ตอนที่ 44 แผนการ
สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปจนคุณคลาวเดียร์และเหล่าvalkyrieต่างอึ้งไปตามๆกัน
พูดไปอาจฟังดูแปลกแต่ขนาดตัวชั้นเองที่เอาดาบไม้ไปจ่อใส่คุณรุยเอสยังงงจนตะลึงไปเหมือนกัน
และแล้ว---------
「「「「เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเอ๋!?」」」」
「เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเอ๋!?」
「ไม่ใช่แล้วไม่ใช่แล้วไม่ใช่แล้ว!ตัวเองนายเองเป็นคนเอาชนะท่านรุยเอส
แล้วจะมาเอ๋ตามทำไม!?」
「.......สมกับเป็นคุณเซอิจิที่ชนะเลิศได้ด้วยลา เป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าท่านรุยเอสซะอีก........... 」
คุณคลาวเดียร์ตบมุขใส่ชั้นที่เอ๋ไปกันเหล่าvalkyrie ส่วนคุณโรน่านี่พูดจาเสียมารยาทมากเลย
ก็แบบ!ชั้นเองทำไมจู่ๆถึงเคลื่อนไหวแบบนั้นได้ยังไม่เข้าใจเลย!
อ้ะ จะว่าไปก็ได้ยินเสียงในหัวที่ไม่ได้ยินมานานนี่นา เป็นเพราะเรื่องนั้นเรอะ!?
เพื่อไม่ให้คนรอบข้างรู้ชั้นเลยรีบดึงฮู้ดมาปิดแล้วตรวจดูสเตตัส
ทันใดนั้นตรงช่องสกิลก็เจออยู่สองชื่อที่ไม่เคยเห็น
『ตาพิภพ』.......เป็นสกิลที่แทรกแทรงตัวตนของโลก สามารถตรวจจับไปถึงรายละเอียด
และขยายขอบเขตได้จนถึง500เมตร ทว่าโดยปกติจะอยู่ในสถานะตรวจจับธรรมดา
หากเรียกใช้ถึงจะสามารถตรวจจับรายละเอียดได้
และเมื่อนำมารวมกับประสิทธิภาพของสกิล『ตาใจ』ทำให้รองรับสปีดได้มากกว่าที่เคยเป็น
สิ่งที่มองไม่ทันจนถึงตอนนี้จะสามารถมองเห็นได้แล้ว ทำงานอัตโนมัติ
『ป้องกันอัตโนมัติ』.......เป็นสกิลที่หากตอบสนองต่อการโจมตีไม่ทัน
ร่างกายจะทำการป้องกันตัวเองโดยอัตโนมัติ
ทว่าไม่สามารถตอบโต้การโจมตีจากจุดบอดได้ ทำงานอัตโนมัติ
พอซักทีเท้อออออออออออออออ!
อะไรกันฟะ!? ช่วงนี้ก็ว่าเห็นเงียบๆไป?
ไม่คิดเลย..........ว่าจะกลายเป็นความสงบก่อนพายุไปซะได้!
แม้แต่ร่างกายยังไม่ให้ความเคารพตัวชั้นเลย!? เผลอแปปเดียวร่างกายชั้นดันเรียกร้องสิทธิซะงั้นอ่ะ
บัดซบบบบบบบ!
เพื่อไม่ให้เหล่าvalkyrieสงสัยชั้นเลยไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่ในใจนี่วุ่นวายปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ยังไงก็ตามแต่ มีสกิลทรงพลังแบบนี้.........จะมีใครจะมาปราบชั้นได้บ้างเนี่ย?
อย่างเมื่อกี้ที่สกิล『ป้องกันอัตโนมัติ』ทำงานกันร่างกายของชั้น
ร่างกายมันก็ขยับไปเองจนตัวชั้นยังไม่เข้าใจเลยว่าทำได้ไง?
สกิลอื่นนี่ยังต้องรอให้ชั้นใช้ แต่สกิลนี้มันใช้ชั้นเองเลยนะเฟ้ย!
สกิล『วิวัฒนาการ』ที่เป็นสกิลเฉพาะตัวของมนุษย์นี่ไม่รู้จักยั้งไว้ซะบ้างเลย!
ไม่สิ เพราะดันมีฉายา『ไม่รู้จักยับยั้งตนเอง』ด้วยนี่แหละ!
...........คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ตอนผมตายจะได้ไปสวรรค์ของมนุษย์ปกติรึเปล่าครับ?
ขณะที่เงยหน้ามองท้องฟ้าเงียบๆพลางน้ำตาไหล คุณรุยเอสที่จ้องมือตัวเองจนถึงตอนนี้ก็เข้ามาหาชั้น
「อ เอ่อ..........?」
ตรงหน้ามีคุณรุยเอสเข้ามาหาเงียบๆ ชั้นเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี?
...........เอาไงดี ดันไปชนะอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศซะได้........วันพรุ่งนี้ของชั้นจะเป็นไงหว่า?
เหล่าvalkyrieพอเห็นท่าทางของคุณรุยเอสก็ปิดปากเงียบ ขอร้องล่ะ ช่วยพูดอะไรหน่อยเถอะ!
เอ้านี่ เมื่อกี้ยังวีดว้ายกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!คุณโรน่า ตอนนี้แหละเป็นเวลาทอร์คโชว์แล้ว!
เงียบๆแบบนี้ไม่เอาน้า!?
ชั้นมองท่าทางของคุณรุยเอสอย่างหวาดๆ
และแล้วคุณรุยเอสก็ค่อยๆเงยหน้าแล้วจ้องมองชั้น ...........เอ? อะไรล่ะเนี่ย
คิดไปเองรึเปล่าแต่ตานี่เป็นประกายวิบวับเลย...............
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่ ในที่สุดคุณรุยเอสก็เอ่ยปากขึ้น
「........ขอเรียกว่าอาจารย์ได้มั้ยคะ?」
「ไลฟ์พอยต์ของชั้นมันลดจนไม่เหลือแล้ววววววววววววววววววว!」
พูดออกมาทั้งทีทำไมต้องแถมระเบิดออกมาด้วย!?
เอ้านี่ ดูรอบข้างบ้างสิ!ทุกคนเขาอ้าปากหวอกันหมดแล้วนะ!
มันแน่อยู่แล้วเนอะ? ก็อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุด
ดันมาเรียกเจ้าคนสวมฮู้ดน่าสงสัยที่ไหนไม่รู้เป็นอาจารย์ซะงั้นอ่ะ? ไม่ตกใจสิแปลก............!
ทว่าคุณรุยเอสก็ชักดาบสีเงินขาวดูลึกลับที่เห็นอยู่ที่เอวมาปักลงพื้นแล้วโค้งให้
「จากนี้ไปของฝากตัวด้วยนะคะ อาจารย์」
「ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย!?」
ถ้าสังเกตุดูจะเห็นได้เลยว่าท่าทางที่เรียกอาจารย์นั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ เป็นไปได้ไงอ่ะ
เหล่าvalkyrieปล่อยชั้นที่ตะลึงไว้แล้วเข้าไปแสดงความยินดีกับคุณรุยเอส
「ดีจังเลยนะคะ ท่านรุยเอส!ในที่สุดก็เจอคนที่มีระดับเดียวกับท่านรุยเอสนอกจากท่าน
【อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์(Black Paladin)】จนได้!」
「ระดับเดียวกันซะที่ไหน เหนือกว่าต่างหาก!
เท่านี้ท่านรุยเอสก็จะได้งดงามและแข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว!」
「ท่านรุยเอสก็บอกเสมอนี่นา? ว่าอยากหาคนที่ทำให้เก่งขึ้น ดีใจด้วยนะคะ!」
ไม่มีช่องว่างให้ชั้นพูดบ้างเลย ไหงงี้อ่ะ?
ขณะที่ตาเป็นจุดแถมใบ้กินอยู่ คุณคลาวเดียร์ก็เข้ามาหา
「แหม เก่งจังเลยนะเซอิจิคุง โอ๊ะ เป็นอาจารย์ของท่านรุยเอสแล้วนี่นา
อย่างนี้ควรเรียกว่าท่านเซอิจิดีมั้ยเอ่ย?」
「ขอทีเถอะครับ」
พอทำท่าวิงวอนอย่างจริงจังคุณคลาวเดียร์ก็ยิ้มอย่างสดชื่น ขี้แกล้งอ่ะ
「ฟุฟุ ช่างเถอะแต่ว่า.........ดีจังนะที่นายเก่งกว่าท่านรุยเอส」
คุณคลาวเดียร์บรรยากาศผิดกับเมื่อกี้ ตอนนี้สีหน้าดูเศร้าๆยังไงไมรู้
「ท่านรุยเอสน่ะนะ? ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะทางดาบตั้งแต่เกิด」
「เอ๋?」
「แต่ที่จริงแล้วท่านรุยเอส...........ใช้สกิลหรือเวทมนตร์ไม่ได้เลยสักอย่างเดียว」
「............หา?」
คำพูดที่ออกจากปากของคุณคลาวเดียร์เหลือเชื่อซะจนชั้นเหวอไปเลย
.............ไม่จริงน่า จะเป็นไปได้ไง
ก็คนๆนั้นปล่อยคมดาบสุดโหดขนาดนั้นได้เลยนะ?
การโจมตีระดับยอมมนุษย์แบบนั้นเนี่ยนะไม่ได้ใช้สกิล----------
พอคิดถึงตรงนั้นชั้นก็นึกขึ้นได้
............เรื่องที่สกิล『ขโมยวิชา 』กับ『จัดระเบียบ』ที่เป็นสกิลเฉพาะตัวของชั้นไม่ได้ทำงาน
ตอนนั้นก็นึกไปว่าเป็นสกิลที่ชั้นมีอยู่ก่อนแล้วแต่ระหว่างต่อสู้
สกิล『ตาทิพย์』ก็ไม่ได้แสดงเอฟเฟคออกมาเลยว่ามีสกิลทำงานอยู่
ตอนที่สู้กับเทพมังกรดำก็ว่ามันแปลกๆอยู่ที่สกิลเฉพาะตัวของชั้นไม่ทำงาน
งั้นก็อาจหมายความได้ว่าสกิลเองก็ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา
พอคิดดูแล้วที่มองไม่เห็นสกิล『ทะลวง』อาจเป็นเพราะแบบนั้นก็ได้
แล้วก็ไม่มีทางที่สกิลปล่อยคมดาบแบบนั้นสกิลประเภททำงานอัตโนมัติไปได้หรอก-----
「แต่ว่าท่านรุยเอสก็ไม่ได้สนใจข้อด้อยตรงจุดนั้นเพราะพรสวรรค์อันร้ายกาจที่ถูกเก็บซ่อนไว้
นั่นก็คือวิชาดาบ ท่านรุยเอสนั้นไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบไหนๆ แค่เพียงได้เห็นเพียงครั้งเดียว
ก็สามารถนำมาเป็นเทคนิคของตัวเองได้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานะสกิล
และถึงไม่เท่ากับวิชาดาบ วิชาทางด้านอาวุธเองก็มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ก็เล่นโปรซะขนาดนี้จะไปเอื้อมถึงได้ยังไงล่ะเนอะ」
「............」
คุณรุยเอสนี่อันตรายกว่าที่ชั้นคิดไว้ซะอีก
「เพราะท่านรุยเอสเป็นแบบนั้นไม่ต้องพูดถึงวัยเดียวกันเลย
แม้แต่ช่วงวัยอื่นก็หาคนเก่งทัดเทียมกันไม่ได้ เพราะงั้น ท่านรุยเอส......จึงต้องอยู่โดดเดี่ยวตลอด」
「..........」
「โชคดีที่ตอนนี้ประเทศนี้มีท่าน【อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์】มาอยู่ด้วย คงยังไม่เคยเห็นหน้าสินะ?
แต่เรื่องความเก่งนี่............เท่ากับท่านรุยเอสเลยล่ะ แต่ก็เพราะเท่ากันนี่แหละ」
「..........」
「ท่านรุยเอสน่ะตอนที่ฝึกบางครั้งก็แสดงสีหน้าเหงาเปล่าเปลี่ยวออกมา
ซึ่งท่าน【อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์】ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ............เพราะงั้น ขอบใจนะ
ที่เป็นคนที่เก่งจนเอาชนะท่านรุยเอสได้」
คุณคลาวเดียร์พูดแล้วก็เดินเข้าไปหาคุณโรน่า
กรณีของชั้นพอมาที่โลกนี้มั่วๆไปก็ได้พลังระดับเหลือเชื่อมาเฉยเลย
แต่กรณีของคุณรุยเอสนั้นเป็นพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
........ต้องโดดเดี่ยวนี่คงแย่น่าดู นอกจากนั้นยังความสามารถที่ไร้ประโยชน์ติดมาด้วยอีก
ชั้นก็ไม่เข้าใจถึงขนาดนั้นแต่คงเหงาแย่เลย...........
ขณะที่ชั้นคิดอย่างนั้นพลางจ้องมอง คุณรุยเอสก็รู้สึกถึงสายตาของชั้นเลยเข้ามาหา
จากนั้นก็คลายสภาพไร้สีหน้าเป็นยิ้มเล็กน้อย
「อาจารย์ ต่อจากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะคะ」
「อะ ครับ...........」
แม้จะเป็นการยิ้มเพียงเล็กน้อยแต่ด้วยพลังทำลายอันล้นเหลือชั้นเลยมองเพลินไปหน่อย
จากนั้นคุณรุยเอสกับไปยังสีหน้าเดิมอีกครั้ง
........อ อ้าว? ตะกี้ ดันเผลอตอบส่งๆไปซะแล้วสิ.........
เอาไงดีฟะงานนี้!? แล้วจะฝึกให้ท่านรุยเอสกับเหล่าvalkyrie ยังไงดีล่ะ!?
ต่อให้มีสเตตัสสัตว์ประหลาดยังไงแต่ชั้นโคตรมือสมัครเล่นด้านการต่อสู้เลยนะเฟ้ย
แล้วจะไปสอนอะไรให้ได้
「เอ่อ คุณรุยเอส ผมคงสอนอะไรให้ไม่ได้หรอก.........」
「เปล่า ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แค่ดูก็เลียนแบบได้แล้ว」
อุ๊ยตาย พูดจายอดมนุษย์ยังตกใจเลยนะเธอ!
ขณะที่ในใจคิดอย่างนั้นอยู่ ในหัวก็มีเสียงอันเรียบเชียบดังขึ้นอีกครั้ง
『ประสิทธิภาพของสกิล【วิวัฒนาการ】เริ่มทำงาน
ด้วยเหตุนี้ ร่างกายจะทำการปรับสภาพให้เหมาะสมกับสถานการณ์
จากการปรับสภาพร่างกาย สกิล【สอน】ได้เรียนรู้แล้ว』
อยู่ในสภาพที่ยอมแพ้ไปครึ่งนึงแล้ว เลยทำแค่ยืนยันสกิลที่จู่ๆก็ได้เรียนรู้
『สอน』.......เป็นสกิลที่สามารถสอนรายละเอียดของสกิล เวทมนตร์ ทักษะหรือความรู้อื่นๆ
ให้เข้าใจได้ง่าย
เย้ เท่านี้ก็สอนได้แล้ว!
ชั้นแอบหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดกับสกิล『วิวัฒนาการ』ที่จู่ๆก็อาละวาดขึ้นมา
ว่าแต่.......ชั้นกลับได้ยังอ่ะ? ก็จบเรื่องแล้วนี่เนอะ?
ใช่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วล่ะนะถ้าชั้นจะกลับ
ก็มีบอกสถานการณ์ผ่าน『การสื่อสารทางใจ』ด้วยพลังของ『สร้อยคอแห่งรักไร้สิ้นสุด』
กับพวกซาเรียไว้ก่อนจะมาที่นี่แล้ว
............ทางซาเรียไม่ได้รู้สึกอะไรแต่อัลตกใจใหญ่เลย
ยังไงก็ตามแต่ก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้วกลับเลยคงได้แหละ
พอจะไปบอกเรื่องนั้นกับคุณรุยเอส ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก
『กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!』
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังก้องไปในปราสาท
จู่ๆก็มีเสียงร้องขึ้นมาทั้งคุณรุยเอสและเหล่าvalkyrieเลยทำอะไรไม่ถูก
แต่แล้วก็มีเมดคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามาหาคุณรุยเอส
โอ้ เมดของแท้ซะด้วย เจ๋งสุดยอด
「ท ท่านรุยเอส!พระราชา........พระราชา...........!」
「ใจเย็นๆก่อน ฝ่าบาทเป็นอะไรงั้นเหรอ?」
เมดที่ถูกคุณรุยเอสถามด้วยสายตาเฉียบคมก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วแจ้งออกมาเสียงดัง
「ฝ่าบาทถูกใครไม่รู้เข้าโจมตี..............จนล้มไปแล้วค่ะ..........!」
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดนั้นคุณรุยเอสกับเหล่าvalkyrieก็มีสีหน้าตึงเครียด
ราวกับบรรยากาศเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องโกหกพลางเข้าไปในปราสาท
...........อ้าว? ปล่อยชั้นไว้เลยเหรอ?
ไม่สิ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน
แต่ตอนนี้ชั้นจะเคลื่อนไหวตามใจก็ไม่ได้ซะแล้ว
นั่นเพราะหากชั้นที่เป็นคนภายนอกป้วนป้วนในปราสาทโดยไม่ระวังล่ะก็
ได้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับที่บุกมาแน่
สิ่งที่ตอนนี้ชั้นทำได้มีอยู่ไม่มาก
งั้นเอาเป็นพูดคำนี้ก่อน
「Medic!Medicccc!」
อ้าว? ไม่ใช่เหรอ งั้นอันนี้ล่ะ
「ป่อเต็กตึ๊ง!」
..............
เอาเป็นว่าก่อนอื่นเลิกพูดเล่นก่อนดีกว่า ก็แบบ เหตุการณ์มันกะทันหันหัวเลยเพี้ยนไปหน่อย
พอชั้นใจเย็นลงแล้วก็เริ่มใช้สกิล『ตาพิภพ』ที่พึ่งได้มาค้นหาตัวคนร้ายที่ยังหากันไม่เจอ
◆◇◆
ย้อนเวลากลับไปนิดหน่อยในอีกสถานที่
----------เมืองหลวงของอาณาจักรไคเซอร์ วัลซัส
ปราสาทอันใหญ่โตที่เป็นศูนย์กลางในการปกครองประเทศ...........ปราสาทเซเซิล
ภายในห้องของพระราชาในปราสาทเซเซิล
มีจักรพรรดิ์คนปัจจุบัน เชลุส โอล ไคเซอร์กับคนแก่ในชุดเสื้อคลุม เฮริโอ้ โรบาน
และอัศวินที่เก่งที่สุดของอาณาจักรไครเซอร์ ซาเคีย กิลฟอร์ดอยู่
โดยเชสุสกับเฮริโอ้นั้นมีสีหน้าไม่ใส่ใจอะไรตรงข้ามกับใบหน้าของซาเคียที่เคร่งเครียด
「...........ฝ่าบาท นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?」
แต่เชลุสก็ตอบกลับซาเคียที่เอ่ยปากมาอย่างเงียบๆโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
「เรื่องอะไรงั้นเหรอ?」
「...........ก็เรื่องเหล่าผู้กล้าไงครับ!」
สุดท้ายซาเคียก็ทนไม่ไหวจนพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง แต่เชลุสก็หัวเราะเยาะกลับไป
「อ๋อ เจ้าทาสพวกนั้นเหรอ ถ้าเจ้าพวกนั้นล่ะก็ป่านนี้คงไปที่โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล
สู้กับพวกมอนเตอร์อยู่ล่ะมั้ง? แต่ก็นะ โลกที่เจ้าทาสพวกนั้นเคยอยู่ก็เป็นที่ปลอดภัยมากซะด้วยสิ
...............อาจจะมีคนตายไปบ้างแล้วก็ได้」
「ตั้งใจจะทำอะไรกัน..........!สำหรับพวกนั้นมันยังเร็วเกินไปนะครับ!
ตามที่ฝ่าบาทได้กล่าวมาโลกของพวกเขานั้นเป็นโลกที่สงบสุข!
เพราะงั้นต่อให้เตรียมใจยังไง พวกเขาที่มาจากโลกเช่นนั้นก็ไม่คิดว่าจะต่อสู้ได้หรอกครับ!」
「ซาเคีย ต่อให้เจ้าหาคำพูดให้เหมาะยังไงก็เป็นแค่การไม่อยากให้ผู้กล้าพวกนั้น
ต้องไปเจอกับอันตรายนั่นแหละถูกมั้ย?」
พอซาเคียกำลังอุทธรณ์ต่อเชลุส เฮริโอ้ที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นคนพูดบ้าง
「..........แล้วมันผิดตรงไหนงั้นเหรอ」
「มันผิดแน่อยู่แล้ว!เจ้าพวกนั้นสุดท้ายก็เป็นแค่เบี้ย
ที่ใช้เพื่อความรุ่งเรืองของอาณาจักรไคเซอร์ของพวกเรา
ตัวเบี้ยหากใช้ไม่ได้ตัวเบี้ยมันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน?」
「เฮริโอ้ แก..........」
「เพราะงั้นเลยต้องลำบากอย่างนี้ไงล่ะ แกน่ะอ่อนกับผู้กล้ามากเกินไป
ผู้กล้าน่ะมีไว้จัดการพวกปีศาจเพื่อไม่ให้มือของพวกเราต้องเปรอะเปื้อนนะ?
ถ้าผู้กล้าที่ว่านั่นอ่อนแอมันจะไปมีประโยชน์อะไร...........สู้รีบๆจัดการให้หายๆไปเลยดีกว่า」
「.........งั้นถ้าพวกผู้กล้าเกิดมีพลังแล้วต่อต้านขึ้นมาล่ะจะทำยังไง?」
ซาเคียพยายามระงับความโกรธแล้วพูดออกมาเงียบๆ
แต่แล้วเฮริโอ้กลับยิ้มเยาะท่าทางเช่นนั้นของซาเคียแล้วตอบกลับไป
「เฮอะ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับพวกผู้กล้าที่ไปเข้าโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล
ได้ให้ใส่『กำไลสวามิภักดิ์』ไว้แล้ว หากผู้ที่สวม『กำไลสวามิภักดิ์』จะทำร้ายผู้เป็นคนสวมให้
ก็จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอันเหลือคนานับถึงตาย สรุปก็คือไม่มีทางต่อต้านได้อยู่แล้ว」
「อะ!?」
「แน่นอน พวกผู้กล้าเองก็มีสกิล『ตรวจสอบ』หากมอบให้ซื่อๆไม่มีทางสวมง่ายๆแน่
เพราะงั้นข้าเลยต้อบหลอกลวงเจ้าพวกนั้น ซาเคีย............เจ้าน่ะ รู้จักนามที่สองของข้ามั้ย?」
「หรือว่า..............!?」
ซาเคียเข้าใจได้ถึงสิ่งที่เฮริโอ้พูดมา
เมื่อซาเคียเปิดตากว้าง เฮริโอ้ก็ยิ้มหน้าบาน
「นามที่สองของข้า---------≪ปีศาจมายา≫
จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้『ธาตุมายา』ได้เพียงคนเดียวในโลก
เรื่องจะหลอกสกิลชั้นต้นแบบนั้นน่ะมันหมูๆอยู่แล้ว」
พวกผู้กล้านั้นสวมกำไลไปโดยไม่ได้รู้ว่ามันเป็นสิ่งอันตรายถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายตัวเอง
เพราะเวทมนตร์ของเฮริโอ้
ถูกช่วงชิงวิธีที่ทำให้รู้โดยเวทมนตร์ของจอมเวทอันดับหนึ่งของอาณาจักรนามว่าเฮริโอ้
เสื้อคลุมที่ใส่ไม่ไช่แค่ใส่เอาเท่ห์แต่อย่างใดเลย
「แก.........」
ทันทีที่ซาเคียหลุดคำพูดที่เสียดแทงออกมานั่นเอง
「!?」
ทันใดนั้นก็มีธนูดอกหนึ่งทะลุผ่านหน้าต่างห้องของพระราชาพุ่งเข้าไปหาเชลุส
สิ่งที่เกิดกะทันหันจนเกินไป ไม่ต้องพูดถึงเฮริโอ้เลย แน่นอนว่าเชลุสเองก็ตั้งตัวไม่ทัน
แต่ด้วยปฏิกิริยาตอบโต้อันรวดเร็วเหนือมนุษย์ของซาเคียที่เก่งที่สุดในอาณาจักร
จึงสามารถฟันลูกธนูอันรวดเร็วจนน่ากลัวที่พุ่งเข้าหาราชาของตัวเองจนร่วงลงมาได้
พอหันสายตาไปทางหน้าต่างก็เจอควันสีขาวสายหนึ่งลอยขึ้นมา
「ม มันอะไรกัน!?」
เชลุสที่อยู่ๆก็ถูกยิงด้วยลูกธนูเลยสับสนอย่างหนัก
เฮริโอ้ตกใจไม่แพ้กันแต่ก็สงบใจได้ในทันทีแล้วพูดกับเชลุส
「ฝ่าบาท บางทีอาจะเป็นฝีมือของนักฆ่าที่จะสังหารฝ่าบาท.............」
「น นักฆ่า!? ท ทำอะไรกันอยู่ล่ะ!รีบมาป้องกันข้าไว้เร็วเข้า!」
เชลุสตะโกนใส่แผ่นหลังของซาเคีย
ซาเคียหันสายตาไปมองท่าทางแบบนั้นด้วยสายตาเย็นชาโดยไม่รู้ตัวพลางใช้เวทธาตุลม
กระจายเสียงออกคำสั่งรวมพลเหล่าลูกน้องในสังกัดทันที
『เหตุฉุกเฉิน ฝ่าบาทถูกคนลึกลับลอบยิง โชคดีที่ข้าสกัดความเสียหายของการยิงไว้ได้
แต่ยังจับผู้ที่ยิงมาไม่ได้ รีบมารวมพลที่ห้องของฝ่าบาทเพื่อดำเนินการอารักขาความปลอดภัยซะ』
เมื่อพูดจบ เชลุสก็ตะโกนใส่ซาเคียอีกครั้งในสภาพที่ดูไม่ได้
「เฮ้ย ซาเคีย!มัวพึมพำอะไรอยู่!ทำไมยังไม่รีบไปจับตัวคนร้ายที่โจมตีข้าอีก!」
「..........เกรงจะไม่ได้ ฝ่าบาท หากตอนนี้หม่อมชั้นออกไปจากที่นี่---------」
「หุบปากหุบปากหุบปาก!มันจะต้องเสียใจที่ลงมือโจมตีข้า!รีบไปจับตัวคนร้ายมาซะ!
แล้วฟังให้ดีนะ ห้ามฆ่าเด็ดขาด!ถ้าเข้าใจก็ไปได้แล้ว!」
「............รับทราบพะยะค่ะ เฮริโอ้ ฝากฝ่าบาทด้วย」
「เฮอะ เลิกพิรี้พิไรแล้วไปได้แล้ว」
「.........」
ซาเคียที่ถูกเชลุสสั่งก็ออกไปด้านนอกทางหน้าต่างด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์ทั่วไป
ห้องของเชลุสนั้นถ้าให้เทียบกับโลกเดิมก็อยู่สูงระดับแมนชั่น5ชั้น
หากเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางรอดปลอดภัยไปได้แน่
แต่ซาเคียนั้นลงพื้นได้อย่างสวยงามแล้วพุ่งไปทางที่ธนูยิงมาด้วยความเร็วอันน่ากลัว
พอเจอละแวกที่มีคนอยู่เยอะก็หลีกเลี่ยงโดยการโดดไปตามหลังคา
หลังจากที่ออกจากห้องด้วยการเคลื่อนไหวอันเหนือมนุษย์เพื่อค้นหาคนที่ลอบยิง
เฮริโอ้กับเชลุสก็พูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่อึมครึม
「ไม่อยากเชื่อเลยว่า ฝ่าบาทจะถูกโจมตี.........」
「ความปลอดภัยของที่นี่มันยังไงกัน!พวกลูกน้องของซาเคียมันทำงานกันบ้างรึเปล่า!?
เดิมทีเลยมันเป็นใครกันแน่...........หา!? หรือว่าพวกเผ่าปีศาจมันเริ่มลงมือแล้ว!?
ฮึ่ย เจ้าพวกเผ่าน่าโมโห.........!」
ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรแต่เชลุสก็ตัดสินข้างเดียวว่าคนร้ายเป็นเผ่าปีศาจ
สำหรับเชลุสที่เป็นเช่นนั้น เฮริโอ้ก็แจ้งข้อมูลอย่างหนึ่งให้ทราบ
「ฝ่าบาท ยังไม่แน่นะขอรับว่าเป็นฝีมือของเผ่าปีศาจ?」
「ว่าไงนะ? หมายความว่ายังไง?」
「เมื่อเร็วๆนี้ที่อาณาจักรวินบุคมีข่าวลืออย่างหนึ่งที่ลือกันขอรับ」
「ข่าวลืองั้นเหรอ?」
「ใช่ขอรับ ไม่รู้ยังไงแต่กษัตริย์ของอาณาจักรวินบุคเลือกเส้นทางที่จะอยู่ร่วมกับเผ่าปีศาจ
แถมอีกไม่นานก็จะผูกพันธมิตรกับเผ่าปีศาจด้วยนะขอรับ? ถึงจะบอกว่าเป็นข่าวลือ............
แต่ไม่แน่ว่าอาณาจักรวินบุคจะเห็นฝ่าบาทเป็นตัวเกะกะ
เลยสั่งนักฆ่าที่มีฝีมือมาลอบสังหารฝ่าบาทก็เป็นได้?」
เมื่อรับฟังคำพูดของเฮริโอ้ สุดท้ายเชลุสก็เดือดดาลขึ้นมา
「ประเทศอ่อนแอพรรณนั้นจะมาขวางทางข้า......!แล้วไปเข้าพวกกับเผ่าปีศาจงั้นเหรอ?
เจ้าพวกที่ไม่ต่างกับปศุสัตว์แบบนั้นเนี่ยนะ!? ในหมู่ประเทศต่างๆก็มีมากมายที่เห็นด้วยกับสิ่งที่
อาณาจักรไคเซอร์ของข้าทำแล้วทำไมประเทศงี่เง่านั่นถึงไม่เห็นด้วย!?
มันก็เป็นแบบนี้มาเนิ่นนานแล้วไม่ใช่เหรอไง!
อาณาจักรไคเซอร์ของข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครเด็ดขาด!
ไม่งั้นได้มีประเทศงี่เง่าอย่างประเทศตะวันออกหรือยัยเด็กน้อยจากประเทศเกิดใหม่อย่างวัลชา
ผุดขึ้นมามากมายแน่...............!」
「........เพราะเจ้าพวกนั้นโง่เขลาน่ะขอรับ จึงไม่เข้าใจความคิดของฝ่าบาท แถมยังไม่เข้าใจถึงสถานะ
อันยิ่งใหญ่ของ『มนุษย์』ที่เป็นเผ่าพันธุ์ของตนเอง การที่มนุษย์ดันไปคบค้ากับพวกสัตว์
จนเกิดเป็นอมนุษย์อย่างมนุษย์สัตว์ก็น่ารังเกียจพออยู่แล้วแท้ๆ............」
「ทั้งที่เป็น『มนุษย์』กลับไม่เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์
ไอ้เจ้าพวหนอนแมลงที่ต่ำยิ่งกว่าปศุสัตว์...........! อยากไปบดขยี้มันซะเดี๋ยวนี้เลย!」
「.........น่าเสียดายขอรับแต่คงเป็นไปได้ยาก อาณาจักรวินบุคนั้นอยู่ห่างจากอาณาจักรไคเซอร์
ของพวกเราทั้งยังมี【ภูเขา】และ【ทะเล】ขวางกัน อีกทั้งเจ้าพวกนั้นยังมี
【นักรบสาวแห่งดาบสวรรค์(valkyrie)】ซึ่งหัวหน้าคือ【อัศวินดาบ(Knight of Sword】
และเมื่อรวมกับ【อัศวินดำศักดิ์สิทธิ์(Black Paladin)】
แม้จะเป็นพวกเราก็ยังต้องคิดให้ดีก่อนขอรับ」
แม้เชลุสจะโมโหอย่างรุนแรงแต่เมื่อรับฟังคำพูดของเฮริโอ้ ก็เปลี่ยนจากอารมส์ก่อนหน้านี้
เป็นยิ้มอย่างน่ารังเกียจออกมา
「นั่นสินะ กำลังรบของพวกเราเองก็ไม่มีเวลาว่างไปใส่ใจประเทศเล็กๆพรรณนั้นหรอก
ดินแดนทางโน้นความเจริญก็น้อยพื้นที่ก็คับแคบ ถึงพอจะมีคนมีฝีมือยู่บ้างก็เถอะ?
แต่ว่าสุดท้ายมันก็แค่นั้น ทันทีที่ข้าได้อาณาเขตของเผ่าปีศาจมาล่ะก็-------แหลก」
「จนกว่าจะถึงเวลานั้นเจ้าพวกนั้นจะยอมอยู่เงียบๆกันเหรอขอรับ?」
「เฮอะ ก็แค่การต่อต้านขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ของประเทศโง่เง่า
แค่พวกเราถล่มเผ่าปีศาจก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะไปร่วมมือกับเผ่าปีศาจได้ก็พอ หลังจากถล่มเผ่าปีศาจแล้ว
ไม่ใช่แค่อาณาจักรวินบุค อาณาจักรวัลชาของยัยเด็กนั่นก็จะไม่ได้รับความเมตตาอีกต่อไป」
「.........แล้วประเทศตะวันออกจะทำยังไงขอรับ?」
「ทางนั้นปล่อยไปก็ได้ จริงอยู่ที่ไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราแต่ก็ไม่มีทรัพยากรที่ดีเลิศอะไร
แถมทางนั้นยังมีศึกภายในราวกับนรกอยู่ทั่วทุกที่ สมัยก่อนเคยได้ฟังมาว่าเป็นชนเผ่านักรบ
แต่มันก็แค่พวกป่าเถื่อนที่ชอบการฆ่าฟันเท่านั้น อีกฝ่ายเป็นพวกบ้าสงครามไปยุ่งด้วยก็เสียหายเปล่าๆ
แถมยังไงก็ไม่ออกจากประเทศบ้านตัวเองมายึดครองโลกอยู่แล้ว
แต่ก็นะต่อให้ออกจากประเทศตัวเองมาแค่ทำลายมันซะก็พอ
ที่นั่นว่ากันว่ามีหญิงงามที่น่าหลงใหลอยู่ซะด้วย แต่รวมแล้วก็มีค่าอยู่แค่นั้นแหละ」
เชลุสยิ่งยิ้มอย่างน่ารังเกียจมากขึ้นพลางพูดต่อ
「คิดออกแล้วว่าจะจัดการกับอาณาจักรวินบุคยังไงดี
แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องแบ่งกำลังรบไปมากมายด้วย...............」
「ฝ่าบาท แล้วที่ว่านั่นต้องทำยังไงเหรอขอรับ?」
「หือ มันก็ง่ายๆ สิ่งที่ข้าเจอมาเมื่อกี้ ก็ทำให้ทางโน้นโดนบ้างยังไงล่ะ」
「!เรื่องนั้นหรือก็คือ----------」
เมื่อมองเฮริโอ้ตกใจเชลุสก็ยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน
จากนั้นก็คงเหลือไว้เพียงรอยยิ้มอันโหดร้าย
「---------ส่ง≪นักฆ่ายามสนธยา(Twilight Assassin)≫ไปจัดการ-------」
◆◇◆
「............」
ซาเคียลับประสาทสัมผัสของตัวเองให้คมจนถึงที่สุดพลางค้นหาคนร้ายที่ยิงเจ้านายอย่างรวดเร็ว
ถึงจะบอกว่าค้นหาแต่ซาเคียนั้นหมายตาไว้ที่หนึ่งอยู่ก่อนแล้ว
นั่นก็คือจุดที่เห็นควันสีขาวลอยขึ้นมาหลังจากการลอบยิง
ซาเคียวิ่งไปในเมืองพลางคิดอยู่สองเรื่อง
อย่างแรกคือเรื่องของตัวซาเคียเอง
ตอนนี้ซาเคียไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงดี
ตัวเขานั้นรู้ตัวดีว่าไม่เก่งด้านการเมืองหรืองานใช้สมอง
นั่นเพราะถ้าเป็นในยุคก่อนของจักรพรรดิ์ อัลฟี่ เดีย ไคเซอร์ล่ะก็เขาก็แค่ทำหน้าที่เป็นดาบของอัลฟี่
วิ่งทะยานไปตามสนามรบ จนวันหนึ่งถูกเรียกว่าเป็น≪ดาบของราชา≫ก็เท่านั้น
เพราะงั้นต่อให้คิดยังไงก็ทำความเข้าใจได้แค่บางส่วน
ด้วยเหตุนี้ซาเคียจึงไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองต้องทำในตอนนี้
ในสมัยของจักรพรรดิ์อัลฟี่นั้นแค่เชื่อฟังคำพูดของอัลฟี่แล้วกวัดแกว่งดาบไปก็พอ
แน่นอน ซาเคียเองก็คิดเหมือนกันว่าอัลฟี่นั้นไม่มีทางผิดอย่างเด็ดขาด
แต่จักรพรรดิ์คนปัจจุบัน............ทิศทางการปกครองของเชลุสนั้นไม่ว่ายังไง
ซาเคียก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้
ทั้งที่ดินแดนภายในประเทศก็มั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรอยู่แล้วยังจะไปรุกรานประเทศอื่นอีก
ร่ำร้องว่าเพื่อปวงชน ชูธงขับไล่จอมมารบุกรุกแดนปีศาจทั้งที่ขูดรีดภาษีอย่างหนัก
ถ้าเป็นรัฐบาลสมัยอัลฟี่ล่ะก็ต้องคัดค้านหัวชนฝาแน่
อัลฟี่ไม่เคยเลยที่จะพยายามขยายดินแดนด้วยตัวเอง ยึดหลักอยู่ร่วมกับประเทศอื่น
เป็นผู้รักสันติภาพอย่างแท้จริง
ทว่าหากดินแดนตัวเองถูกข้าศึกรุกรานก็จะจัดการอีกฝ่ายอย่างไร้ปราณี
แม้ผลลัพธ์จะถูกประเทศอื่นประณามอัลฟี่ก็ยังคอยปกป้องประเทศของตัวเอง
ซาเตียคิดไปพลางโดดจากหลังคาบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง
จริงๆแล้วเชลุสมีความรู้สึกอย่างที่ว่ามานั้นบ้างรึเปล่า?
จริงอยู่สำหรับอาณาจักรไคเซอร์นั้น ตัวเองที่ทำหน้าที่เป็นอัศวิน..........หัวหน้ากองอัศวิน
ต้องซื่อสัตย์รับใช้เป็นดาบให้จักรพรรดิ์อยู่แล้ว
ต่อให้เปลี่ยนจากท่านอัลฟี่ไปก็ตามยังไงเรื่องนั้นก็ไม่เปลี่ยน
แต่อัศวินนั้นควรปกป้องประชาชนเหนือสิ่งอื่นใดมิใช่หรือ?
ความคิดนั้นวนอยู่ในหัวของซาเคีย
สุดท้ายแล้วปัญหานี้ซาเคียก็ไม่อาจเลือกการตัดสินใจของตัวเองได้
ไม่ได้เรื่องแม้จะคิดผิดยังไงก็ยังเอาแต่หลีกเลี่ยงโดยอ้างว่าตัวเองเป็นดาบ
ความคิดจมไปกับความมืดมนเลยส่ายหัวสะบัดทิ้งไป
แม้จะปล่อยไว้ต่อไปไม่ได้แล้วแต่ซาเคียก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ จนกัดริมปีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ลืมความคิดเมื่อกี้ไปก่อน ยังมีอีกอีกเรื่องที่ต้องคิด...........
ตัวจริงของคนที่ลอบยิงนี่แหละที่ต้องคิดในตอนนี้
ซาเคียพอคาดเดาได้ว่าเป็นฝีมือของนักฆ่าที่เก่งกาจจากการซุ่มยิงเจ้านายของตนเอง
และในหมู่นักฆ่าทีมีผีมือซุ่มยิงขนาดนั้นในโลกเบื้องหลังมีเพียงไม่กี่คน
แม้ตัวซาเคียเองจะไม่มีเส้นสายในโลกเบื้องหลังแต่ก็พอจะเคยได้ยินชื่อหลายๆคนมาบ้าง
แล้วการซุ่มยิงในครั้งนี้ถ้าใช้ธนูทั่วไปยิงก็ไม่มีทางยิงมาถึงจากจุดที่เห็นได้แน่
อีกทั้งนักฆ่าที่มีแรงมากพอที่จะยิงธนูแล้วฆ่าเป้าหมายได้แน่นอนมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นเมื่อรวมกับควันที่ลอยมาจากที่ๆมือซุ่มยิงอยู่ทำให้แทบจะมั่นใจได้เลย
ฉายาของมือซุ่มยิงนั้นก็คือ-----------≪ควันความตาย(ชิเอน)≫
ไม่ใช่แค่จับตัวไม่ได้ราวกับควันเท่านั้นเพราะเวลาลงมือจะต้องมีควันลอยขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง
ในเมืองอย่างแน่นอนเลยได้ชื่อนั้นมา
แน่นอนว่าควันนั้นต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง ซาเคียคาดเดาไว้แบบนั้น
เอาจริงๆควันน่าจะต้องหายไปแล้วแต่แม้ตอนนี้ยังเห็นได้เลยว่าควันยังลอยขึ้นมาอยู่
จึงทำให้ซาเคียรู้สึกสงสัย
「.........กับดักงั้นเหรอ?」
เร่งการระวังตัวไว้พลางรีบมุ่งไปที่ควัน
ใช่แล้ว เพื่อไล่ตามตัวตนที่ราวกับควันสมชื่อ≪ควันความตาย≫ที่เป็นควันสีขาวเรียวที่ยังคงลอยอยู่
เป็นกับดักงั้นเหรอ หรือว่าเป็นความผิดพลาดของ≪ควันความตาย≫..............
ซาเคียทิ้งความคิดที่ว่าเป็นความผิดพลาดของ≪ควันความตาย≫ไปในทันที
แม้มนุษย์จะต้องมีพลาดกันบ้างแต่โลกของนักฆ่านั้นหากพลาดแม้เพียงนิด
ไม่ใช่แค่ความตายของตนเองเท่านั้นจะโยงไปถึงความตายของผู้จ้างวานด้วยเพราะงั้นจะพลาดไม่ได้
โดยเฉพาะความผิดพลาดง่ายๆอย่างการบอกว่าลืมกลบควันไฟที่ว่านี้ด้วย
ถ้างั้นเพื่ออะไรกันล่ะ?
ซาเคียที่ในหัวปฏิเสธข้อสัญนิฐานต่างๆไปเรื่องๆในที่สุดก็มาถึงด้านล่างของควันสีขาว
ที่นั่นเป็นดาดฟ้าของตึกที่สูงที่สุดในบรรดาตึกรอบข้าง
ซาเคียจึงคาดเดาว่าคงเป็นอาคารขององค์กรใหญ่อะไรสักอย่าง
พอโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกแบบรวดเดียว
ก็เจอชายคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงกลางของดาดฟ้า
「...........อ้ะ? .............เฮ้อ มาจนได้นะ」
บรรยากาศของชายที่บ่นพึมพำนั้นดูสกปรกนิดหน่อยแต่ก็ดูขัดแย้งในตัวเอง
ใส่เสื้อคลุมเก่าๆขาดๆ เสื้อผ้าที่สวมไว้ข้างใต้ก็เป็นผ้าปอธรรมดาไม่ได้แปลกอะไร
มือขวาสวมสนับแขนสีไวน์แดงให้ความรู้สึกประหลาด
ผมสีเขียวเข้มเสยไปข้างหลัง ดวงตาสีทองดุร้ายส่องแสงเป็นประกาย หนวดเครายาวรุงรัง
ทั้งที่ดูท่าทางสกปรกแต่ก็ห่อหุ้มด้วยบรรยากาศลึกล้ำจากสายตาที่แหลมคมจนมองทะลุได้ทุกอย่าง
ซาเคียจึงรักษาระยะห่างไว้พลางค่อยๆถามชายคนนั้น
「............แกคือ≪ควันความตาย≫งั้นเหรอ?」
กับคำถามนั้นชายที่คาบบุหรี่อยู่ก็พลางยกมุมปากขึ้น
「นายนี่ถามมาได้น่าสนุกเป็นบ้าเลย คิดว่าจะถามว่า『แกเป็นคนลอบยิงฝ่าบาทงั้นเหรอ?』
อะไรแบบนี้ซะอีก ไม่นึกเลยจู่ๆจะมาถามฉายาของชั้นแบบนี้?」
「หุบปาก ตอบคำถามมา」
ซาเคียตอบกลับโดยไม่สนใจสิ่งที่พูดมาแต่ทั้งท่าทางและบรรยากาศของชายหนุ่มก็ยังไม่เปลี่ยน
「โอ๊ะ น่ากลัวจังๆ อาครับๆไม่ต้องจ้องอย่างนั้นได้
ใช่แล้ว ข้าพเจ้าคือท่าน≪ควันความตาย≫เองคร้าบ.......... พอใจยัง?」
สำเนียงการพูดชวนกระตุกต่อมอารมส์
แต่ซาเคียก็ไม่หวั่นไหวพลางถามต่อ
「ทำไมไม่ดับควัน? หากไม่ปล่อยให้คลุ้งแบบนี้ข้าก็ไม่มีทางหาเจอแน่」
「เฮ้เฮ้ จะให้ชั้นเลิกบุหรี่เหรอไง? พูดจาโหดร้ายชะมัดเลยนายนี่」
「ตอบมาตรงๆ」
พอซาเคียจ้องด้วยประกายตาแหลมคม ชายหนุ่มก็ตีหน้าซีเรียสขึ้นมาทันที
「เรื่องมันก็ง่ายๆ--------≪ดาบของราชา≫ นายมันตัวเกะกะ」
「............ว่าไงนะ?」
ชายหนุ่มไม่สนใจซาเคียแล้วพูดต่อ
「นายน่ะคืออัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรนี้ เรื่องนั้นชั้นเองก็ยอมรับ
แต่ว่านะ...........นายที่รับใช้จักรพรรดิ์คนก่อนนอกจากจะไม่ฆ่าไอ้สารเลวนั่นแล้วยังมาเกะกะกันอีก」
「!」
ร่างกายของชายหนุ่มแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาอย่างรุนแรง
แรงกดดันจากรังสีฆ่าฟันนั้นแม้จะเป็นยอมฝืมือที่ผ่านศึกมามากอย่างซาเคียยังต้องเผลอหยุดหายใจ
ชายคนนั้นไม่สนใจท่าทางของซาเคียแล้วพูดต่อ
「รู้มั้ย? สภาพปัจจุบันของประเทศนี้น่ะ คงไม่รู้ล่ะสิ? ก็นั่นสินะ
นายน่ะไม่เคยออกห่างจากไอ้สารเลวนั่นเลย งั้นจะบอกให้แล้วกัน? ประชาชนไม่ว่าที่ไหนก็อดอยาก
ความปลอดภัยในชีวิตเลวร้าย มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกอยู่ทุกหัวระแหง」
「...........」
「เออ ใช่ จะบอกให้อีกอย่างนะ ชั้นน่ะไม่ได้ถูกใครที่ไหนจ้างวานมาให้ฆ่าไอ้สารเลวนั่น
อย่างที่คิดหรอกนะ เหตุผลที่ชั้นจะฆ่าไอ้เวรนั่น---------นั่นสินะ แก้แค้นให้เพื่อนล่ะมั้ง」
「......อะไรนะ? หมายความว่ายังไงกัน?」
ซาเคียเอียงคอเพราะเหตุผลธรรมดามากไปหน่อย
พอเห็นท่าทางซาเคียแบบนั้น ชายคนนั้นก็หัวเราะให้กับตัวเอง
「ตะกี้คิดว่าเป็นเหตุผลที่ไม่น่าสนใจเลยใช่มั้ยล่ะ?
ก็นะ เหตุผลมันก็ธรรมดาเหมือนพวกที่อยู่แถวนี้นั่นแหละ」
「..........」
「แต่ว่านะ? สำหรับประเทศนี้น่ะ-------คำพูดแก้ตัวธรรมดาแบบนั้นน่ะมีอยู่ทั่วเลยล่ะ」
「!」
คำพูดของชายหนุ่มบาดลึกลงไปในอกของซาเคีย
จากนั้นชายหนุ่มก็ทอดสายตาออกไปไกลๆแล้วหรี่ตาลง
「หมอนั่นเป็นคนดี..........เป็นคนใจดีที่ทำงานร้านดอกไม้ไม่ได้ทำงานเบื้องหลังเหมือนอย่างชั้น
รดน้ำดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ...........ความทรงจำเดียวที่เหลือไว้สำหรับชั้น
ก็คือรอยยิ้มของหมอนั่น」
「..........」
「แต่ว่านะ............สิ่งนั้นถูกไอ้สารเลวนั่นทำลายจนหมด」
「...........」
「เพราะการขูดรีดภาษีของไอ้สารเลวนั่นเพื่อทำสงครามไร้สาระ.........
เรื่องนั้นทำให้ผู้คนมากมายไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ ผู้ชายถูกพาไปเกณฑ์ทหาร
ผู้หญิงที่อยู่บ้านก็ต้องใช้ชีวิตไปวันๆอย่างยากลำบาก」
「...........」
「แล้วเพื่อนของชั้นน่ะ--------ดันเป็นเผ่าปีศาจ เลยถูกฆ่าเพียงเพราะเรื่องแค่นี้」
「!?」
เสียงอันเย็นชาของชายหนุ่มทำให้ซาเคียหวาดผวา
พอชำเลืองซาเคียที่เป็นแบบนั้นก็พูดต่อ
「ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด อยู่ๆพวกทหารของอาณาจักรนี้ก็บุกเข้ามาในตอนที่ชั้นกับเพื่อน
คุยเฮฮากันอยู่ที่ร้านดอกไม้แล้วแทงใส่เพื่อนของชั้นโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย」
「...........」
「ชั้นในตอนนั้นพึ่งก้าวเข้าไปทำงานเบื้องหลัง..........อ่อนแอเป็นบ้า ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
ทำได้เพียงแค่มองดูเพื่อนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา」
「..........」
「เพื่อนชั้นจนสุดท้ายก็ยังยิ้ม หายใจรวยรินบอกให้ข้าหนีไปด้วยรอยยิ้ม..........!」
ชายหนุ่มเน้นเสียงปลดปล่อยอารมส์ที่สั่งสมไว้ออกมา
「ทำไมแค่เป็นเผ่าปีศาจถึงต้องฆ่ากันด้วย!? เพื่อนของชั้นไปทำอะไรให้กัน!?
ทั้งที่เป็นแค่คนเรื่อยเปื่อยที่รดน้ำดอกไม้แล้วยิ้มไปวันๆเท่านั้นเอง!!」
「.............」
「สุดท้ายเจ้าพวกที่ฆ่าเพื่อนชั้น...........มันพูดอะไรรู้มั้ย?
『เผ่าปีศาจมาทำร้านดอกไม้? ทั้งที่ตัวตนต่ำชั้นกว่าปศุสัตว์ยังไม่รู้จุดยืนมาทำร้านดอกไม้............
ขยะไร้ประโยชน์อย่างนี้มันต้องรีบกำจัดทิ้ง!』.........พูดไปหัวเราะไปเลยล่ะ 」
「.............」
「เผ่าปีศาจมันผิดตรงไหน? การต่อสู้มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอไง?
ไม่ว่าจะเป็นพลังเพื่อปกป้องประเทศหรือพรสวรรค์ในการใช้อาวุธ
สุดท้ายมันก็แค่『พลังที่ใช้พรากชีวิต』เท่านั้น แทนที่จะมีพลังอย่างนั้นสู้ใช้ชีวิตเรียบๆ
ต่อให้มันไม่เท่ห์ยังไงมันก็ดีกว่า『พลังที่ใช้พรากชีวิต』เป็นร้อยเท่าอยู่แล้ว!」
「............」
「...........ชั้นน่ะจะเป็นเจ้าพวกที่หัวเราะเพื่อนชั้น หรือประเทศที่ฆ่าเพื่อนชั้น---------ก็ไม่ยกโทษให้
เพราะงั้นต้องฆ่าให้หมด ทั้งประเทศนี้ ทั้งแนวความคิด หรืออะไรก็ตามแต่
เพื่อสิ่งนั้นชั้นจึงไขว่คว้าพลังมา แต่ว่า-----------」
ชนคนนั้นหยุดคำพูดไว้แล้วจ้องมองไปทางซาเคีย
「นายน่ะ...........มันเก่งเกินไป อย่างแรกเลยถ้ายกทหารกันมามากชั้นเองก็ลำบากเหมือนกัน
ก่อนอื่นเลยต้องจัดการเรียงจากนายซะก่อน อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ? เป้าหมายของชั้นคือไอ้สารเลวนั่น
ส่วนนายเป็นแค่ตัวเกะกะในการทำเป้าหมายข้าให้สำเร็จ เพราะนายดันป้องกันการลอบยิงได้
ครั้งนี้เลยต้องเริ่มจากจัดการนายก่อน หรือว่าเอาแบบนี้? ทำเป็นมองไม่เห็นได้มะ?」
สายตาของชายหนุ่มแน่วแน่ไม่ไหวเอน
ซาเคียที่ฟังเงียบๆมาจนถึงตอนนี้เลยเอ่ยปากขึ้น
「...........แม้ว่าจะมีเรื่องราวมายังไงก็ตาม............แต่ข้าคงไม่อาจทำเป็นมองไม่เห็น
ศัตรูของอาณาจักรนี้ไปได้」
「............งั้นเหรอ แต่ก็...........น่าเสียดายนะ ที่นาย.........เป็นแค่หุ่นให้เขาเชิดเท่านั้น」
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ซาเคียระเบิดอารมส์ออกมาในพริบตาเดียว
จากนั้นก็ชักดาบที่เหน็บอยู่ตรงเอวออกมาอย่างรวดเร็ว
ดาบที่หันใส่ชายหนุ่มที่ด้ามดาบมีอัญมณีหรูหราห้าสีฝังไว้ ดูภายนอกไม่ให้ความรู้สึกคุกคามเลยแม้แต่น้อย
「............ข้าไม่ใช่หุ่นเชิด」
「ฮิ้ววว! กลั๊วกลัว แล้ว? นั่นสินะ『ดาบมณีปีศาจฟิฟเทีย』ที่ล่ำลือกัน?」
「...........ถูกต้อง แล้วแกก็คือมือลอบยิงที่ไม่มีทางจะเอาชนะข้าที่เป็นอัศวิน
ในการต่อสู้ระยะประชิดได้」
ชายที่รับฟังคำพูดอันแหลมคมของซาเคียก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที
「ก็จริงอยู่ มือลอบยิงอย่างพวกเราโดยหลักการแล้วคงสู้ไม่ได้
แต่ว่า.........มือลอบยิงคนนั้นถึงกับล่อให้นายมาถึงที่นี่เลยนะ? คิดว่าไม่มีอะไรเตรียมไว้เลยเหรอไง?」
「? อะไร------------!?」
อาการสั่นยะเยือกไล่หลังซาเคีย
ทันใดนั้นซาเคียที่เชื่อในสัญชาตญานก็ย่อตัวลงจนสุด
หลังจากนั้นตรงตำแหน่งที่หัวซาเคียเคยอยู่ก็มีอะไรสักอย่างตัดผ่านไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว
「เฮ้ยเฮ้ย เอาจริงดิ หลบไอ้นั่นได้ด้วย? 」
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
แต่ซาเคียเองก็รู้สึกไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย
แต่กลับสามารถลอบยิงมาได้โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว
ด้วยความไม่เข้าใจสาเหตุนั้นทำให้หน้าผากซาเคียมีเหงื่อไหลออกมา
「ฮะ หน้าตาแบบนั้นคงไม่รู้ล่ะสิ? ≪ดาบของราชา≫」
「...........」
「น่าเสียดายนะแต่ถ้าบอกนายไปคิดว่าคงจัดการนายไม่ได้แน่
มาต่อกันทั้งอย่างนี้เลยแล้วกัน?」
「!」
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ซาเคียก็เอียงคอตามสัญชาตญาณแล้วรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บาดตรงใบหน้า
「สัตว์ประหลาดของแท้เลยฟ่ะ ≪ดาบของราชา≫ คิดว่าตะกี้ฆ่าได้แล้วนะเนี่ย
...........แต่มันก็จบแค่นี้แหละ」
ชายคนนั้นพูดไปพลางกระดิกนิ้วมือขวา
「อึก!?」
ซาเคียพูดไม่ออก
นั่นก็เพราะรอบข้างของซาเคียปรากฏลูกธนูนับร้อยนับพันขึ้นมาในพริบตา
ซึ่งหัวลูกธนูนั้นเล็งมาที่ซาเคีย
「ของฝากไปนรกน่ะ พกไปให้ถึงหลุมศพเลยก็ได้นะ?」
เมื่อคำพูดให้สัญญานลูกธนูปริมาณมากมายเหลือคณานับก็พร้อมใจกันพุ่งเข้าใส่ซาเคีย
「~~~~~~!!」
ถ้าเป็นทั่วไปล่ะก็หากต้องรับมือธนูทั้งหมดนี้ไม่มีทางรอดไปได้แน่
แต่ซาเคียนั้นผิดกัน
ทันทีที่ตั้งท่าชูดาบมณีปีศาจฟิฟเทียก็สะบัดลงมาด้วยพลังอันมหาศาล
「『ฮาเทนโชว』!」
คลื่นดาบทำให้บรรยากาศสั่นไหวจนเกิดเป็นพายุที่มีซาเคียเป็นศูนย์กลาง
พายุนั้นม้วนพัดลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่ซาเคียจนแหลกเป็นผง
ชายที่เห็นสภาพแบบนั้นถึงกับเหงื่อไหลออกมา
「.........ก็คิดหรอกนะว่าเป็นสัตว์ประหลาดแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นถึงขนาดนี้.........」
「..............」
ตรงหน้าของชายผู้นั้นคือภาพของซาเตียที่ยืนไร้รอยแผลคลายการตั้งท่าไปแล้ว
พอจ้องมองชายที่ตกใจ ซาเคียก็เอ่อปากขึ้น
「.......แค่นี้เองเหรอ?」
เพียงคำพูดเดียวชายหนุ่มก็รู้ตัวถึงความเสียเปรียบของตนเอง
ชายหนุ่มแม้จะต้องหนีแต่ก็จะตายไม่ได้เด็ดขาด เพื่อการนั้น----------
「.........ช่วยไม่ได้นะ」
「หือ?」
「ครั้งนี้ชั้นแพ้แล้ว ดูเหมือนว่านายจะอันตรายกว่าที่คิดไว้แฮะ」
「.......งั้นก็อยู่นิ่งๆซะ จะได้คุมตัวแกไป」
ชายหนุ่มหัวเราะคุคุคุกับคำพูดของซาเคีย
「ล้อเล่นรึเปล่า? จริงอยู่ที่ครั้งนี้แพ้..........แต่ไม่บอกสักหน่อยว่าจะไม่หนี?」
「!หรือว่า..........」
ซาเคียแม้จะรู้ถึงความหมายของคำพูดของชายหนุ่มแต่ในเวลานั้นเองควันบุหรี่ก็ได้กระจายออกมา
ห้อมล้อมร่างกายของชายหนุ่มไปเรียบร้อยแล้ว
「ลาล่ะ ≪ดาบของราชา≫ เจอกันครั้งหน้าขอเป็นเจอตัวนายเอง
ไม่ใช่หุ่นเชิดหรือดาบของราชาแล้วกันนะ」
「หยุดนะ---------!」
ซาเคียรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มแต่ในเวลานั้นชายที่ถูกห้อมล้อมด้วยควันไปทั้งตัว
ก็ได้หายไปแล้วราวกับควัน
แม้เพียงก้าวเดียวแต่ซาเคียก็ไล่ตามไม่ทันแล้วหนำซ้ำคำพูดของชายหนุ่มยังก้องอยูในอกและในหัว
「..........หุ่นเชิดงั้นเหรอ...........」
ซาเคียที่พึมพำออกมาเสียงค่อยนั้นได้แต่กัดริมฝีปากแล้วกำหมัดไว้แน่น