ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 56 ฟันเฟืองเริ่มเคลื่อนตัว

ตอนที่ 56 ฟันเฟืองเริ่มเคลื่อนตัว

「ฮึบ...........!」

ฉัน---------รุยเอส บัลเซ่ กำลังฟันช้างที่มีเขาขนาดใหญ่..........『Don Horn』แยกส่วนในดาบเดียว
ร่างยักษ์ที่ถูกฟันล้มลงจนพื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

「ฟู่.......เรียบร้อยสักที」

พอทอดสายตาออกไปก็เห็นศพของมอนเตอร์นอนเกลื่อนมากมาย
มอนเตอร์ที่ปราบตัวเมื่อกี้เป็นตัวสุดท้ายจึงไม่มีมอนเตอร์ให้เห็นอีกในระยะสายตา
ดูเหมือนว่าจะหยุดการบุกของมอนเตอร์ได้เป็นที่เรียบร้อย

181.jpg

『จบเรื่องได้อย่างปลอดภัยสักทีนะ』

ทันใดนั้นที่ข้างๆก็ปรากฏชุดเกราะสีดำที่ส่งรังสีคุกคามออกมา
ซึ่งก็คืออัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพรรคพวกของชั้นนั่นเอง

「ค่ะ ...........แล้วหมู่บ้านรอบๆนี้ได้รับความเสียหายบ้างมั้ยคะ?」
『ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ที่ไหนก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น กองทหารของเราเป็นคนดูแลซะอย่าง
ต่อให้บาดเจ็บสักคนก็ไม่มี』
「งั้นเหรอคะ โล่งอกไปที」
『............ว่าแต่พลังต่อสู้เปลี่ยนไปพอดูเลยนี่นา
มอนเตอร์ที่บุกมาครั้งนี้ที่กะไว้ก็ตั้งมากกว่า5000แต่เจ้าก็เล่นจัดการคนเดียวซะ1/3』
「เป็นอย่างนั้นเหรอคะ?」

ถ้าอัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ไม่บอกว่าก็คงไม่รู้สึกตัวถึงเรื่องนั้น
แต่ว่าต้องเป็นเพราะพลังใหม่ที่ฉันได้มาตอนฝึกด้วยกันกับอาจารย์แน่
ต่อให้พลังต่อสู้ไม่เพิ่มอย่างรวดเร็วตามที่หวังแต่ร่างกายของฉันก็ได้วิชาสำหรับต่อสู้เป็นเวลานาน
จากการฝึกด้วยกันกับอาจารย์
เพื่อที่จะต่อสู้ให้ได้นานฉันจึงต้องตัดการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์ออกไปจนหมด
เวลาหลบการโจมตีก็เคลื่อนไหวเท่าที่จำเป็น เวลาโจมตีก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เล็งหาโอกาสที่จะแสดงพลังออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนต้องมาสู้กับมอนเตอร์จำนวนมากอย่างต่อเนื่องเหมือนในครั้งนี้ล่ะก็
คงไม่สามารถยืนได้อย่างสบายเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรอก
พอคิดถึงเรื่องนั้นก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

「เอาเถอะค่ะ แค่ทุกคนปลอดภัยก็ดีแล้ว ฉันขอนำ【นักรบสาวแห่งดาบสวรรค์】
กลับเมืองหลวงก่อนนะคะ」
『หา? รอก่อนไม่ได้เหรอ? ทางนี้มีเรื่องให้เก็บกวาดตั้งมาก-----------』
「อาจารย์รออยู่ค่ะ」
『เจ้าเป็นคนแบบนี้เองเรอะ!? ไม่สิ คือว่านะ............จะให้แค่【กองอัศวินดำแห่งนรก】ของเรา
มานั่งเก็บกวาดพวกดรอปหรือสมบัติของเจ้าปีศาจพวกนี้มันก็ลำบากเหมือนกัน.........』
「ทุกคน ให้เวลาพัก30นาที เสร็จแล้วพวกเรากลับเมืองหลวงกัน」
「「「ค่า」」」
『ฟังที่พูดบ้างได้มั้ย!』

