ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 38 การเดินเรื่องที่ไม่คาดคิด

ตอนที่ 38 การเดินเรื่องที่ไม่คาดคิด

『ฉันเกิดมาที่อาคารแห่งนั้นเลยเพราะงั้นนี่พึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาข้างนอก
................ดูครึกครื้นดีจัง』
「นั่นสินะ」

ชั้นพารูรูเนะมาเดินในเมือง
ถึงรูรูเนะจะเป็นลาแต่ยังไงก็เป็นม้าที่ซื้อมาแถมหลังจากนี้ก็ไม่มีธุระอะไรด้วย
เลยพามาเดินเที่ยวในเมืองจนกว่าพวกซาเรียจะกลับ
แต่ยังไงก็เถอะ..............ต่อจากนี้ไปชั้นจะทำอะไรต่อดีล่ะ?
เหตุผลที่เข้ากิลด์ก็เพราะจะได้หาข้อมูลของพวกเคนจิได้ง่ายๆ
แต่ดูเหมือนว่าพวกเคนจิจะไปเข้าโรงเรียนที่ไหนซักแห่งแล้ว
สำหรับชั้นแล้วก่อนอื่นก็อยากไปรวมกับพวกเคนจิ
ถึงจะลืมชื่อโรงเรียนไปแต่ยังไงก็เป็นโรงเรียนที่ผู้กล้าไปเป็นแห่งแรก
ข้อมูลคงมีให้เยอะพอแค่ถามคงรวบรวมข้อมูลได้ทันที
แต่ปัญหามันคือหลังจากนั้นนี่สิ
ชั้นไม่ได้เป็นผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาเพราะงั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปปราบจอมมาร
ยิ่งกว่านั้นสำหรับชั้นที่รู้อดีตของเทพมังกรดำยังไงก็มองจอมมารเป็นคนเลวไม่ได้
อีกอย่างสมมติว่าพวกเคนจิปราบจอมมารได้ แล้วชีวิตหลังจากนั้นล่ะจะเป็นยังไง?
ตาม『ไดอารี่ของผู้กล้าอาเบล』ที่เห็นใน【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】
หรืออย่างของเซนอส พอใช้งานเสร็จก็ฆ่าทิ้งเลยไม่ใช่เหรอ?
เทพที่เป็นตัวการส่งพวกเรามาโลกนี้ก็บอกด้วยว่าความทรงจำเกี่ยวกับพวกเราที่โลกเดิมหายไปหมดแล้ว
เพราะงั้นถึงจะกลับไปโลกเดิมได้ก็ไม่มีที่อยู่ให้พวกเราอีกต่อไป
แต่จะว่าไปที่นี่มันคือต่างโลก
อาจจะมีเวทมนตร์คืนความทรงจำอยู่
อาจเหลือเชื่อถึงขั้นมีเวทย้อนเวลากลับไปก่อนจะเสียความทรงจำก็ได้
ก็ขนาดเวทหรือไอเท็มคืนชีพยังมีเลยนี่นา
ชั้นเลยคิดว่าก็ไม่น่าแปลกหรอกที่จะมีของอย่างที่ว่ามา
แล้วถ้าเกิดกลับไปโลกเดิมทั้งๆที่ยังคงพลังของโลกนี้ไว้ได้อยู่ล่ะก็..............
และถึงจะไม่ทุกคนแต่คนบางส่วนอาจนึกอะไรออกขึ้นมาก็ได้  อย่างพ่อแม่อะไรแบบนี้
แต่ชั้นอยากจะอยู่ที่โลกนี้
เพราะมีซาเรียกับอัลที่เป็นคนสำคัญ
พ่อแม่เองก็ไม่อยู่แล้ว จริงอยู่ที่ไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆตอนอยู่โลกเดิม
แต่เดิมทีชั้นก็มีถิ่นเกิดจากโลกเดิมการจากโลกนั้นไปก็รู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นเรื่องที่ชั้นให้ความสำคัญคือการไม่แยกจากสองคนนี้
อยากปกป้องเอาไว้ด้วยมือของตัวเอง
............แต่ก็นะ ความรู้สึกแบบนี้น่าอายออกไม่มีทางไปบอกใครแน่
ยังไงก็ตามแต่ เป้าหมายก่อนอื่นคือการไปรวมกับพวกเคนจิ
เรื่องหลังจากนั้นไว้รวมกันได้แล้วค่อยคิด
ขณะที่เดินไปพลางมองโลกในแง่ดีแบบนั้นจู่ๆรูรูเนะที่กำลังเพลิดเพลินก็พูดขึ้น

『...........หากไม่พบกันนายท่านโดยบังเอิญฉันคงได้แต่อยู่ในกรงนั่นไปชั่วชีวิตแล้ว』
「ไม่หรอกไม่หรอกไม่หรอก ถ้ารูรูเนะยอมให้คนที่ซื้อสักหน่อยก็คงได้ออกมาอยู่แล้วล่ะ」

ดันสมองกล้ามเกินไปนี่นา ที่ว่าจะเชื่อฟังแต่คนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองมันอะไรกัน
ตกลงเป็นลาจริงเปล่าเนี่ย?

「เอาเถอะแทนที่เรื่องนั้นควรตกใจที่ชั้นพูดภาษาม้าหรือลาได้มากกว่าอีก..........」

ก็พวกมนุษย์อย่างพวกชั้นพูดภาษาสัตว์ของรูรูเนะหรือม้ามังกรไม่ได้หรอก
แต่การที่พูดคุยกันได้เหมือนเป็นปกติอยู่นี่
งั้นพวกสัตว์เองก็น่าจะมีภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเหมือนกัน
............งั้นชื่อ『ซาเรีย』กับ『รูรูเนะ』มีความหมายอะไรแฝงอยู่รึเปล่า?
ตามภาษาเฉพาะเผ่าพันธ์อะไรแบบนี้.............
ทันทีที่คิดอย่างนั้น รูรูเนะก็พูดอย่างรู้สึกภาคภูมิใจ

