
คือที่จริงโลกนี้.............ได้ถูกเทพเจ้าทอดทิ้งไปนานแล้วค่ะ」
ขอโทษครับ จะพยายามรู้ไว้ครับ
「โลกนี้แม้พวกตัวตนในดันเจี้ยนต่างๆจะมีคำว่า『เทพ』ติดอยู่ก็ตามแต่มันไม่ใช่............
ไม่สิ ควรพูดว่าที่ทอดทิ้งไปคือเทพที่มีตัวตนในมิติที่สูงกว่านั้นมากต่างหาก」
ก็จริงนะ 『เทพมังกรดำ』ที่ชั้นจัดการไปก็เป็นเทพที่ได้รับการบูชาจากมนุษย์เหมือนกัน
แต่『เทพ』ที่วาร์ปพวกเรามายังโลกนี้มันใหญ่ผิดกันแบบคนละมิติ เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้
「เนิ่นนานมาแล้วยังมีสมัยที่ได้รับพรจากพระเจ้าอยู่แต่ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง............
ก็เกิดการต่อสู้กันระหว่างเทพเจ้า」
「หา?」
「เทพที่เป็นเสาหลักคนหนึ่งพยายามจะเป็นราชาเหนือเทพทั้งหลายจึงได้ทำการโจมตีเทพองค์อื่นๆ
เทพทั้งหลายจึงพยายามต่อต้านจนกลายเป็นการต่อสู้อันรุนแรง ซึ่งในเวลานั้นผู้คนของโลกนี้
ต่างก็ให้การสนับสนุนเทพเสาหลักองค์นั้น ผลลัพธ์คือทำให้เทพต่างพากันทอดทิ้งโลกนี้ไป
ซึ่งแน่นอนว่าเพราะสงครามเทพในครั้งนั้นจบลงด้วยเทพทั้งหลายเป็นฝ่ายชนะ」
「เอ่อ...........แล้วทำไมผู้คนของโลกนี้ถึงให้การสนับสนุนเทพคนเดียวแบบนั้นล่ะครับ?」
「เรื่องนั้นก็มีข้อความเห็นต่างๆกันไปแต่ที่มีน้ำหนักมาที่สุดเลยคือเพราะเทพองค์นั้น
.............ตามใจมนุษย์อย่างพวกเรา」
「...............」
ทั้งที่ปริศนาของผลวิวัฒนาการก็เยอะจะบ้าตายอยู่แล้วยังอยากได้ปริศนาเพิ่มอีกเรอะ?
เรื่องพรรณนี้ไปให้นักสืบที่ตัวเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ไปจัดการจะดีกว่ามั้ย?
เพราะเห็นชัดเลยว่าชั้นยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีก คุณเบียทริสเลยยิ้มแห้งๆพลางพูดอย่างจริงจัง
「คุณเซอิจิ คุณน่ะคิดว่าการตามใจง่ายๆเป็นสิ่งที่ถูกต้องรึเปล่าคะ?」
「เรื่องนั้น........」
「..............คิดว่าทำได้ในระดับหนึ่งค่ะ แต่มนุษย์ที่เอาแต่ให้พระเจ้าตามใจโดยไม่เคยพยายามอะไรเลย
..............มีแต่จะเสื่อมทรามลงไปเท่านั้น」
「...........」
「ลองคิดดูนะคะ โลกที่ภัยพิบัติหายไป มอนเตอร์หายไป ผู้คนไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
คงเป็นโลกที่วิเศษมากเลย แต่ทว่าพร้อมกันนั้นมนุษย์.............ก็จะหยุดการ『พัฒนา』ค่ะ」
「.............」
สิ่งที่คุณเบียทริสอยากสื่อออกมาชั้นเข้าใจเลยล่ะ
แน่นอน หากไม่มีสงครามคงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ โลกที่สงบสุขเหมือนอย่างดินแดนในอุดมคติ
ใครๆก็อยากได้ทั้งนั้น
แต่ผลลัพธ์นั้นก็ทำให้คุณค่าในตัวตนของ『มนุษย์』หายไป
ถ้าสิ่งที่คุณเบียทริสพูดมาเป็นเรื่องจริงล่ะก็ไม่ใช่แค่สงครามเท่านั้น
สภาพแวดล้อมที่มนุษย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายก็ยังมอบให้ด้วย
ระดับที่ว่าไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ
เพียงแค่มีชีวิตอยู่เท่านั้น เป็นโลกที่ดีถึงขนาดนั้น
แล้วแบบนี้จะไปมีการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้ยังไง
「ก็ไม่ได้อยากจะบอกว่า『มนุษย์』ต้องต่อสู้กันเพื่อที่จะ『วิวัฒนาการ』หรอกค่ะ
แต่ว่าเทพที่ตามใจมนุษย์องค์นั้นไม่ใช่แค่สงครามเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตทางการเกษตรแบบไหน
ก็อุดมสมบูรณ์ เพียงแค่ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นอย่างน้อยก็สามารถมีชีวิตดีๆได้แล้ว............
สภาพแวดล้อมแบบนั้นมีแต่จะทำให้ทิ้งการคิดและการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองค่ะ」
「..........」
「.........อาจจะอารัมภบทยาวไปสักหน่อยแต่ก็มียุคสมัยอย่างที่ว่ามานั่นแหละค่ะ
และเทพเสาหลักที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับเทพทั้งหลายก็ถูกผนึกไว้ในพื้นพิภพแห่งนี้ค่ะ」
「ในโลกนี้!? ถ้างั้น.............ก็หมายความว่ายังไม่ตายน่ะสิ!?」
「ก็อย่างว่าแหละค่ะ ต่อให้อยากจัดการเท่าไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงเทพเจ้า ไม่สามารถกำจัดได้ง่ายๆ
แล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามนุษย์อย่างพวกเราไม่มีทางไปแตะต้องได้ ก็เป็นตัวตนในมิติที่สูงขนาดนั้นนี่นา
และในตอนที่เทพทั้งหลายทำการปิดผนึกเทพองค์นั้น
ก็มีสิ่งที่ได้บังเอิญเกิดขึ้น------------นั่นก็คือ『ผลวิวัฒนาการ』ค่ะ」
「...............」
จากที่แค่ถามเล่นๆกลายเป็นการพูดคุยเรื่องใหญ่โตไปซะแล้ว
「และก็มีคนได้ไปค้นพบ『ผลวิวัฒนาการ』...........เขาเป็นคนเขียนหนังสือเพียงหนึ่งเดียว
ที่บันทึกเรื่องของ『ผลวิวัฒนาการ』 อีกทั้งยังเคยรับหน้าที่สอนวิชาดาบให้กับผู้กล้า
-----------ชื่อของเขาก็คือดยุค เซนอส เซโฟสค่ะ」
「!?」
มีชื่อของขุนนางแห่งความมืดเซนอสที่เคยสู้กันใน【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】โผล่มาด้วย!?
「เมื่อเทพเสาหลักถูกปิดผนึกลง ยุคสมัยแห่งสงคราม ภัยพิบัติและมอนเตอร์ก็ได้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งเรื่องของท่านเซโฟสก็ได้ถูกถ่ายทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันในฐานะบุคคลแห่งโศกนาฏกรรม
กสนสูญเสียคนที่รักทั้งยังถูกประเทศที่รักทรยศทำให้เขาหายตัวไป ก่อนหน้าที่จะหายตัวไป.........
หรือก็คือก่อนจะโดนประเทศทรยศ เขาได้ค้นพบ『ผลวิวัฒนาการ』
และได้ถูกบอกกล่าวจากเทพเจ้าว่า『ผลวิวัฒนาการ』เป็นตัวตนที่แม้แต่ทวยเทพก็ไม่อาจคาดเดาได้
และผลนั้นทำให้ดยุคที่ตัดสินว่าไม่สามารถแบกรับไว้ได้
จึงได้ส่งมอบ『ผลวิวัฒนาการ』คืนให้แก่ทวยเทพ」
「..............」
「ทว่า 『ผลวิวัฒนาการ』.............แม้แต่ทวยเทพก็ไม่สามารถทำให้หายไปได้
เรื่องนั้นจากที่นักค้นคว้าคาดเดาน่าจะเป็นเพราะ『ผลวิวัฒนาการ』กำเนิดจากพลังอันมหาศาล
ของทวยเทพที่ใช้ผนึกเทพเสาหลักลงไปในโลกนี้ จะว่าเป็น『ผลึกของพลังที่หลงเหลือ』ก็ว่าได้
...............พวกนักค้นคว้าในสมัยนี้จึงได้ตัดสินว่า『ผลวิวัฒนาการ』เป็นเพียงของที่แต่งขึ้นอย่างหนึ่ง
เลยไม่ค่อยมีใครค้นคว่าอย่างจริงจังเท่าไร ซึ่งในเรื่องนั้นนักค้นคว้าด้านประวัติศาตร์ก็เห็นด้วยเช่นกัน」
เพราะแบบนี้เอง.............เซนอสถึงได้พูดอย่างกับรู้จัก『ผลวิวัฒนาการ』............
เซนอสเองก็ไม่ได้ออกจากถ้ำเลยเลยการที่จะเคยเห็นเพราะงอกอยู่ในป่าจึงไม่น่าจะเป็นไปได้
..............แต่ก็ไม่แน่ว่าปกติจะออกจากถ้ำเหมือนกัน เพราะชื่อดันเจี้ยนมีคำว่า『ป่า』อยู่นี่นา
แต่ว่านะถ้ามี『ผลวิวัฒนาการ』อยู่แมรี่ที่เป็นเมดรับใช้เซนอสก็ไม่น่าจะตายนี่นา?
แต่ก็นึกได้ว่าเพราะตายก่อนที่จะหาเจอนั่นแหละเลยทำอะไรไม่ได้
.................การที่【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】มี『ผลวิวัฒนาการ』อยู่
อาจเป็นเพราะทวยเทพรับมือไม่ไหวเลยเอาโยนทิ้งที่ป่านั้นก็ได้? อย่างนั้นสินะ?
「แล้วก็ทวยเทพที่รับ『ผลวิวัฒนาการ』จากเซนอสไปก็ลำบากในการกำจัด
เลยเอาไปปิดผนึกไว้ในสถานที่ๆพวกเราไม่รู้จักเหมือนดั่งเช่นเทพเสาหลัก」
「ไม่ใช่ปิดผนึกแหง แค่โยนทิ้งชัดๆ!」
เป็นแบบนั้นแหง!แค่โยนทิ้งเฉยๆแน่นอน!
ก็ทั้งClever monkey ทั้งAsh wolfยังแย่งกันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเลยนี่นา!?
จะปิดผนึกก็ให้มันแน่นหนากว่านี้หน่อยสิเฟ้ย!
จะว่าไปตอนที่อ่าน『เรื่องราวของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』ก็มีเขียนว่าเซนอสอุ้มศพของแมรี่
เข้าไปซ่อนตัวในป่านั้น...............พอคิดถึงตรงนี้ การที่มีของอย่าง【หญ้าต่อต้านวิญญาณ】
ที่ใช้ทำยาวิญญานที่ใช้ในการคืนชีพมนุษย์งอกขึ้นมา
อาจเป็นเพราะ【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】ได้รับอิทธิพลจาก『ผลวิวัฒนาการ』
และพลังจาก『เทพเจ้า』ทำให้เซนอสรับรู้ว่าป่าแห่งนั้นต่างจากที่อื่นเลยไปอาศัยอยู่ก็ได้?
เรื่องที่พูดคุยเลยเถิดไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้แล้วจนชั้นปกปิดอาการตกใจไว้ไม่อยู่
「จนถึงตรงนี้คงเข้าใจแล้วสินะคะ? ถ้าเกิดที่คุณเซอิจิกินเข้าไปเป็น『ผลวิวัฒนาการ』ของจริงล่ะก็
..............ถือเป็นเรื่องระดับสะเทือนโลกครั้งใหญ่เลยล่ะค่ะ」
「..............อาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่ผลจากการกิน『ผลวิวัฒนาการ』เข้าไป
ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ.............」
「นั่นสินะคะ..........หาก『ผลวิวัฒนาการ』เป็นอย่างที่บันทึกหลงเหลือไว้ล่ะก็
การที่รูปลักษณ์ของคุณเซอิจิเปลี่ยนไป ถ้าคิดตามผลที่จะทำให้สถานะของสิ่งมีชีวิตพัฒนาล่ะก็
..............ให้เรียกว่า『เกิดใหม่』น่าจะเหมาะกว่า
เพราะงั้นรูปลักษณ์ของคุณเซอิจิในตอนนี้จึงเป็นของตัวคุณเซอิจิอย่างแน่นอนค่ะ」
「.................」
ชั้นได้แต่ตกตะลึง
จากนั้นซาเรียก็ยิ้มแล้วพูดมา
「ก็บอกแล้วนี่นา? ว่าเซอิจิก็คือเซอิจินั่นแหละ!」
กับคำพูดนั้นคราวนี้ชั้นไม่ได้น้ำตาไหลแต่กลับทำให้ยิ้มออกมาแทน