ฉันไม่สนใจอัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ที่โวยวายอยู่ข้างหลังแล้วไปหาที่เหมาะๆนั่งพัก
ได้ฟังมาว่าทางเมืองหลวงเองก็มีมอนเตอร์บุกแต่มีอาจารย์อยู่ต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว
ขณะที่กำลังรู้สึกอย่างนั้นในหัวก็ได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมานานหลังจากที่ขึ้นมาเป็นLv500

『Lvได้อัพแล้ว』

........ดูเหมือนว่าฉันจะเป็น『ผู้เหนือล้ำ』เหมือนท่านบานาบัสแล้ว
ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนคงสับสนทำอะไรไม่ถูกแต่ฉันในตอนนี้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์
เรื่องแค่นี้ไม่มีทางตกใจหรอก
ฉันที่อุตส่าห์ได้เป็นถึง『ผู้เหนือล้ำ』แต่กลับไม่ตกใจก็ยังคงนั่งพักต่อไป
โดยยังไม่คิดจะบอกใครจนกว่าจะกลับถึงเมืองหลวง
อ้ะ........กลับไปแล้วบอกอาจารย์เป็นคนแรกดีกว่า

◆◇◆

ฉัน--------คันนะซึกิ คาเร็นกำลังฟังการบรรยายเกี่ยวกับเวทมนตร์และการต่อสู้กับมอนเตอร์
ด้วยกันกับนักเรียนคนอื่นๆที่โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลแห่งนี้
แค่มาโรงเรียนนี้ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์พวกเราก็ได้มีประสบการณ์สู้กับมอนเตอร์
แต่ทั้งที่ฆ่ามอนเตอร์ไปกลับไม่มีผลกระทบกับสภาพจิตใจของพวกเราเลย
ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนมีจิตใจเข้มแข็ง ออกจะอ่อนแอกันซะด้วยซ้ำ
ก็แค่ไม่มีใครใส่ใจเรื่องการฆ่ามอนเตอร์เท่านั้นเอง
ยิ่งการฆ่ามอนเตอร์ทำให้Lvอัพและได้พลังที่แข็งแกร่งมายิ่งทำให้คนส่วนมากตื่นเต้นกันซะมากกว่า
บางทีตอนที่พวกเราถูกอาณาจักรไคเซอร์อัญเชิญมาคงถูกปรับสภาพทางจิตใจโดยไม่รู้ตัว
ที่คาดเดาแบบนั้นก็มาจากการได้เรียนเวทมนตร์ที่โรงเรียนนี้
และนี่คือสเตตัสในปัจจุบันของฉัน...........

≪คันนะซึกิ คาเร็น≫
เผ่าพันธุ์:มนุษย์  
เพศ:หญิง
อาชีพ:อัศวินเวท
อายุ:18
เลเวล:20
พลังเวท:1000
พลังโจมตี:500
พลังป้องกัน:500
ว่องไว:500
โจมตีเวท:500
ป้องกันเวท:500
โชค:500
เสน่ห์:ไม่สามารถวัดได้
≪อุปกรณ์สวมใส่≫
เสื้อเชิ้ตคุณภาพดี กะโปรงคุณภาพดี บราเซียร์คุณภาพดี กางเกงในคุณภาพดี ถุงน่องสีดำคุณภาพดี
รองเท้าหนังคุณภาพดี กำไล ดาบเหล็ก ดาบศักดิ์สิทธิ์【พร้อมเรียกใช้】
≪สกิล≫
ตรวจสอบ โดดสองชั้น
≪เวทมนตร์≫
เวทธาตุไฟขั้นกลาง เวทธาตุน้ำขั้นกลาง เวทธาตุลมขั้นสูง เวทธาตุแสงขั้นสูง
【เวทเฉพาะตัว】เวทธาตุศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด
≪ศาสตร์ลับ≫
ดาบจันทร์เสี้ยว
≪วิชายุทธ≫
วิชาดาบเดี่ยวคันนะซึกิขั้นผู้สืบทอดวิชา
≪ฉายา≫
ผู้กล้า ลูกสาวเจ้าสัว ผู้ชี้นำ
≪เงินที่มี≫
23,800G