『นายท่าน ชื่อของฉันได้จากวีรบรุษแห่งลา--------【รูรูเนริออน】ตามที่แม่ได้ฟังมา
เป็นลาที่ชั่วชีวิตมีนายเพียงคนเดียวออกวิ่งเพียงเพื่อท่านผู้นั้นเพียงคนเดียว..........
ซึ่งฉันเองก็คิดอย่างจะเป็นแบบนั้นเสมอมา』
「มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว!」

อะไรกันฟะ วีรบุรุษแห่งลาเนี่ยนะ!ยิ่งกว่านั้นชื่อมีความหมายจริงด้วย!
ทั้งที่พูดคุยกันแค่นิดเดียวพลังใจของชั้นก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ
การตบมุขนี่มันเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ.............
ถึงชั้นจะเหนื่อยกับหลายๆอย่างแต่ถ้าสัตว์ชนิดอื่นมีวีรบุรุษที่เล่าสืบทอดมาเหมือนอย่าง
วีรบุรุษแห่งลาตามที่รูรูเนะเล่าก็อยากลองฟังดูสักหน่อยเหมือนกัน
ขณะที่เดินไปโดยคิดเรื่องไร้สาระแบบนั้นอยู่ก็เจอแผงลอยส่งกลิ่นชวนหิวที่เห็นได้ทั่วไปในเมือง

「อืม..........ชักหิวแล้วสิ รูรูเนะเธออยากกินอะไรมั้ย?」
『จะซื้อให้ฉันด้วยเหรอคะ!? ทั้งที่เป็นลา!?』
「มาพูดอะไรเอาป่านนี้!」

ทั้งที่ทำตัวไม่เหมือนลาไปซะตั้งขนาดนั้นอยู่ๆมายืนยันความเป็นลานี่ลำบากใจนะเนี่ย
แต่ก็นะ ถึงสมมติว่าทำตามนั้นแต่มายืนกินต่อหน้าให้รูรูเนะเห็นก็รู้สึกผิดอยู่ดีนั่นแหละ
ว่าแล้วชั้นก็ไปซื้อ【ระเบิด】ที่ขายมาจากร้านแผงลอยใกล้ๆแล้วหันไปยื่นให้รูรูเนะ
เหตุผลที่ซื้อของกินนี้น่ะเหรอ? ก็ชื่อมันน่าสนไง ทำไมต้องเป็นระเบิดด้วย?
ทั้งรู้สึกอันตรายแต่ก็น่าสนใจขัดกันเองดีแท้
จะว่าไปแล้วพอซื้อมาก็พึ่งรู้ตัวว่าลาเป็นสัตว์กินพืชนี่นา?
เอาเถอะ...........คงไม่เป็นไรมั้ง!
ชั้นที่คิดเรื่องยุ่งยากแบบนั้นก็ส่งระเบิดไปให้รูรูเนะ

『นายท่าน นี่คืออะไร?』
「ของกินที่ดูเหมือนว่าชื่อระเบิดน่ะ ชั้นเองก็ยังไม่เคยกิน
แต่มีคนยืนต่อคิวเยอะแบบนี้ก็น่าจะใช้ได้จริงมั้ย?」

พูดไปพลางชั้นก็หยิบระเบิดมาอันนึง
ระเบิดเป็นของกินที่เหมือนซาลาเปาสีขาวไม่มีอะไรแปลก ขนาดก็ประมาณกินเข้าไปได้ในคำเดียว
ถึงลังเลนิดหน่อยแต่ก็โยนเข้าปากโดยไม่คิดอะไรมาก
............เจ้านี่ถ้าเป็นตามตัวอักษรนี่อันตรายสุดๆ

「อุ๊บ!?」

ทันใดนั้นระเบิดในปากของชั้นก็ระเบิดขึ้น
แต่ระเบิดนั้นไม่มีความอันตรายเลยแม้แต่น้อย
ข้างในระเบิดที่ไหลออกมาเป็นชิ้นเนื้อจากนั้นน้ำของเนื้อก็ไหลตามออกมา
แถมมีซุปอะไรก็ไม่รู้ด้วยแต่เป็นซุปสีเข้มที่ไม่ใช่ซุปเนื้อไหลอยู่เต็มปาก
พอเคี้ยวๆไปน้ำของเนื้อและน้ำซุปก็ยิ่งผสมเข้ากันจากนั้นเนื้อในปากก็ค่อยๆขยายตัวขึ้น
นี่คงจะใช้เนื้อของมอนเตอร์อะไรสักอย่างที่ไม่มีอยู่ในโลกเดิมแน่
ก็เพราะชั้นไม่เคยเห็นเนื้อที่พอเคี้ยวเนื้อกับน้ำซุปแล้วมันจะขยายตัวได้นี่นา
แล้วซุปขนาดที่แทบจะทะลักออกจากปากนี่ทำยังไงถึงไปเก็บในซาลาเปาขนาดพอดีคำได้?
แถมไม่มีรอยเปื้อนของน้ำซุปหลุดให้เห็นอีกต่างหาก
เอาเถอะ ถ้ารู้ได้ก็ไม่ใช่ธุรกิจกันพอดี
คิดนั่นๆนี่ๆอยู่ก็กัดเนื้อที่ขยายตัวผสมเข้ากันกับน้ำซุปจนนุ่มนิ่มจนขาดแล้วกลืนเข้าไป

「อา อร่อยจัง」

ชั้นกินเสร็จด้วยความพึงพอใจ
หลังจากที่กินของอร่อยแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ระหว่างที่คิดชั้นก็พลันเป็นห่วงสภาพของรูรูเนะเลยหันไปทางรูรูเนะ

「รูรูเนะ เป็นไง---------」
『อ้ะ นายท่าน! สุดยอดเลยค่ะ!
อร่อยขนาดที่ว่าหญ้าที่เคยกินมาจนถึงตอนนี้เป็นแค่วัชพืชไปเลย!』
「ง งั้นเหรอ」

ดูท่ารูรูเนะจะถูกใจเจ้าระเบิดนี่แฮะ
ว่าแต่ ลาก็กินได้ด้วยเหรอ............?

「ถ้าถูกใจขนาดนั้นล่ะก็จะซื้อให้อีกกี่อันก็ได้นะ?」
『จ จริงเหรอคะ!? งั้นรบกวนด้วยค่ะ!』

แล้วชั้นก็หันไปซื้อระเบิดให้รูรูเนะอีกครั้ง
............อย่างที่คิดถ้าเกิดมีตัวอักษรขึ้นมาได้ หลายๆอย่างคงได้วุ่นวายน่าดู

◆◇◆

『นายท่าน!ครั้งนี้ไปกินนั่นแล้วก็นั่นกันเถอะค่ะ!』
「คุณรูรูเนะ?」
『อ้ะ แต่จะทิ้งของกินตรงโน้นก็น่าเสียดาย...........』
「โฮ้ย คุณรูรูเนะ?」
『นายท่าน ฉันจะทำยังไงดี!?』
「อื้ม ก่อนอื่นเลยฟังที่ชั้นพูดก่อน!」

หลังจากที่รูรูเนะกินระเบิดเข้าไปก็หลงไหลในอาหารของมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ
พวกเราเลยมาเดิมทัวร์แผงลอยในเมืองกันตั้งแต่เมื่อกี้
ทางชั้นน่ะอิ่มแน่นท้องจนไม่อยากได้อาหารอีกแล้ว
แต่รูรูเนะแทนที่ความอยากอาหารจะลดลงกลับยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ยิ่งกว่านั้นการที่ชั้นตบมุขกับรูรูเนะที่เป็นลาทำให้ผู้คนรอบข้างต่างมองชั้นด้วยแววตาสงสัย
เอาเถอะ มันก็แน่อยู่แล้วว่าคนที่คุยกับลาแบบนี้จะถูกรอบข้างมองว่าเป็นคนพิลึก
ความอยากอาหารของรูรูเนะอันเหลือรับแถมต้องมาถูกรอบข้างมองด้วยแววตาสงสัย
.............สเตตัสโชคของชั้นมันไปตกอยู่ที่ไหนกันน้า?
แล้วตอนที่คิดไปพลางเดินไปพลางนั่นเอง

「หือ? นั่นมัน...........」

ทันใดนั้นที่ปรากฏแก่สายตาคือภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง แถมดูดีๆก็มีคนรอบข้างมามุงกันด้วย
ทางฝ่ายผู้ชายไม่มีอยู่ในความทรงจำแต่ทางฝ่ายผู้หญิงจำได้แม่นเลย

「นั่นมันเด็กสาวที่ชั้นไปซื้อภาพวาดนี่นา?」

ใช่แล้ว อีกฝ่ายคือเด็กสาวที่ชั้นไปซื้อภาพวาดมานั่นเอง
.........จากความรู้สึกที่เห็นดูเหมือนจะเถียงอะไรกันสักอย่าง

「รูรูเนะ รอแปปนะ?」
『อา ของกินที่ชื่อระเบิดนั่นก็อร่อยแต่ของหวานที่ชื่อเครปทางนี้ก็ยัง...............』

ไม่ไหวแฮะยัยนี่ ปล่อยไว้นี่ก่อนแหละ
พอปล่อยรูรูเนะไว้กลางถนนก็มุ่งตรงไปหาเด็กสาว
คนที่อยู่ตามถนนคร้าบ ถึงจะมองรูรูเนะประหลาดแต่ผมไม่เกี่ยวด้วยนะคร้าบ
พอเข้าไปใกล้เด็กสาวก็ได้ยินเนื้อหาที่พูดคุยกัน

「ศิลปินน่ะมันต้องสร้างสรรค์กว่านี้ ต้องจินตนาการให้เหนือกว่าผู้คนธรรมดาสามัญมากกว่านี้!
ภาพวาดของเธอน่ะไม่มีความงามตรงจุดนั้นเลย ไม่ว่าภาพไหนก็ธรรมดาน่าเบื่อหน่าย!」
「ฉ ฉันก็แค่วาดรูปไปตามใจเท่านั้นค่ะ!ไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะมาพูดสั่งสอนสักหน่อย!」
「น่าเสียดายยิ่งนัก!ด้วยฝีมือวาดภาพนั่นควรจะนำไปใช้วาดรูปที่วิเศษกว่านี้ไม่ใช่เหรอ!?」
「.............เอ่อ ตกลงคุณจะมาเยาะเย้ยภาพของฉัน?หรือจะชมภาพของฉันกันแน่?」
「ไม่รู้เหมือนกัน!」
「..........เอ่อ..........」

...........เล่นตลกคู่อยู่เหรอไง? ตอนแรกคิดว่ากำลังทะเลาะกันอยู่ซะอีก...............
ชั้นฟังเนื้อหาการพูดคุยของทั้งสองก็คิดแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
คนรอบๆเองพอรู้ว่าไม่ได้ทะเลาะกันก็ทำหน้าสบายใจแล้วแยกย้ายกันไป
.....................ทุกคนเป็นห่วงกันสินะ
พอชั้นเข้าไปใกล้มากๆในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างอึดอัด เด็กสาวก็สังเกตุเห็นชั้น

「อ้ะ คุณคือ!」
「หือ นาย...........」

พอทั้งผู้ชายและเด็กสาวสังเกตุเห็นชั้นก็หันสายตามาทางชั้น
พอดูดีๆ ผู้ชายแต่งตัวหรูหราเกินเหตุ มีผมสีน้ำตาลหยิกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาล ก็หนุ่มหล่อนั่นแหละ
อายุน่าจะน้อยกว่าชั้นนิดหน่อย
ขณะที่วิเคราะห์เรื่องนั้นเด็กสาวก็รีบวิ่งมาหาชั้น

「เมื่อตอนนั้นขอบคุณมากเลยค่ะ!ตอนที่ขายไม่ออกก็คิดว่าจะเลิกดีมั้ย
เพราะงั้นตอนที่ช่วยซื้อไปทำให้มีกำลังใจมากเลยค่ะ!」
「ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรใหญ่โตขนาดนั้นหรอก..........แค่ภาพมันสวยจริงๆเท่านั้นแหละ
ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณ」

ก็ในช่วงชีวิตการที่จะมีโอกาสได้เจอภาพที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งได้มันมีน้อยนี่นา
งั้นก็หมายความว่าเสตตัสโชคของชั้นมันสูงจริงๆงั้นสิ
ขณะที่พูดแบบนั้นกับเด็กสาว ชายหนุ่มก็พูดขึ้น

「............จากที่ฟังพวกนายพูดคุยกัน นายเป็นคนซื้อภาพวาดของเธอไปสินะ?」
「เอ๋? อา ก็เป็นภาพที่ดีนี่นา」
「งั้นก็ซื้อภาพของผมด้วยสิ?」
「ไม่เอา ไม่อยากได้อ่ะ」

พอชั้นตอบไปแบบนั้นชายหนุ่มก็เปิดตาโต

「บ บ้าน่า!? ไม่ซื้อรูปวาดของผมคนนี้งั้นเหรอ!?」
「แหม ถึงจะตกใจขนาดนั้นก็เถอะ..............เดิมทีชั้นก็ไม่ได้รู้จักนายสักหน่อย」

พอตอบไปตรงๆชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างคาดไม่ถึงพลางเสยผม
ทำท่าสมกับเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ

「ถึงจะตกใจที่ไม่รู้จักผม...............แต่นี่ก็คงเป็นโชคชะตาอะไรสักอย่างงั้นจะแนะนำตัวให้
ผม เคย์ เบลก้า ลูกชายคนโตของมาร์ควิสเบลก้า ผู้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะ!ยินดีที่ได้รู้จัก」
「ฉัน เมย์ เชอร์รี่ค่ะ เอ่อ..........ที่อุตส่าห์ซื้อภาพวาดของฉันไปขอบคุณมากเลยค่ะ!」

เคย์ที่แนะนำตัวพลางโพสท่าประหลาดๆกับเมย์ที่โค้งให้อย่างสุภาพ
สองคนนี้ขัดแย้งกันในหลายๆอย่างจริงๆ
ในส่วนของเมย์นั้นตอนที่โค้งให้หูหมาก็กระดิกดิ๊กๆด้วย น่ารักจัง

「ชั้นเซอิจิ เอ่อ เป็นคนที่ซื้อภาพวาดของเมย์ไปแล้วก็ไม่รู้จักภาพวาดของเคย์ โทษทีนะ」
「อื้ม.........จากที่แนะนำตัวคงมาจากประเทศตะวันออกสินะ?」

ประเทศตะวันออกอีกแล้ว เอาเถอะ ตามสะดวกเลยแล้วกัน

「ก็ประมาณนั้นแหละ」

พอตอบกลับไปแบบเหมาะๆเคย์ก็พยักหน้าให้ทีนึง

「งั้นก็ดี..........เซอิจิ นายจะสนใจจะรับภาพของสักชิ้นไว้มั้ย?」
「เอ ไม่ล่ะ ไม่อยากได้สักหน่อย...........」
「เอ้า ไม่ต้องเกรงใจรับไปสิ!」

เคย์ไม่สนใจคำพูดของชั้นแล้วยัดภาพมาให้อันนึง
เลยต้องรับภาพมาอย่างช่วยไม่ได้แต่สิ่งที่วาดนั้นเล่นเอาชั้นพูดไม่ออก
.......อะไรเนี่ย รู้สึกเดจาวูแปลกๆขึ้นมาเลย...........

「ขอฟังก่อนนะ........นี่มัน อะไร?」

ภาพที่รับมาจากเคย์นั้นแค่วาดสามเหลี่ยมใหญ่ๆธรรมดาไว้บนผืนผ้าใบขนาดใหญ่เท่านั้น
ไม่ลงสีหรืออะไรเลยสักอย่าง แต่สามเหลี่ยมเพียวๆ
พอเมย์ชะเง้อมองภาพที่ชั้นรับมาก็หน้าเบี้ยวไปเลย

「ดูไม่รู้เหรอ?  
นี่คือภาพ『สาวที่คิดถึงชายหนุ่มพลางมองทะเลยามเย็นท่ามกลางอาทิตย์ตกดิน』ไงล่ะ!」
「ดูไม่ออกเลยเฟ้ย!?」

จะมองมุมไหนมันก็แค่สามเหลี่ยมไม่ใช่เหรอ!?
บอกว่าวาดภาพลูกชิ้นโอเด้งยังจะเชื่อซะกว่า!?
นอกจากนั้น แบบว่าพอดูสไตล์การวาดก็นึกขึ้นมาได้.............ตอนที่ซื้อภาพของเมย์
ภาพวาดที่ขายออกแทบจะเป็นภาพประหลาดแบบนี้ทั้งหมดเลยนี่หว่า!
ตอนนั้นชั้นเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าภาพอะไรฟะไม่เห็นจะเข้าใจเลย!?

「ฉันแพ้ภาพพรรณนี้เนี่ยนะ...........」

เมย์ที่อยู่ด้านข้างโดนความจริงอันโหดร้ายทิ่มแทง.........!
อ เอาน่า ภาพของเมย์น่ะดีจริงจนชั้นยังยอมรับเลยแต่ถ้าพูดว่ามันธรรมดามันก็ธรรมดาอ่ะนะ...........
เคย์ได้ยินที่เมย์บ่นพึมพำล่ะมั้งเลยถามขึ้นมากะทันหัน

「เมย์ เธอน่ะเริ่มวาดรูปมานานแค่ไหน?」
「เอ๋? เอ่อ........ประมาณ1ปี」

สำหรับชั้นคิดว่ายอดเลยล่ะที่1ปีก็วาดภาพได้มีพลังขนาดนี้
ทว่าเคย์ที่รับฟังคำพูดของเมย์กลับเริ่มหัวเราะ

「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะที่จะแพ้ผม!เธอน่ะยังเป็นแค่มือสมัครเล่น
ก็จริงอยู่ที่ดูแล้วเธอก็มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ
แต่ว่า!ผมน่ะมันอัจฉริยะเหนือขึ้นไปกว่านั้นอีก!」
「งั้นเคย์เริ่มวาดรูปมานานแค่ไหนแล้วล่ะ?」
「3เดือน!」
「นายต่างหากที่ยิ่งกว่ามือสมัครเล่น!」

แต่ก็สุดยอดไปอีกแบบ!แค่3เดือนก็วาดภาพที่ขายออกได้ด้วย!
ถึงไม่อยากยอมรับแต่ก็เป็นอัจฉริยะจริงๆ..............!
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่เคย์ที่ไม่พอใจการตบมุขของชั้นก็ขมวดคิ้ว

「เซอิจิ.........ตั้งแต่ตะกี้แล้วนายเอาแต่พูดจาว่าร้ายเรื่องของผมจัง..........นายก็วาดภาพด้วยเหรอ?」
「อืม ถ้าภาพแบบเดียวกับเคย์ก็คิดว่าวาดได้นะ」

ชั้นเองก็รู้นะว่าภาพที่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ที่คนมีชื่อเสียงต่างๆวาด
ต่อให้มือสมัครเล่นมาวาดตามก็ไม่มีทางสื่อออกมาได้
แต่ถ้าแค่ภาพของเคย์ล่ะก็ถึงเป็นชั้นก็วาดออกมาได้แน่
แล้วจู่ๆเคย์ก็หยิบกระดาษกับพู่กันยื่นมาให้ชั้น

「ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็ลองวาดภาพของนายมาให้ดูหน่อยสิ!เอ้า ลองวาดดู!」
「ได้.............」

ถึงจะยุ่งยากแต่พูดไปถึงขนาดนั้นแล้วเลยต้องรับกระดาษกับพู่กันมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วลองวาดดู
เอาเถอะ ไหนๆก็วาดทั้งทีเอาเป็นภาพสี่เหลี่ยมให้ต่างกับภาพของเครย์หน่อยแล้วกัน

「นี่ไง เรียบร้อย」

เครย์รับภาพของชั้นไปแล้วพิจารณาด้วยสีหน้าจริงจัง
ที่ด้านหลังก็มีเมย์มาชะเง้อมองดูแต่พอเห็นว่าที่วาดเป็นแค่สี่เหลี่ยมเท่านั้นเลยยิ้มแหยงๆ
ทว่ามีแค่เคย์เท่านั้นที่ต่างกัน

「ม ไม่เลวเลยนี่นา..............」
「เอาจริงดิ!?」

แม้แต่ตัวเองยังคิดว่าห่วยแตกเลยนะเฟ้ย!? ก็ดูดิแค่สี่เหลี่ยม? สีหรืออะไรก็ไม่ได้ใช้!
หนำซ้ำไม้บรรทัดลากเส้นก็ไม่ได้ใช้เส้นเลยยึกยือๆอีกต่างหาก!?

「เซอิจิ...........มาเป็นลูกศิษย์ของผมมั้ย?」
「ไม่เอาแล้ว!HPของชั้นมันไม่เหลือแล้ว!」

แค่วาดส่งๆไม่ต้องประเมินกันถึงขนาดนั้นก็ได้!แบบนี้มันน่าอายนะเฟ้ย!
ขณะที่เอามือกุมใบหน้าที่อับอายโดยไม่รู้ตัว เคย์ก็กระแอมออกมา

「อะแฮ่ม อ เอาเถอะ.........จากที่ประเมิณก็แค่ระดับเดียวกับภาพของผมล่ะนะ
ถึงจะน่าเจ็บใจก็จริงแต่นายเองก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน」
「.......พอทีเถอะ........」
「แต่ถึงอย่างนั้น!ผู้ที่จะชนะเลิศ【งานแข่งวาดภาพคาร์ไลเต้】ต้องเป็นผม!
เมย์ เซอิจิ จริงอยู่ที่พวกนายเก่งแต่ผมน่ะคืออัจฉริยะ!」
「คาร์ไลเต้.............」
「งานแข่งวาดภาพ?」

ทั้งชั้นและเมย์ต่างไม่รู้จักสิ่งที่เคย์พูดออกมาเลยเอียงคอไปพร้อมกัน
จากนั้นเคย์ที่เห็นสภาพของพวกเราก็ประหลาดใจ

「หือ? พวกนายไม่รู้เหรอ?  เมืองหลวงตอนนี้มีจัดงานแข่ง【ถ้วยเมืองหลวง】ใช่มั้ยล่ะ?
แล้วที่จัดต่อมาคืองานแข่งวาดภาพของอาณาจักรใหญ่วินบุค
งานที่จัดโดยอาณาจักรวินบุคหากชนะเลิศจะได้เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงก้องโลก
เป็นงานแข่งสร้างชื่อครั้งยิ่งใหญ่ที่มีอัจฉริยะระดับเดียวกับผมมารวมกัน
เพื่องานแข่งครั้งนี้จากทั่วโลก หากเป็นจิตรกรล่ะก็ต้องอยากเข้าร่วมกันสักครั้งแน่
เป็นเวทีแห่งความฝันเลยล่ะ」
「อย่างนี้นี่เอง.............」
「เซอิจิที่ไม่ใช่จิตรกรเลยคงไม่สนใจ...........แต่เมย์ เธอเองก็จะเข้าร่วมด้วยใช่มั้ย?」
「.........งานแข่งใหญ่ขนาดนั้น มือสมัครเล่นอย่างฉันไม่คิดเข้าร่วมหรอก...........」
「ของอย่างประวัติน่ะไมใช่เรื่องจำเป็น เงื่อนไขการเข้าร่วมก็ไม่มี
หากคิดว่ามีความสามารถใครๆก็เข้าร่วมแข่งได้ทั้งนั้น」

นั่นสินะ ขนาดเคย์ที่เป็นมือสมัครเล่นยิ่งกว่าเมย์ยังเข้าร่วมได้นี่นา
ขณะที่พยักหน้ายอมรับเรื่องนั้นอยู่คนเดียว เคย์ก็หันมาถามชั้น

「นี่เป็นการคาดเดาของผมแต่เซอิจิก็ตั้งใจจะเข้าร่วมงานแข่งถ้วยเมืองหลวง
ที่จัดขึ้นก่อนหน้างานเแข่งวาดภาพคาร์ไลเต้ที่ผมเข้าร่วมใช่มั้ย?
ถึงจะเสียดายฝีมือวาดภาพนั่นแต่จากสภาพของนายก็พอจะเดาได้ว่านายเป็นนักผจญภัยถูกมั้ย? 」
「อ๋อ.........ก็เป็นนักผจญภัยนั่นแหละ
แต่ไม่ได้มีกำหนดการว่าจะเข้าร่วมงานแข่งถ้วยเมืองหลวงหรอก」

พอชั้นตอบไปแบบนั้น เคย์ก็แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา

「เป็นอย่างนั้นเหรอ? เห็นรางวัลชนะเลิศหรูหราอยู่ทุกปี ถึงจะได้ที่2หรือที่3ก็เถอะ
หากเป็นนักผจญภัยไม่ว่าใครก็ต้องคิดอยากได้อาวุธหรือไอเท็มทั้งนั้นเลยคิดว่าจะเข้าร่วมซะอีก」
「เห.........แต่ก็นะ ตอนนี้ยังไม่อยากได้อาวุธอะไรสักหน่อย」
「งั้นเหรอ.........อ้ะ จะว่าไป.........รางวัลตั้งแต่ที่5ถึงที่10มีเปิดเผยออกมาแล้วนะ รู้รึยัง?」
「เปล่า ยังไม่รู้」
「ฉันเองก็ไม่รู้」

เมย์กับชั้นตอบกลับไปว่าไม่รู้ตรงๆเคย์ก็พยักหน้าทีนึงแล้วบอกให้
เคย์เองก็ใจดีเหมือนกับคุณอโดเรียน่าเลยแฮะ
ทั้งที่อิมเมจของขุนนางมันต้องแบบพวกดูถูกคนอื่นเสมออะไรทำนองนี้แท้ๆ

「อันดับ6ถึง10ก็จะได้พวกยารักษาคุณภาพดีที่จำเป็นสำหรับพวกนักผจญภัย
อย่างพวก【ยาเทวดา】ที่ฟื้นฟูได้ทั้งพลังเวท พลังกายและรักษาบาดแผล
ซึ่งเป็นไอเท็มที่หากไปหาซื้อต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก..........
ส่วนรางวัลของที่5ก็ดูเหมือนจะได้ปลามายาขนาดใหญ่...........【บาฮามุท】น่ะ」
「พรวด!?」

บ บาฮามุท!? ถึงไม่รู้รายละเอียดแต่จับของแบบนั้นมาเป็นรางวัลได้ง่ายๆเลยเหรอ!?
ที่โลกเดิมนี่เป็นสัตว์ประหลาดที่ชื่อดังสุดๆไปเลยนะเฟ้ย!?
หรือว่าบาฮามุทของโลกเดิมกับบาฮามุทของโลกนี้จะคนละชนิดกันหว่า?
ไม่สิ เคย์ก็บอกว่าเป็นปลามายาขนาดใหญ่..........ถ้าอย่างนั้นลำดับที่4ขึ้นไปจะเป็นอะไรกันนะ!?
ถึงจะไม่ได้อยากได้แต่พอคิดว่ารางวัลชนะเลิศจะเป็นอะไรก็น่าสนใจดีชะมัด!
ยิ่งกว่านั้นถึงจะเป็นที่6ก็ยังได้【ยาเทวดา】ที่มีประสิทธิภาพสุดยอดแบบเหลือเฟือ!?
ชั้นที่ไม่สนใจการแข่งอะไรพวกนี้ยังต้องตะลึงกับของรางวัลที่จะได้มา
แล้วเมย์ที่ตกใจไม่แพ้กันก็ยิงคำถามไปให้เคย์

「เอ่อ.......แล้วบาฮามุทที่ว่าได้มาได้ยังไงเหรอคะ?
ตามที่ฉันรู้มาแม้แต่นักผจญภัยRank Aยังบอกเลยว่าเป็นมอนเตอร์อันตราย...........」
「ก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกแต่ พอดีราชาของประเทศนี้ไปเข้าร่วมประชุมกับประเทศอื่น
แล้วบังเอิญไปเจอตอนที่แวะว่ายน้ำที่ทะเลสาปขนาดใหญ่
จากนั้นหนึ่งในสองอัศวินที่ภาคภูมิใจของประเทศนี้≪อัศวินดาบ(Knight O Sword)≫
ท่านรุยเอสก็ไปปราบเอามาได้ เห็นว่าฉับเดียวด้วยนะ」
「ก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะแต่สุดยอดเลย」

กัลซุสเองก็เคยบอกไว้ ประเทศนี้มีตัวตนระดับโกงอย่างสองอัศวินอยู่
ชั้นเหรอ? ชั้นมันก็แค่สัตว์ประหลาดที่ชื่อมนุษย์เท่านั้นแหละ
ถึงน้ำตามันไหลก็ไม่ใส่ใจแล้ว

「ช่างเถอะยังไงก็ตามก็ได้บาฮามุทที่ว่านั่นแหละ」
「แหม ถึงได้ของแบบนั้นมาก็ลำบากใจอยู่นะ?」

ได้ปลาตัวใหญ่มาให้เอาไปทำอะไรล่ะ? เลี้ยงไว้เหรอ?
แค่เคย์ก็ตอบกลับมาแบบผิดกับจินตนาการของชั้น

「พูดอะไรน่ะ? ก็กินไปสิ」
「หา กินได้เหรอ!」

ไม่ทันคิดเลยแฮะ............!
จากชื่อที่ชั้นรู้มันเป็นสัตว์ประหลาดชั้นเลยตัดตัวเลือกที่จะกินทิ้งไป
เพราะงั้นเลยคิดไปว่ามอนเตอร์ระดับนั้นจะเอามาเลี้ยงไว้เฉยๆได้เหรอ
แบบปลายสวยงามอย่างarowanaงี้ ............เอ นั่นก็กินได้นี่นา?
ทันใดนั้นก็เคย์ปิดตาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกเลยเล่าให้ฟังโดยไม่สนใจชั้นที่กังวลกับเรื่องไร้สาระ

「ผมเองก็เคยกินบาฮามุทมาครั้งนึง.............รสชาติของมันระดับที่เรียกว่าศิลปะได้เลยล่ะ
บอกตามตรง ผมไม่เคยกินปลาที่อร่อยได้ถึงขนาดนั้นมาก่อนเลย」

เห..........ถ้าขุนนางอย่างเคย์เป็นคนพูดเองคงอร่อยระดับนั้นล่ะมั้ง
ยังไงขุนนางก็เป็นพวกที่ได้กินของอร่อยบ่อยๆอยู่แล้ว ชักอยากกินซะแล้วสิ
แล้วทันทีที่คิดแบบนั้นนั่นเอง

『นายท่าน ไปกินกันเถอะค่ะ!เจ้าบาฮามุทนั่น!』
「เหวอ!? ตั้งแต่เมื่อไรกัน!?」

รูรูเนะที่ปล่อยไว้จนถึงเมื่อกี้เข้ามาข้างหลังโดยไม่รู้ตัวแล้วยืนยันแบบนั้นออกมา

「หือ? เซอิจิ ลานั่น?」
「เอ๋? อ อ๋อ เจ้านี่ชื่อรูรูเนะ พึ่งไปซื้อมาวันนี้แต่จากนี้ไปจะเป็นพรรคพวกที่เดินทางไปด้วยกันมั้ง?」
「เห!รูรูเนะจังเหรอ เทียบกับลาทั่วไปแล้วหน้าตาดูองอาจจังเลยนะคะ! 」

เมย์ที่เป็นมนุษสัตว์สนใจรูรูเนะเลยจะเข้าไปใกล้แล้วลูบ
ทีแรกก็เป็นห่วงว่าจะโดนเตะเหมือนบาซัสเจ้าของร้านขายมอนเตอร์แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะไม่เป็นไร
เรื่องนั้นช่างมันเถอะแต่ชั้นกังวลกับคำพูดเมื่อกี้ของรูรูเนะเลยกระซิบเบาๆไม่ให้เคย์กับเมย์ได้ยิน

「รูรูเนะ อยากกินบาฮามุทเหรอ?」
『ค่ะ!ถ้าของกินรสชาติดีขนาดนั้นก็ต้องอยากกินอยู่แล้ว!』
「แหม ชั้นเองก็ชักอยากกินแล้วสิ.............」
『อีกอย่าง มันจะเป็นงานแรกที่ฉันได้ทำร่วมกับนายท่านด้วย!
ฉันเลยคิดว่ารายละเอียดเหมาะพอดีเลย?』
「อืม ที่บอกว่าทำงานร่วมกันนี่ก็ออกจะไม่ใช่นะ?」

ถึงชั้นจะตบมุขไปแบบนั้นแต่ชั้นเองก็สนใจรสชาติของบาฮามุทจริงๆนั่นแหละ
เลยคิดว่าจะลองเข้าร่วมดู

「เคย์ ก็น่าสนเหมือนกันนะว่าบาฮามุทที่ว่ารสชาติเป็นแบบไหน จะลองเข้าร่วมดูแล้วกัน」
「งั้นเหรอ? ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่ถ้างั้นก็รีบไปลงทะเบียนซะสิ?
ถ้าไปร้านขายมอนเตอร์ที่ซื้อลานั่นมาก็น่าจะลงทะเบียนได้แต่วันหมดเขตลงสมัครมันวันนี้แล้วนะ」
「อย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ต้องรีบกลับไปลงสมัคร..........」
「แต่ว่าจะเอาที่5ด้วยลาคงยากนะ.............」

เคย์เหมือนกับยิ้มแห้งๆแล้วพูดแบบนั้น
แต่กลับกันรูรูเนะที่ชั้นฟังคำพูดรู้เรื่องกล่าวด้วยความมั่นใจ

『เฮอะ!ชายคนนี้ไม่ได้รู้ถึงความสามารถของฉันเลยพูดแบบนี้ออกมาได้
นายท่าน ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ!รูรูเนะผู้นี้มีความมั่นใจในพลังขาของตัวเอง
ไม่มีทางแพ้ม้าใช้งานตัวอื่นแน่นอน! 』
「ก่อนอื่นเลย นั่นมันคำพูดของลาเหรอ」
「เอาเถอะ เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเซอิจิไม่เข้าร่วมงานแข่งวาดภาพแต่เข้าร่วมงานแข่งถ้วยเมืองหลวง
แล้ว? เมย์เธอล่ะจะเอาไง?」

เมย์ที่ถูกเคย์ถามตอบอย่างไม่มั่นใจ

「อย่างฉันถึงจะเข้าร่วมไป ก็เห็นผลกันอยู่แล้ว
แต่คุณเคย์เป็นอัจฉริยะต่างจากฉันเลยอาจจะพอชนะได้.............」
「ตรงจุดที่ว่าผมเป็นอัจฉริยะนั้นไม่ขอปฏิเสธ แต่เธอประเมินตัวเองต่ำเกินไป
อีกอย่างคนที่ไม่เจียมตัวถึงขนาดดันทุรังเอาลาเข้าแข่งถ้วยเมืองหลวงยังมีเลย
นอกจากนั้นลองเข้าแข่งดูอาจจะได้อะไรมาบ้างก็ได้.............」
「เฮ้ย ว่าไรฟะ」

ไม่เจียมตัวที่ว่ามันยังไง เขาเรียกว่ากล้าเสี่ยงที่จะท้าทายต่างหาก ไม่ผิดชัวร์
แม้จะได้รับคำพูดที่แปลได้ว่าให้กำลังใจจากเคย์ สีหน้าของเมย์ก็ยังมืดมน

「แต่ถึงอย่างนั้น.........」

ก็นะ แค่วาดภาพขายที่ลานกว้างนี่ยังขายไม่ออกจะไปมั่นใจได้ไง
ถึงจะบอกว่าวาดเพราะชอบแต่ถ้าขายแล้วไม่มีคนซื้อมันก็เหมือนเป็นการประเมินไปในตัวอยู่แล้ว
เคย์มองดูเมย์ที่ก้มหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

「ช่างเถอะ ถ้าเธอไม่เข้าร่วมมันก็ถือเป็นการเลือกได้อย่างนึงเหมือนกัน
ก็แค่คู่แข่งของผมลดไปคนนึง แต่ก็นะ ยังไงผู้ชนะเลิศก็เป็นผมอยู่แล้ว!」

นายไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหนฟะ ทั้งที่ฝีมือวาดก็แค่ระดับเดียวกับชั้น
ชั้นเหลือรับกับคำพูดของเคย์เลยพูดกับเมย์ที่ยังก้มหน้า

「ก็ไม่รู้หรอกว่าเมย์คิดยังไงกับภาพของตัวเองแต่ชั้นชอบนะ
ถึงได้ซื้อไปไง เพราะงั้นประเมินให้สูงขึ้นอีกหน่อยเถอะ
แล้วในเมื่อมีโอกาสดีๆมาถึงไม่ลองท้าทายดูสักครั้งล่ะ?」
「............เรื่องนั้น ก็เข้าใจอยู่หรอกค่ะ..........」
「ยังไงก็ยังไม่มั่นใจสินะ..............」

เมย์พยักหน้านิดๆกับคำถามของชั้น
ตอนที่ซื้อภาพไปก็คิดอยู่ว่าคงเป็นเด็กผู้หญิงที่ความมั่นใจในตัวเองต่ำ
ถ้านั่นเป็นนิสัยก็คงพูดได้แต่ว่าช่วยไม่ได้
ทว่าชั้นที่ชอบภาพของเมย์จริงๆก็อยากให้มีความมั่นใจในตัวเองบ้าง
จะทำยังไงดีน้า............
ขณะที่กลุ้มใจกับวิธีสร้างความมั่นใจให้เมย์ชั้นก็นึกความคิดดีๆขึ้นมาได้

「จริงสิ! เคย์งานแข่งวาดภาพคาร์ไลเต้ที่ว่าลงทะเบียนได้ถึงเมื่อไร?」
「หือ? หลังจากจบงานถ้วยเมืองหลวง1อาทิตย์น่ะ จะเริ่มวาดภาพเลยตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้
หรือจะค่อยวาดภาพทีหลังก็ได้ 1เดือนหลังจากจบการลงทะเบียนถึงจะเริ่มการตัดสิน」
「ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา เมย์ ชั้นจะเอาบาฮามุทที่เป็นเป้าหมายในงานแข่งถ้วยเมืองหลวงมาให้ได้เลย」
「เอ๋?」
「ตามที่เคย์ว่ามาการที่ลาจะได้รางวัลที่5พูดได้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย
ในสภาพแบบนั้นสมมติว่าได้รางวัลที่5มาไม่คิดเหรอว่ามันสุดยอด?」
「ก็สุดยอดนะคะ」
「เพราะงั้นแหละชั้นเลยจะเอารางวัลที่5มาให้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเมย์จะได้มั่นใจขึ้นมาบ้างไงล่ะ?」
「อา.............」

เมย์น่ะ เดิมทีมีฝืมือวาดภาพสูงสมบูรณ์แบบอยู่แล้วแค่ไม่มั่นใจเท่านั้นเอง
ถ้าชั้นทำเรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้แบบนั้นสำเร็จขึ้นมาล่ะก็เมย์เองก็น่าจะมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง?
เลยเสนอออกไป
ความคิดที่เสนอไปแม้จะดันหลังเมย์ได้สักนิดก็ยังดี
แค่นิดเดียวก็ได้ อยากให้มีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาบ้าง
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่ เคย์ก็ยิ้มแก้มปริ

「น่าสนใจดีนี่นา เมย์ ผมเองก็อยากเห็นภาพของเธอในงานแข่งนะ
ภาพที่วาดอย่างอิสระที่มาจากความต้องการของเธอ
ลองพิสูจน์ให้ผมดูสิว่าภาพของเธอไม่ใช่ภาพที่น่าเบื่อเลยสักนิด!」
「คุณเคย์...........」

ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะแต่เคย์เหมือนพูดทำนองว่ายอมรับในภาพของเมย์เลย
แต่สำหรับภาพของเคย์มันสร้างสรรค์ไปหน่อยเลยเข้าไม่ถึง
เมย์ที่ถูกดันหลังด้วยคำพูดของชั้นและเคย์ก็ก้มหน้าไปสักพัก
แล้วไม่นานก็แสดงสีหน้าตกลงใจออกมา

「...........เข้าใจแล้วค่ะ ถึงไม่รู้ว่าจะทำได้ขนาดไหน..........แต่ชั้นเองก็จะลองทดสอบดู!」
「งั้นเหรอ!ต้องอย่างนี้สิถึงเป็นจิตรกรที่ผมยอมรับ!」
『นายท่าน ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่จะเอาบาฮามุทมาให้ได้เลยค่ะ!』

เมย์กับเคย์ที่เป็นจิตรกรมีเป้าหมายเพื่อฝึกผีมือยกระดับ
ส่วนรูรูเนะมีเป้าหมายคือบาฮามุท ปลาแสนอร่อยที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง
หลังจากนั้นทั้งเมย์และเคย์ต่างก็แยกย้านกลับไปวาดภาพสำหรับงานแข่ง
ส่วนชั้นกับรูรูเนะก็กลับไปที่ร้านขายมอนเตอร์เพื่อลงสมัครงานแข่งถ้วยเมืองหลวง
สำหรับเรื่องนั้น บาซัสที่แสดงสีหน้าตกใจแล้วหัวเราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่รูรูเนะจะได้รางวัลที่5
ก็โดนรูรูเนะโมโหเตะกระเด็นซึ่งนั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร
แล้วเรื่องที่งานแข่งถ้วยเมืองหลวงพลิกผันกลายเป็นวันพรุ่งนี้เลยนั้นก็ไม่ได้สำคัญ..........ตรงไหนฟะ
............ชั้นจะได้รางวัลแน่รึเปล่าเนี่ย?  นี่เป็นสิ่งที่ชั้นกังวลใจในขณะนี้

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate