ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 32 รวบรวมข้อมูล

cover.jpg



01.jpg






ตอนที่ 32 รวบรวมข้อมูล

「เฮ้อ..............」

ชั้น ฮิรากิ เซอิจิกำลังกินข้าวเช้าที่『ต้นไม้แห่งความสงบ』พลางกลุ้มใจไปด้วย
ส่วนสาเหตุของความกลุ้มใจนั้นคือ--------

「เว้ยย..........!」

-------คุณอัลโทเรีย
แม้แต่ตะกี้ตอนคุณอัลโทเรียออกจากห้องมาพอเห็นชั้นกับซาเรียปุ๊บ
ก็หันหน้าหนีซอยเท้ารีบออกจากโรงแรมไปเลย

「..........โดนหนีหน้าอย่างสมบูณ์แบบเลย.......」

ก็นะ อยู่ๆไปทำเรื่องเหมือนสารภาพรัก จะว่าช่วยไม่ได้มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ถ้ามองสิ่งที่ทำลงไปมากกว่าความสลับซับซ้อนแล้วล่ะก็ถือว่ากล้าพอดูเลยแฮะ
เมื่อวานก็อยากจะหาโอกาสแก้ไขความเข้าใจผิดแต่จนสุดท้ายก็ตามหาตัวไม่เจอ
แต่การถูกหนีหน้านี่มันรู้สึกแย่ในหลายๆความหมายจัง จะว่า เศร้าใจก็คงได้

「ทำยังไงดีน้า...............」

พอเผลอพูดออกไป ซาเรียที่กินข้าวเงียบๆอยู่ตรงหน้าก็ตอบกลับมา

「ไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่ใช่เพราะเกลียดเซอิจินี่นา」

ซาเรียที่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำให้หัวใจของชั้นรู้สึกสงบขึ้นมานิดหน่อย

「ขอบใจนะ ว่าแต่ทำไมถึงบอกเรื่องนั้นได้ล่ะ?」
「อือออ...........สัญชาติญาณมั้ง?」
「สัญชาติญาณ!?」
019.jpg

ไม่ใช่เซ้นต์ของผู้หญิงเหรอ!? ไม่สิ เป็นกอลิล่างั้นแบบนี้น่าจะเหมาะกว่า...........!
ขณะที่ประหลาดใจกับความรู้ใหม่ แมรี่สาวเรียกลูกค้าประจำโรงแรมก็มาหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

「เน่เน่ มีอะไรกันกับคุณอัลโทเรียเหรอ?」
「หือ?」
「ก็คุณอัลโทเรียหลบหน้าคุณเซอิจินี่นา..........เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ต้องรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรกัน?」
「เรื่องนั้น............」

เพราะความเฉียบคมของแมรี่เลยลังเลที่จะบอกออกไป
จากนั้นแมรี่ก็ยิงคำถามออกมาด้วยท่าทางสนุกสนาน

「แล้ว? มีอะไรกันเหรอ? อ้ะ คงเป็นเรื่องระหว่างหญิงชายใช่ม้า?
คุณเซอิจินี่เนื้อหอมเกินคาดเลยน้า ขนาดมีแฟนสวยขนาดนี้อยู่ทั้งคน............
ถึงเพราะฮู้ดเลยไม่รู้หน้าจริงแต่น่าค้นหาดีจัง แล้วตกลงยังไงกันเอ่ย?」
「แบบว่า ถึงให้ชั้นพูดก็เถอะ.........」

แบบนี้มัน........ไอ้นั่นสินะ รสนิยมของสาวๆที่ชื่นชอบเรื่องรักๆใคร่ๆประมาณนั้น
ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาไปได้...........

「คือว่า ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก...........」
「เอ๋---? ดูไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลยน้า? แล้ว ว่าไง? มีอะไรกันล่ะ? หือ?  เอ้า พูดมาๆ?」
「อะไรของเธอเนี่ย!?」

แมรี่ถามมากซะจนตบมุขเข้าให้
สุดท้ายตอนที่คอยเลี่ยงคำถามของแมรี่ก็ได้คุณฟีน่าที่เป็นแม่ของแมรี่และเจ้าของโรงแรมนี้
โมโหใส่จนต้องฝืนใจกลับไปทำงาน

「เฮ้อ..........อ้ะ ว่าแต่ซาเรีย วันนี้จะทำอะไรเหรอ?」
「เอ๋?」
「ก็นั่นไงถึงการทดสอบสายปราบปรามจะถูกระงับไป แต่ก็เป็นสมาชิกกิลด์กันแล้วใช่มั้ยล่ะ?」

ชั้นกับซาเรียเมื่อวานนี้ได้รับกิลด์การ์ดอย่างเป็นทางการจากกัลซุส
และได้รับการอธิบายเกี่ยวกับกิลด์
เนื้อหาที่อธิบายถ้าสรุปรวมกันคร่าวๆก็เป็นเรื่องRankของนักผจญภัยกับคำร้องขอ
เรียงจากต่ำไปสูงก็มีF,E,D,C,B,A,S
ซึ่งทั้งชั้นและซาเรียเริ่มที่Rank Fที่เป็นระดับต่ำสุด
คำร้องขอที่สามารถรับได้ก็จะเป็นRankเดียวกับตัวเองหรือเหนือกว่าขั้นนึง
และสามารถรับทำคำร้องขอรวดเดียวได้เพียงรอบละ3อย่างเท่านั้น
วิธีที่ทำให้เลื่อนRankหากเป็นRankเดียวกับตัวเองก็10อย่าง Rankสูงกว่า1ขั้นก็5อย่าง
หากทำคำร้องขอตามจำนวนที่ว่าสำเร็จก็สามารถอัพRankได้
แล้วก็มีบอกด้วยว่าถึงจะลงทะเบียนกับกิลด์ก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องทำคำร้องขอ
เรื่องนั้นพอได้ฟังทำให้ชั้นรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
นั่นก็เพราะเป้าหมายของชั้นคือการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด
ไม่มีว่างพอจะไปคอยทำคำร้องขอหรอก
และครั้งนี้ชั้นก็ไม่ได้รับคำร้องขอเลยอยากจะไปรวบรวมข้อมูลสักหน่อย
สำหรับชั้นมีความคิดอย่างนั้น ซาเรียเลยทำท่าครุ่นคิดขึ้นมานิดหน่อย

「อืออออ...........วันนี้ฉันคงไปบ้านเด็กกำพร้ามั้ง」
「โอ้ จะรับทำคำร้องขอทันทีเลยเหรอ?」
「อื้อ ก็คุณแคร์บอกไว้ว่ามาได้เสมอ ถึงไม่มีคำร้องขอก็ไปให้อยู่ดีแหละ」
「งั้นเหรอ ถ้างั้นวันนี้ก็แยกกันไปนะ ระวังตัวด้วยล่ะ?」
「อื้อ!」

ชั้นที่พึงพอใจกับคำตอบของซาเรียก็รีบกินเข้าเช้าทันทีเพื่อจะได้เริ่มออกไปรวมรวบข้อมูล

◆◇◆

「เมืองนี้มีชีวิตชีวาอย่างที่คิดเลยแฮะ.............」

ชั้นที่แยกกับซาเรียพอออกจากโรงแรมก็แสดงความประทับใจแบบนั้นออกมา
มีทั้งภาพของคนขายของตามแผงลอยอย่างแข็งขัน พวกคุณป้าคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่มากมาย
ภาพที่ทุกคนยิ้มแย้มแบบนี้หาไม่ได้เลยจากโลกเดิมที่เอาแต่ยุ่งอยู่กับงานและการเรียน
แต่ประเทศที่ดีแบบนี้จะมีย่านสลัมอยู่มั้ยนะ?
ก็ไม่อยากจะคิดอย่างนั้นหรอกนะแต่หากมีแสงก็ต้องมีเงา
ชั้นที่ปัจจุปันยังไม่เจอสลัมนั้นคงพูดอย่างชัดเจนไม่ได้ว่ารู้ตื้นลึกหนาบางของประเทศนี้แล้ว

「เอาเถอะ อันนั้นวันนี้ถ้าทำได้ก็ไปตรวจสอบด้วยดีกว่า..........」

ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่ก็รู้สึกมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นกะทันหัน

「หือ? มีอะไรกันเหรอ?」

มันเป็นเสียงเอะอะที่แตกต่างจากความมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างเคยของผู้คนละแวกนี้
พอเงี่ยหูฟังดีๆก็ได้ยินเป็นเสียงร้องของผู้หญิง

「เฮ้เฮ้ เมืองดีๆแบบนี้ก็มีอันตรายกับเขาด้วยเหรอ」

คิดอย่างนั้นไปพลางหันสายตาไปยังทิศทางที่เกิดความวุ่นวาย

「หยุดนะเฟ้ยยยยยยยยยย!」
「อย่าปล่อยให้หนีไปได้!ตามไป!ตามมันป๊ายยยยยยยยยยยยย!」
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!จับฉันไม่ได้หรอกน่า!เสรีภาพจงเจริญ!」
「เสรีภาพยังไงก็ไปใส่เสื้อผ้าซร้าาาาาาาาาาาาาาาาาา!」