ก็อย่างที่เห็น
พวกเราที่เป็นผู้กล้าเมื่อเทียบกับคนของโลกนี้ตอนที่Lvอัพเสตตัสจะเพิ่มขึ้นมากกว่า
หนำซ้ำถ้าไม่นับรวมเวทธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ได้เฉพาะผู้กล้าก็ยังใช้ได้อีกอย่างน้อย3ธาตุ
............เรียกว่ามีร่างกายที่มีพลังพอจะล้มล้างมาตรฐานของโลกเวทมนตร์แห่งนี้ได้เลย
.............เรื่องที่นักเรียนส่วนมากจะถือดีกันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะมันก็ช่วยไม่ได้จริงๆนั่นแหละ

「ยังไงก็ยังไม่ชินกับสายตาที่มองมาแบบนี้อยู่ดีเนอะ..........」
「นั่นสิครับ..........」

ที่เดินอยู่ข้างๆแล้วตอบกลับมาคือทาคามิยะ โชตะ ที่เป็นรุ่นน้องที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
แค่พวกเราเดินไปตามอาคารเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลแห่งนี้
ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่หวาดกลัวหรือสายตาที่ชิงชังโดยไม่มีความเป็นมิตรเลยอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่เดินอยู่ก็เห็นคน3คนเดินมาจากทางฝั่งตรงข้าม
ชายผมทองตาสีฟ้าที่เดินอยู่หัวแถวพอสังเกตุเห็นทางนี้ก็ก้มหัวให้นิดๆ
..........โรเบอร์โต้ อีรอส วินบุค
ถึงโชตะที่เดินมาด้วยกันจะหล่อพอตัวแต่ชายคนนี้ยังหล่อยิ่งกว่านั้นทั้งยังกริยามารยาทสง่างาม
ทำให้แม้แตพวกเราที่เคยเห็นพวกผู้นำของโลกเดิมมาแล้วมากมายยังอดชื่นชมไม่ได้

「โอ้ท่านผู้กล้า วันนี้ก็อารมส์..........ไม่ค่อยจะดีสินะครับ」

พอพวกเราเข้าไปใกล้ โรเบอร์โต้ก็พูดแบบนั้นออกมา
ทว่าคำพูดนั้นไม่มีการประชดประชันปนอยู่เลยแม้แต่น้อย เป็นความรู้สึกที่ออกจากใจจริงๆ
เมื่อเห็นสภาพของฉันกับโชตะ

「นี่เพ่ ยืนเม้ากันอยู่แบบนี้เดี๋ยวคาบเรียนต่อไปสายหรอก?
คาบต่อไปเป็นของอาจารย์โดลก้าด้วยนา」
「.........โจนิส นายพูดจาให้มันดีกว่านี้บ้างไม่ได้เหรอ?」
「อ๋า--ไม่ไหวไม่เอาอ่ะ ก็ผมหัวไม่ดีเหมือนเพ่นี่นา จะให้พูดจาน่าอึดอัดแบบนั้นไหวได้ไง」
「ยังไงก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์อยู่นะ ถ้าพยายามล่ะก็.........」
「พอพอพอ!แค่เพ่เป็นพระราชาแล้วเป็นคนไปเจรจากับประเทศอื่นเองก็จบไม่ใช่เหรอไง!?
อย่างผมน่ะมีไว้แค่ฟันดาบก็พอ!พี่เป็นราชา ผมเป็นแม่ทัพ!เห็นมะ แค่นี้ก็เรียบร้อย!」
「ก็บอกแล้วไงว่าปัญหา...........」

อยู่ๆก็เถียงกันเองซะงั้นจนฉันกับโชตะตะลึงกันไปเลย
ที่โรเบอร์โต้เถียงอยู่ด้วยคือน้องชาย โจนิส กาเดี้ยน วินบุค
โรเบอร์โต้ไม่ว่ามองมุมไหนก็ให้บรรยากาศลูกขุนนางด้วยผมสีทองที่เรียบลื่นดูเป็นระเบียบ
ส่วนโจนิสนั้นแต่เครื่องแบบโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลแบบโทรมๆ
แม้จะมีผมสีทองตัดพอเหมาะเหมือนโรเบอร์โต้แต่ให้ความรู้สึกเถื่อนกว่า
ระหว่างที่ทั้งสองคนทำอย่างนั้นคนสุดท้ายที่เงียบมาตลอดก็พูดออกมา

「ท่านพี่โรเบอร์โต้ ท่านพี่โจนิส..........พอกันได้รึยังคะ? ถ้าไม่งั้นล่ะก็............」
「「!?」」

ดวงตาสีน้ำเงินที่เข้มแข็ง ผมสีทองเหมือนโรเบอร์โต้ที่ยาวจนถึงเอว
ทั้งยังบรรยากาศอันสูงศักดิ์ทำให้รู้สึกดูมีพลังเป็นอย่างมาก
หญิงสาวที่หน้าตาได้รูปเหมือนกับตุ๊กตาแต่ไม่ชาด้านยังรู้สึกได้ถึงความเป็นมนุษย์
ก็คือน้องสาวของโรเบอร์โต้ ลาเทียส เดียร์ วินบุค
ลาเทียสกำมือขวาขึ้นมาซึ่งมีสายฟ้าสีม่วงแลบออกมาด้วย

「อยากให้มือของน้องสาวช่วยแก้ปัญหาให้มั้ยคะ?」
「ป เปล่า..............ไม่ต้องอยู่แล้ว คือ..........โจนิสที่พูดจาจู้จี้ไปหน่อยนี่โทษทีนะ」
「อ้ะ ไม่หรอก ผมก็..........จะระวังคำพูดคำจาอีกนิดแล้วกัน」

พอทั้งสองคนเห็นกำปั้นกับคำพูดของลาเทียสก็ยอมขอโทษกันแต่โดยดี
แล้วลาเทียสก็หันมาขอโทษฉันที่ยังตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ทัน

「ขอโทษแทนพวกพี่งี่เง่าของฉันด้วยนะคะ........」
「ลาเทียส ที่ว่ามานั่นไม่คิดว่าพูดเกินไปหน่อยเหรอ?」
「ช่ายช่าย!เธอนั่นแหละปากเสียที่สุด!」
「แล้วมีปัญหาอะไรมั้ยล่ะคะ?」
「「.............」」

ลาเทียสที่พลังคุกคามเหนือกว่าแบบคนละชั้นสวนพวกโรเบอร์โต้กลับไป

「ช่างเถอะค่ะ ..........ท่านผู้กล้า พวกฉันยังมีคาบเรียนอยู่จึงต้องขอตัวก่อน เพราะงั้นลาก่อนค่ะ............」
「น นี่!โทษที พวกเราตามน้องสาวไปก่อนล่ะ แล้วเจอกันนะ!」
「ลาเทียสนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ...........ถ้างั้นก็ท่านผู้กล้า พวกเราคงต้องขอลาตรงนี้..........」

โจนิสกับโรเบอร์โต้ทั้งสองคนพอบอกกับพวกเราแล้วก็ตามลาเทียสจากไป

「.......เป็นคนที่แปลกกันจัง」
「.........นั่นสิครับ แปลกตรงที่อยู่โรงเรียนนี้แต่ไม่มองพวกเราเป็นศัตรูนี่แหละ..........」

ใช่ พวกโรเบอร์โต้นั้นเป็นคนจำนวนน้อยที่ยังพูดคุยกับพวกเราอย่างปกติในโรงเรียนนี้
ทว่าพวกโรเบอร์โต้เองก็น่าจะรู้ถึงสิ่งที่ผู้กล้าคนอื่นทำแต่ถึงกระนั้นก็ยังพูดคุยกันอย่างปกติ
คงเพราะพวกเขาคงจะมองแยกเป็นรายบุคคลไม่เหมารวมกัน

「จะว่าไปพวกเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วย ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะชื่ออาณาจักรวินบุค.........」
「อ๋อ จะว่าไปก็เคยเรียนในวิชาภูมิศาสตร์ว่าอยู่ห่างจากอาณาจักรไคเซอร์ที่อัญเชิญพวกเรามาก
แถมในรอบ100ปีนี้ไม่เคยทำสงครามเลยเป็นประเทศแห่งความสงบสุข.........ประมาณนี้มั้ง?」
「..........นั่นสินะ คงเพราะมีคนอย่างพวกเขาเป็นพระราชานี่แหละ
เป็นประเทศที่ดีกว่าเยอะเลยถ้าเทียบกับประเทศที่อัญเชิญพวกเรามา」
「...........」

