ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 35 จีบหญิง

ตอนที่ 35 จีบหญิง

「ว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก」

ชั้น----------ฮิรากิ เซอิจิ..............กำลังชักดิ้นชักงออยู่ในห้องพัก

「อายจังเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

ไม่เอาแล้ว!แค่นึกก็อายจนอยากตายแล้ว!
นึกเรื่องอะไรเหรอ? ก็เรื่องที่คุยกับคุณอัลโทเรีย............ไม่สิเรื่องที่คุยกับอัลน่ะสิถามได้!

「ท๊าม--มายถึงพูดประโยคน่าอายแบบนั้นออกมาเป็นชุดได้ฟะ!?」

หลังจากตอนที่หยุดการใช้คำสุภาพชั้นแปลกไปเห็นๆเลยเนอะ!?
แล้วก็พลันนึกถึงประโยคที่พูดออกมาตอนนั้นขึ้นมา

『ชั้นเองก็---------ชอบอัลเหมือนกันนะ』

แกเป็นใครกันฟร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!
ไม่สิ ถึงจะเป็นชั้นก็เถอะ!แต่มันไม่ใช่อ่ะ!ไม่ใช่จริงๆอ่ะ!
ถ้าเป็นชั้นตัวจริงล่ะก็ไม่มีทางพูดประโยคพรรณนั้นออกมาแน่นอน!
แบบว่าอยู่ดีๆมันก็สงบเยือกเย็นขึ้นมาเฉยเลย
พอรู้ตัวอีกทีก็พูดไปซะแล้ว ไม่เข้าใจเลยเฟ้ย
ทำไมชั้นถึงพูดประโยคแบบในเกมส์จีบหนุ่มหรือการ์ตูนผู้หญิงออกมาได้
เอาจริงๆในเวลานั้นก็เข้าใจอยู่หรอกว่าควรพูดประโยคแบบนั้น
แต่มันไม่เข้าใจถึงเหตุผลนี่สิชั้นเลยสับสนมาตั้งแต่เมื่อกี้แถมยังโคตรอายเลยด้วย
ยิ่งกว่านั้นตอนนั้น『สร้อยคอแห่งรักไร้สิ้นสุด』ก็แยกออกมาปรากฏเป็นส่วนของอัลอีกต่างหาก
พออธิบายวิธีใช้กับประสิทธิภาพให้ฟังก็ตกใจ
แถมที่ชั้นว่าสุดๆไปเลยคือการพูดคุยกันตอนนั้นนี่แหละ

『...........อยากให้เซอิจิสวมให้หน่อย ที่คอของข้า』
『เอ๋?』
『ไม่ได้.........เหรอ? ข้าเองก็ใส่อะไรที่เข้ากับคนรักเป็นครั้งแรก..........
เพราะงั้น คือ............ยังไงก็อยากให้เซอิจิ...........ใส่ให้หน่อย』
『............』

อุ๊ว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก!
เขิน!เขินสุดๆไปเลยเฟ้ย!
ซาเรียก็ดี อัลก็ดี.............ทำไมเวลาช้อนตามองถึงมีอานุภาพสูงเยี่ยงนี้!?
ชั้นเอาหน้าซุกหมอนอดกลั้นต่อความเขินอายสุดชีวิต
ชั้นเอาหน้าซุกหมอนกลิ้งไปบนเตียงเป็นเวลานานจากนั้นก็สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งจนสงบใจได้

「เฮ้อ..........จะดิ้นไปดิ้นมาต่อไปก็ไม่ได้ซะด้วย...........」

ทำไมน่ะเหรอก็ซาเรียไปกินข้าวเช้าที่ห้องอาหารก่อนไม่อยู่ในห้องแล้วน่ะสิ
...........แถมอัลก็ไปด้วยกัน
ชั้นเองก็บอกว่าจะตามไปจะไม่ไปก็ไม่ได้อยู่แล้ว

「ถึงจะยังเขินที่ต้องเจอกับอัล...........แต่ก็ได้แค่ทำใจแหละนะ」

พึมพำอย่างนั้นแล้วชั้นก็ออกจากห้อง
พอไปถึงห้องอาหารวันนี้ก็ยังมีคนมากินอาหารเยอะพอสมควรและยังครึกครื้นเหมือนอย่างเคย
แล้วก็เพราะพวกซาเรียจองที่ไว้ให้อยู่แล้วเลยเดินพลางมองไปรอบๆฟังเสียงต่างๆนาๆ

「นี่ รู้เปล่า? พักนี้แถวเมืองเห็นมอนเตอร์ประเภทหมาป่าบ่อยๆด้วยล่ะ」
「เห Grand wolf เหรอ?」
「เปล่า ยังไม่รู้ว่าถึงขนาดว่าเป็นพันธุ์ไหน
แต่ตอนทำคำร้องปราบปรามกับเก็บสมุนไพรแถวเมืองนี้ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน」
「ได้เลย ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ」

เสียงที่ฟังตะกี้ได้ยินจากที่นั่งตอนที่เดินผ่านไป
ยังไงก็ตามแต่มอนเตอร์ประเภทหมาป่างั้นเหรอ...........
ถึงจะบอกว่าหมาป่าแต่ในหัวของชั้นมีแต่ภาพของAsh wolfซะด้วยสิ
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ก็ได้ยินเสียงอื่นอีก

「จะว่าไปผู้กล้าของอาณาจักรไคเซอร์เนี่ยเห็นว่าจะไปโรงเรียนเวทมนตร์กันล่ะ」
「งั้นเหรอ? แล้วโรงเรียนเวทมนตร์ไหนล่ะ」
「ถ้าจำไม่ผิด..........เป็นโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลมั้ง?」
「อ๋อ โรงเรียนเวทมนตร์แห่งเดียวที่เป็นกลางสินะ ว่าแต่ทำไมเป็นโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลล่ะ?
อาณาจักรไคเซอร์เองก็มีโรงเรียนชั้นเลิศอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?」
「เรื่องนั้นข้าจะไปรู้ได้ไงเล่า」

เอ๋ เอาจริงดิ พวกโชวตะนี่นะไปโรงเรียนกัน..........
ทั้งที่ชั้นเกือบตายแถมรู้ตัวอีกทีก็วิวัฒนาการเป็นสัตว์ประหลาดไปซะแล้ว
ถูกส่งไปใช้ชีวิตดีกันจังเลยน้า............ สมกับเป็นผู้กล้าจริงๆ
แล้วประเทศที่อัญเชิญไปมันดีมั้ยหว่า? อิมเมจก็ไม่ค่อยจะดีซะด้วย..............
ช่างเถอะ ถ้าพวกเคนจิกับโชวตะปลอดภัยล่ะก็ชั้นจะยังไงก็ได้อยู่แล้ว ม ไม่ใช่ว่าเหงาหรอกนะ!
ที่ไปโรงเรียนก็น่าจะเกี่ยวกับจอมมารด้วยพอคิดแบบนี้แล้วอาจจะไม่ง่ายเลยก็ได้
ขณะที่กำลังจัดการข้อมูลที่มาเข้าหูอย่างเงียบๆตรงที่นั่งเคาน์เตอร์ของห้องอาหาร
ก็เห็นพวกลุงๆพูดคุยอะไรกันซักอย่างด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
มีเรื่องอะไรกันหว่า ดูซีเรียสนิดๆด้วย..........

「นี่ ฟังหน่อยสิ........」
「อ้าว เรื่องอะไรอีกล่ะ」
「คืองี้..........เมื่อวานมีนักผจญภัยหน้าใหม่บางคนมากันใช่มั้ยล่ะ?」
「อ๋อ เจ้าพวกที่เที่ยวเจ๊าะแจ๊ะไปทั่วใช่มะ」
「ใช่ นั่นแหละ แหม.........พอคิดถึงแล้วมันน่าเศร้าจริงๆ」
「ทำไมล่ะ?」
「เจ้าพวกนั้นบอกว่ามาที่เมืองนี้ทำไมรู้มั้ย? จีบหญิงไงล่ะ จีบหญิง」
「หา? ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ มันมีอะไรไม่ดีล่ะ?」
「ฟังให้ดีนะ รู้มั้ยว่าเจ้าพวกนั้นใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจีบหญิง?
...........หน้าตาไงล่ะหน้าตา」
「「「ว ว่าไงนะ!?」」」

..............เอ? พูดอะไรกันหว่า?

「เลือกเข้าไปได้ไง?  ข้าว่าปกติการเลือกจีบหญิงมันต้องมองที่ต้นคอสิ!
นี่สิถึงเรียกว่าช่ำชองเนอะ?」
「ไม่ไม่ มันต้องริมฝีปากต่างหาก」
「ไม่ไหวไม่ไหว ไหปลาร้านี่แหละเจ๋งสุด」
「ชิ..........อ่อนจังนะพวกแก ที่เยี่ยมที่สุดมันก็ต้อง............ไฝนี่แหละ」
「「「อ โอ้!เทพชัดๆเลยแก.............!」」」
「ไม่ต้องยอหรอกน่า...........เขินแย่เลย?」

หลังจากที่การพูดคุยเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นแล้วพวกลุงๆก็เข้าสู่การดื่มด่ำช่วงสุดท้าย

「แต่ว่ามันก็นะ.........」
「.............สุดท้ายรสนิยมของคนเรามันก็ต่างไปคนละแบบ..........」
「นั่นสิ.........แต่เลือกจากหน้าเนี่ย............」
「「「「น่าเศร้าจริงๆ...............」」」」

ผิดหวังสุดๆ!
อุตส่าห์ทำบรรยากาศซะซีเรียสคิดว่าพูดเรื่องอะไรกัน...........มาแลกเปลี่ยนรสนิยมลับกันซะงั้น!
ที่น่าเศร้าน่ะมันพวกลุงต่างหาก!
ถึงจะนิดหน่อยแต่ชั้นที่เป็นห่วงไปนี่บ้าสิ้นดี........
ชั้นที่เหนื่อยกับหลายๆอย่างก็มองไปด้านในห้องอาหารอีกครั้งและในที่สุดก็เจอพวกซาเรียซะที
จากที่ดูได้โต๊ะกลมที่นั่งได้3คนพอดีด้วย แต่ทำไมแค่หาพวกซาเรียถึงเหนื่อยขนาดนี้ได้นะ?
ขณะที่มุ่งหน้าไปยังที่ของพวกซาเรียก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันของพวกซาเรีย

「จะว่าไป ทำไมอัลไม่มาอยู่ห้องเดียวกับพวกฉันล่ะ?」
「ห.............หา!?」
「ก็ชอบเซอิจิใช่มั้ยล่ะ?  งั้นก็มาพักด้วยกันกับพวกฉันเลยสิ.............
ถ้าไปแจ้งกับคุณฟีน่าที่เป็นเจ้าของที่นี่ก็น่าจะเตรียมห้อง3คนให้พวกเราได้นี่นา?」
「ร เรื่องนั้น............มันก็จริงอยู่หรอก..........ต แต่ คือว่า...........มันเขินนี่นา?
แบบ............ต้องอยู่ด้วยกันกับคนที่ชอบตลอด............」
「เห?」

ซาเรียเอียงคอด้วยความประหลาดใจส่วนอัลก็หน้าแดงพึมพำด้วยความเขินอาย

「อีกอย่าง.........เกิดข้าได้อยู่กับเซอิจิตลอดล่ะก็...........ได้สำลักความสุขตายแน่............」


「คุยเรื่องรักฟรุ้งฟริ้งไปหมดเลยเฟ้ย!」

ผัวะะะะ!
ชั้นต่อยหน้าตัวเองเต็มแรง
ไม่ไหว เกือบลงไปชักดิ้นชักงออีกแล้ว
ก็นะ ก่อนจะลงไปชักดิ้นชักงอด้วยความเขินอายเลยต้องต่อยตัวเองให้เจ็บซะก่อน
ด้วยเหตุนี้หน้าเลยปวดแบบสุดๆ แต่ก็สมกับเป็นสเตตัสสัตว์ประหลาดจริงๆ
ถึงพลังโจมตีจะสัตว์ประหลาดแต่พลังป้องกันก็สัตว์ประหลาดเช่นกัน
เลยทำได้แค่เจ็บแต่เลือดไม่ออกแถมฟันไม่หักด้วย ฟังดูเจ๋งจังเนอะ!
ยังไงก็ตามแต่ตอนนี้ขอพูดสั้นๆเลยคือเรื่องรักๆนี่ขอทีเถอะ
เฮ้อ..............ภูมิคุ้มกันผู้หญิงของชั้นที่ต่ำเตี้ยลงหลังจากเข้ามัธยมปลายที่โลกเดิม
ทำให้เกร็งในเรื่องหลายๆอย่างกับซาเรียและอัลที่เป็นสาวสวย
ตอนม.ต้นยังดีมีรุ่นพี่คันนะซึกิกับมิอุที่เป็นน้องสาวของโชวตะที่สนิทกันไม่น้อย
แต่พอเข้าม.ปลายชั้นก็ถอยห่างออกมา ตอนนี้เลยต้องมาลำบากแบบนี้
ก็แหม ชั้นถูกรังแกอยู่นี่นา?
ถึงพยายามให้ร่างกายตอนอยู่บ้านดูดีแค่ไหนแต่พอไปโรงเรียนตัวก็ต้องสกปรกอยู่ดี?
ก็ถูกเตะเหมือนกับขยะแถมถูกพูดจารังเกียจต่างๆนาๆนี่นา
ทั้งที่ชั้นไม่ได้ทำอะไรยังถูกปฏิบัติด้วยราวกับของสกปรก.............ไร้เหตุผลสิ้นดี
ในเมื่อถูกทำให้สกปรกอยู่แล้วเวลาไปโรงเรียนเลยไม่ใส่ใจจะเข้าอาบน้ำซักเท่าไร
เพราะงั้นเลยได้รับการรังเกียจจากพวกผู้หญิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ควรพูดว่าไม่ใช่จะไม่มีภูมิคุ้มกันผู้หญิงแต่เป็นอาการหวาดกลัวผู้หญิงเล็กๆต่างหาก
แต่ช่วงเวลาที่อยู่กับซาเรียใน『ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด』ทำให้ความรู้สึกนั้นหายไป
บางทีคงเป็นเพราะได้อยู่ด้วยกันในร่างกอลิล่าไม่ใช่จู่ๆมาเจอกับสาวสวย
ทำให้ความรู้สึกของชั้นเยียวยาขึ้นมาทีละน้อย
ระหว่างที่คิดถึงซาเรียที่เป็นแรงจูงใจให้ก้าวข้ามผ่านอดีตและปัญหาของตัวเอง
ในที่สุดชั้นก็ไปถึงที่นั่งจนได้

「โทษทีที่ให้คอยนะ」
「อื้อ!ไม่เป็นไรหรอก~!」

ซาเรียยิ้มหน้าบานตอบกลับมา
พอมองดูซาเรียที่เป็นแบบนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายพลางนั่งไปบนที่นั่ง

「งั้นก็สั่งข้าวเลยดีกว่า」

พอพูดอย่างนั้นแล้วชั้นก็เรียกคุณไลค์สามีของคุณฟีน่าที่เป็นคนทำอาหาร

「โทษทีที่ให้คอย  ฮะฮ่า เซอิจิคุงดอกไม้เต็มสองมือเลยนะ」
「ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน」

เอาจริงๆชั้นก็รู้สึกว่าไม่คู่ควรหรอก
ถึงจะคิดดูถูกตัวเองนิดหน่อยอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
พวกเราแต่ละคนสั่งอาหารกัน
สักพักอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ

「วันนี้เป็นขนมปัง『แยมรูรูโนะเบอรี่』กับสลัดพร้อม『ซุปปลาเบเบะ』
ซุปอาจจะร้อนนิดหน่อยระวังด้วยล่ะ」

คุณไลค์อธิบายมาแล้วกลับเข้าครัวไป
ว่าแต่ว่า.............รูรูโนะเบอรี่มันอะไรหว่า? แล้วยังปลาเบเบะอีก? ไม่ไหว อันไหนก็ไม่รู้จัก
ทว่าถึงวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารบ่อยครั้งชั้นจะไม่รู้จักแต่ลองมาจากโรงแรมนี้ไม่ว่าอันไหนก็อร่อยอยู่แล้ว
ชั้นเลยไม่ห่วงสักนิด
อีกอย่างตามที่กัลซุสบอกมาช่วงที่ชั้นใช้ชีวิตอยู่ในป่าพวกผู้กล้าอย่างพวกโชวตะ
ได้เริ่มการปฏิวัติวงการอาหารไปค่อนข้างมากทำให้อาหารอร่อยไม่ต่างจากโลกเดิมเท่าไรนัก
ระหว่างที่คิดเรื่องนั้นอยู่ก็ถามพวกซาเรียขึ้นมาโดยบังเอิญ

「จะว่าไป วันนี้ทุกคนจะทำอะไรกันเหรอ?」

จากนั้นอัลที่มีท่าทางไม่สบายใจก็ตอบมาเป็นคนแรก

「นั่นสินะ...........ข้าอยากเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อยเลยจะรับคำร้องสายปราบปราม」
「งั้นเหรอ จะว่าไปตั้งแต่กลับจากดันเจี้ยนก็เหนื่อยกับอะไรหลายๆอย่างนี่นา」
「ก็อย่างที่ว่านั่นแหละนอกจากนั้น คือ.............เมื่อตอนนั้นที่ช่วยไว้............ขอบใจนะ」

อัลตอบมาอย่างอายๆชั้นก็ส่ายหัว

「ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ก็อยากช่วยเลยช่วยแค่นั้นเอง」
「งั้นเหรอ」

อัลที่ฟังคำพูดของชั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วทานอาหารต่อ

「ของฉันวันนี้ก็จะไปบ้านเด็กกำพร้าล่ะ!」
「เห เมื่อวานมีอะไรรึเปล่า?」

หลังจากฟังกำหนดการของอัลซาเรียก็พูดออกมา

「อืมม..........ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกพอดีสัญญากับพวกเด็กๆว่าจะไปทำขนมให้น่ะ!」
「อย่างนี้นี่เอง」

แม้แต่ตอนนี้ยังแปลกใจอยู่เลยว่าซาเรียอยู่กลางป่าแบบนั้นทำอาหารอร่อยได้ไง
แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนั้นสักหน่อย
ว่าแต่ซาเรียทำอาหารเก่งแบบนี้พวกเด็กๆต้องดีใจแน่

「ส่วนชั้นวันนี้คิดจะไปซื้อม้าน่ะ」
「คุณม้า?」

ซาเรียเอียงคอกับคำถามของชั้น ส่วนอัลถามมาด้วยความสนใจ

「เห เซอิจิเองก็จะซื้อม้าเหรอ ว่าแต่ทำไมล่ะ?」
「แบบว่ากัลซุสแนะนำมา ถ้าจะเป็นนักผจญภัยล่ะก็ดูเหมือนเป็นสิ่งจำเป็น แบบนี้? 」
「ก็นะ ไอเท็มบ็อกเองก็ไม่ใช่ว่าเก็บอะไรได้หมด เพราะงั้นเวลาขนของที่ใส่ไอเท็มบ็อกไม่ได้
หรือตอนทำงานคุ้มกันทั้งหลายแหล่ ม้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักผจญภัย」
「โฮะโฮ่」

แต่ก็นะ ยังไงสำหรับชั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ม้าอยู่ดี
ก็ชั้นวิ่งเองเร็วกว่าเห็นๆแถมแรงชั้นเองก็เยอะกว่าเหลือเฟือ
แต่ตามที่เล่ามาถ้าจะเป็นนักผจญภัยควรมีม้าไว้ก่อนดีกว่า
ถึงตั้งใจจะไม่รับคำร้องขอสายคุ้มกันหรือสายปราบปรามแต่ยังไงก็ใช้กลบเกลื่อนปิดบังได้
........แล้วถึงตั้งใจจะหากินด้วยคำร้องสายเก็บของแต่ความลับเรื่องพลังก็รั่วไหลเพราะอัลไปแล้ว
กัลซุสเองก็คงรู้อะไรหลายๆอย่าง
ระหว่างที่คิดอะไรหลายๆอย่างพวกเราที่ทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไปตามที่ของแต่ละคน
อัลกลับห้องอีกรอบไปเตรียมอาวุธ ซาเรียจะตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้าเลย
เพราะงั้นชั้นกับซาเรียเลยจะไปด้วยกันสองคนจนถึงกลางทาง

◆◇◆

「วันนี้ทุกคนก็ร่าเริงเหมือนเดิมเลยเนอะ!」

ซาเรียพูดไปพลางมองชาวเมืองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
กลับกันชาวเมืองที่ถูกมองก็ยิ้มอย่างพึงพอใจให้กับซาเรีย

「นั่นสิ ถ้าได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่มีเรื่องใหญ่โตเหมือนอย่างวันนี้ก็ดี」

ชั้นพูดไปพลางยิ้มไปด้วยตามซาเรียที่ยิ้มแย้ม
แต่ในเวลานั้นไม่คิดเลยสักนิดว่าคำพูดของชั้นจะกลายเป็นการตั้งธงไปซะได้
นั่นเพราะ------------

「นี่ พี่ชายพาแฟนสาวสุดน่ารักมาซะด้วยนะ」
「นี่น้องสาวทิ้งเจ้าคนน่าสงสัยนี่แล้วไปสนุกกับพวกเรามั้ย?」
「เดี๋ยวเลี้ยงชาให้เอง~?」

---------ถูกดึงเข้าไปในสถานการณ์อย่างที่เห็นนี่แหละ!
ว่าแต่ วิธีชวนแบบนี้............  วีธีจีบสาวพรรณนี้ที่โลกเดิมก็ไม่ใช่แล้วเฟ้ย.........
คิดอย่างนั้นไปพลางชั้นหันสายตาไปหาทั้งสามคนที่มาทำกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ตรงหน้า
ไม่รู้หรอกนะว่าที่โลกนี้มีเทคนิคย้อมสีผมรึเปล่าแต่เส้นผมจากที่ดูนี่เน่าเต็มทนแถมเจาะหูด้วย
ดูมุมไหนก็ไม่เข้ากับหน้าตาซะจนไม่อยากจะพูดถึง
บางทีเจ้าพวกนี้คงเป็นพวกนักผจญภัยจากเมืองอื่นที่พวกลุงๆพูดถึง
แล้วเลยเถิดกลายเป็นอวดความแอบจิตไปซะงั้น
ว่ายังไงดีล่ะ แค่เห็นก็รู้เลยว่าบรรยากาศมันต่างจากคนเมืองนี้

「.........ใครเหรอ?」

ทันใดนั้นซาเรียที่เป็นคนถูกจีบก็ทำท่าใช้ความคิดซักพักแล้วถามออกมา
ด้วยความไร้เดียงสาเลยถามมาสามคนตรงหน้าเป็นใครตามความคิด

「เน่ เซอิจิ คนพวกนี้รู้จักกันเหรอ?」
「เปล่า ไม่รู้จักเลย」
「หืม แล้วมีธุระอะไรกับฉันเหรอ?」

พอซาเรียเอียงคอพลางถาม ชายที่ดูเป็นหัวหน้าของทั้งสามคนก็ยิ้มหื่นๆออกมา

「ใช่ใช่ พอดีอยากให้น้องสาวตามพวกพี่ไปซักนื๊ดดดดน่ะ」
「ไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก」
「อ้ะ แต่นายน่ะไม่ต้องมา」

ไล่ส่งชั้นเรียบๆเลยนะ
ถ้าเป็นชั้นที่โลกเดิมคงจะกลัวขาสั่นไปแล้ว
แต่ยังไงดีล่ะ.........ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน
อย่างที่คิดเพราะได้สู้ระดับสัตว์ประหลาดอย่างClever monkey เซนอสหรือแม้แต่เทพมังกรดำล่ะมั้ง?
แล้วสเตตัสของชั้นก็เป็นสัตว์ประหลาดไปในตัวด้วยนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไม่กลัว
ยังไงก็ตามแต่จากที่ชั้นดูเจ้าสามคนนี้ไม่มีองค์ประกอบอะไรให้น่ากลัวเลยสักนิด
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่ซาเรียก็ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจอะไรได้บางอย่าง

「อ๋อ!อย่างนี้นี่เอง!」

ที่จริงไม่รู้เหมือนกันว่ารู้เรื่องจีบหญิงรึเปล่าแต่เท่าที่ดูซาเรียก็มีความรู้ที่ว่าเหมือนกันแฮะ
ก็ดูสิทำท่าเหมือนเข้าใจอะไรด้วย...........คิดว่าน่าจะรู้ตัวแล้วว่าถูกจีบอยู่
ทันใดนั้นซาเรียก็หันกลับมาทางชั้น

「เซอิจิ ไม่ต้องห่วง ตรงนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง!」
「หา? ซาเรีย นั่นหมายความว่า-----------」

กำลังจะเรียกซาเรียแต่ซาเรียก็หันกลับไปพูดคุยกับทั้งสามคน

「ได้สิ ตามไปก็ได้!แล้วจะไปไหนเหรอ?」

ซาเรียถามอย่างใสซื่อทั้งสามคนก็ยิ่งยิ้มหื่นเข้าไปอีก

「เหะเหะ คุยกันได้เร็วแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย」
「รีบไปที่ซอยตรงนั้นกันเลยดีกว่า มีร้านดีๆอยู่ด้วยนา」
「ช่ายๆ ไปกันเลยเนอะ?」

เพราะไม่รู้ว่าทำไมซาเรียถึงตามทั้งสามคนไปชั้นเลยรีบเข้าไปห้าม

「น นี่!ซาเรีย เธอ...........」
「ไม่ต้องห่วง!ฉันไม่เป็นไรหรอก!」

ก็ไม่น่าจะเป็นไรหรอก
ก็คุณซาเรียครับ คุณน่ะLvตั้งเกิน700ไปแล้ว!
อย่างเจ้าสามคนนั้นจะดิ้นรนยังไงก็ตายในพริบตาแหง!
ขณะที่คิดอย่างนั้นซาเรียกับทั้งสามคนก็หายเข้าไปในซอยด้านหลัง
ชั้นที่เป็นห่วงเลยไล่ตามหลังไปทันที
เป็นห่วงใครงั้นเหรอ?
มันแน่อยู่แล้ว ก็ต้อง------------

「「「จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!」」」

----------สามคนนั้นไงล่ะ!
ชั้นรีบไปที่ซอยด้านหลังทันที
แต่ทันทีที่ใกล้ถึงซอยด้านหลังทั้งสามคนที่ชั้นเป็นห่วงก็หน้าซีดวิ่งหนีไปในชั่วพริบตา
ทำอะไรไปหว่า!?
พอมาถึงเลยแอบมองไปในซอยด้านหลังเงียบๆ
และแล้วที่ตรงนั้นก็เป็น...........

「อ้ะ เซอิจิ เรียบร้อยแล้ว」
「ว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาก!กอเรียออกมาแล้ววววววววววววว!」

..............ซาเรียในร่างกอลิล่า---------หรือเรียกสั้นๆว่ากอเรีย ----------ในชุดวันพีช
ขนาดชั้นที่ว่าไม่ใส่ใจแล้วแต่พอได้เห็นร่างกอเรียที่ไม่เห็นซะนานยังเผลอหลุดตะโกนออกมา
ก็แบบ แปลงร่างมาอยู่ในชุดวันพีชนี่ขอทีเถอะ!
เสื้อวันพีชมันยืดจนกล้ามอกจะทะลักออกมาแล้ว!
ดีนะที่เป็นเสื้อที่ได้มาจากแกะไม่งั้นได้ขาดกระเด็นไปแล้ว!
พอชั้นหลุดตะโกนออกไปซาเรียก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

「บู่............ตะโกนออกมา โหดร้ายจัง」
「อ้ะ.............ท โทษที」
「ถ้างั้น มาจู๋จี๋ กับฉันสิ?」
「อย่าพูดที่มันเป็นไปไม่ได้สิ!」

ต่อให้ฝืนทนยังไงก็ไปจู๋จี๋กับกอลิล่าในชุดวันพีชไม่ไหวหรอก!
ขณะที่พูดคุยอย่างนั้นก็ถามเรื่องที่นึกขึ้นได้

「ว่าแต่ คิดยังไงถึงได้ตามสามคนนั้นไปล่ะ?」
「เอ๋? ก็ ที่เรียกฉัน เพราะอยากเห็นฉันแปลงร่าง ไม่ใช่เหรอ?」
「คิดว่าไม่ใช่นะ!?」

เดิมทีเรื่องที่ซาเรียแปลงร่างได้ไม่มีใครรู้นอกจากชั้นอยู่แล้ว
สรุปคือซาเรียไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสามคนนั้นจีบอยู่
.............น่าสงสารจังฟ่ะ

「ว่าแต่ซาเรีย กลับร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว」
「ทำไมล่ะ?」
「ก็แบบ ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้า-----------」
「โอ๊ะ? เซอิจิคุงไม่ใช่เหรอนั่น!มาฟิตกล้ามกันมั้ย?」

โดนเห็นเข้าจนได้..........ชิ!
พอหันไปข้างหลังพลางเหงื่อไหลก็เจอกัลซุสยืนตั้งท่าโชว์กล้ามอยู่

「ก กัลซุส..........」
「บังเอิญจังนะ!ฉันพึ่งวิ่งออกกำลังประจำวันเสร็จพอดี!
ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อเท่านั้น แรงกายก็เป็นสิ่งสำคัญ!เธอเองก็มาลองดูสิ!」

เออ ก็ถูกอยู่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ...........!
แต่อย่ามาเจอในสภาพแบบนี้ได้มั้ย.............
ทว่าเรื่องคิดอยู่กัลซุสไม่มีทางรู้ได้อยู่แล้วเลยหันสายตาไปหาซาเรียที่อยู่ด้านหลังชั้น

「โอ๊ะ? ที่ข้างหลังของเซอิจิคุง----------」

พอเห็นซาเรียสีหน้าของกัลซุสก็เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัด
เอ่อ แบบนี้.........จะอธิบายยังไงดี......
ทว่า ชั้นเข้าใจผิดไปถนัด
เดิมทีกัลซุสไม่ได้คิดตามรูปแบบของมนุษย์อย่างชั้นอยู่แล้ว
สรุปคือ คิดว่าจะพูดอะไรซะอีกกลายเป็น-----------

「พ แพ้แล้ววววววววววววววว!」
「......................หา?」

กัลซุสคร่ำครวญแล้วทรุดลงไปตรงนั้นทันที

「กล้ามอกที่แทบทะลัก.............กล้ามเนื้อหลังที่ปูดโปนออกมา.......ต้นแขนล่ำปานภูเขา..........
ไม่ว่าส่วนไหนก็เหนือกว่าฉันไปหมด.............!」
「...............」
「เมืองนี้........ไม่สิ ฉันที่ภาคภูมิใจว่ามีกล้ามเป็นอันดับหนึ่งของทวีปนี้ มาเจอกับตัวตรงๆ..........」
「..........」
「อึก! จะมาท้อตรงนี้ไม่ได้............เซอิจิคุง!โทษทีนะฉันต้องรีบไปตีเหล็กตั้งแต่ยังร้อน!
เพราะงั้นไปก่อนล่ะ!」

พอตะโกนอย่างนั้นกัลซุสก็ทิ้งท้ายด้วยการมองซาเรีย

「ฮิ...........ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นใครแต่ที่ทำให้รู้ว่าฉันเป็นเพียงกบในกะลา ต้องขอขอบคุณ
...........ลาก่อน!」

พูดจบกัลซุสก็ย่อเข่ากระโดดกระต่ายจากพวกเราไป..................

「...............ซาเรีย กลับเป็นมนุษย์ได้แล้ว」
「อือ」

สำหรับเมืองนี้ถ้าพวกจับหญิงยังยอมรับได้กะแค่กอลิล่าก็คงไม่สนใจกันหรอกเนอะ

◆◇◆

「เป็นงี้ได้ไงฟะ...........!」
「จะไปรู้เรอะ!」
「นั่นดิ!ใครจะไปรู้ฟะว่ายัยนั่นแปลงเป็นกอลิล่าได้!? ..............แถมใส่ชุดวันพีชอีก!?」
「「「ใครไปใส่ให้ฟะ!」」」

คนทั้งสามที่ไปจีบซาเรียหนีมาปรับลมหายใจที่ลานเมืองพลางพูดคุยกัน

「เฮ้อ--...........โธ่เว้ย!ตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังจีบไม่ได้ซักคน.............」
「ตกลงเมืองนี้มันยังไงของมันฟะ?」

แล้วตอนที่พูดจาตัดพ้อนั่นเอง

「พวกนาย ไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่หว่า?」

มีเสียงเรียกมาที่สามคนนั้น
ทั้งสามคนต่างหันไปทางเสียงก็เจอชายสามคนท่าทางนักเลงคล้ายกับพวกตัวเองยืนอยู่

「.........พวกคุณเป็นใครเหรอ?」

หนึ่งในนั้นถามอย่างระวัง
จากนั้นชายท่าทางนักเลงคนหนึ่งก็อ้าปากบอก

「เปล่า ไม่ได้มีอะไรหรอกน่า............แค่ไม่เคยเห็นหน้าเลยคิดว่าเป็นพวกหน้าใหม่น่ะ」
「อ๋อ? ..........ก็นะ พึ่งมาที่เมืองนี้เมื่อวานเอง」

ทั้งสามคนต่างไม่เข้าใจถึงเจตนาของชายท่าทางนักเลงเลยได้แต่เอียงคอ
ทว่ากลับกันพวกชายท่าทางนักเลงมองด้วยสีหน้าอย่างกับเจอเหยื่อ

「งั้นเหรองั้นเหรอ...........พวกคุณสนใจไปทำเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีมั้ย?」

------------เวลานั้นเองโชคชะตาของทั้งสามคนก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
ชายสามคนที่ตาเป็นประกายกับคำพูดของชายท่าทางนักเลงต่างพยักหน้ากันอย่างไม่ลังเล
แล้วผลก็คือ---------------

「「「อ๊าง---------------------!」」」

---------เสียงร้องของชายสามคนดังก้องไปทั่วเมือง


◆◇◆

ณ ห้องพระราชาอาณาจักรไคเซอร์
ที่นั่นมีราชาของอาณาจักรไกเซอร์ เชลุส โอล ไคเซอร์กับชายแก่ในเสื้อคลุม เฮริโอ โรบาน
กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องผู้กล้ากันอยู่

「ฝ่าบาท นี่เป็นรายงานอย่างนึงของเหล่าผู้กล้าขอรับ...........」
「หือ? มีอะไรงั้นเหรอ?」
「ที่จริงในหมู่พวกผู้กล้ามีเสียงเรียกร้องมาเป็นจำนวนมากว่าอยากได้ประสบการณ์ต่อสู้จริงน่ะขอรับ」
「ทำไมล่ะ? ที่ให้อยู่กับซาเคียก็เพื่อจะได้เก็บประสบการณ์ต่อสู้จริงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?」
「บางทีเจ้าซาเคียคงไม่เอามอนเตอร์มาให้ผู้กล้าต่อสู้เลยกระมังขอรับ」
「..............ว่าไงนะ?」

คำพูดของเฮริโอทำให้สีหน้าของเชลุสบิดเบี้ยว

「ลูกน้องของกระหม่อมได้ไปตรวจสอบดูแล้ว แม้แต่ขณะนี้การฝึกของซาเคีย
ก็ยึดเอาการฝึกให้ชินกับอาวุธเป็นหลักโดยในส่วนของการฝึกต่อสู้ยังไม่ดำเนินการเลยสักอย่างเดียว」
「มันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่.............!」

รายงานของเฮริโอทำให้เชลุสโกรธขึ้นมา

「คงรู้สินะ? เพื่อการทำลายล้างเผ่าปีศาจน่ารำคาญนั่นแล้วชิงเอาทรัพยากรของแดนปีศาจมา
จอมมารเป็นตัวเกะกะ!แรกเริ่มเลยพวกเผ่าปีศาจตั้งแต่สมัยก่อนก็เป็นแค่ปศุสัตว์ของมนุษย์..........
การมาสร้างประเทศเช่นเดียวกับพวกเราเหล่ามนุษย์จึงเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้!」
「ถูกต้องแล้วขอรับ」
「ทั้งอย่างนั้นแล้ว..........ยังไม่ให้ฝึกต่อสู้อีก?
มันเคยคิดบ้างมั้ยว่าถ้าจอมมารฟื้นคืนมาสมบูรณ์จะทำให้เกิดความเสียหายแค่ไหน!」

เชลุสตวาดพลางทุบโต๊ะกับความคิดนั้น
แต่เฮริโอก็ตอบกลับไปอย่างไร้อารมส์ไม่โดยไม่สงบใจเชลุส

「ฝ่าบาท หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเหล่าผู้กล้าก็จะไม่ใส่ใจเรื่องภัยคุกคามของเผ่าปีศาจ
การสกัดกั้นวัตถุดิบไม่ให้ไปยังประเทศอื่นก็จะทำไม่ได้ด้วย」
「ถ้าอย่างนั้นแล้วจะอัญเชิญมาเพื่ออะไรล่ะ!」
「แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฝ่าบาท」
「...........อะไรนะ?」

ณ จุดนั้นเฮริโอก็เริ่มยิ้มออกมา

「อย่างที่กราบทูลไปตอนแรก เหล่าผู้กล้าอยากได้ประสบการณ์ต่อสู้จริง
ซึ่งเรื่องนั้นเองกระหม่อมมีเรื่องอยากเสนอ」
「อื้ม」
「สำหรับเรื่องนั้น...........คิดว่าจะให้พวกเขาไปเข้าโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลน่ะขอรับ」
「ว่าไงนะ!?」

คำพูดของเฮริโอทำเอาเชลุสเปิดตากว้าง

「ทำไมต้องส่งไปเรียนที่แห่งนั้นด้วย!ที่นั่นน่ะเป็นโรงเรียนเวทมนตร์
ที่รวมพวกประเทศต่างๆเอาไว้นะ!?  ถึงสมมติว่าจะส่งเหล่าผู้กล้าไปโรงเรียน การส่งไปโรงเรียน
ต่ำชั้นพรรณนั้นแทนที่จะของประเทศเราเองมันประโยชน์อะไรกัน!」
「แม้เรื่องนั้นยากจะทำใจยอมรับ แต่ในครั้งนี้การที่มีประเทศอื่นมารวมกันนั้น
............มีจุดที่ใช้ประโยชน์ได้อยู่ขอรับ」
「..........หมายความว่ายังไงกัน?」

เมื่อเชลุสให้ความสนใจกับคำพูดของเฮริโอจึงกล่าวต่อไป

「เหล่าผู้กล้านั้นแม้จะไม่ได้รับการฝึกอบรมการต่อสู้ประชิดแบบจริงจังเลยสักอย่างเดียว
แต่การฝึกเวทมนตร์นั้นกระหม่อมได้ฝึกให้จนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้จากธาตุดั้งเดิมที่ผู้กล้าแต่ละคนมีบัดนี้ทุกคนใช้ได้ถึง3ธาตุแล้ว
และยังสามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึงระดับกลางอีกด้วยขอรับ」
「โห?」
「โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลนั้นก็ตามชื่อเลยคือเป็นโรงเรียนที่ยึดด้านเวทมนตร์เป็นหลัก
และผู้กล้าก็อย่างที่ได้กราบเรียนไปหากเป็นเวทระดับกลางก็ใช้กันได้แน่นอน
ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ไม่น้อยหน้าเหล่าผู้มีพรสวรรค์และขุนนางของประเทศอื่นเป็นแน่」
「อื้ม」
「เพราะงั้นหากเหล่าผู้กล้าเข้าไปเรียนล่ะก็เหล่าผู้กล้าจะต้องได้ครองระดับหัวแถว
ของโรงเรียนแห่งนั้นกันหมดเป็นแน่แท้ สรุปคือยิ่งโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลรวมไว้ซึ่ง
มนุษย์จากหลายประเทศ ก็ยิ่งทำให้พลังของผู้กล้ารู้จักกันอย่างกว้างขวางไปหลายประเทศนั่นเอง」
「เป็นอย่างนั้นเองเหรอ」

เฮริโอนั้นเพื่อแสดงพลังของผู้กล้าให้ประเทศอื่นเห็นจึงฝืนบอกให้ไปเข้าโรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดล
ยิ่งนักเรียนหลายสัญชาติมารวมกันก็ยิ่งทำให้ข้อมูลของผู้กล้าแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆได้มาก

「อีกทั้งยังมีผลประโยชน์อีกอย่างด้วยขอรับ」
「มันอะไรล่ะ?」
「โรงเรียนเวทมนตร์บาบาโดลมีคาบเรียนที่ให้ฝึกต่อสู้จริงด้วย จึงเป็นการตอบสนองต่อ
ข้อเรียกร้องของเหล่าผู้กล้า เมื่อพวกเราสนองข้อเรียกร้องของเหล่าผู้กล้าก็จะกลายเป็นบุญคุณ
ทำให้ควบคุมเหล่าผู้กล้าได้ง่ายยิ่งขึ้น」
「จะไปได้สวยอย่างนั้นเหรอ?」
「ไม่ต้องห่วงขอรับ ยังไงเหล่าผู้กล้าผู้ใหญ่ก็ยังอยู่ในคุกกัน.............
ส่วนผู้กล้าที่ได้รับการฝึกนั้นถึงจะเรียกว่าผู้กล้าแต่ก็เป็นแค่เด็กอยู่ดี
แล้วสำหรับเรื่องนี้ก็จะให้เพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกอย่างนึงด้วย」
「เงื่อนไขนั้นคือ?」
「ให้ใส่『กำไลสวามิภักดิ์』ขอรับ」
「โอ้!」

『กำไลสวามิภักดิ์』นั้นเดิมทีเป็นเครื่องมือต้องห้ามที่ใช้กับพวกปีศาจ
โดยเฮริโอกับเชลุสคิดว่าพวกผู้กล้าจากต่างโลกนั้นไม่น่าจะรู้เรื่องนี้

「ทว่ากำไลสวามิภักดิ์สามารถใส่คำสั่งได้เพียงสองอย่าง ตรงจุดนั้นเราจะใส่คำสั่งว่า
เมื่อจอมมารฟื้นกลับมาให้รีบไปปราบให้เร็วที่สุด
กับเมื่อมีเผ่าปีศาจบุกมาประเทศของเราให้รีบมารับมือทันที
ซึ่งหากทำเช่นนี้ต่อให้ไปโรงเรียนเวทมนตร์ก็ไม่มีทางหนีไปได้แน่นอน
และต่อให้ต้องการถอดออกก็ต้องใช้พลังของพวกเราอยู่ดี」
「แต่ปัญหาคือจะยอมใส่กันโดยดีเหรอ.............」
「เรื่องนั้นจะโกหกประสิทธิภาพไปยังไงก็ได้ขอรับ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่รู้อยู่แล้ว」
「งั้นเหรอ..........งั้นก็เอาตามนั้นเลย!」

เชลุสเปลี่ยนเป็นอารมส์ดีแบบคนละเรื่องเลยกับตอนแรก

「งั้นก็รีบไปจัดการเลยดีมั้ย เฮริโอฝากด้วยล่ะ?」
「รับทราบขอรับ」

ในห้องของราชา ได้มีแผนร้ายกำลังดำเนินไปโดยที่ผู้กล้าไม่รู้เรื่องเลย-----------

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate