ตอนที่ 47 อาบน้ำ
「ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ข้าคือราชาแห่งอาณาจักรวินบุคแห่งนี้ รันเซ่ โฟร์ด วินบุค
ที่ช่วยแก้ทำสาปให้ข้าต้องขอขอบคุณ แล้วก็จะเรียกข้าว่ารันเซ่เหมือนเดิมก็ได้」
『ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง!』
ชั้นในตอนนี้อยู่ในสถานที่ๆใช้สำหรับเข้าเฝ้าโดยที่ทุกคนโค้งให้
「ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ! เงยหัวขึ้นมาเถอะ! 」
ชั้นที่ตอนอยู่ที่โลกเดิมไม่เคยได้รับการก้มหัวขอบคุณเลยรู้สึกเกรงใจ
「ยังพูดอย่างนั้นอีก? เซอิจิ นายเป็นคนช่วยข้าที่เป็นราชาเอาไว้นะ?」
「ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ช่วยหยุดทีเถอะครับ!จิตใจผมจะตายแล้ว!」
「ขนาดนั้นเลยเรอะ!?」
คงเพราะพอจะเข้าใจถึงความลำบากใจของชั้นทุกคนเลยเงยหน้าขึ้น
แล้วคราวนี้คุณรันเซ่ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย
「แต่นายยังไงก็ต้องเอารางวัลอะไรไปสักอย่าง」
「เอ๋!? ก ก็บอกแล้วไงล่ะครับว่า----------」
พอชั้นจะพูดอีกครั้งคุณรันเซ่ก็ยิ้มแห้งๆออกมา
「เรื่องที่ทำไปเพราะความปรารถนาดีก็เข้าใจอยู่หรอก แต่การช่วยเหลือราชาของประเทศหนึ่ง
แล้วบอกว่า『ลาล่ะครับ』โดยไม่เอาอะไรไปเลยมันไม่ได้หรอกนะ เพราะงั้น เซอิจิ
นายต้องการอะไรก็พูดมาได้เลย ถ้าข้าทำได้ก็มอบให้ มันก็เรื่องแค่นี้แหละที่นายต้องทำ」
「เอ่อคือ...........」
ชั้นไม่รู้เลยว่าจะตอบคุณรันเซ่กลับไปยังไงดี
ถึงชั้นจะไม่ค่อยเข้าใจแต่คงเป็นศักดิ์ศรีของประเทศอย่างนึงล่ะมั้ง
พอคิดอย่างนั้นแล้วการปฏิเสธไปก็เป็นความเอาแต่ใจของชั้นเอง.............
คิดอย่างนั้นไปพลางก็คิดว่าจะทำยังไงดี แล้วทันใดนั้นก็นึกเรื่องนึงขึ้นมาได้
「เอ่อ..........ถ้างั้นก็มีอยู่อย่าง」
「โอ้ อะไรล่ะ?」
「ช่วยฝึกสกิลกับเวทมนตร์ให้ผมทีครับ」
『.....................หา?』
เนื้อความที่ชั้นเสนอไปทำให้ทุกคนยกเว้นชั้นเอียงคอ
「พูดไปอาจฟังดูแปลกแต่............ความจริงผมใช้สกิลกับเวทไม่เก่งเลย ถ้าให้พูดอย่างเป็นรูปธรรมก็
ปรับพลังไม่เป็น รู้จักแต่ใช้สกิลกับเวทมนตร์............เอาเป็นว่าใช้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เลยแล้วกัน
ไหนๆก็มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายอยู่เลยอยากให้ช่วยสอนให้?
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่...............」
『..............』
คำพูดหดหายลงไปเรื่อยๆแต่ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ
ดูสิทุกคนเล่นมองชั้นด้วยสีหน้าแบบไม่เข้าใจกันทั้งนั้นเลย
ก็คิดหรอกนะว่าถึงรุยเอสจะใช้สกิลสายโจมตีไม่ได้แต่ด้านการเคลื่อนไหวร่างกายก็น่าจะสอนให้ได้
.............ขึ้นชื่อว่าเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศคงไม่อนุญาตแหงอยู่แล้วเนอะ?
พอคิดแบบนั้นในใจพลางตึงเครียดไปด้วยนั่นเอง----------
「อาจารย์..........อยากจะบอกว่าต้องการฝึกฝนตนเองให้เก่งขึ้นอีกสินะ..........น่านับถือมากเลยค่ะ」
「อื้ม.............หัวใจที่ต้องการพัฒนาตัวเองของเซอิจิคุงนี่น่าชื่มชมจริงๆ」
「ใช้เวทมนตร์ได้ถึงขั้นนั้นแล้วยังไม่พอใจอีก............ผมนี่เทียบไม่ได้เลย」
อ้าว? ดันได้รับความประทับใจแบบแปลกๆซะงั้น นี่ชั้นพูดเรื่องจริงนะ
ชั้นก็กังวลว่าพูดออกไปจะว่ายังไงกันแต่ปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้างกลับจบลงด้วยดี
แล้วคุณรันเซ่ก็เรียกคุณโฟริโอ้กับรุยเอส
「โฟริโอ้ รุยเอส」
「「ครับ/ค่ะ!」」
「พวกเจ้าสองคนก็ช่วยฝึกให้เซอิจิซะ น่าจะช่วยกระตุ้นพวกเจ้าได้ด้วยแหละนะ」
「「ครับ/ค่ะ!รับบัญชา」」
oh...........สรุปOkซะด้วย ไม่สิ ควรดีใจต่างหากเนอะ?
แล้วการกลัวเกินเหตุของชั้นก็จบลงด้วยดี
คราวนี้กลับกันเป็นชั้นที่สับสนแทน เพราะคู่พี่น้องรุยเอสกับคุณโฟริโอ้เข้ามาหาตรงหน้าชั้น
「อาจารย์คะ ฉันเองก็ต้องการเรียนรู้ไปพร้อมกับอาจารย์
เพราะงั้นขอฝากตัวอย่างเป็นทางการด้วยนะคะ」
「ผมเองก็สนใจเวทมนตร์ที่นายใช้เหมือนกัน แต่ก็นะเวทที่ใช้แก้คำสาปของฝ่าบาท
ดูเหมือนจะเป็นเวทเฉพาะตัวซะด้วยสิ ผมหรือใครก็ตามคงเลียนแบบไม่ได้
................แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้กับเวทของผมได้ เพราะงั้นฝากตัวด้วยนะ」
「ค ครับ!」
ด้วยเหตุนี้ชั้นจึงได้พบกับอาจารย์คนสำคัญที่จะช่วยให้ใช้พลังของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
「เอาล่ะ!เท่านี้เรื่องอย่างเป็นทางการก็จบเรียบร้อย..............เซอิจิ!นายก็มาอาบน้ำกับข้าสิ!」
「หา?」
จู่ๆคุณรันเซ่ก็เสนอมาแบบนั้นชั้นเลยงงไปหมด
「ก็เมืองนี้ไม่มีโรงอาบน้ำสาธารณะนี่นา............เซอิจินายเองตอนมาเมืองนี้
ก็ไม่เคยเจอโรงอาบน้ำเลยใช่มั้ยล่ะ?」
「เอ๋? อะ ครับ」
ก็จริงนะ ไม่ต้องพูดถึงเมืองนี้เลยตั้งแต่มาที่โลกนี้ยังไม่เคยได้อาบน้ำสักครั้ง..............
ฟังจากประโยคที่พูดเหมือนโคตรซกมกแต่เพราะแค่ใช้เวทก็สะอาดแล้ว.............
แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้ความรู้สึกสดชื่นแบบการอาบน้ำนี่แหละ
「เอาน่าไม่ต้องคิดอะไรให้มากหรอก!อาบๆไปเถอะ」
ก็มีกังวลเรื่องผมดำอยู่บ้างแต่จะว่าไปตอนรูรูเนะแปลงร่างเป็นคนก็ถอดผ้าคลุมไปแล้ว
จะมากังวลอะไรป่านนี้ล่ะ
ด้วยเหตุนี้-----------
「งั้น............ขอทำตามที่บอกแล้วกันครับ」
เลยตกลงว่าจะอาบน้ำ ก็แหม เป็นคนญี่ปุ่นนี่ก็รู้ๆกันเนอะ? ความสุดยอดของการอาบน้ำน่ะ
หลังจากนั้นเพราะคุณรันเซ่บอกจะเข้าไปด้วย คุณรันเซ่ก็เลยเป็นคนนำทางไปห้องอาบน้ำเอง
ที่ถอดเสื้อผ้านั้นทั้งกว้างและหรูหรา ใหญ่เทียบได้กับโรงแรมหรือโรงอาบน้ำที่โลกเก่าเลย
คุณรันเซ่เร่งให้ถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปในที่อาบน้ำ
ชั้นก็เลยเร่งถอดเสื้อผ้าแล้วก้าวเข้าไปยังที่อาบน้ำ
พอเข้าไปด้านใน อย่างแรกที่ตกใจเลยคือความหรูหรา
มีรูปปั้นเหมือนอย่างเมอร์ไลออนพ่นน้ำร้อนออกมาจากปากแถมมีน้ำพุน้ำร้อนอยู่ในที่อาบด้วย
พอมองไปรอบๆก็เห็นอ่างจากุซซี่หรืออ่างไฟฟ้าที่มีให้เห็นตามโรงอาบน้ำของโลกเดิม
..........บางทีคงสร้างด้วยของที่คล้ายกันด้วยพลังเวทนั่นแหละ...............พลังเวทนี่สะดวกจริงน้า
ขณะที่กำลังตะลึงอยู่คุณรันเซ่ก็เข้ามาหา
「เฮ้ยเฮ้ย มัวยืนทำอะไรอยู่รีบๆเข้าไป-----------」
「?」
อยู่ๆคุณรันเซ่ก็หยุดยืนแล้วเปิดตากว้างชั้นเลยเอียงคอสงสัย
「.........ม มีของดีอยู่ด้วยนี่หว่า...........」
「มองตรงไหนกันคร้าบ!?」
ชั้นรีบปิดท่อนล่างอย่างรวดเร็ว
จะพูดอะไรทั้งทีอุตส่าห์คิดว่าเป็นเรื่องผมดำหรือตาดำซะอีก!
พอแสดงท่าทางปิดท่อนล่างที่เปลือยอย่างละล้าละลัง คุณรันเซ่ก็ทำหน้าเข้าใจอะไรสักอย่าง
「อย่างนี้นี่เอง..........มีของดีติดตัวแบบนี้มิน่าถึงเนื้อหอม.............ระดับนายนี่หาไม่ได้เลยนะเนี่ย」
「ไม่ใช่แล้วคร้าบ!มันเกี่ยวกับเรื่องเนื้อหอมตรงไหน ยังไงก็ไม่มีทางใช่แน่นอน!」
ไม่ใช่พวกชีเปลือยของกิลด์ซะหน่อยจะมีใครเคยเห็นได้ไงฟะ!?
ยังไม่ทันได้เข้าไปอาบน้ำก็ร้อนเพราะอายซะแล้ว
คุณรันเซ่ก็ยิ้มพลางพูดว่า「โทษที」แล้วเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
ชั้นเองก่อนจะเข้าไปก็เอาน้ำร้อนราดตัวให้สะอาดพอได้ที่แล้วค่อยลงอ่าง
「อา............อ๊าาาาาาาาาาาาา...............รู้สึกดีจัง...............」
ทำไมกันน้า เวลาลงอ่างแล้วชอบมีประโยคแบบนี้หลุดออกมาจากปากกันจัง
「โอ้ เซอิจิ นายคุ้นเคยกับการลงอ่างด้วยเหรอ สำหรับทวีปนี้ทั่วไปถ้าพูดถึงเรื่องลงอ่าง
ก็จะเป็นของสำหรับพวกขุนนางหรือเชื้อพระวงค์ ประเทศตะวันออกไม่เหมือนกันเหรอ?」
「เอ๋? เอ่อ ก็............ประมาณนั้นแหละครับ」
คุณประเทศตะวันออกทุกคนขอโทษด้วยนะคร้าบ แบบว่าสอนธรรมเนียมแบบตามน้ำไปซะแล้ว
แต่การที่ชั้นคุ้นเคยกับการลงอ่างนี่ก็เพราะเป็นคนญี่ปุ่นแหละนะ
ถึงที่ต่างประเทศจะไม่มีธรรมเนียมการแช่น้ำร้อนแต่ของโลกนี้ดูจะไม่เหมือนกัน
ตอนที่รีบเร่งอาบฝักบัวก็พอได้แต่ถ้าคลายความเหนื่อยล้าในหนึ่งวันก็ต้องแช่น้ำร้อนนี่แหละ
อ่างอาบน้ำสุดยอด
ขณะที่รู้สึกดีซะจนกล้ามเนื้อหน้าคลายตัวหมด คุณรันเซ่ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังโดยไม่ทันตั้งตัว
「ข้าน่ะ............ซักวันจะสร้างที่อาบน้ำสาธารณะไม่ใช่แค่กับเมืองนี้แต่รวมไปถึงหมู่บ้าน
และอีกหลายๆเมืองในประเทศนี้ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ประเทศนี้ สิ่งที่วิเศษแบบนี้ต้องให้คนทั้งหลาย
ได้รับรู้ด้วยโดยไม่ยึดถือทั้งพรมแดนและเผ่าพันธุ์ แต่ตอนนี้ดันมีสงครามงี่เง่าที่เกิดขึ้นหลายๆที่
จนไม่มีเวลาไปทำ พูดไปก็น่าอายแต่เรื่องเงินก็ด้วยแหละนะ」
「...............」
「แต่ถึงอย่างนั้นสักวันก็อยากให้ประเทศต่างๆหยุดทำสงครามแล้วมาแก้ผ้าลงอ่างด้วยกันแบบนี้」
「.............」
「จะบอกว่าเป็นพวกนักอุดมคติหรือพวกฝันเฟื่องยังไงก็ได้ แต่ก็เป็นความฝันที่ไม่เลวเลยใช่มั้ยล่ะ?
ไม่เกี่ยวกับว่าจะทำให้เป็นจริงได้รึเปล่า แต่ถ้ามีความฝันแม้จะเล็กน้อยก็ต้องพยายามมุ่งไปให้ถึง
อีกอย่าง.................คนเรามีแค่ชีวิตเดียว มันก็ต้องท้าทายกันหน่อย!ไม่ฝันก็ขาดทุนแย่เลยใช่มะ?」
คุณรันเซ่พูดอย่างนั้นแล้วก็ยิ้ม
「อ้ะ............พูดจาออกลายไปหน่อย ...........อย่างว่าอ่างอาบน้ำมันสุดยอดแบบนี้แหละ
เลยทำให้เปลือยไปถึงหัวใจ............เอาเถอะ ข้าเองก็กลุ้มใจอยู่เหมือนกันเลยอยากระบายออกไปบ้าง
ลืมๆไปเหอะ」
คุณรันเซ่พูดโดยเหมือนเหงาตรงไหนสักแห่งชั้นเลยพูดบ้าง
「.........งั้นก็ชวนมาอาบน้ำอีกสิครับ ไว้ตอนนั้นจะพาคนรู้จักในกิลด์มาด้วย」
คำพูดของชั้นทำให้คุณรันเซ่สับสนไปแต่-----------
「ได้เลย!」
สุดท้ายก็ยิ้มแย้มกลับมา
◆◇◆
「...........」
ซาเคีย กิลฟอร์ดกำลังเดินอยู่ในปราสาทเซซิลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ทันใดนั้นในทิศทางตรงข้ามก็มีกลุ่มชายในชุดเกราะหรูหราผิดกับเสื้อเกราะที่ซาเคียใส่เดินมา
พอเห็นคนกลุ่มนั้น ซาเคียก็ยิ่งเครียดเข้าไปอีก
ระยะห่างระหว่างซาเคียกับกลุ่มชายเหล่านั้นค่อยๆใกล้เข้ามา จากนั้นชายที่เดินอยู่หน้าสุดของกลุ่ม
ก็สังเกตุเห็นซาเคีย
ชายคนนั้นมีผมสีทองหม่นตรงยาว ดวงตาสีแดงที่มีสีอันน่ารังเกียจปนอยู่
หน้าตาก็พอใช้ได้แต่ไม่รู้ว่าเพราะนิสัยไม่ดีแผ่ออกมารึเปล่า
เลยดูเป็นสีหน้าที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ
「โอ๊ะโอ~? ซาเคียคุงที่เก่งที่สุดในประเทศไม่ใช่เหรอนั่น~」
「..........」
ซาเคียผงกศรีษะนิดๆ แล้วจะเดินผ่านไปแต่ชายกลุ่มนั้นก็มาขวางทางไว้ทำให้ไม่สามารถไปได้
「ใจร้ายจังเลย นายกับผมเป็นพรรคพวกกันไม่ใช่เหรอ」
「..........มีอะไร」
ซาเคียในใจรู้สึกเอือมระอาเต็มทน
-----------หัวหน้ากองพลที่1แห่งอาณาจักไคเซอร์ โอเรียส เฟนเซอร์
นั่นคือชื่อของชายคนนั้นแล้วยังชอบคอยมาหาเรื่องซาเคียอยู่เรื่อย
「แหมแหม ก็ไม่ได้มีธุระอะไรไม่ใช่เหรอไง............อืม~ พอดีได้ฟังข่าวลือมาอย่างนึงน่ะ
เห็นได้ยินว่าเจ้า≪ควันความตาย≫นั่นลอบยิงฝ่าบาทใช่มั้ยเอ่ย」
「................」
「ยิ่งกว่านั้นนายจับ≪ควันความตาย≫ไม่ได้แถมยังทำให้หนีไปได้อีก..........
ไม่ไหวๆ ≪ดาบของราชา≫ที่ร่ำลือก็ตกต่ำลงมาเหมือนกันเนอะ」
「..........」
กลุ่มชายที่เหลือหัวเราะเยาะตามคำพูดของโอเรียส
พอซาเคียไม่สนใจท่าทางของชายกลุ่มนั้นแล้วพยายามจะเดิมไปต่ออีกครั้ง
โอเรียสก็เข้ามาจับไหล่ซาเคียแล้วกระซิบที่ข้างหู
「สามัญชนชั้นต่ำอย่างแกมาทำเป็นผยองก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
พวกอง2ที่กวาดสามัญชนมารวมไว้ด้วยกันอย่างพวกแกน่ะสุดท้ายก็เป็นได้แค่ม้าใช้ตัดกำลังศัตรู
เพื่อให้พวกเราจัดการบดขยี้ศัตรูได้ง่ายๆเท่านั้น」
「............」
「เอาเถอะ ก็เห็นใจหรอกนะที่ต้องมานั่งตามสะสางปัญหาเพราะความกระจอกของพวกแก
พยายามอย่าให้ฝ่าบาทโกรธซะล่ะ ขืนไม่มีพวกแกอยู่พวกเรามีหวังลำบากแย่เลย? ฮ่าฮ่าฮ่า」
「.............」
ไม่ว่าจะโดนพูดจาดูหมิ่นยังไงซาเคียยังนิ่งเฉยหางคิ้วไม่ขยับเลยสักนิด
โอเรียสที่ไม่ถูกใจกับท่าทางแบบนั้นก็เดาะลิ้นเสียงดังแล้วผลักซาเคีย
「ชิ!เป็นคนที่น่าเบื่อเป็นบ้า ..........ไปกันเถอะพวกเรา」
『ครับ』
สุดท้ายโอเรียสที่แค่เข้ามาหาเรื่องก็เดินจากไปทั้งอย่างนั้น
ส่วนซาเคียที่เหลืออยู่คนเดียวก็ไปพิงผนังแล้วพึมพำเบาๆ
「..........ดาบของข้ามีไว้เพื่อปกป้องสิ่งใดกัน............?」
แม้จะจ้องมองมือตัวเองแต่คำตอบนั้นก็ไม่ออกมา
จากนั้นคำพูดของ≪ควันความตาย≫เมื่อก่อนหน้านี้ก็ย้อนกลับมา
「..........เหมือนที่เจ้าหมอนั่นพูดไว้ มาภูมิใจกับการฆ่าคนแบบนี้............มันบ้าชัดๆ
การเลี้ยงดูชีวิตยังยากกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า」
ซาเคียนั้นทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากการจับดาบ
และการทำเรื่องนั้นก็ได้ช่วยชีวิตไว้มากมาย
แต่สุดท้ายมันก็แค่การช่วยชีวิตจาการฆ่าอีกฝ่ายเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ซาเคียตระหนักได้
แล้วตอนนี้คุณค่าของตัวตนนั้นสั่นไหวอีก
「---------ม้าใช้งั้นเหรอ」
แม้ต่างกับสิ่งที่โอเรียสจะสื่อออกมาแต่ถึงกระนั้นในอกของซาเคียก็ถูกคำพูดนั้นฝังลึกลงไปในใจ
◆◇◆
ชั้น---------ทาคามิยะ โชตะกำลังใช้ชีวิตแต่ละวันโดยตั้งเป้าเพื่อกำจัดจอมมาร
ที่โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลด้วยกันกับพรรพวกทุกคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน
เพราะในระหว่างที่คุณซาเคียและพวกชั้นยังไม่รู้เรื่อง นักเรียนคนอื่นตัดสินใจกันเอาเอง
โดยไปหาตาแก่ในเสื้อคลุม.............รู้สึกว่าจะชื่อเฮริโอ้มั้ง? ไปเจรจากันนั่นแหละ
ด้วยเหตุนี้พวกเราเลยมาอยู่ที่โรงเรียนเวทมนตร์เพื่อศึกษาเวทมนตร์ต่างๆและรับการชี้แนะเชิงดาบ
สำหรับชั้นน่ะยังตัดสินไม่ถูกแต่พวกคนอื่นๆรำคาญการฝึกพื้นฐานของคุณซาเคีย
จนรังสีความเครียดที่แผ่นออกมาอย่างกับจะอาละวาดออกมาแล้ว
ซึ่งตอนนี้ชั้นกับเพื่อนสมัยเด็กอารากิ เคนจิและรุ่นพี่คันนะซึกิ คาเรนสามคน
กำลังอยู่ระหว่างพูดคุยกันที่สวนของโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องของพวกเราที่โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล
「...........รุ่นพี่คันนะซึกิ ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอครับ?」
สำหรับคำถามของชั้นแค่มองสีหน้าของรุ่นพี่คันนะซึกิก็รู้แล้ว ...........มันจะไปดีได้ไงล่ะ
ถ้าพูดถึงเหตุผลอะไรที่ให้มาพูดคุยเรื่องนี้กันนั่นก็เพราะ.........
「ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปล่ะก็ได้ถูกโดดเดี่ยวจากโรงเรียนนี้แน่」
ใช่ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับพวกนักเรียนที่เข้าเรียนอยู่แต่เดิมน่ะมันค่อยๆพังลงไปเรื่อยๆแล้ว
เหตุผลก็เพราะความอวดดีของพวกเราที่เป็นผู้กล้า
「.........แล้วใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ล่ะ?」
「แหงอยู่แล้วก็ต้องพวกอาโอยามะที่อยู่ห้องเดียวกับเซอิจินั่นแหละ」
แม้เคนจิจะหลุดคำพูดนั้นออกมา แต่รุ่นพี่คันนะซึกิก็ส่ายหัวเงียบๆ
「จริงอยู่ที่สาเหตุหนึ่งมาจากพวกเขาแต่ยังมีสาเหตุอันดับหนึ่งอย่างอื่นอยู่ นั่นคือ-------」
「โอ๊ะ? พวกนายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เหรอ?」
จู่ๆก็มีเสียงมาขัดจังหวะ
พอพวกเราหันสายตาไปพร้อมกันก็เจอผู้ชาย3คนยืนอยู่
「..........คิซารากิ มาซายะ」
รุ่นพี่คันนะซึกิพึมพำออกมาด้วยความรังเกียจ
แค่เห็นท่าทางนั่นชั้นก็เข้าใจได้เลย
...........ว่าสาเหตุอันดับหนึ่งที่รุ่นพี่คันนะซึกิพูดถึงคือ3คนนี้แหละ
「อย่าจ้องกันแบบนั้นสิ คุณคันนะซึกิ หน้าสวยๆจะเสียหมดนะ?」
ชายที่พูดจาเล่นๆไหลลื่นออกมาก็คือ คิซารากิ มาซายะ
อยู่ปี3เหมือนกับรุ่นพี่คันนะซึกิและเป็นหัวหน้าของไอดอลกรุ๊ปชื่อดังของโลกไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น
ในความเป็นจริงรุ่นพี่คิซารากิก็มีผมสีน้ำตาลพลิ้วสลวยแถมหน้าหวานทำให้ถูกอกถูกใจสาวๆมาก
และเหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นอดีตกัปตันทีมฟุตบอลอีกด้วย แต่ถ้าจำไม่ผิดที่เป็นอดีตนั้น
เพราะออกจากชมรมโดยยกให้อาโอยามะเป็นกัปตันด้วยเหตุผลว่าทำให้ไม่มีเวลาว่างเที่ยวเล่น
เหตุผลน่าตลกใช่มั้ยล่ะ?
「แล้ว? คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ? พวกผมเองก็อยากคุยด้วยเหมือนกัน 」
「...........ไม่เกี่ยวกับพวกนาย」
「หวา!กลัวจังเลย~!แต่การทำให้ผู้หญิงใจแข็งยอมสยบได้ก็น่าสนุกไม่เลว」
คนที่จ้องมองรุ่นพี่คันนะซึกิดแล้วยิ้มอย่างชั่วร้ายคือ โอยามะ ซึโยชิ
มีกล้ามและผิวสีน้ำตาลที่มาจากการโดนแดด ผมทรงซอฟโมฮิแกนย้อมเป็นสีแดง
ก่อนหน้านี้เคยอยู่ชมรมมวยเหมือนกับเคนจิ แต่รุ่นพี่คนนี้ก็หาเหตุผลเหมาะๆแล้วลาออกเหมือนกัน
ทั้งยังอยู่ไอดอลกรุ๊ปเดียวกับรุ่นพี่คิราซากิด้วยหน้าตาแบบเถื่อนๆที่พวกสาวๆนิยมชมชอบ
จากนั้นชายที่ทำทรงผมเหมือนโฮสก็ออกมาจากด้านหลังของรุ่นพี่โอยามะ
「ซึโยชิ อย่าทำให้ผู้หญิงเขากลัวสิ? เห็นมั้ยตัวสั่นไปหมดแล้ว」
เพื่อนของรุ่นพี่คิซารากิที่พูดประโยคน่าหมั่นไส้ออกมาคือ โทโกะ เร็นโตะ
ผมสีทองยาวแถมเซ็ตให้สะดุดตาจนน่ารำคาญ
หน้าตาก็หนุ่มหล่อพอจะอยู่ไอดอลกรุ๊ปกลุ่มเดียวกับรุ่นพี่คิซารากิแล้วกัน
เดิมทีในกลุ่มเพื่อนนักเรียนหญิงก็ไม่ได้มีข่าวลือที่ดี.........ไม่สิ ผู้ชายทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็ด้วยแหละ
รุ่นพี่คันนะซึกิสาดสายตาอันเย็นชาใส่ชายตรงหน้าพวกนี้
แต่ทว่าไม่ใช่แค่ไม่สนใจเท่านั้นรุ่นพี่คิซารากิยังชวนคุยต่ออีก
「น่าน่า ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ แต่ถามดูเพราะสงสัยเฉยๆเท่านั้นเอง
เอ้า ถ้าไม่บอกล่ะก็ ..........เดี๋ยวก็สร้างปัญหาให้ซะเลย?」
「!」
ถ้ากลุ่มผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ดีคือพวกโนจิม่าล่ะก็
กลุ่มชายที่มีชื่อเสียงไม่ดีก็ต้องเป็นเจ้าพวกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
และต้องมีอาโอยามะที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเซอิจิรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยแน่
ถึงพวกโนจิม่าที่โลกเก่าจะมีชื่อเสียงไม่ดีแต่ว่าตั้งแต่มาเข้าโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้ก่อปัญหาอะไรขึ้นมาเลย
ถ้าพูดให้ดียิ่งขึ้นก็บอกได้เลยว่าเป็นคนดีจนคิดว่าข่าวลือเป็นเรื่องโกหกด้วยซ้ำ
รุ่นพี่คันนะซึกิเผยสีหน้าลำบากใจกับคำพูดของรุ่นพี่คิซารากิแต่ก็กลับคืนสีหน้าเดิมได้ในทันที
แล้วบอกออกไปตามตรง
「งั้นจะพูดก็ได้ ก็เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราถูกโดดเดี่ยวจากโรงเรียนนี้ไงล่ะ」
「อะไรกัน เรื่องนั้นเองเหรอ」
รุ่นพี่คิซารากิทำเสียงน่าเบื่อกับคำพูดของรุ่นพี่คันนะซึกิ
「เรื่องนั้นสำหรับพวกเรามันก็แน่อยู่แล้วนี่นา」
จากนั้นก็พูดอย่างกับว่าเรื่องที่เราบอกมันเป็นเรื่องปกติ
「ถึงจะบอกว่าถูกโดดเดี่ยวแต่ตาแก่นั่น............คุณเฮริโอ้ใช่มะ?
เพราะคนๆนั้นให้เงื่อนไขกับพวกเราว่าให้ใส่กำไลนี่กับอีกเงื่อนไขนึงไม่ใช่เหรอไง」
「..........แล้วไงล่ะ?」
「ก็-นั่น-ไง............ที่ให้แสดงพลังของผู้กล้าน่ะ」
「เรื่องนั้น..............」
ก็จริงอยู่ว่ามีพูดมาแบบนั้น
แต่ว่าถึงจะไม่มีเงื่อนไขนั้นตอนนี้พวกเราก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าให้สวมกำไลนี่ติดตัวไว้
ถึงจะไม่รู้เหมือนกันว่ากำไลนี่มีความหมายยังไงก็เถอะ...........
「ยิ่งกว่านั้นพวกนักเรียนของโรงเรียนนี่ยังบอกเลยไม่ใช่เหรอว่าเกณฑ์สำหรับโลกนี้
แค่ใช้เวทได้ถึง2คุณสมบัติก็สุดยอดแล้ว แต่นี่พวกเราเล่นใช้ได้ถึง4เลยนะ?
นี่ไงตรงจุดนี้แหละที่สร้างความแตกต่างระหว่างพวกแถวๆนี้ ต่อให้เป็นคาบเรียนเวทมนตร์
พวกผู้กล้าอย่างเราแค่เรียนหน่อยเดียวก็ใช้ได้เกือบหมดแล้ว」
「ช่ายๆ ต่อให้ซ้อมต่อสู้กันสักกี่ครั้งก็เถอะ...........เจ้าพวกนั้นมันกระจอกเกินเนอะ?
นั่นแหละเหตุผลหลักเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้จอมมารก็สบายๆ」
「อีกอย่างคุณเฮริโอ้ก็บอกไว้ใช่มั้ยล่ะ พวกมนุษย์สัตว์หรืออมนุษย์น่ะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ
ยิ่งพวกเผ่าปีศาจที่เป็นลูกน้องของจอมมารไม่มีค่าให้มีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ」
「แต่ถึงอย่างนั้น............!พวกแกก็ทำเกินไปแล้ว!」
เคนจิในที่สุดก็ทนคำพูดขอพวกรุ่นพี่ไม่ไหวจนตะโกนออกมา
...........ก็หลังๆมานี่พวกผู้กล้าเล่นออกมาดูถูกพวกผู้คนรอบข้างอย่างเปิดเผย
เพราะได้พลังอันแข็งแกร่งที่ไม่สามารถหามาได้จากโลกเก่าจนทำให้เกินการแบ่งแยกอย่างรุนแรง
ถึงจะไม่เห็นพวกรุ่นพี่เข้าไปเกี่ยวด้วยโดยตรงแต่ก็เห็นพวกอาโอยามะใช้กำลังกับพวกนักเรียนเก่า
จนต้องเข้าไปห้ามมาแล้ว
ถ้าฟังจากที่เล่าต้องมีพวกที่เอาพลังนั้นไปใช้ข่มขู่พวกนักเรียนหญิงด้วยแน่
แต่โชคดีที่ยังไม่มีเรื่องถึงขั้นนั้น.............
พวกรุ่นพี่ที่เห็นเคนจิฟิวส์ขาดก็ทำหน้าตาสนุกสนานออกมา
「หา? พูดเรื่องอะไรกัน? พวกเราเป็นผู้กล้านะ? เรื่องที่ควรทำอะไรก็ต้องรู้อยู่แล้วล่ะน่า
แถมยังไงซะก็ต้องไปสู้เพื่อช่วยโลกด้วย」
「เคนจิ............ถ้ายังทำตัวแบบนี้เดี๋ยวก็ซัดให้หรอก?」
「ไม่ขำเลยฟ่ะ.............ว่าแต่เลือดร้อนไปป่าว」
「อ๋า!?」
บรรยากาศยิ่งตึงเครียดเข้าไปอีก
แต่รุ่นพี่คันนะซึกิก็เข้ามาแยก
「.........พอได้แล้ว เคนจิ โชตะ ไปกันเถอะ」
「แต่ว่า...........!」
「มาเถอะน่า」
รุ่นพี่คันนะซึกิพูดเสียงแข็งด้วยความรู้สึกฝืนใจ เคนจิก็เลยยอมถอย
จากนั้นตอนที่กำลังจะจากพวกรุ่นพี่คิซารากิไปนั่นเอง รุ่นพี่คิซารากิก็พูดให้พวกเราได้ยิน
「คนอ่อนแอเชื่อฟังคนแข็งแกร่งมันเป็นกฏของธรรมชาติอยู่แล้วจริงมั้ยล่ะ?
ในสังคมของโลกเก่าเองก็มีทั้งการเอาชนะ หลอกใช้แล้วกำจัดคนอื่นทิ้งเหมือนกัน
เพราะงั้นผู้แข็งแกร่งอย่างเราก็ต้องใช้สิทธินั้น เรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจเหรอไง」
รุ่นพี่คันนะซึกิไม่สนใจเสียงนั้นแล้วเดินไปทางตึกเรียนด้วยกันกับพวกเรา