บรรยากาศขุ่นมัวขึ้นมายังไงไม่รู้แต่อยู่ๆโชตะก็ส่งเสียงออกมา

「หือ? ..........นั่น เซโตะนี่นา?」
「?」

พอหันสายตาตามโชตะไปก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยอยู่ด้วยกัน
ตอนเข้าพบกับพระราชาของอาณาจักรไคเซอร์
ถ้าจำไม่ผิด...........ชื่อเซโตะ ไอริล่ะมั้ง?
เซโตะนั้นกวาดสายตามองซ้ายมองขวาเท่าที่ดูผ่านๆรู้สึกเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง
พอหล่อนเข้ามาใกล้เลยลองถามดู

「มีปัญหาอะไรรึเปล่า?」
「อ้ะ ประธานนักเรียน!หืม? โชชจิก็อยู่ด้วย? มีอะไรเหรอค้า?」
「เปล่า คือพอดีเห็นเหมือนกำลังหาอะไรอยู่น่ะ..........」
「เซโตะ แล้วพวกโนจิม่าล่ะ? ช่วงนี้เห็นเงียบๆไปไม่ค่อยได้เห็นตัวเลย..........」

พอฟังคำถามของชั้นและข้อสงสัยของโชตะ เซโตะก็ยิ้มออกมา

「อ๋อ ยูกะจิน่ะเหรอ? ก็แบบว่าถึงบรรยากาศรอบๆตัวเธอจะทำให้เข้าใจผิด
แต่ความจริงยูกะจิเป็นคนเรียบร้อยมากเลยน้า? ตอนที่อยู่โลกเดิมดันเข้าไปพัวพันกับปัญหา
จนเกิดเป็นข่าวลือเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นมา..........
เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เข้าเรียนตามปกติเหมือนกับทุกคนเขาแล้วกัน?」

ยูกะที่เซโตะพูดถึงคือโนจิม่าที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กมีปัญหา
.........จำได้ว่าเป็นหัวหน้าแก็งเลดี้หรืออะไรสักอย่างมั้ง?
ยังไงก็ตามแต่ถ้าเป็นตามที่เซโตะว่ามาแต่เดิมพวกโนจิม่าก็เป็นเด็กสาวที่ไม่มีพิษมีภัย
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเกเรด้วยซ้ำ

「อย่างนี้นี่เอง แล้ว? เรื่องที่ถามว่าเธอทำอะไรอยู่เมื่อตะกี้ล่ะ........」
「อ๋า จริงด้วย!ประธานนักเรียนกับโชชจิ รู้จัก『เซจัง』กันมั้ยค้า?」
「「เซจัง」」

ฉันกับโชตะต่างเอียงคอ

「ใช่ค่า แหม ตั้งแต่มาโลกนี้ก็ตามหามาตลอดเลย...........」
「.........เอ่อ นั่นเป็นสิ่งของเหรอ? หรือว่าคน?」
「เซจังก็ต้องเป็นคนสิ? คิดว่าเป็นอะไรกันอ่ะค้า!」

พูดแล้วก็ยิ้มแบบแป้วๆ .......ก็นะ บอกมาแค่คำว่าเซจังจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นอะไร........
พอปรับอารมส์ใหม่ก็กระแอมหนึ่งครั้งแล้วลองถามรายละเอียดเพิ่มดู

「อะแฮ่ม!แล้ว? คนที่ชื่อเซจังนี่เป็นคนที่ถูกอัญเชิญมาโลกนี้เหมือนกับพวกเรารึเปล่า?」
「อยู่โรงเรียนเดียวกับพวกเรานี่แหละค่า บางทีนะ..........」
「งั้นช่วยบอกชื่อจริงมาให้หน่อยได้มั้ย? แบบนั้นจะเข้าใจได้ง่ายกว่า.............」
「ชื่อจริงเหรอ? อืมม.........เอ?  ชื่ออะไรหว่า? แล้วประธานนักเรียนรู้รึเปล่าค้า?」
「ไม่ล่ะ ฉันไม่รู้หรอก?」
「งั้นโชชจิล่ะ?」
「มา『งั้น』อะไรของเธอ!? เซโตะเองยังไม่รู้แล้วชั้นจะไปรู้ได้ไงล่ะ!」
「แปลกจังน้า............คิดว่าโชชจิจะรู้ซะอีก............」
「.........เหตุผลนั่นเอามาจากไหนลองอธิบายให้ฟังหน่อยสิ.............」

โชตะพูดแบบเหนื่อยใจ

「อื้ม............คือจะพูดว่าตามหาเซจังที่ว่ามาตลอดตั้งแต่ที่ถูกอัญเชิญมาโลกนี้สินะ?」
「ใช่แล้วค่า ก็โรงเรียนของเรามีนักเรียนอยู่ตั้งเยอะ อาจบังเอิญสวนทางกันไปตอนไหนก็ได้.........」

ก็จริงตามที่เซโตะพูดมา คนที่ถูกอัญเชิญมามีตั้งเยอะ ต่อให้นักเรียนทั้งโรงเรียนมารวมกัน
การจะหาตัวคนจากในนั้นก็ยังยากอยู่ดี
หนำซ้ำ นักเรียนทั้งโรงเรียนก็ไม่ได้มารวมกันบ่อยซะด้วยเพราะงั้นการจะหาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วมันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ว่ายังหาไม่เจออีก.............

「แล้ว ทำไมถึงตามหาเซจังล่ะ?」
「ก็เซจังมีเพื่อนน้อยนี่นา...........อาจจะกำลังลำบากอยู่ก็ได้
อีกอย่าง สมัยก่อนก็เคยถูกช่วยไว้............เอ่อ แบบว่า...............อยากตอบแทนบุญคุณน่ะค่า!」

ไม่รู้ทำไมเซโตะถึงพูดไปพลางหน้าแดงแล้วตัดบทแค่นั้น
..........ทำไมกันนะในใจฉันถึงได้รู้สึกว่าตอนนี้มีศัตรูตัวฉกาจมาปรากฏตัวตรงหน้าแล้ว.............

「ช่างมันเถอะค่า ยังไงหนูก็จะตามหาต่อไป พวกประธานนักเรียนเองถ้าเจอเซจังล่ะก็
ช่วยบอกว่า『ไอริน』กำลังตามหาด้วยนะค้า」
「อ ไอริน?」
「งั้นก็แค่นี้ล่ะค่า!」

เซโตะพูดแค่นั้นแล้วก็ตามหาเซจังต่อไป

「.........ว่ายังไงดีล่ะ ร่าเริงดีจังเลยนะ หล่อนเนี่ย.........」
「...........คงงั้น.......มั้งครับ........」

โชตะตอบตะกุกตะกักแปลกๆ ฉันก็เลยหันไปทางโชตะ
ก็เห็นกำลังใช้ความคิดโดยพึมพำอะไรสักอย่างอยู่

「.........คงไม่ใช่หมอนั่นหรอกมั้ง...........ไม่สิ แต่ว่า.........」
「............」

ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่ดูเหมือนว่าโชตะจะพอเดาตัวตนคนที่ชื่อเซจังออก
ซึ่งฉันก็พาโชตะที่แม้แต่ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ไปที่ห้องเรียนคาบถัดไป
----------และในเวลานั้นฉันก็ไม่คิดฝันเลยว่าจะไปพบกับ『เขา』อีกครั้งในอีกไม่นาน

◆◇◆

「เอ่อคือ.........」
「ว่าไงล่ะ!?」

ชั้น..........ฮิรากิ เซอิจิกำลังกลุ้มใจว่าจะทำยังไงดีกับคุณบาน่ากำลังหายใจอย่างรุนแรงอยู่ตรงหน้า
สิ่งที่คุณบาน่าบอกกับชั้นมาก็คือชวนชั้นไปเป็นครูที่โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลนั่นเอง

「คือว่า............ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ?」

ใช่ เรื่องแรกที่สงสัยคือเรื่องนี้แหละ
เรื่องเวทมนตร์เองคุณบาน่าก็เป็นคนเก่งขนาดที่ถูกเรียกว่าเป็น【เซียนเวท】เลยนะ........
ทว่าคุณบาน่าที่คิดว่าชั้นถามอะไรแปลกๆออกมาก็ทำหน้าไม่เข้าใจ

「ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะเซอิจิคุง ก็เวทที่ใช้ทำลายล้างพวกมอนเตอร์น่ะเป็น
เวทออริจินัลของเธอไม่ใช่เหรอ? เป็นเวทมนตร์ที่เจาะจงทั้งยังทรงพลังถึงขนาดนั้น
แถมยังสร้างขึ้นมาเองอีกต่างหาก เธอน่ะเหนือล้ำยิ่งกว่าข้าอีกนะรู้มั้ย」

ไหงเป็นงี้อ่ะ
ดูท่าชั้นจะเหนือยิ่งกว่า『ผู้เหนือล้ำ』ไปซะแล้ว งั้นจะให้เรียกว่ายังไงดีล่ะ?
『ผู้เหนือของเหนือล้ำ』แบบนี้เหรอ?

「ช ช่างเถอะครับ ที่คุณบาน่าอยากจะสื่อมาก็พอเข้าใจแล้ว............」
「งั้นจะช่วยมาเป็นครูให้สินะ!?」
「ด เดี๋ยวก่อนสิครับ!เรื่องนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจเลย!」
「ทำไมล่ะ? ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็จ่ายให้เต็มที่แน่นอนเลยนะ?」

บอกตามตรงเรื่องเงินน่ะยังไงก็ได้แต่ตอนนี้ยังมีเหตุผลที่ทำให้ไปจากที่นี่ทันทีไม่ได้

「อย่างแรกเลย ผมสัญญากับรุยเอสว่าจะไม่ไปจากเมืองหลวงจนกว่ารุยเอสจะกลับมาที่เมืองหลวง
เพราะงั้นอย่างน้อย.............ก็1อาทิตย์ที่ยังไปจากเมืองหลวงไม่ได้」
「อืม.........เข้าใจล่ะ สัญญากับรุยเอสไว้งั้นสินะ............มิน่าล่ะ เพราะเชื่อมั่นในความเก่งของเซอิจิคุง
รุยเอสถึงได้ยอมออกห่างจากแถวเมืองหลวงไปหา『อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์』............」

ใช่ รุยเอสฝากชั้นให้ปกป้องเมืองนี้
.......แต่ก็นะ เอาจริงๆชั้นก็ไม่จำเป็นอยู่ก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ก็คิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ถึงพวกโรคจิตจะเก่ง เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น ยังไงรุยเอสก็ฝากให้ชั้นช่วยปกป้องเมืองไว้
เพราะงั้นยังไงก็ต้องรอจนกว่าจะกลับมาให้สมกับที่เชื่อใจ

「อีกอย่างผมไม่อยากแยกจากพวกซาเรียที่อยู่ที่นี่ด้วย」

ใช่แล้ว เหตุผลหลักของชั้นก็คือถ้าชั้นไปเป็นครูที่โรงเรียนก็ต้องแยกจากพวกซาเรีย
บอกตามตรงก็เป็นห่วงพวกโชตะจนอยากจะไปโรงเรียนดูเหมือนกัน
แต่ยังไงชั้นก็ไม่เลือกที่จะทิ้งพวกซาเรียไว้เด็ดขาด
แล้วที่ถูกชวนนี่ก็มีแต่ชั้นเท่านั้นจะให้พาพวกซาเรียไปด้วยมันก็นะ..........

「อย่างนั้นเองเหรอ ถ้างั้นซาเรียคุง.........สินะ? ซาเรียคุงก็มาเป็นนักเรียนสิ
ส่วนแม่สาวนักผจญภัยคนนั้น.........ก่อนหน้านี้ก็เห็นตอนที่สู้มาแล้วมีฝีมือการต่อสู้พอ
ที่จะมาเป็นครูเหมือนกับเซอิจิที่โรงเรียนของข้าเลยล่ะ แม่หนูที่ไล่เตะพวกมอนเตอร์
จะเลือกเป็นนักเรียนหรือเป็นครูก็ได้ โรงเรียนของข้าน่ะมองหาบุคลากรที่มีฝีมือเสมอ
แม้จะช้าไปหน่อยแต่จะมีครูหรือนักเรียนเพิ่มอีกกี่คนก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น」

พวกซาเรียเปิดตากว้างด้วยความตกใจกับเนื้อหาที่คุณบาน่าอธิบาย
แต่ว่านะ.........

「แล้ว........เด็กคนนี้............ออริก้าจังล่ะครับ?」
「อืม........ยังเด็กไปหน่อยนะ............แต่จะว่าไปก่อนหน้าที่จะสู้กับมอนเตอร์ก็ได้ฟังมาจากรันเซ่ว่า
เด็กคนนี้เป็นคนที่พยายามจะลอบสังหารรันเซ่ใช่มั้ย?」
「เอ่อ.......ใช่แล้วครับ」
「อื้ม..........มีฝีมือลอบสังหารขนาดหลบเร้นการเฝ้าระวังของรุยเอสได้...........
ถ้างั้นให้ออริก้าจังมาในฐานะผู้ช่วยของเซอิจิคุงก็ได้ แบบนี้เป็นไง?」
「เอ่อ..........ถ้าพูดถึงขนาดนั้นล่ะก็ตัวผมเองก็ไม่มีปัญหาหรอกแต่..........」

พูดไปก็หันสายตาไปหาพวกซาเรียที่ฟังกันอยู่ด้านหลัง

「ฉันไม่มีปัญหาสักนิด!โรงเรียนเองก็น่าสนุกดีด้วย!」
「ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไร .......ก็นะ ที่อยู่ของเซอิจิคือที่อยู่ของข้านั่นแหละ..........」
「เดิมทีฉันก็เป็นอัศวินของนายท่านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะที่ไหนฉันก็จะขอตามไปค่ะ」
「...........อื้ม ถ้ามีพวกเซอิจิโอนี่จังอยู่ล่ะก็ฉันก็จะไปด้วย」
「เป็นอันตกลงนะ!แล้วก็ตามที่เซอิจิคุงว่ามาค่อยออกเดินทางหลังจากที่รุยเอสกลับมา
แบบนี้ใช้ได้มั้ย?」
「ครับ ไม่มีปัญหา」

สรุปว่า พวกซาเรียได้ไปโรงเรียนด้วยกันหลังจากรุยเอสกลับมาก็ค่อยออกเดินทาง
ตัวคุณบาน่าเองก็มีธุระกับคุณรันเซ่ด้วย เพราะงั้นถึงจะบอกว่าจนกว่ารุยเอสจะกลับมา
แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ออกเดินทางทันทีเลยรึเปล่า
แถมก่อนจะออกเดินทางก็ต้องเตรียมตัวหลายๆอย่าง
จะไม่ไปล่ำลาคนที่เคยให้ความช่วยเหลือก็ไม่ได้

「ดีล่ะ งั้นข้าเองก็ไปรับค่าตอบแทนบ้างดีกว่า」

คุณบาน่ามีสีหน้าอิ่มเอมใจยังไงไม่รู้เดินไปที่ปราสาทหลวง
..........ไม่คิดมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าจะมีโอกาสได้พบกับพวกโชตะอีกครั้ง
อาณาจักรไคเซอร์ก็มีความเคลื่อนไหวไม่ชอบมาพากลซะด้วย
ยังไงก็ไปดูความปลอดภัยของพวกโชตะให้เห็นกับตาดีกว่า
อีกอย่างถึงจะไปในฐานะครูแต่ชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ห่างเหินไปตั้งครึ่งปีก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
พวกซาเรียเองก็ไปด้วย แบบนี้ชีวิตในรั้วโรงเรียนต้องสดใสกว่าตอนที่อยู่โลกเดิมไม่ผิดแน่
คิดแบบนั้นไปพลางพวกเราก็เดินไปรับค่าตอบแทนที่ปราสาทหลวงด้วยกัน

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate