ตอนที่ 42 คุมตัว
「นายท่าน..........?」
ขณะที่ความคิดหยุดชะงักกับสิ่งเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น รูรูเนะเวอร์ชั่นมนุษย์ก็ช้อนตามองด้วยความกังวล
.............น่าขำเนอะ ทั้งที่เป็นลาแต่ดันกลายเป็นโพนี่เทล
เอ๋? ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น? ปัญหาอยู่ตรงที่การหนีความจริงต่างหาก รู้ตัวสักทีสิเจ้าบ้า!
ทั้งที่อยากจะหยุดเวลาให้ตัวแข็งต่อไปแต่รูรูเนะก็กำลังเปลือยอยู่
ยิ่งกว่านั้นสายตาคนรอบข้างก็ชักจะไม่ดีแล้วด้วย
ไม่สิ ควรเป็นกลัวจนไม่กล้าหันสายตาไปมองรอบข้างต่างหาก?
「อา เอ่อ..............รูรูเนะ........ใช่มะ?」
「เอ๋? ก็แน่อยู่แล้วสิคะ............หือ?」
รูรูเนะตอบคำถามของชั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกตัวถึงความผิดปกติ
เลยมองลงไปดูร่างกายตัวเอง
「..............」
「.............」
จากนั้นก็ค่อยๆหันสายตามาทางชั้นแล้วถามออกมาอย่างรุนแรง
「น นนนนนนายท่าน!? ทททท ทำไมฉันถึงกลายเป็นมนุษย์ได้ล่ะคะ!?」
「เอ่อ...........ใจเย็นก่อนนะ? เดี๋ยวจะค่อยๆอธิบายให้ ว่าแต่ ก่อนหน้านั้น...........」
ชั้นที่ใจเย็นได้ตรงข้ามกับรูรูเนะตื่นตระหนกก็เอาเสื้อคลุมของชั้นมาสวมให้รูรูเนะที่เปลือยอยู่
「อ้ะ............」
「ก็แบบว่า.........เปลือยอยู่นี่นา..........」
「~~~~!」
รูรูเนะที่รู้ตัวสักทีว่ากำลังเปลือยอยู่ก็หน้าแดงแล้วรีบเอาเสื้อคลุมของชั้นมาปิด
แบบว่าพอเป็นปฏิกิริยาแบบนั้นแล้วทำให้ชั้นอายด้วยเข้าไปใหญ่เลยรู้มั้ย?
ว่าแต่ รูรูเนะตอนเป็นลาก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอไง? แล้วทำไมมาอายเอาตอนนี้?
ตรงข้ามกับซาเรียเลย
แต่ว่า............เพื่อปิดร่างเปลือยของรูรูเนะในที่สุดชั้นก็ถอดเสื้อคลุมออกมาจนได้
เอาเถอะ ยังไงตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามานั่งใส่ใจกับเรื่องผู้กล้าอะไรนั่นสักหน่อย
สภาพที่ถูกกอดด้วยเด็กสาวไม่ใส่เสื้อผ้าต่อหน้าประชาชีต่างหากที่แย่กว่า
เลวร้ายยังไงก็บอกไปว่ามาจากประเทศตะวันออกแล้วก็มีผมดำเลยทำให้ถูกรังเกียจอะไรแบบนี้
หาเหตุผลอะไรที่เหมาะๆไปก็ได้............เอาไงก็เอาเถอะ!
แต่ว่าเรื่องชั้นจะถูกรังเกียจนี่สำหรับพวกในเมืองนี้คงไม่สนใจหรอกมั้ง
ก็ในความเป็นจริงขนาดเจอคำสาปของอัลยังใจดีกันได้ขนาดนั้นเลย
ด้วยเหตุผลนั้นชั้นเลยไม่ค่อยรู้สึกใส่ใจกับการถอดเสื้อคลุมออกมาสักเท่าไร
เอาล่ะ เหนือสิ่งอื่นใดเลย...........ต่อจากนี้จะเอาไงดี.........
แล้วตอนที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางลูบหัวรูรูเนะที่พยายามกลบเกลื่อนความอาย
ด้วยการเอาหน้ามุดไปกับเสื้อคลุมนั่นเอง
「เซอิจิ!」
「เฮ้เฮ้ มามุงอะไรกันน่ะ............」
ซาเรียกับอัลมาหาจากด้านหลังของชั้น
ถ้าเป็นชั้นตามปกติล่ะก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
แต่ว่าสภาพของชั้นในตอนนี้มันดันมีปัญหานี่สิ มีปัญหาแบบสุดๆ
จากมุมมองที่ทั้งสองคนมองไม่เห็น ตอนนี้หน้าซีดเหงื่อไหลเป็นสายน้ำแล้ว
ขอร้องล่ะ อย่าพึ่งเข้ามาหาตอนนี้เลยได้มั้ย ขอร้องล่ะได้โปรด..........!
ทว่า คำขอของชั้นสูญเปล่า ทั้งสองคนมาอยู่ตรงหน้าชั้นแล้ว
จากนั้นพอทั้งสองคนมองดูชั้นกับรูรูเนะในสภาพที่เปลือยแบบสวมเสื้อคลุมก็เปิดตาค้าง
.........นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าสภาพชวนเรือสวย?
ไม่นึกเลยว่าหนุ่มเนื้อไม่หอมอย่างชั้นจะได้มาเจอประสบการณ์แบบนี้
ในช่วงชีวิตคนนี่จะได้เจออะไรบ้างก็ไม่รู้เนอะ.............
「น นาย...............」
อัลมองชั้นที่หลีกหนีความจริงก็ค่อยๆน้ำตานอง
เดี๋ยวก่อน!แย่จริงๆแล้วแบบนี้!
ต้องอธิบายอะไรสักอย่างออกไปแต่ปากดันทำได้แค่พะงาบๆเลยไม่ออกมาเป็นคำพูด
อา ไม่ไหวแล้วแบบนี้
พอคิดว่าชีวิตชั้นจบสิ้นแล้วแต่คำพูดของอัลกลับต่างจากที่ชั้นคาดไว้ลิบลับ
「เสื้อคลุม..........ในที่สุดก็ถอดออกได้สักทีนะ!」
「อึ๊ย ขอโทษด้วยครับ!เอ๋?」
ชั้นกระพริบตาปริบๆมองอัลโดยไม่รู้ตัว
อ อ้าว? แปลกจังแฮะ พูดคนละเรื่องกันเลย
แต่อัลเองก็มีสีหน้าประหลาดใจพอๆกับชั้นที่กำลังเอียงคอ
「หา? ทำไมเซอิจิต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ? ก็ทั้งที่ไม่เคยถอดเสื้อคลุมมาตลอด
แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ถอดเสื้อคลุมออกมาให้เห็นหน้า นั่นก็หมายความว่ายอมเปิดใจเชื่อถือ
ผู้คนในเมืองนี้จากใจแล้วไม่ใช่เหรอ? ข้าก็เลยดีใจมากเลย..............」
「..............」
ชั้นตะลึงไปเลยกับคำพูดของอัล
สรุปคือ อัลไม่ได้สังเกตุเห็นรูรูเนะที่เปลือยแถมกอดไว้ไม่ยอมปล่อยแต่ซาบซึ้งที่ชั้นถอดเสื้อคลุม
เรื่องมันกะทันหันจนงงไปหมดแต่ถ้าแบบนี้ล่ะก็ยังพอดริฟต่อไปได้
「เน่ เซอิจิ เด็กที่กอดไม่ยอมปล่อยนี่ใครเหรอ?」
ครับ ดริฟลงเหวเรียบร้อย!
พอเหงื่อไหลอีกครั้งพลางหันหน้าไปทางซาเรีย
ก็เจอซาเรียที่ถามข้อสงสัยอย่างไร้เดียงสาด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่ซาเรีย----------
「............เซอิจิ」
「ค ครับ」
「ยื่นหน้ามาหน่อย」
「..............」
พอชั้นเห็นอัลยิ้มแบบนิ่งๆก็รู้เลยว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
◆◇◆
「..........สรุปคือจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้คือลารูรูเนะสินะ?」
「.........ใช่เลย」
หลังจากนั้นทันทีที่ชั้นกลับมาโรงแรมก็มานั่งทับส้นเท้าอยู่ตรงหน้าอัลที่ห้องของชั้นกับซาเรีย
ตอนกลับมาโรงแรมยังดีที่มีแค่คุณไลค์ที่อยู่ในห้องอาหาร
แต่ทันทีที่ได้เห็นหน้าเปล่าๆของชั้นก็ทำหน้าตกใจแล้วมองด้วยสายตาอบอุ่นแบบสุดๆ
ทำไงดี อยากหายไปเดี๋ยวนี้เลย
ทว่ายังไงก็ได้โอกาสอธิบายอะไรสักอย่างแล้วเลยพยายามอธิบายกับอัลให้จบๆไป
อัลที่ฟังชั้นอธิบายก็ถอมหายใจทีนึงแล้วหรี่ตามองชั้น
「..............หาข้อแก้ตัวดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอไง?」
「จริงๆนะ!เชื่อหน่อยเถอะ!」
แหม ก็จริงอยู่ที่ลากลายเป็นสาวน้อยมันเชื่อได้ที่ไหน!
แต่ว่า............มันช่วยไม่ได้นี่นา!ก็มันเป็นไปแล้วอ่ะ!
เอาเถอะ ในความเป็นจริงขนาดตัวรูรูเนะที่ฟังชั้นอธิบายเองยังทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลย
พอชั้นพยายามพูดให้เชื่อให้ได้อัลก็ทำหน้าแบบเหลือรับ
「งั้นก็แสดงหลักฐานให้ดูสิ แบบนั้นจะเชื่อก็ได้」
「ห หลักฐาน?」
「อา หลักฐาน ไม่งั้นจะเชื่อได้ยังไงใช่มั้ยล่ะ?」
ก็นั่นสินะ
แต่ว่าจะแสดงหลักฐานให้ดูยังไงล่ะ? ขอให้รูรูเนะกลับเป็นลาสักครั้งอะไรแบบนี้เหรอ?
ขณะที่คิดแบบนั้นอยู่ ซาเรียที่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็พูดขึ้น
「อัล ที่เซอิจิพูดเป็นเรื่องจริงนะ?」
「..............หา?」
「ก็เรื่องที่เด็กคนนี้คือรูรูเนะจังไง」
พอซาเรียพูดแล้วก็หันไปยิ้มให้รูรูเนะที่ทำตัวลีบอยู่ข้างๆชั้น
「ยังไงก็ตามแต่............แบบนี้นี่เอง รูรูเนะจังก็กินผลวิวัฒนาการเข้าไปสินะ」
「ด เดี๋ยวก่อนนะ!ซาเรีย เธอเชื่อคำโกหกของเซอิจิด้วยเหรอ!?」
「อื้ม ก็ฉันเองก็เป็นเหมือนกัน」
「.................หา?」
อัลทำหน้าปั้นยากแบบสุดๆเพราะไม่สามารถทำความเข้าใจกับคำพูดของซาเรียได้
ซาเรียก็เลยยิ้มแล้วแปลงร่างเป็นKaiser kongกอเรียให้ดู
「ฉัน เดิมที ก็เป็นมอนเตอร์ เพราะกินผลวิวัฒนาการ เลยแปลงเป็นมนุษย์
เท่านี้ คงเชื่อแล้ว สินะ?」
「..............」
พอกลับเป็นซาเรียร่างมนุษย์ก็ยิ้มให้อัลแล้วพูดว่า「นี่ไง!」
อัลที่เห็นปรากฏการณ์อันเหลือเชื่อสำหรับมนุษย์ทั่วไปกับตาตัวเองก็แข็งต้างไปสักพัก
แต่ไม่นานก็ทำหน้าแบบปลงในอะไรหลายๆอย่างได้
「อื้ม คิดไปก็เปล่าประโยชน์ จะอะไรก็ไม่รู้ทั้งนั้นแล้ว」
หนีความจริงซะงั้นอ่ะ!? แต่แค่ยอมรับได้นี่ก็สุดยอดเลย..........!
ก็นะ ถ้าตรงหน้ามีเรื่องที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้เกิดขึ้นติดต่อกัน
ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเลิกคิดไปเลยนั่นแหละ
ที่【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】ชั้นเองก็มีประสบการณ์แบบนั้นเหมือนกัน
เข้าใจความรู้สึกนั้นได้เลย
「เฮ้อ..........แต่ว่าเป็นความจริงสินะที่ผู้หญิงคนนี้คือลารูรูเนะ..............」
อัลถอนหายใจพลางหันสายตาไปทางรูรูเนะที่สวมผ้าคลุมอยู่ข้างๆ
「ฉ ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันแหละค่ะว่าจะกลายเป็นมนุษย์ได้..........」
รูรูเนะเองพอเห็นซาเรียแปลงร่างกับตาก็ค่อยทำใจยอมรับได้ว่าตัวเองวิวัฒนาการเพราะผลวิวัฒนาการ
「แต่ว่านะ..........ย ยังไงก็มีเรื่องที่กอดกันแบบไม่ใส่เสื้อผ้า.............
บ แบบนี้ก็ต้องแต่งงานกันน่ะสิ............?」
อัลหน้าแดงพลางพูดออกมา
พอเห็นท่าทางของอัลแบบนั้นทั้งชั้นและรูรูเนะต่างก็นึกถึงเรื่องเมื่อครู่ได้อีกครั้งก็พลันหน้าแดงตาม
「.........ข ข้าเอง สักวัน.............ก ก็ต้องทำอย่างนั้นสินะ............?」
「.............เอ๋?」
「อึก!? ม ไม่มีอะไรหรอกน่า!」
อัลพึมพำอะไรไม่รู้เสียงค่อยมากเลยถามกลับไปแต่ไม่รู้ทำไมโดนโกรธกลับมาซะงั้น ไม่มีเหตุผลเลย
ขณะที่พูดคุยกันอย่างนั้นอยู่ ซาเรียก็ถามเรื่องที่นึกขึ้นได้กะทันหัน
「จะว่าไปทำไมถึงให้สวมเสื้อคลุมของเซอิจิล่ะ?」
「หา? ก็แบบถ้าไม่ให้สวมเสื้อคลุมของชั้นรูรูเนะก็โป๊กันพอดีน่ะสิ?」
「ก็ให้เสื้อผ้าของฉันไปก็ได้นี่นา ที่ได้มาจากคุณแกะเซอิจิเป็นคนเก็บไว้ไม่ใช่เหรอ?」
「อ้ะ」
ซาเรียพูดมาชั้นถึงพึ่งนึกขึ้นได้
นั่นสิ!ก็มีเสื้อผ้าสำหรับซาเรียที่ได้มาจากเจ้าแกะบ้านั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ!
ยิ่งกว่านั้นยังสะดวกขนาดที่เปลี่ยนไซส์เสื้อผ้าได้เองด้วย!
ชั้นที่ดันลืมเรื่องนี้ไปซะได้เล่นเอาพูดไม่ออกเลย
ง งั้น ชั้นจะถอดผ้าคลุมออกต่อหน้าประชาชีไปทำไมหว่า? แล้วจะคิดหาเหตุผลเหมาะๆไปเพื่อ?
เอ เสียแรงเปล่าทุกอย่างเลยงั้นเหรอ? เอาจริงดิ?
.............
「อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา.................」
「........เอ่อ Don't mind?」
อัลพูดปลอบใจให้ชั้นที่เอามือกุมหัวอยู่
ทำไมอยู่ก็มีเหงื่อไหลออกจากตากันน้า? ช่วยบอกหน่อยสิคุณปู่!
ช่างเถอะ จะไปกังวลเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ไม่ช่วยอะไร
พอชั้นปรับอารมส์ได้แล้วก็ยื่นเหรียญทอง2เหรียญให้อัล
เหตุผลคือเพื่อเป็นค่าเสื้อผ้าที่จะไปซื้อให้รูรูเนะ
เพราะซาเรียจนถึงตอนนี้เคยใส่แต่ชุดวันพีชแถมแต่เดิมเป็นกอลิล่าด้วยเลยไม่รู้รายละเอียดเรื่องเสื้อผ้า
จึงต้องฝากให้อัลเป็นคนจัดการให้
รูรูเนะเองก็กลายเป็นคนไปแล้วด้วย เพราะงั้นเสื้อผ้าต้องเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้ว
「อัล เงินนี่พอจะไปซื้อเสื้อผ้าเหมาะๆสำหรับรูรูเนะได้มั้ย?
เอาเป็นแบบที่ซาเรียใส่อยู่ตอนนี้ก็ได้...............」
「หา? ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก.........แต่ข้าไม่รู้เรื่องไซส์เสื้อผ้าของรูรูเนะหรอกนะ?」
「มีเสื้อผ้าที่มีเวทปรับไซส์ได้อัตโนมัติอยู่ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าทำได้ก็ขอหลายๆตัว
แล้วก็ช่วยเสื้อรองเท้ากับชุดชั้นในด้วยจะขอบคุณมากเลย 」
「เอาเถอะ งั้นก็ได้ รอเดี๋ยวนะ」
พูดแล้วอัลก็ออกไปซื้อเสื้อผ้าให้รูรูเนะ
หลังจากนั้น20นาที อัลก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้าที่ซื้อแล้วเปลี่ยนให้รูรูเนะทันที
ซึ่งในเวลานั้นชั้นถูกอัลปิดตาไว้เป็นอย่างดีแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
สภาพของรูรูเนะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั้น ท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำสวมทับด้วยแจ๊กเกตสีขาว
ท่อนล่างก็เป็นกางเกงขายาวสีน้ำตาลตรงต้นขานั้นมีของเหมือนอย่างเข็มขัดสีดำพันไว้อยู่
และสวมรองเท้าบู๊ตสั้นสีดำ
สภาพที่เห็นเมื่อรวมกับบรรยากาศอันงามสง่าของรูรูเนะแล้วดูเท่ห์แบบสุดๆ
「ก็เลือกซื้อที่มันน่าจะเข้ากันไว้ก่อนแต่แบบนี้ใช้ได้มั้ย?
แต่ก็นะเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไซส์ได้อัตโนมัติทุกชิ้นราคาแพงยังไงก็เปลี่ยนไมได้อยู่แล้ว..........」
เลือกได้เหมาะเหม็งไปเลย..........!?
ชั้นตะลึงไปเลยกับเซนส์เสื้อผ้าของอัล ถ้าเป็นชั้นล่ะก็แต่งออกมาให้ดูสวยแบบนี้ไม่ได้แน่.............
ต่อให้ผอมแบบตอนนี้ยังแต่งให้ดูเท่ห์แบบนักผจญภัยไม่ได้เลย
เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นแค่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงที่เป็นแบบใส่เอาสะดวกอย่างเดียว
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่รูรูเนะก็ถามมาแบบอายๆ
「เอ่อ...........นายท่านคะ ก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกแต่เหมาะมั้ยคะ............?」
「ไม่หรอก เหมาะแบบสุดๆไปเลยล่ะ อัลเองก็เซนส์ดีเหมือนกัน」
「ง งั้นเหรอคะ..........」
「พึ่งเคยถูกบอกแบบนั้นเหมือนกันแหละ..........」
รูรูเนะหน้าแดงแล้วยิ้มด้วยความยินดี ส่วนอัลที่ทำหน้าคล้ายๆกันก็เกาหัวแล้วหันหน้าหนี
ชั้นเองก็มองสภาพของทั้งสองคนพลางหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วสวมฮู้ดปิดอีกครั้ง
ทันใดนั้นอัลก็ทำหน้าเสียดายออกมา
「นี่ เซอิจิ ยังจะสวมฮู้ดปิดอีกเหรอ?」
「หือ? เปล่า พอดีสวมฮู้ดปิดมานานแล้วเลยสบายใจกับแบบนี้มากกว่าน่ะ..........」
คำพูดเมื่อกี้มาจากใจจริงเลยเพราะพอใช้ชีวิตไปโดยสวมฮู้ดไว้มันก็สบายอย่างคาดไม่ถึง
แถมใช้บังแดดได้ด้วย
พอคิดถึงตรงนั้นชั้นก็นึกเรื่องนึงขึ้นมาได้
นั่นคือเรื่องเส้นผมของชั้น
ผมสีดำนี่มีความหมายอะไรรึเปล่าหว่า อยากรู้จัง
ชั้นคิดอย่างนั้นเลยไปถามอัล
「จะว่าไป ผมดำของชั้นแปลกรึเปล่า.......?」
「เอ๋? อ๋อ นั่นสินะ............เซอิจิมาจากประเทศตะวันออกนี่นา?」
「เอ่อ........มีคล้ายกับแบบนี้ด้วยเหรอ」
「หา? เอาเถอะ ข้าเองก็ไม่เคยไปที่ประเทศตะวันออกเลยไม่รู้
แต่เคยได้ยินมาว่าที่นั่นมีพวกที่ผมสีดำอยู่เต็มไปหมด
ก็จริงอยู่ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับทวีปนี้จะดูประหลาด อ้ะจะว่าไปผู้กล้าที่อาณาจักรไคเซอร์อัญเชิญมา
ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าผมดำกันแทบจะทั้งหมด..........」
「ง งั้นเหรอ」
ชั้นโล่งอกกับคำพูดของอัล
ดูท่าประเทศตะวันออกจะเป็นสถานที่ๆให้ชั้นใช้ได้ตามสะดวกกว่าที่คิดแฮะ
ประเทศตะวันออกที่ว่านี่อาจจะคล้ายญี่ปุ่นก็ได้
พอพักหายใจด้วยความโล่งอก อัลก็ยังทำหน้าเสียดายอีก
「แต่ว่า มันก็น่าเสียดายจริงๆนะ?」
「เอ๋? เรื่องอะไรเหรอ?」
「ก็ ตอนถอดฮู้ดน่ะ-----------อ๊า!?」
「หือ?」
อัลระหว่างที่พูดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็จับไหล่ของชั้นแล้วถลึงตามองอย่างรุนแรง
「ม ไม่ได้นะ!」
「เห?」
「ห้ามถอดฮู้ดออกเด็ดขาดเลย!โดยเฉพาะต่อหน้าผู้หญิง!」
「มันต่างจากที่พูดไว้ตะกี้เลยไม่ใช่เหรอ!?」
「ย ยังไงก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!ฟังให้ดีนะ!? ห้ามถอดออกเด็ดขาด!?」
「อ เอ๋.........? อ เอาเถอะ ยังไงก็ไม่คิดจะถอดอยู่แล้วล่ะ..................」
พอชั้นพูดไปแบบนั้นอัลก็มีสีหน้าโล่งใจ
「ก เกือบไปแล้ว............ถ้าถอดฮู้ดขึ้นมาล่ะก็ เซอิจิได้เนื้อหอมกับผู้หญิงมากแน่เลย..........
แบบนั้นไม่เอานะ.........」
พึมพำงึมงำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลย
แล้วยังมีเรื่องที่รูรูเนะกลายเป็นมนุษย์แล้วคงจำเป็นต้องเช่าห้องใหม่เพิ่ม
ไม่สิ แค่กลับเป็นลาก็ไม่จำเป็นแล้วนี่นา แต่ว่ารูรูเนะตอนนี้ดูจะถูกใจกับรูปลักษณ์ของมนุษย์
ยังไงก็ต้องเช่าห้องเพิ่มจริงๆนั่นแหละ
ว่าแต่ ถ้าอยู่ที่ประเทศนี้นานๆล่ะก็ไปซื้อบ้านไว้จะสะดวกกว่ามั้ยหว่า..........
โชคดี เงินที่ชั้นมีก็มีพอแบบเหลือทิ้งด้วย ขนาดที่ทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ได้หมดรึเปล่า
แต่ถ้าจะไปรวมกับพวกโชวตะก็ต้องออกเดินทาง
เรื่องซื้อบ้านนี่ไว้วางแผนให้ดีๆสักครั้งแล้วค่อยว่ากันดีกว่า
ในหัวคิดเรื่องต่อจากนี้ไปพลางก็พากันเดินไปที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมแต่คุณฟีน่ายังไม่มา
เลยอธิบายเรื่องต่างๆกับคุณไลค์แล้วเช่าห้องใหม่เพิ่ม
ถึงจะบอกว่าอธิบายเรื่องต่างๆแต่ก็ไม่ได้บอกเรื่องที่รูรูเนะเป็นลา
ก็แหม ถ้าบอกไปมีหวังสงสัยเรื่องสติสตางค์ของชั้นแหงล่ะเนอะ?
ที่คาดไม่ถึงเลยคือพอแจ้งไปรูรูเนะกลับดื้ออยู่ห้องเดียวกับชั้นให้ได้
ก็นะ มีบอกว่าตัวเองเป็นอัศวิน แถมบอกว่าการปกป้องเจ้านายเป็นหน้าที่ๆต้องทำ
.......แต่ถึงอย่างนั้น พอเป็นเรื่องของกินนี่ทำตัวไม่สมกับเป็นอัศวินแบบออกนอกหน้าเลยนะเธอ
แล้วสุดท้ายก็ให้รูรูเนะพักอยู่ห้องเดี่ยว ท่าทางนี่เสียใจแบบสุดๆไปเลย
ด้วยเหตุนี้เลยยืมห้องเป็นที่เรียบร้อยแต่พอจะกลับไปที่ห้องกับทุกคนนั่นเอง
「ขอคำชี้แนะด้วย----!」
「...........ไม่ได้มาถล่มสำนักไหนสักหน่อย ทักทายแบบนี้คิดบ้างรึเปล่า?」
「ละเมอพูดอะไรออกมาน่ะคูจัง!การต่อสู้มันเริ่มแล้วนะ!
ความรู้สึกที่ต้องทำมันก็ประมาณนี้ไม่ใช่เหรอ!?」
「แล้วโรน่าจะไปสู้กับใครล่ะ?」
「เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้สิ」
「...........ว่าแล้ว」
「อ้าว? ทำไมมองฉันด้วยสายตาเวทนาแบบนั้นล่ะ?」
อยู่ๆประตูโรงแรมก็ถูกเปิดออกอย่างแรงแล้วก็มีคนส่งเสียงเอะอะ2คนเดินเข้ามา
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมสีส้มยาวปานกลางตัวเล็กนิดหน่อย
อีกคนเป็นผู้หญิงผมสั้นสีน้ำเงินตัวสูง
ทั้งสองคนนิสัยตรงข้ามกับส่วนสูงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือชุดเกราะที่ทั้งสองคนสวมใส่อยู่
ถึงจะดูเหมือนเกราะสีเงินของโครสที่ทหารของเทลเวลสวมใส่
แต่เกราะของทั้งสองคนเป็นสีเงินขาว แล้วอิมเมจก็ไม่ได้เรียบๆ ออกแนวเด่นสะดุดตา
แถมที่เอวก็มีดาบเหน็บไว้ด้วย
ดูผ่านๆเหมือนเป็นอัศวิน แต่ก็แค่เท่าที่เห็นภายนอกนั่นแหละ
อยู่ก็โผล่มาแต่แล้วเถียงอะไรกันเองสองคนไม่รู้ทำเอาพวกเราตะลึงไปเลย
จะยังไงก็ตามแต่ทั้งสองคนนี่รูปร่างหน้าตาดีใช้ได้เลยแฮะ
เมืองนี้จะมีสาวสวยน่ารักหรือหนุ่มหล่อเยอะไปมั้ย?
แต่กลับกันดันมีพวกโรคจิตอยู่เยอะด้วยนี่สิ!
จากนั้นคุณไลค์ที่ดึงสติกลับมาได้เร็วที่สุดก็ส่งเสียงเรียกอย่างลังเล
「เอ่อ........พวกคุณมีธุระอะไรกันเหรอครับ?」
「หือ? อ๋อ โทษทีนะคะ คือพอดีคนที่มากันฉันเธออย่างว่าน่ะค่ะเลยลืมแนะนำตัวไป」
「เน่ คูจัง อย่างว่าที่ว่านี่มันหมายความว่ายังไง?」
「.....ฮะฮะฮะ」
「อย่ามาหัวเราะกลบเกลื่อนนะ!?」
แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยแบบเล่นตลกกันอีกครั้งทำเอาพวกชั้นยิ่งงงเข้าไปใหญ่
พอรู้สึกตัวถึงสภาพที่เป็นอยู่ ผู้หญิงคนผมสั้นสีน้ำเงินก็กระแอมครั้งนึงแล้วเริ่มแนะนำตัวเอง
「อ้ะ..........อะแฮ่ม ฉันสังกัดอยู่หน่วย【นักรบสาวแห่งดาบสวรรค์(valkyrie)】ของประเทศนี้
คลาวเดียร์ แอสเทริโอ้ค่ะ」
「สังกัดหน่วยvalkyrieเช่นเดียวกัน โรน่า คิริซัส ค่า !
ฉันยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรงานแข่งถ้วยเมืองหลวงด้วยนึกออกมั้ยเอ่ย?」
「อืม..........」
ถึงทั้งสองคนจะแนะนำตัวมาพวกชั้นก็ยังงงกันอยู่ดี ต้องบอกว่ายิ่งงงเข้าไปใหญ่
ก็ทำไมหน่วยอัศวินของประเทศนี้ต้องมาโรงแรมแบบนี้้ด้วยล่ะไม่เห็นจะเข้าใจเลย
ว่าแต่คุณโรน่านี่เป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรงานแข่งถ้วยเมืองหลวงจริงๆด้วย
อย่างที่คิดไว้เลยว่าต้องเป็นคนที่มีบรรยากาศร่าเริง
กลับกันผู้หญิงผมสั้นสีน้ำเงิน---------คุณคลาวเดียร์ก็เท่ห์เหมือนผู้ชายในโรงละครทาคาระสุกะ
ขณะที่คิดไปพลางจ้องมองดูทั้งสองคน คุณไลค์ก็พูดขึ้น
「เอ่อ........แล้วพวกคุณvalkyrieมีธุระอะไรกันเหรอครับ?」
「อ้ะ ลืมอีกแล้ว」
「เอ๋--!คูจัง ลืมเรื่องงานแบบนี้ไม่ได้นะ ฟุฟุฟุ」
「...........เธอน่ะไว้ว่ากันทีหลัง คือพวกฉันมีธุระกับคนๆหนึ่งน่ะค่ะ」
「คนๆหนึ่ง..........งั้นเหรอครับ?」
ไลค์เอียงคอพลางถามกลับ คุณคลาวเดียร์ก็พยักหน้าให้ทีนึง
「ใช่ค่ะ แต่ว่าก็ได้เจอกับคนๆนั้นแล้ว」
「เอ๋?」
พูดแล้วคุณคลาวเดียร์ไม่รู้ทำไมถึงหันสายตามาทางชั้น
「นายคือเซอิจิคุงใช่มั้ย?」
「เห? ค ครับ ..........แบบว่า ทำไมรู้จักชื่อผมล่ะ..........?」
「ฟุฟุฟุ........ก็ชนะเลิศการแข่งถ้วยเมืองหลวงด้วยลานี่นา อีกอย่างเสื้อคลุมนั่นก็สังเกตุง่ายด้วย
แค่เห็นก็รู้แล้ว」
「...........เอ่อ แล้วมีธุระอะไรเหรอครับ?」
พอทำหน้าสงสัยแล้วถามไป คุณคลาวเดียร์ก็ตอบกลับมา
「อื้ม จะพูดให้สั้นๆนะ ช่วยมาที่ปราสาทด้วยกันหน่อยสิ?」
「.............หา?」
「เสียใจด้วย แต่นายไม่มีสิทธิปฏิเสธหรอกนะ」
「ไหงงั้นอ่ะ!?」
แบบว่า ตกลงมันอะไรกัน!? ชั้นไปทำผิดอะไรงั้นเหรอ!?
ว่าแต่ ที่ว่าไปปราสาทนี่.......พูดทำนองแบบ「ช่วยมาด้วยกันหน่อยได้มั้ย?」ของตำรวจสืบสวนเลย!?
ยิ่งกว่านั้นไม่มีสิทธิปฏิเสธด้วย............ที่โลกนี้สิทธิมนุษยชนมันไม่มีเลยเหรอไง!?
คำพูดของคุณคลาวเดียร์ไม่ใช่แค่ชั้นแม้แต่พวกซาเรียยังตกใจกันเลย
แต่ทว่าคุณโรน่ากับคุณคลาวเดียร์ก็ไม่สนใจพวกชั้นต่างคนต่างเข้ามาหิ้วแขนชั้นแล้วเริ่มลากตัวไป
「เอาล่ะ ถ้างั้นก็คุณเจ้าของโรงแรมกับคุณพรรคพวกของเซอิจิคุง ขอยืมตัวเซอิจิคุงหน่อยนะคะ?」
「ทำใจซะเถอะ!ความชั่วร้ายของนายมาได้แค่นี้แหละ!」
「..........โรน่า เซอิจิคุงไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรสักหน่อยนะ?」
「แหม ก็มันเป็นเรื่องสำคัญนี่นา--」
ชั้นถูกลากไปพลางฟังที่ทั้งสองคนพูด ถึงโล่งใจที่คุณคลาวเดียร์บอกว่าชั้นไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี
ทว่าก่อนหน้าที่จะถูกพาออกจากโรงแรม คุณโรน่าดันพูดไปในทางไม่ดีนี่สิ
「ช ชั้นบริซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!」
เพราะงั้นประโยคนี้ต้องพูดกันไว้ก่อน