ตอนที่ 53 เปิดศึก
「นี่มัน........」
ฉัน--------รุยเอส บัลเซ่กำลังขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
「โอ้โห...........เยอะเหลือเชื่อเลยนะคะเนี่ย」
「นั่นสิ......... รู้สึกเหมือนจะถูกกลืนได้ในทันทีเลยเนอะ」
ลูกน้องของฉันโรน่ากับคลาวเดียร์ก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเหมือนกัน
พวกเรา『นักรบสาวแห่งดาบสวรรค์』รับคำขอจาก『อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์』
ทำให้เดินทางมาจนถึงเนินเล็กๆที่ชายแดนของอาณาจักรวินบุคซึ่งไม่นานก็เห็นกองทัพมอนเตอร์
ที่แออัดกันอยู่ไม่ไกล
อีกทั้งจากที่ได้รับรายงานจากทหารในเมืองหลวง
ทางเมืองหลวงเองก็มีกองทัพมอนเตอร์บุกมาโดยไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน
ตอนที่รู้เรื่องนั้นก็คิดอยู่ว่าจะรีบกลับไปดีมั้ย? แต่ท่านบานาบัสที่เป็นอาจารย์ของฝ่าบาท
มาเยี่ยมได้จังหวะพอดี และแม้จะมีอันตรายถาโถมมาจากทุกทิศทางก็ตาม
ก็ยังมีเหล่านักผจญภัยจากกิลด์ที่ไว้วางใจได้ในด้านความสามารถ และเหนือสิ่งอื่นใด
มีอาจารย์ของฉันเตรียมพร้อมที่เมืองหลวงอยู่แล้วพอคิดตามที่ว่ามาความกังวลของฉันก็หายไปทันที
ช่างโชคดีจริงๆ
『อื้ม มาได้จังหวะพอดีเลยเนอะ』
「.........นั่นสินะคะ」
เสียงที่พูดคุยด้วยสร้างขึ้นจากเวทมนตร์ไม่เชิงว่าเป็นของชายหรือหญิง
เจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างๆฉันกำลังมองกองทัพมอนเตอร์ที่กำลังเข้ามาหาเช่นเดียวกัน
หากหันสายตาไป สิ่งแรกที่จะเข้าสู่สายตาคือ『สีดำ』
ร่างยักษ์สูงเกิน2เมตร เกราะสีดำทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยความกดดันและดุร้าย
ดาบใหญ่ที่แบกอยู่บนหลังใหญ่เกินกว่าส่วนสูงของฉัน
บุคคลที่อยู่ข้างๆฉันเป็นพรรคพวกและอัศวินคนเดียวที่มีตำแหน่งเทียบเท่ากับฉัน--------
『อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์』ก็คือคนผู้นี้นั่นเอง
แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงฉันเลย แม้แต่ฝ่าบาทเองก็ไม่รู้ชื่อจริงของ『อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์』ผู้นี้
กระทั่งเพศหรืออายุก็ยังไม่แน่ชัดเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยปริศนา
ทว่าหากพิจารณาจากส่วนสูง จะคิดว่าเป็นผู้ชายก็คงได้.........
「ว่าแต่? ปราบมอนเตอร์ที่อื่นเสร็จแล้วงั้นเหรอคะ?」
『แน่นอน อย่างพวกปีศาจน่ะแค่โดนเพลิงทมิฬของเราเผาก็กลับไปเกิดใหม่กันหมดแล้ว』
「........」
พูดอะไรไม่รู้หรอกนะ
แต่คงตีความว่าจัดการมอนเตอร์ที่อื่นจนหมดแล้วคงได้?
........ช่างเถอะ ยังไงก็มาอยู่ตรงนี้แล้วด้วย
『ว่าแต่ว่า รุยเอส เจ้าน่ะไม่กลับไปหาฝ่าบาทจะดีเหรอ?
ที่เมืองหลวงก็มีพวกปีศาจเดินทัพไปอยู่ใช่มั้ยล่ะ?
ถ้าเจ้าไม่กลับไปเดี๋ยวทางเมืองหลวงจะตกอยู่ในความวุ่นวายไม่รู้ด้วยนะ?』
「..........เกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ บังเอิญท่านบานาบัสเดินทางมาเยี่ยมฝ่าบาทพอดี
ทั้งยังมีเหล่านักผจญภัยของกิลด์ศูนย์ใหญ่ที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอนด้วย」
『โฮ่? ท่านบานาบัสผู้เป็นเลิศคนนั้นสินะ ถ้าเป็นนั้นค่อยหายห่วงหน่อย』
「อีกอย่าง........」
『หือ?』
「อาจารย์ของฉันก็อยู่ด้วย」
『ว่าไงนะ...........อาจารย์ของรุยเอสงั้นเหรอ..........?』
คำพูดของฉันทำให้อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงตกใจออกมา
『รุยเอส เจ้าน่ะมีอาจารย์กับเขาด้วยเหรอ?
เราคิดว่าพลังของเจ้านั้นได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักซะอีก...........』
「เปล่าค่ะ เป็นเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ แล้วอาจารย์ก็เก่งจริงๆนะคะ」
『เป็นคนที่รุยเอสพูดถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ.........』
อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์พูดแล้วก็กอดอกพลางส่งเสียงในลำคอ
ขณะที่คุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่แบบนั้น คลาวเดียร์ก็มาแจ้งกับฉัน
「ท่านรุยเอส ถ้าไม่รีบจัดการความเสียหายจะมาถึงหมู่บ้านใกล้ๆเอานะคะ.........」
「นั่นสินะ งั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ」
ฉันพูดเสร็จก็ค่อยๆชักดาบเรียวยาวที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมา
『ยังเป็นดาบที่งดงามไม่เปลี่ยนเลยนะ...........』
อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์พูดออกมาเมื่อเห็นดาบของฉัน
『กระบี่เทพวารี』นั่นคือชื่อดาบระดับเทพนิยายของฉัน ถึงแม้ฉันจะใช้เวทไม่ได้
ก็ยังได้รับประสิทธิภาพให้ใช้เวทมนตร์ระดับสูงได้ถึงจะแค่เพียงธาตุน้ำก็ตาม
ไม่สิ ในกรณีของดาบเล่มนี้จะเรียกเป็นคำว่าใช้เวทมนตร์คงไม่ได้
เพราะไม่ได้ทำการใช้เวทมนตร์เลยสักนิด เพียงแค่ใส่พลังเวทเข้าไปในดาบ
ตัวดาบก็จะถูกห่อหุ้มด้วยน้ำที่มีอานุภาพเทียบเท่ากับเวทระดับสูง
ว่าแล้วฉันก็เริ่มใส่พลังเวทลงไปในดาบทันที
『...........ปริมาณเวทไม่เหมือนของคนที่ใช้เวทไม่ได้เลยเนอะ รุยเอส』
「อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะไม่เตรียมตัวต่อสู้บ้างเหรอคะ?」
เพราะเป็นฝ่ายถูกมองอย่างเดียวเลยรู้สึกไม่ดีเท่าไร ฉันเลยตอบกลับไปแบบนั้น
『โทษที พอคิดถึงเจ้าพวกปีศาจที่อื่นที่มีเยอะเหมือนกับที่นี่ จะให้ลงแรงมากก็คงไม่ได้น่ะ?
แต่เพลิงทมิฬของเราก็ยังมีพลังมากพอที่ใช้ป้องกันพวกเจ้าได้............
อย่างรุยเอสคงไม่จำเป็นหรอกมั้ง?』
「ไม่หรอก ช่วยได้มากเลยค่ะ -------ถ้างั้นไปล่ะนะคะ」
ชั้นพูดแล้วก็ทะยานออกไปในชั่วพริบตา
『แบบนี้แทนที่จะเรียกว่าวิ่งเรียกว่าเหาะดีกว่ามั้ง............ช่างเถอะ เราเองก็ไปด้วยดีกว่า』
พอได้ยินเสียงนั้นจากด้านหลัง ทันใดนั้นเนินที่อยู่ด้านบนก็ถูกโหมปกคลุมด้วยเพลิงทมิฬ
ที่บนเนินนั้นยังมีเหล่าvalkyrieและทหารคนอื่นอยู่แต่ฉันไม่กังวลเลยสักนิด
นั่นก็เพราะเพลิงทมิฬนั้นไม่ได้ทำอันตรายกับพวกเราเลยสักนิด
『เอาล่ะ เจ้าพวกปีศาจทั้งหลาย ได้ยินเสียงฝีเท้าแห่งความตายที่คืบคลานเข้ามารึยัง?』
พูดแล้วอัศวินดำศักดิ์สิทธิ์ที่ห่อหุ้มด้วยเพลิงทมิฬก็พุ่งเข้าไปกลางกองทัพมอนเตอร์
「valkyrie............บุก!」
พอได้ยินเสียงคลาวเดียร์จากด้านหลังก็รู้ทันทีว่าเป็นสัญญาณให้ทหารทั้งหมดพุ่งลงมาจากเนิน
「ดีล่ะ รีบจบเรื่องแล้วกลับไปหาพวกอาจารย์กันเถอะ」
ก็ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้เรียนอีกเยอะแยะเลยนี่นา
◆◇◆
ชั้น----------ฮิรากิ เซอิจิ มารวมกับพวกซาเรียตรงประตูเมืองหลวงด้วยกันกับนักผจญภัยคนอื่น
「คนเยอะน่าดูเลยแฮะ..........」
พอเห็นจำนวนคนที่มารวมกันที่นี่ชั้นก็อดตกใจไม่ได้
เมื่อตะกี้คุณรันเซ่ที่เป็นพระราชาของประเทศนี้ได้ประกาศตัวตนของกองทัพมอนเตอร์ออกมา
ทว่าที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ไม่แตกตื่นกันเลย
ทำให้เหล่าทหารทำหน้าที่อพยพผู้คนเข้าไปในปราสาทได้อย่างรวดเร็วราบรื่น
จนไม่รู้สึกว่าเป็นเหตุฉุกเฉินเลยสักนิด
ก่อนที่พวกคุณฟีน่าที่เป็นเจ้าของโรงแรมที่พวกเราพักกันอยู่จะอพยพเลยลองไปถามดู...........
『ก็ทหารของประเทศนี้เก่งนี่จ้ะ อีกอย่างสิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือ
ทำตามคำพูดของพวกทหารอย่างเคร่งครัดจริงมั้ย?』
『ใช่แล้ว!ถ้าแตกตื่นกันก็ไปรบกวนพวกทหารเขาเปล่าๆ กิลด์ศูนย์ใหญ่เองก็อยู่ที่นี่
ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงเลยสักนิด แล้วถ้าพวกทหารสู้ไม่ไหวจริงๆ พวกเราเองก็ไม่รอดอยู่ดีนั่นแหละ
จะโวยวายไปก็เปล่าประโยชน์』
『ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงความคิดของแมรี่จะสุดโต่งเกินไปแต่ส่วนใหญ่ก็ประมาณนั้น?
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเซอิจิคุงที่เป็นนักผจญภัยก็ออกไปสู้มอนเตอร์กับเขาด้วยนี่นา
อย่าฝืนไปล่ะ? ถ้าคิดว่าไม่ไหวก็ให้รีบหนีทันทีเลย เข้าใจนะ?』
ได้คำตอบแบบนี้กลับมา แต่ทั้งที่คุณไลค์เป็นผู้ชายทำไมรู้สึกเหมือนแม่จัง?
「แต่ว่านะ มอนเตอร์บุกงั้นเหรอ........รู้สึกไม่ชอบมาพากลจังแฮะ......」
พอเผลอพึมพำแบบนั้นออกไป อัลที่อยู่ใกล้ๆก็ตอบกลับมา
「ข้าเองก็เป็นนักผจญภัยมานานแต่จำนวนมอนเตอร์ตั้ง5000ก็พึ่งเคยเจอนี่แหละ」
「แปลกอย่างที่คิดเลยสินะ?」
「ก็นะ แน่นอนถึงการรวมฝูงของมอนเตอร์จะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ฟังจากที่จะบุกมาในครั้งนี้
เห็นว่าเป็นมอนเตอร์ต่างชนิดต่างพันธุ์กัน เพราะงั้นถึงได้ทั้งแปลกและน่าสงสัยมาก」
「หืม..........」
ขณะที่คิดเรื่องนั้นอยู่ ซาเรียกำหมัดแล้วพูดกับชั้น
「เซอิจิ!มาพยายามกันเถอะ!」
「โอ้ แน่นอนอยู่แล้ว!」
ซาเรียพอฟังคำพูดของชั้นก็ยิ้มแล้วเริ่มชกลม
..........จะใช้หมัดสู้จริงๆเหรอ? ไม่สิ ซาเรียในแบบมนุษย์กับตอนต่อสู้ไม่เหมือนกันนี่เนอะ........
คิดอย่างนั้นไปพลางหันสายตาออกไป ก็เห็นรูรูเนะที่มีบรรยากาศแปลกๆ
「น นี่เป็นอะไรไป? รูรูเนะ........」
เพราะบรรยากาศผิดไปจากธรรมดา ชั้นเลยเผลอถามออกไปด้วยความรู้สึกกดดัน
「.......นายท่าน ฉันนึกออกแล้วค่ะ」
「ร เรื่องอะไรเหรอ?」
「เรื่องที่พวกมอนเตอร์จะบุกโจมตีเมืองหลวงแห่งนี้...........」
「แล้ว?」
「ที่เมืองหลวงแห่งนี้ยังมีของที่ไม่ได้กินด้วยกันกับนายท่านอีกมากนัก ของอร่อยยังมีอีกตั้งมากมาย
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นถ้าพวกมอนเตอร์บุกมาที่เมืองหลวงล่ะก็........ของอร่อยพวกนั้น
ก็จะไม่ได้กินน่ะสิค้าาาาาาาาาาาาาาาาา!」
「สุดท้ายเรื่องของกินก็มาก่อนสินะ」
ท๊อปสิบความเสียใจของชั้นในนั้นต้องมีเรื่องที่ให้รูรูเนะกินอาหารของมนุษย์อยู่อย่างแน่นอน
「ถ้าเพื่อของอร่อยล่ะก็ต่อให้เป็นเทพฉันก็จะเตะให้ล้มคว่ำให้ดู」
「ถ้าทำได้จริงคงน่ากลัวตายชัก」
ต่อให้เป็นเทพถ้าไปแย่งของกินของยัยนี่เข้าล่ะก็เตรียมโดนอัดได้เลย
เอ๊ะ? ตกลงยัยนี่เป็นลาจริงรึเปล่าเนี่ย?
ขณะที่หยุดทำสีหน้าตึงเครียดไม่ได้ จู่ๆเสื้อคลุมของฉันก็ถูกดึง
「หือ? มีอะไรเหรอ? ออริก้าจัง」
ที่จริงคำร้องขอให้ปราบกองทัพมอนเตอร์ในครั้งนี้ก็มีออริก้าจังมาด้วย
แน่นอนว่าออริก้าจังเองก็สมัครใจทำอยู่แล้ว
「............เซอิจิโอนี่จัง ฉันจะพยายาม」
「โอ้ งั้นเหรอ แต่ระวังด้วยล่ะ? ก็ไม่อยากให้ออริก้าจังต้องบาดเจ็บนี่นา?」
「..........อื้อ ถ้าพยายามแล้วช่วยลูบลูบให้ทีนะ?」
「อ โอ้!? ง งั้นก็ฝากด้วยนะ!」
ถูกการช้อนตามองของออริก้าจังจู่โจมกะทันหันจนเผลอตอบแบบตะกุกตะกักออกไป
ออริก้าจังแม้จะเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มดีใจออกมา
「ฮ่าฮ่าฮ่า เซอิจิคุงเตรียมพร้อมเสร็จรึยัง?」
ขณะที่ปะปนอยู่กันนักผจญภัยคนอื่นพลางพูดคุยกันแบบนั้น กัลซุสก็มาหาพวกชั้น
แต่ไม่ได้แต่งตัวเหมือนจะไปต่อสู้เลยสักนิด ยังคงเป็นกางเกงในบูมเมอร์แรงตัวเดียวเหมือนเดิม
「กัลซุสจะไปสู้จริงๆเหรอ? ทั้งที่เป็นกิลด์มาสเตอร์...........」
「มันก็แน่นอนอยู่แล้ว!เทลเวลอยู่ในภาวะวิกฤตแบบนี้จะให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆได้ยังไงกัน?」
「ใจจริงล่ะ?」
「เป็นโอกาสแสดงความงดงามของกล้ามเนื้อฉันไงล่ะ............!」
「ก็คิดไว้อยู่แล้วอ่ะนะ!」
ไม่สิ ยังไงก็ยังกิลด์มาสเตอร์นะ การไปสู้แนวหน้ากับคนอื่นเข้าต้องคิดอะไรอยู่บ้างล่ะน่า
ที่บอกว่าจะไปโชว์กล้ามอาจะล้อเล่นก็ได้
「เอาเถอะ ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวจะยังไงแต่สุดท้ายความรู้สึกของฉันก็เหมือนกับพวกเธอทุกคน
ทั้งหมดเพื่อช่วยเทลเวลจากภาวะวิกฤติ.........สิ่งนี้แหละที่ไม่ต่างกัน
เพราะงั้นมาร่วมกันจัดการสิ่งเลวร้ายที่จะเข้ามากันเถอะ!」
「กัลซุส..........」
「แล้วเมื่อความวุ่นวายนี้จบลง พวกนักผจญภัยในกิลด์ของพวกเราก็จะยิ่งปลดปล่อยความต้องการ
ได้มากขึ้นไปกว่าเดิมอีก! 」
「ไหงงั้นอ่ะ!?」
「ก็เพราะได้ค่าตอบแทนจากประเทศมาเยอะ อีกอย่างเป็นถึงวีรบุรุษที่ช่วยประเทศไว้อีกต่างหาก
ทั้งหมดนั้นทำให้สามารถปลดปล่อยความต้องการได้สบายโดยไม่ต้องมาถูกคุณๆทหารคุมเข้มไงล่ะ」
「พวกนายนี่มันเลวร้ายกว่ามอนเตอร์อีก!」
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!ทุกคน!มาปลดปล่อยความต้องการกันเถอะ!
It's My Justiceeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeee!」
「อ เฮ้ย..........อย่าหนีสิฟะ!」
กัลซุสพูดจบก็กระโดดสก็อตจั้มออกไปจากที่นี่ทันที
...............ถ้าความวุ่นวายจบลง สิ่งที่ต้องจัดการถัดไปคือพวกนักผจญภัยของกิลด์ศูนย์ใหญ่นี่แหละ
ชั้นตัดสินอย่างนั้นอยู่ในใจ
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาพูดคุยกันกับพวกซาเรีย
ทันใดนั้นก็มีเสียงส่งออกมาจากการกระจายเสียงด้วยเวทมนตร์
『กองทัพมอนเตอร์ปรากฏตัวออกมาแล้ว!』
หลังจากเสียงประกาศ บรรยากาศในที่แห่งนี้ก็ตื่นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นก็มีข้อมูลใหม่ให้ประกาศต่อมาอีก
『ล และ.............จากการคาดคะเนRankของพวกมอนเตอร์..........ย อยู่ระดับRank A...........』
ทันทีที่ประกาศออกมา ความเงียบก็เข้าปกคลุมที่แห่งนี้ในพริบตา
ก็แน่อยู่แล้ว Rank Aน่ะเป็นระดับที่ต้องใช้อัล5คนปราบนี่นา
ยิ่งกว่านั้นในเมืองนี้นอกจากอัลที่เป็นRank Aแล้วก็ไม่มีRank Bเลย
มีแต่พวกRank Cหรือต่ำกว่าทั้งนั้น
จะสิ้นหวังกันแบบนี้ก็ไม่แปลก...........
「ไฟลุกแล้วเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยย!」
「โอ้วววววววววววววววว!ได้ซัดพวกมอนเตอร์แล้ววววววววววววววววววว!」
「มาบุกเมืองที่พวกข้าอยู่อย่าคิดว่าจะรอดไปได้เลย...........!」
「ทำลาย...........ชั้นจะทำลายมันเองงงงงงงงงงงงงงงงง!」
แปลก แปลกแบบสุดๆ
นี่มันไม่ใช่บรรยากาศของเมืองที่จะถูกมอนเตอร์ถล่มแล้วนะเฮ้ย
ขณะที่กำลังอึ้งพลางตบมุขในใจไปแบบนั้น คุณบาน่าก็เข้ามาหาชั้น
「โฮ่โฮ่โฮ่ อย่างที่คิด ถ้าพูดถึงนักผจญภัยของกิลด์ศูนย์ใหญ่ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละนะ
กะแค่มอนเตอร์Rank Aน่ะไม่มีทางกลัวกันหรอก」
「คุณบาน่า เอ่อ..........นี่มันหมายความว่ายังไงกันครับ」
「หมายความว่ายังไง ก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน...........โอ๊ะ ดูเหมือนว่าพวกกัลซุสที่เป็นแนวหน้า
จะออกไปลุยกันแล้วนะ?」
「เอ๋!?」
พอตกใจพลางมองไปที่นอกประตูก็เห็นกัลซุส คุณเอลิสและพวกนักผจญภัยที่เคยเห็นหน้ายืนตั้งท่ากัน
ยิ่งกว่านั้นไม่ทันไรกองทัพมอนเตอร์ก็มาอยู่ในระยะสายตาแล้ว
「อื้ม..........จากที่ฟังมี5000แต่น่าจะมากกว่านั้นอีกเท่าตัวนะ............」
จู่ๆคุณบาน่าก็พึมพำแบบนั้นออกมาพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า พอมองตามไปก็เห็น
ภาพฉายด้วยกล้องเวทมนตร์แบบเดียวที่ใช้ในงานแข่งถ้วยเมืองหลวงฉายอยู่
ที่ฉายออกมาเป็นภาพของกองทัพมอนเตอร์จำนวนมหาศาลกำลังวิ่งมาโดยพร้อมเพรียงกัน
「ท่าจะแย่เนอะ ไม่ใช่แค่Rank Aแต่มีRank Sปนอยู่ไม่น้อยซะด้วย」
ทั้งที่เนื้อหาที่พูดมาฟังดูตึงเครียดแต่เสียงคุณบาน่ากลับไม่รู้สึกลนลานอะไรเลย
「คือ...........ทำไมยังดูใจเย็นอยู่ได้ล่ะครับ?」
เพราะคุณบาน่าเป็นสัตว์ประหลาดที่เรียกว่าผู้เหนือล้ำที่มีอยู่น้อยนิดล่ะมั้ง?
เอาเถอะ ชั้นเองก็เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกันแหละเนอะ!
「หืม ก็ดูพวกกัลซุสสิ แค่นี้ก็ได้คำตอบที่ถามมาแล้ว」
「?」
ขณะที่เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเหนือหัวมากมายก็พลางหันสายตาไปที่พวกกัลซุส
ทันใดนั้นก็เจอกัลซุสที่ตั้งท่าเบ่งกล้ามพลางพูดออกมา
「คิดว่าจะสร้างบาดแผลให้กล้ามเนื้อของฉันได้งั้นเหรอ?」
ทันทีที่พูดเสร็จกัลซุสก็ทะยานออกไปจากตรงนั้นแล้วพุ่งเข้าใส่กองทัพมอนเตอร์จากบนท้องฟ้า
「หา!?」
ขณะที่ตกใจกับภาพที่เห็นจนพูดไม่ออก ตรงบริเวณที่กัลซุสพุ่งเข้าไปก็มีพวกมอนเตอร์กระเด็นออกมา
จำนวนที่นับได้ก็10ตัว
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!กล้ามเนื้อพองตัว!กล้ามเนื้อคำราม!กล้ามเนื้ออันป่าเถื่อน
กล้ามเนื้อของฉันพอมีคนเห็นเยอะๆมันจะยิ่งคึกคักนะ!」
กัลซุสหัวเราะไปพลางพุ่งไปซัดมอนเตอร์ตัวอื่นต่อ
และก็สมกับที่เป็นมอนเตอร์ระดับสูงสติปัญญาเลยสูงตามด้วย
พวกมอนเตอร์จึงเริ่มร่วมมือกันสู้กันกัลซุส จนในที่สุดก็ฝังเขี้ยวเล็บเข้าไปร่างกายของกัลซุส
แต่ทว่า-----------
「อ่อน..........ยังอ่อนหัด!การโจมตีแค่นี้อย่าคิดเลยว่าจะทำให้กล้ามเนื้อของฉันมีแผลได้!」
กัลซุสกลับจัดการมอนเตอร์ที่เข้ามาโจมตีทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้นร่างกายของกัลซุสไม่มีบาดแผลเลยสักนิดด้วย
ขณะที่ใบ้กินกับภาพสุดมั่วแบบนั้น คุณบาน่าก็บอกมาอย่างใจเย็น
「กัลซุส ครูส เขานั้นแม้ตอนนี้จะเป็นกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์ศูนย์ใหญ่ที่คอยดูแลพวกนักผจญภัย
แต่สมัยก่อนเคยเป็นถึงนักผจญภัยRank Sที่มีพลังป้องกันสูงและพละกำลังอันมหาศาล
สามารถจัดการคำร้องขอที่แสนยากมาแล้วไม่รู้เท่าไร และด้วยวิธีการต่อสู้แบบนั้น
ทำให้ผู้คนเรียกเขาว่าเป็น【มนุษย์เหล็ก】เอ้า ดูภาพที่ฉายนั่นต่อสิ」
พอถูกคุณบ่าน่าบอกให้ดูภาพที่ฉายต่อก็ปรากฏเป็นภาพของคุณเอลิสออกมา
คุณเอลิสไม่ได้ใส่ชุดประชาสัมพันธ์แต่ใส่ชุดหนังรัดรูปแถมถือแส้ยาวที่เรียกว่าแส้คาวบอยด้วย
「โฮะโฮ่โฮ่โฮ่โฮ่!เอ้า เจ้าพวกปศุสัตว์ชั้นต่ำทั้งหลาย!จงมาคุกเข่าแทบเท้าของดิฉันซะ!」
คุณเอลิสหัวเราะเสียงสูงพลางฟาดแส้อย่างเฉียบคม
เพี๊ยะะะะะะะะะะะะะะะ!
พอได้ยินเสียงฟาดอย่างรุนแรงแบบนั้น ถัดมาก็เป็นร่างกายของมอนเตอร์ที่ถูกดีดกระเด็น
「อื้มอื้ม!อย่างนั้นแหละ!อีก จงร้องออกมาอีก!」
เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!
เสียงฟาดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อใดที่คุณเอลิสฟาดแส้เมื่อนั้นต้องมีมอนเตอร์กระเด็นออกไป
「น่าเบื่อจัง ทั้งที่ดิฉันก็เป็นMด้วยแท้ๆ..............」
คุณเอลิสพูดด้วยท่าทางผิดหวังทั้งที่หน้าแดงแถมดูฟินสุดๆ
「เอลิส มาเครย์ หล่อนก่อนที่จะมาเป็นประชาสัมพันธ์เคยเป็นนักผจญภัยRank Sอันน่าสะพรึงกลัว
ที่รู้จักกันในนามของ【ท่านหญิงผู้ฝึกสอน】แม้จะเริ่มเป็นประชาสัมพันธ์
ความสามารถนั้นก็ไม่ได้เสื่อมถอยลงไปเลย」
「อ...........เอ่อ..........」
ชั้นได้ฟังถึงกับอ้าปากค้าง
แบบว่า อื้ม ไม่ไหว หัวมันชักจะรับไม่ทันแล้วแฮะ
แต่คุณบาน่าที่ไม่รู้เรื่องนั้นก็เพิ่มเติมมาอีก
「เอ้า แล้วก็ดูสองคนนั้นสิ」
ภาพที่ปรากฏถัดมาคือคือคู่ของชีเปลือยกับโลลิค่อน
เฮ้ยเดี๋ยวดิ สองคนนี้ก็------------
「ไม่ไหว เป็นพวกไม่มีมารยาทกันเอาซะเลย」
「นั่นสิครับ ท่านสลาน แบบนี้เดี๋ยวพวกเด็กๆก็กลัวกันหมดพอดี 」
「ทางฉันเพราะสถานการณ์แบบนี้เลยไม่มีใครมาสนใจที่ฉันแก้ผ้าเลย」
「ยังไงก็ตามแต่ ถ้าไม่จัดการเจ้าพวกนั้นล่ะก็...........」
「อื้ม เพื่อชีวิตที่เหมือนเดิมหลังจากนี้...........」
ทั้งสองคนหันหน้ามามองกันทีนึง แล้วหันไปทางฝูงมอนเตอร์พลางพูดพร้อมกัน
「「เพราะงั้น พวกแกจงตายซะ」」
คนแรกเป็นลุงโลลิค่อนที่ชักดาบมือเดียวออกมาสองข้างแล้วเริ่มฟันใส่มอนเตอร์ตัวแล้วตัวเล่า
เป็นความเคลื่อนไหวที่งดงามลื่นไหลต่อให้ดูจากสายตาของมือสมัครเล่นก็ตาม
「พวกแก ถ้าเด็กๆเขากลัวกันจนไม่ได้นอนจะทำยังไงหาาาาาาาาาาาาาาาาา!」
เป็นการร่ายรำดาบอย่างแท้จริง
ถึงจะเป็นมอนเตอร์ระดับสูงก็ไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวนั้นได้ทันจนถูกลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ
「งั้นฉันเองก็..........ฮึบ!」
จากนั้นลุงชีเปลือยไม่รู้ทำไมถึงถอดเสื้อผ้าเครื่องป้องกันออกจนหมดแล้วพุ่งเข้าไปหากองทัพมอนเตอร์
「Flame.............Bolttttttttttttttttttt!」
ทันทีที่ปะทะกันพวกมอนเตอร์ร่างกายของลุงก็เกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง
มอนเตอร์ที่โดนไฟเข้าไปก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเถ้าธุลี
「ยังยัง!จงมาดูร่างกายของฉันอีกกกกกกกกกกกก!」
หลังจากนั้น ลุงก็จัดการมอนเตอร์ด้วยการห่อหุ้มร่างด้วยสายฟ้าบ้าง น้ำแข็งบ้าง แสงบ้าง
และอะไรหลายๆโดยไม่ใส่เสื้อผ้า
「【ผู้พิทักษ์เด็ก】วอเตอร์ เบรัต กับ 【ผู้ไม่ปิดบัง】สลาน อากาต
พวกเขาอยู่ปาตี้เดียวกันโดยวอเตอร์มีวิชาดาบที่งดงาม ส่วนสลานมีเวทมนตร์อันลือชื่อ
เป็นผู้มีความสามารถที่จัดการคำร้องขอมาแล้วนักต่อนัก
ทว่าการที่จะเลื่อนRankให้สูงขึ้นนักผจญภัยต้องทำตัวให้อยู่ในกฏเกณฑ์มากขึ้น
พวกเขาเลยหยุดกันอยู่ที่Rank C」
รับไม่ไหวแล้วคร้าบ
ชั้นได้แต่ตาแทบจะเหลือกขณะที่ฟังเรื่องที่คุณบาน่าเล่ามา
และผลจากการฟังเรื่องของนักผจญภัยในกิลด์ศูนย์ใหญ่แต่ละคน
สรุปคือแม้พวกนั้นจะRankต่ำแต่ความสามารถจริงเทียมเท่าRank Sกันทั้งนั้น
จากที่ฟังมาทั้งหมดชั้นขอพูดจากใจเลยนะ
「พวกแกมันตัวอะไรกันฟะ!?」
กิลด์โรคจิตดันเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดซะงั้น