เป็นภาพตาลุงค่อนข้างอวบนิดหน่อยแถมเปลือยทั้งตัวกำลังถูก
เหล่าชายฉกรรจ์ที่ใส่เกราะแบบเดียวกับโครสไล่ตาม
ตาลุงชีเปลือยจะดูมุมไหนก็เป็นคนที่คุยเรื่องอันตรายกับตาลุงโลลิค่อนที่กิลด์ชัดๆ
ตาลุงชีเปลือยวิ่งอย่างปราดเปรียวผ่านย่านที่มีผู้คนมากมายด้วยสีหน้าเบิกบาน
เวลานั้นหากหันสายตาไปยังรอบข้างก็จะเห็นพวกผู้หญิงที่หันหน้าแดงๆหนี
ส่วนพวกผู้ชายก็จะยิ้มแบบแหยงๆกัน

「วันนี้ไม่มีทางยกโทษให้อีกต่อไปแล้ว!」
「ต้องจับแกยัดคุกให้ได้!」
「พูดอะไรอันตรายจัง  แต่ฉันจะหนีให้ดู!
ร่างกายและจิตใจที่ไร้พันธนาการนี้แม้จะเป็นที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น............!」
「จะไปไหนก็เรื่องของแกแต่ไปใส่เสื้อผ้าซร้าาาาา!」
「ขอปฏิเสธ!」
「ทำไมฟะ!?」
「เพราะจิตวิญญาณและความภาคภูมิของฉันมันกู่ร้องให้เปลือยไงล่ะ.............!」
「โคตรของความไม่อายปากเลยเฟ้ย!」

สนธนากันอย่างนั้นไปพลางตาลุงชีเปลือยกับพวกทหารสวมชุดเกราะก็วิ่งผ่านหน้าชั้นไป
....................

「ฟู่...............วันนี้ก็สงบสุขดีจัง.........」

พึมพำอย่างนั้นแล้วชั้นก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์ต่อ ให้ตบมุขเหรอ? ทำไปก็เปล่าประโยชน์น่า
ระหว่างทางก็ไม่ได้เกิดอีเว้นอะไรเป็นพิเศษจนมาถึงกิลด์ได้ตามปกติ
ชั้นก็ก้าวเข้าไปในกิลด์ทั้งอย่างนั้น
แล้วเรื่องที่คาดไม่ถึงก็คือวันนี้ไม่มีภาพของพวกโรคจิตให้สะดุดตา
คุณเอลิสเองก็ยืนอยู่ปกติที่ประชาสัมพันธ์
ทว่ามีแค่กัลซุสเท่านั้นที่บิดคอโพสท่าต่างๆอยู่ข้างประชาสัมพันธ์
ทำงานบ้างรึเปล่าฟะเจ้านี่
ขณะที่รู้สึกสงสัยกับความเป็นกิลด์มาสเตอร์ของกัลซุส
ชั้นก็เข้าไปคุยกับกัลซุสที่เป็นเจ้าของปัญหานั้น

「อรุณสวัสดิ์กัลซุส」
「หือ? โอ้ เซอิจิคุง!เมื่อวานเจออะไรมาเยอะไม่เหนื่อยเหรอ?」
「ช่างเถอะ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก」

สเตตัสสัตว์ประหลาดซะอย่าง

「งั้นเหรอ จะว่าไปไม่เห็นซาเรียคุงเลยนะ...........」
「ซาเรียไปบ้านเด็กกำพร้าที่สนิทกันตอนทดสอบ」
「อย่างนี้นี่เอง งั้นเซอิจิคุงมีธุระอะไรล่ะ?」

กัลซุสถามมาได้จังหวะพอดีชั้นเลยตัดสินใจถามว่ามีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่ออกไป

「ความจริงอยากได้ข้อมูลนิดหน่อยน่ะ ยิ่งกว่านั้นลองเป็นกิลด์มาสเตอร์อย่างกัลซุส
ก็คิดว่าน่าจะรู้อะไรหลายๆอย่าง」
「อื้ม ข้อมูลงั้นเหรอ.........」

กัลซุสทำหน้าครุ่นคิดกับคำพูดของชั้น
กะแล้วว่าข้อมูลมีทั้งแบบที่ได้มาง่ายๆกับข้อมูลที่ได้มายาก
ระหว่างที่คิดอย่างนั้นอยู่กัลซุสก็เงยหน้าแล้วพูดกับชั้น

「วีธีสร้างกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพมีตั้งแต่ระดับมือใหม่ไปจนมือโปร เอาแบบไหนดีล่ะ?」
「ไม่ได้ถามข้อมูลพรรณนั้นเฟ้ย!?」

อุตส่าห์เห็นว่าคิดจริงจังแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นเลยคิดว่าจะได้คุยกันเป็นงานเป็นการซะหน่อย!
แล้วระดับมือใหม่ที่ว่านี่มันมีด้วยเหรอไง!?
พอมองชั้นที่ตะลึงอยู่ไม่รู้ทำไมกัลซุสถึงได้ทำหน้าประหลาดใจออกมา

「หืม? แล้วข้อมูลที่ต้องการอย่างอื่นนอกจากนี้มีด้วยเหรอ?」
「มีสิเฟ้ย!? ของนายต่างหากล่ะที่มันประหลาด!?
อีกอย่างทำไมชั้นต้องอยากได้ของประหลาดอย่างนั้นด้วยฟะ!」

พอชั้นตบมุขกลับไปเต็มพิกัด คุณเอลิสที่ทำงานตรงประชาสัมพันธ์เรียบร้อยก็เข้ามาหา

「ใช่แล้วค่ะ ข้อมูลไร้สาระพรรณนั้นไม่มีใครต้องการหรอกเนอะ?
เรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ?  เป็นดารุมะกล้ามเนื้อก็แบบนี้แหละน้า..........」
「ร ไร้สาระงั้นเหรอ!?」

กัลซุสเหี่ยวลงไปด้วยคำพูดของคุณเอลิสแบบเห็นๆ
ว่าแต่ ดารุมะกล้ามเนื้อนี่เล่นเอาจุกไปเลยนะ..........
แต่ก็ค่อยยังชั่วหน่อยที่ยังมีคนมีสามัญสำนึกอย่างคุณเอลิส ตอนที่ฟาดแส้ก็ไม่เที่ยวทำกับใคร
นอกจากพวกโรคจิต พูดคุยปกติก็รู้เรื่อง เป็นคนมีสามัญสำนึกที่น้อยนักจะมีอยู่ในกิลด์นี้
ชั้นรู้สึกขอบคุณการปรากฏตัวของคุณเอลิสพลางปรับอารมส์ใหม่แล้วถามคุณเอลิส

「เอ่อ คุณเอลิสครับ ก็อย่างที่พูดกับกัลซุสไปคืออยากได้ข้อมูลนิดหน่อยน่ะครับ.......」
「อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วค่ะ」
「โอ้!」
「หลักสูตรSMมีตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมือโปร.........อยากได้แบบไหนคะ?」
「คุณก็ด้วยเหรอ!」

แม้จะนิดหน่อยแต่ชั้นที่คาดหวังไปนี่มันงี่เง่าสิ้นดี!
ว่าแต่คุณเอลิสที่รับการตบมุขไปทำไมถึงตัวสั่นล่ะ

「อ อะไรกัน...........หลักสูตรSMที่ดิฉันมั่นใจในความนิยมอันล้นหลาม.................」
「เป็นชั้นที่ผิดปกติเหรอ? นี่ ตกลงว่าชั้นผิดปกติใช่มั้ย?」

ชั้นเผลอพูดประโยคเดิมไป2ครั้งเลย แต่เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคุณเอลิสที่ประหลาดใจก็ผิดปกติพอกัน
ที่นี่จะไม่มีคนปกติเลยเหรอไง..............
แล้วกัลซุสก็พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกับชั้นที่ปวดหัวอยู่

「เอาเถอะ ล้อเล่นแค่นี้แล้วกัน」
「ก็ทำซะตั้งแต่แรกเซ่!」

อยากกระทืบใจจะขาดแต่ต้องทนไว้

「อยากได้ข้อมูลใช่มั้ย? แต่ว่าช่วงนี้ก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรผิดปกติหรอกนะ...........」
「งั้นช่วยบอกหน่อยสิว่าช่วงครึ่งปีมานี้มีเหตุการณ์ใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นบ้าง」
「ครึ่งปี? อ๋อ ถ้าแบบนั้นก็พอมีนะ...........」

เหตุผลที่ชั้นกำหนดเป็นครึ่งปี
ก็เพราะช่วงเวลาชั้นที่ชั้นอยู่ใน【ป่าแห่งรักอันน่าเศร้าไร้สิ้นสุด】มันประมาณครึ่งปีก่อนไงล่ะ
ถ้าเกิดในช่วงเวลานี้ทางฝั่งผู้กล้ามีความเคลื่อนไหวอะไรก็อยากรู้บ้าง
แล้วถ้าถามเรื่องผู้กล้าตรงๆอาจทำให้รู้สึกน่าสงสัย
เช่นว่าสนใจเรื่องนั้นทำไม หรือไม่ก็เรื่องผู้กล้าคนปกติไม่น่าจะรู้แล้วทำไมถึงรู้ได้อะไรแบบนี้
กัลซุสที่ไม่มีทางรู้ถึงความคิดในใจของชั้นก็ทำหน้าจริงจังนึกย้อนถึงเหตุการณ์ใหญ่ๆในช่วงครึ่งปี
จากนั้นก็บอกออกมา

「..........อืม อย่างที่คิดเรื่องที่ใหญที่สุดก็ต้องเรื่องที่อาณาจักรไคเซอร์อัญเชิญผู้กล้ามาล่ะนะ」
「นั่นสินะคะ」
「!」

อยู่ๆก็โป๊ะเชะเลยวุ้ย
แม้จะตกใจกับข้อมูลที่อยากรู้ดันโผล่ออกมาง่ายๆแต่ก็ยินดีรับไว้เต็มที่อยู่แล้ว

「อัญเชิญผู้กล้าเหรอ......」

เรื่องแบบนั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย? ชั้นแสร้งทำท่าทางแบบนั้นพลางพึมพำออกมา

「หือ? ไม่รู้เรื่องการอัญเชิญผู้กล้าเหรอ?」
「ก็นะ............」
「งั้นเหรอ คิดว่าเป็นเรื่องที่ดังพอดูเลยนะ...........
เอาเถอะ ถ้าไม่รู้จะบอกให้แล้วกัน อัญเชิญผู้กล้าที่ว่าคือ--------」
「อาณาจักรไคเซอร์อัญเชิญมนุษย์จากต่างโลกเพื่อให้มาปราปจอมมารที่กำลังจะคืนชีพ
...............เนื้อหาก็แบบนี้แหละค่ะ」
「......คำพูดของฉัน.........」

เอาเป็นว่าเมินกัลซุสที่โดนคุณเอลิสแย่งพูดจนสลดไป
แล้วมาฟังเรื่องจอมมารต่อดีกว่า

「แล้วจอมมารนี่มันอะไรเหรอ?」
「แหม? เรื่องนั้นก็ไม่รู้ด้วยเหรอคะ?」
「เอ่อคือ.........พอดีมาจากบ้านนอกน่ะครับ........」

ตอนที่ออกกิลด์การ์ดก็ไม่ได้เขียนบ้านเกิดใส่ไว้ จะโกหกยังไงก็ได้อยู่แล้ว
เจ็บปวดมโนธรรมจังแฮะ..........

「งั้นเหรอคะ ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
จอมมารหรือพูดให้ง่ายๆคือราชาที่ปกครองเผ่าปีศาจ............」
「ปกครองเผ่าปีศาจ...........」
「แต่ตัวตนนั้น ที่พวกดิฉันรู้ก็มาจากรายละเอียดที่มีในห้องสมุดเท่านั้นแหละค่ะ?」
「อย่างนี้นี่เอง」

ห้องสมุดเหรอ.......... แม้ตอนโลกเดิมชั้นจะไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับการอ่านหนังสือเท่าไร
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกสนใจอยากไปดูห้องสมุดของต่างโลกเหมือนกัน
ว่าแต่เผ่าปีศาจเหรอ ก็เคยบังเอิญไปเจอพวกเบลที่ป่าแถวๆเมืองนี่นา?
เห็นพวกนั้นบอกว่าเป็นกองทัพปีศาจซะด้วย
แม้ชั้นจะคิดเรื่องนั้นอยู่ก็บังเอิญนึกเรื่องหนึ่งออก

「เอ่อ ที่อาณาจักรไคเซอร์อัญเชิญผู้กล้ามานี่ก็เพื่อเตรียมรับมือกับจอมมารสินะครับ?」
「ก็แบบนั้นแหละค่ะ」
「งั้น ประเทศนี้หรือประเทศอื่นๆเตรียมการรับมืออะไรไว้รึยังครับ?」

ถ้าเกิดเป็นจอมมารเป็นพวกโฉดชั่วล่ะก็การใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบนี้ต่อไปจะดีเหรอ?
แต่ก็นะ สำหรับชั้นที่รู้อดีตของเทพมังกรดำแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าโฉดชั่วหรืออะไรหรอกนะ
สำหรับคำถามนั้นของชั้นกัลซุสที่ฟื้นตัวขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัวเป็นคนตอบให้

「ประเทศอื่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องที่พยายามทำการอัญเชิญผู้กล้ากันหรอก
แต่ที่แน่ๆประเทศนี้ไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้นเลย」
「อ้าว แล้วจะเป็นไรมั้ยเนี่ย?」
「ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก ประเทศนี้น่ะมีอัศวินที่สุดแกร่งอยู่ตั้ง2คน
ถึงคนนึงจะไม่ยอมออกห่างราชาเลยแต่อีกคนเป็นผู้พิทักษ์ระดับอัจฉริยะเลยล่ะ
แล้วต่อให้กองทัพของจอมมารโจมตีประเทศ...........หรือเมืองนี้ก็ไม่แพ้ง่ายๆหรอก」

อะไรฟะนั่น เจ๋งสุดยอดเลยนี่หว่า
อัศวินแข็งแกร่งขนาดนั้นมีอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย........
ตอนที่กำลังคิดอยากเห็นสักแว่บว่าเป็นอัศวินแบบไหนกัลซุสก็พูดต่อ

「อีกอย่างในบรรดานักผจญภัยRank Sก็มีเผ่าปีศาจด้วยนะ」
「มีด้วยเหรอ!?」

เผ่าปีศาจแถมRank S...........แบบว่าเท่ห์ชะมัด
คิดว่าจะมองเผ่าปีศาจชั่วร้ายกันหมดซะอีก ตกลงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอ?
เพราะเดาความคิดของชั้นได้กัลซุสเลยยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา

「ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจอมมารเป็นคนยังไงแต่ถ้าปฏิเสธบุคคลนั้นเพียงเพราะเป็นเผ่าปีศาจ
มันคงไม่ถูกต้องใช่มั้ยล่ะ?」

ชั้นมีอิมเมจจากความทรงจำของเทพมังกรดำว่ามนุษย์น่ะแย่ยิ่งกว่าปีศาจอีก
แต่กัลซุสกลับไม่ใส่ใจเลยว่าจะเป็นปีศาจหรือไม่
ตอนคุณอัลโทเรียก็คิดอยู่เหมือนกันว่ากิลด์นี้เนี่ยรวมกลุ่มพวกนิสัยแรงๆกันขนาดนี้
ต่อให้เป็นเผ่าปีศาจก็คงไม่สนใจหรอก
แม้จะไม่เห็นกัลซุสที่เป็นคนดูแลกิลด์นี้ทำงานอะไรเลยก็ตาม
แต่อาจจะมีคุณสมบัติในการเป็นกิลด์มาสเตอร์อยู่ก็ได้

「แถมราชาของประเทศนี้ก็เห็นด้วยกับการติดต่อกับเผ่าทั้งหลาย ซึ่งในนั้นก็มีเผ่าปีศาจอยู่ด้วย
แต่ก็นะ เรื่องติดต่อกับเผ่าปีศาจเพราะตอนนี้มีเรื่องการคืนชีพของจอมมารอยู่เลยทำให้เห็นชอบไม่ได้
เพราะงั้นเลยยังไม่ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกัน........แต่ประชาชนเองก็ไม่ได้รับความเสียหาย
จากเผ่าปีศาจโดยตรง พระราชาเลยมีทัศนคติที่ดีอยู่」
「..............」

คิดว่าทั่วไปมนุษย์จะรังเกียจสิ่งที่แตกต่างจากตนเองซะอีกแต่พอเห็นพวกที่อยู่ที่นี่แล้ว
ดูจะเป็นความคิดส่วนบุคคลที่มีหลากหลายซะมากกว่า ไม่น่าคิดมากไปเลย
ถึงจะโรคจิตแต่ก็เป็นคนดี เรื่องนี้ทั้งชั้นและซาเรียรวมถึงคุณอัลโทเรียต่างเข้าใจดีที่สุด
พอนึกถึงเรื่องที่ออกตามหาพวกเราแล้วก็รู้สึกปลื้มใจขึ้นมา กัลซุสก็บอกข้อมูลอื่นต่อ

「ที่เหลือก็นั่นสินะ.........พอพูดถึงเรื่องอัญเชิญผู้กล้าแล้วในช่วงครึ่งปีมานี่
วิทยาการหลายๆอย่างก็ก้าวหน้าขึ้นสุดๆเลยล่ะ」
「เอ๋ เพราะอะไรเหรอ?」
「เพราะได้วิทยาการจาก『โลก』ที่พวกผู้กล้าของอาณาจักรไคเซอร์อาศัยอยู่เผยแพร่มาน่ะ
ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า อาหาร สิ่งบันเทิง อาวุธ
เรียกว่าทำให้เกิดความก้าวหน้าในวิทยาการหลายๆอย่างเลยล่ะ」
「..............」

เฮ้ยคุณๆผู้กล้าครับ!เพลาๆบ้างเป็นมั้ย!........ถึงชั้นไม่มีสิทธิพูดก็เถอะ!

「แต่อาณาจักรไคเซอร์ที่ว่าก็น่าจะผูกขาดวิทยาการพวกนั้นไว้นะ」

ชั้นพูดออกไปตามที่คิด
ก็ประเทศที่อัญเชิญผู้กล้ามันออกแนวๆเห็นแก่ตัวกันนี่นา
ขณะที่คิดแนวๆนั้นอยู่กัลซุสก็ยิ้มแห้งๆแล้วตอบมา

「ฮะฮะ แน่อยู่แล้วที่อาณาจักรไคเซอร์พยายามจะผูกขาด
เพราะมันทำให้มีวิทยาการเหนือล้ำกว่าประเทศอื่นมาก
ผลประโยชน์อันใหญ่หลวงที่ประเทศหนึ่งได้ครอบครองไว้ไม่ว่าใครก็รู้ว่ามันจะเป็นยังไง」
「แล้วทำไมกันล่ะ?」
「ก็เพราะอาณาจักรนั้นต้านจิตวิญญาณของพ่อค้าไว้ไม่อยู่ไงล่ะ」

จ จิตวิญญาณของพ่อค้า? งั้นก็แปลว่า..........

「พ่อค้าเป็นคนเผยแพร่มางั้นเหรอ?」
「ก็นะ ถ้าดูที่ผลลัพธ์จะพูดอย่างนั้นได้」
「พ่อค้าทุกคนพยายามหาโอกาสขายของที่ทำกำไรได้อยู่แล้วล่ะค่ะ
วิทยาการใหม่ที่มีอยู่มากมายจะให้ขายแข่งกันแต่ในอาณาจักรไคเซอร์ไปก็เปล่าประโยชน์
สู้ไปต่างประเทศแล้วใช้วิทยาการนั้นขายเป็นสินค้าต้องได้กำไรกว่าแน่นอนไม่คิดอย่างนั้นเหรอคะ?」
「ก ก็จริงนะ..........」

แทนที่จะไปแข่งกับวิทยาการใหม่ที่มีเหมือนกัน
สู้เอาไปที่ๆวิทยาการใหม่ไปไม่ถึงแล้วฟันกำไรคนเดียวยังจะดีซะกว่า

「เพราะแบบนี้แหละวิทยาการที่ผู้กล้านำมาเลยแพร่กระจายไปหลายประเทศ
แต่ก็นะ พ่อค้าของอาณจักรไคเซอร์เองก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาวิทยาการมาเผยแพร่เช่นกัน.....」

อื้ม..........อาณาจักรไคเซอร์เนี่ยเป็นประเทศที่เน่าตามคาด
เอาเถอะ ถ้าคิดจากมุมมองที่ว่าเพื่อปกป้องประชาชนแล้ว
การที่อยากหลีกเลี่ยงการถูกลักลอบนำวิทยาการไปสู่ประเทศอื่นก็เป็นเรื่องธรรมดาแหละนะ
อีกทั้งรายละเอียดการเมืองภายในก็ยังไม่รู้ด้วย
ระหว่างที่แอบยอมรับเรื่องนั้นอยู่กัลซุสก็บังเอิญนึกอะไรขึ้นได้

「โอ๊ะ จริงสิ เซอิจิคุง」
「หือ?」
「เธอยังไม่มีม้าใช่มั้ย?」
「ม้า?」

ม้าที่ว่านี่........เป็นสัตว์ใช่มะ?
ก็ไม่คิดว่าเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงอย่างสิ่งของที่ชื่อม้าหรอก
แต่ว่าที่นี่เป็นต่างโลกอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้
และแล้วกัลซุสที่พอเดาออกว่าไม่มีม้าจากท่าทางของชั้น
ไม่รู้ทำไมอยู่ๆถึงได้เริ่มอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาให้

「ถึงจะเป็นนักผจญภัยRank Fแต่มีม้าเผื่อไว้ก็ดีนะ
อนาคตต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องให้ต้องเดินทางโดยใช้ม้าเยอะเลยล่ะ」
「หา?  ก็ชั้นยังไม่ต้องใช้ม้านี่นา............」

ยังไม่ได้คิดทำงานของกิลด์แบบจริงจังอะไรขนาดนั้นซะหน่อย.........
อีกอย่าง ถ้าเอาตามใจชั้นล่ะก็ไม่คิดจะรับคำร้องขอสายต่อสู้ด้วย
เพราะงั้นที่เลือกทำก็มีแต่ใกล้ๆอยู่แล้ว
ก่อนอื่นเลย ชั้นวิ่งเองยังเร็วกว่าม้าวิ่งด้วยซ้ำ ...........เอ๊ะ? ชักแปลกๆแฮะ

「อืม ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่เธอน่ะมีความสามารถอยู่พอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ
หากมีความสามารถก็อาจมีคำร้องขอให้คุ้มกันแบบเจาะจงตัวมาก็ได้นะ?」
「!?」

คำพูดของกัลซุสทำเอาชั้นเครียดขึ้นมาเลย
ท ทำไมถึงพูดว่าชั้นมีความสามารถได้ล่ะ? สเตตัสก็ว่าพรางเนียนแล้วนี่นา............
ไม่รู้ว่าเพราะกัลซุสมองทะลุความคิดของชั้นได้รึเปล่าเลยอธิบายเหตุผลให้

「คืออัลโทเรียคุงบอกมาน่ะ」
「หา? ล แล้วทำไมถึงบอกแบบนั้นล่ะ?」
「หืม? เห็นเล่าว่า...........『ที่ไม่รู้กันบางทีคงเพราะเซอิจิปิดบังไว้นั่นแหละ
ก็ขนาดสัตว์ประหลาดที่ข้าเอาชนะไม่ได้ เซอิจิยังปราบได้เลย
ไม่งั้นข้ากับพวกเซอิจิจะกลับมาอย่างปลอดภัยได้เหรอ』.........แบบนี้」
「............」
「เอาเถอะ เรื่องของเธอน่ะช่างเถอะ แต่ถึงยังไงผู้ที่มีความสามารถขนาดนั้นขุนนางคงไม่ปล่อยไว้
ต้องหาวิธีมาติดต่อว่าจ้างให้ทำคำร้องขอคุ้มกันโดยไม่ให้ตั้งตัวแน่
ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้แต่หากเธอเป็นผู้มีความสามารถจริงๆล่ะก็ซักวันก็ต้องความแตกอยู่ดี」
「..........ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันแหละ」

จนป่านนี้แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องนั้นหรอกแต่ก็อยากปิดบังไปอีกสักพัก
ทว่า กัลซุสก็ไม่ได้ใส่ใจเลยเรื่องที่ชั้นเก่งจริงรึเปล่าแล้วพูดต่อ

「ยังไงก็ตามแต่หากรับคำร้องขอคุ้มกันขึ้นมาก็ต้องเดินทางไกลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากโดนโจรบุกโจมตีก็อาจจำเป็นต้องหนีเช่นกัน
เพราะงั้นสำหรับนักผจญภัยแล้วม้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ」
「เห แต่ว่าตอนนี้ซื้อมาไปก็ไม่มีที่เลี้ยงอยู่ดี..........」
「อื้ม ว่าแต่ตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรม『ต้นไม้แห่งความสงบ』ที่เดียวกับอัลโทเรียคุงใช่มั้ย?」
「ก็ใช่」
「ที่นั่นถ้าจำไม่ผิดด้านหลังรู้สึกจะมีคอกม้าอยู่
ถึงจะเสียเงินอีกสักหน่อยแต่ถ้าจ่ายก็จะดูแลม้าให้ด้วย」

อะไรกัน มีด้วยเหรอเนี่ย
ถึงตอนนี้จะไม่รู้สึกว่าจำเป็นแต่ก็อย่างที่กัลซุสบอกนั่นแหละ ไม่รู้เมื่อไรจะเกิดเหตุที่ต้องใช้ม้า
แล้วถ้าคนรอบๆใช้ม้าแต่ชั้นดันวิ่งเองแถมไม่รู้จักเหนื่อยด้วยได้ถูกจัดเป็นสัตว์ประหลาดแน่

「งั้นไปซื้อม้าก็ได้」
「ช่างเถอะเรื่องนั้นไว้ตอนมีเงินไม่ดีกว่าเหรอ? ฉันตั้งใจแค่จะแนะนำเอง
ไม่ใช่ว่าให้ไปซื้อมาเลยสักหน่อย?」
「เปล่า เงินมีพออยู่แล้วไม่ต้องห่วง」
「งั้นเหรอ งั้นรอแป๊ปนะ」

กัลซุสพูดแล้วก็เข้าไปด้านในประชาสัมพันธ์ สักพักก็ถือกระดาษกลับมาแผ่นนึง

「นี่เป็นแผนที่ของร้านขายม้า ที่เหลือก็เป็นพวกร้านตีเหล็กหรือร้านอุปกรณ์ที่พวกนักผจญภัย
ต้องไปบ่อยๆแถมแผนที่ยังมีเขียนสถานที่สำคัญๆให้ด้วย แน่นอนว่าจากห้องสมุดนั่นแหละ 」
「โอ้ ขอบใจหลาย」

โทษทีนะที่คิดว่าไปทำงานซะบ้าง

「ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย?」
「อา สำหรับตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ถ้าเกิดมีอะไรอยากรู้ก็ฝากด้วยแล้วกันนะ」

พอชั้นพูดจบ ทั้งกัลซุสและคุณเอลิสต่างพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

「งั้นเหรอ!งั้นคราวหน้าอย่าลืมถามวิธีเพาะกายอย่างมีประสิทธิภาพฉบับมือใหม่ล่ะ!」
「คอร์สเรียนSMของดิฉันก็ยินดีต้อนรับเสมอนะคะ」
「เรื่องนั้นเกรงใจครับ」

สุดท้ายหลังจากพูดคุยโต้ตอบอย่างนั้นแล้วชั้นก็ออกจากกิลด์ไป
 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate