ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 26 เวทวาร์ป

ตอนที่ 26 เวทวาร์ป

「แหม~ ก็ทราบอยู่แล้วล่ะครับ!ว่าจริงอยู่ที่การแหกกฏข้ามไปเขตของมนุษย์เป็นความผิด
แต่พวกเราที่ทำงานได้สำเร็จก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันไม่ใช่เหรอครับ?
ถึงจะเป็นเรื่องที่พวกเราตัดสินใจทำกันเองไม่ใช่งานที่ถูกสั่งมา
แล้วแบบว่า ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาด้วย เพราะงั้นเรื่องคราวนี้คงไม่โดนลงโทษใช่มั้ยครับ?
ครับ โกหกครับ ขอประทานโทษด้วยครับ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง
สำนึกอย่างสุดซึ้งแล้วครับได้โปรดยกโทษให้ด้วย!」

ข้า-----เบล กิเซลหัวหน้าหน่วย『Victim』ภายใต้การนำของหัวหน้ากองทัพปีศาจที่3
กำลังคุกเข่าขอขมาอย่างเต็มที่
โดยตรงหน้าข้านั้นเป็นผู้หญิงที่มองลงมาทางพวกเราด้วยสายตาเย็นยะเยือก
มีเส้นผมสีม่วงเงายาวชวนหลงใหล ผิวขาวใส ดวงตาที่เหมือนamethyst
ทรวดทรงนั้นหากเป็นผู้ชายก็จะจมูกบานกัน หากเป็นผู้หญิงก็อดอิจฉาริษยาไม่ได้
ทั้งยังนั่งไกว่ห้างโดยใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยเป็นอย่างมาก ทำให้ดูอันตรายในหลายๆอย่าง
ผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจตรงหน้าพวกเรานั้นคือผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองทัพปีศาจที่3
ซึ่งมีพวกเรา『Victim』รวมอยู่ด้วย-----------ท่านเรย์ย่า ฟาร์ซ่า นั่นเอง
ท่านเป็นสาวสวยสุดยอดในเสื้อผ้าสุดหวิว
แต่ว่าแม้ท่านเรย์ย่าจะเซ็กซี่แค่ไหน พวกเราก็รู้ถึงความลับนั้นของท่านเรย์ย่า

「พล่ามเก่งจริงนะ............ลองเงียบหน่อยซิ」
「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หมายความว่าแอ๊ก--!」
「「คุณเบลลลลลลลลลลลลล!」」

ทันใดนั้นท่านเรย์ย่าก็ใช้แส้อากาศที่สร้างด้วย『เวทก๊าซ』ที่ใช้ได้แต่ท่านเรย์ย่า
เหวี่ยงชั้นปลิวไปอย่างแรง
และพวกพ้องที่วิ่งตามข้ามาทันทีคือเจ้าอ้วนเทอรี่กับเจ้าแห้งบอสโกที่มีครอบครัวเหมือนกับข้า

「ค คุณเบล!ท่าไม่ดีแล้วล่ะครับ!」
「ท่านเรย์ย่าอารมส์เสียอยู่..............!」
「หมายความว่า.........อ๋อ.........อีกแล้วสินะ.........!」

ชั้นแหงนหน้าขึ้นฟ้าโดยไม่รู้ตัวจากคำพูดของเทอรี่และบอสโก้
เพราะนึกเรื่องที่ทำให้ท่านเรย์ย่าอารมส์ไม่ดีออก
ระหว่างที่ทั้งสองคนช่วยพยุงตั้งตัวขึ้นก็กระซิบถามเบาๆ

「...........เป็นคนที่เท่าไรแล้วล่ะ?」
「ถ้านับไม่ผิดก็..........คนที่666นะ..........」
「..........ตัวเลขลางไม่ดีสุดๆ.............」
「หนำซ้ำจำนวนยังเยอะสุดๆด้วย...........」
「เป็นผู้กล้าได้เลยนะนั่น............ถึงพวกเราจะเป็นกองทัพปีศาจก็เถอะ.......」
「แบบนี้ก็...........」
「「「...........อย่าหัวเราะนะเฮ้ย..........」」」

ระหว่างที่ปล่อยพวกเรากระซิบกระซากกันอยู่ ท่านเรย์ย่าก็บ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

「มันอะไรกัน............!ฉันพลาดอะไรไปเหรอไง!?
ทั้งที่คราวนี้คิดว่าจะได้เจอคู่ฟ้าลิขิตแล้วเชียว..........!」

ความลับของท่านเรย์ย่านั้น..........ทำให้ท่านที่แม้จะมีเสน่ห์เหลือหลาย
แต่ก็ยังเป็นได้เพียงสาวน้อยบริสุทธิ์ที่แม้แต่จูบก็ยังไม่เคย
ก็ไม่ใช่ว่าจนถึงบัดนี้จะไม่มีแฟนหรอก ถึงขนาดที่ว่าคบไปแล้ว666คนด้วย
ถ้าให้พูดหนักขึ้นไปอีกคือทุกคนเป็นหนุ่มหล่อประจำเผ่าปีศาจด้วยซ้ำ
ท่านเรย์ย่านั้นงดงามหาใดเสมอเหมือนเพราะงั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ก็เพราะความลับอันเหลือรับของท่านเรย์ย่านั่นแหละ------

「สรุปคือพาไปที่ห้องอีกแล้วเหรอ?」
「คงงั้นแหละ..........」
「ทำไมต้องพาไปที่ห้องกันนะ? แม่คนนี้เนี่ย...........
ช่วยเข้าใจทีเหอะว่าถ้าพาไปที่ห้องล่ะก็หน้าไหนก็เผ่นทั้งนั้นแหละ...........」

เป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าแฟนของท่านเรย์ย่าหนี สาเหตุทุกอย่างล้วนมาจากการเจอห้องท่านเรย์ย่า
เพราะห้องของท่านเรย์ย่า มีแต่เครื่องมือทรมาณ อย่างม้าไม้สามเหลี่ยมที่เตรียมไว้งี้
หรืออย่างแท่งเหล็กมีเลือดติดที่ชวนสงสัยว่าเอาไปใช้ทำอะไรวางไว้เหมือนเป็นเรื่องปกติ
ลองโดนพาไปที่ห้องอย่างนั้นสิ ทนได้ให้มันรู้ไป?
และที่ยุ่งยากเหนือสิ่งอื่นใดคือวงจรความคิดแบบสาวน้อยที่ตัดกับรูปลักษณ์ภายนอกของท่านเรย์ย่า
ที่อยากอยู่ด้วยกับกับแฟนหนุ่มในห้องตัวเองภายใต้บรรยากาศดีๆ
.........ห้องที่มีเครื่องมือทรมานแบบนั้นเนี่ยนะ จะหาบรรยากาศแบบนั้นเหรอ
ลองถูกถามอะไรขึ้นมาจะทนเงียบไหวเหรอไง

「แย่แย่แย่แย่..........!เป็นอย่างนี้ต่อไป.............ได้โสดชั่วชีวิตแน่!?」
「ม ไม่เป็นไรหรอกครับ!ด้วยเสน่ห์ของท่านเรย์ย่าจะชายคนไหนก็ต้องหลงทั้งนั้นแหละครับ!」
「แล้วทำไมถึงอกหักได้ล่ะ!」
「ใจร่มๆก่อนเถอะครับ!」

ถ้าตอนนี้พูดความจริงไปล่ะก็พวกเราตายไม่ต้องฝังชัวร์

「ฟู่............ทำเรื่องไม่น่าดูไปซะได้............ แล้ว? เหตุผลที่พวกนายไปที่เขตของมนุษย์ล่ะ?」

พอท่านเรย์ย่าสงบได้สักพักก็สายตาอันเย็นชามาที่พวกเราอีกครั้งแล้วพูดขึ้น
แต่ว่านี่เป็นโอกาส ถ้าตอนนี้แจ้งแผนการของพวกเราไปดีๆได้ล่ะก็
ท่านเรย์ย่าต้องลดการลงโทษให้แน่............!

「ความจริงคือว่า............เหตุผลที่พวกเราไปเขตของมนุษย์
ก็เพี่อไปโปรย『เวทวาร์ป』ชนิดติดตั้งน่ะครับ」
「เวทวาร์ป..........?」

เวทวาร์ปที่ว่าคือเวทมนตร์เคลื่อนย้ายจากแห่งหนึ่งไปอีกแห่งที่เคยไปมาแล้ว
ยิ่งสถานที่แห่งนั้นห่างไกลมากเท่าไรก็ยิ่งกินพลังเวทมากขึ้นตาม
แม้ลักษณะจะเป็นตามที่ว่ามาแต่สำหรับเวทวาร์ปที่พวกเราใช้ในแผนการครั้งนี้
แตกต่างจากแบบที่เริ่มใช้งานตรงสถานที่นั้นทันที คือเป็นแบบที่ใส่พลังเวทที่จำเป็นเข้าไป
โดยเอาวงเวทวาร์ปไปติดตั้งไว้บนพื้นทำให้อยู่ไปได้เรื่อยๆหากไม่เริ่มทำการใช้งาน

「แล้วเอาของแบบนั้นไปติดตั้งนี่ตั้งใจจะทำอะไรล่ะ?」
「สำหรับเรื่องนั้น...........คือคิดว่าน่าจะช่วยตัดกำลังรบของฝ่ายมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อยน่ะครับ!」
「หืม............อย่างนี้นี่เอง............แล้ว? ตั้งให้มันวาร์ปไปที่ไหนล่ะ?」

ขนาดอธิบายรายละเอียดไม่เสร็จ ท่านเรย์ย่าก็ยังมองแผนการของพวกเราออกในพริบตา
คนๆนี้มีความสามารถจริงๆนั่นแหละ ถึงจะไม่มีแฟนก็เถอะ
ยังไงก็ตามแต่ เหตุผลที่พวกเราพยายามไปกระจายวงเวทวาร์ปนั้น
เป็นแผนการสังหารที่พวกเราไม่ต้องลงมือเองโดยบังคับวาร์ปพวกนักผจญภัยกับพ่อค้าที่ผ่านไปมา
ไปยังสถานที่ๆถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า
และสถานที่ๆถูกเลือกให้เป็นหลุมฝังศพของมนุษย์เหล่านั้นคือ-------

「ไปหากำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพปีศาจ หนึ่งในสองเทพมังกรผู้ยิ่งใหญ่
ท่าน『เทพมังกรดำ』หรือก็คือ【ดันเจี้ยนเทพมังกรดำ】ไงล่ะครับ!」
「ที่นั่นเองเหรอ..............」

ท่านเรย์ย่าเบิ่งตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของข้า
ท่านเทพมังกรดำนั้นด้วยพลังในตอนนี้นอกจากท่านจอมมารที่กำลังฟื้นคืนมาแล้ว
เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดากองทัพปีศาจ
ที่ทัดเทียมกับท่านเทพมังกรดำก็มีท่าน『เทพมังกรขาว』ที่จัดว่าแข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน
แต่ครั้งนี้เลือกจากดันเจี้ยนของท่านเทพมังกรดำซึ่งโหดกว่าอย่างเห็นได้ชัด

「อย่างที่รู้กันว่าท่านเทพมังกรดำปกติจะถูกผูกติดกับดันเจี้ยนไม่สามารถไปยังเขตของมนุษย์ได้
ซึ่งมีเพียงผู้เดียวที่ปลดปล่อยจากข้อผูกมัดนั้นได้คือท่านจอมมารที่พลังดั้งเดิมยังไม่ฟื้นคืนมา.........
แต่ถ้าส่งมนุษย์เข้าไปหาตรงๆแทนล่ะจะดีกว่ามั้ย? สรุปก็แบบนี้แหละครับ」
「ง่ายเหลือเชื่อเลยนะ」

แหม~............คิดไอเดียยอดเยี่ยมอย่างนี้ได้ ข้านี่อัจฉริยะจริงๆ!

「ช่างเถอะ เหตุผลส่วนใหญ่ก็เข้าใจแล้ว ต่อให้พวกนายเป็นกองกำลังที่เกะกะแถมไร้ประโยชน์ที่สุด
ของกองทัพปีศาจก็เถอะแต่ก็เป็นกำลังรบที่มีอยู่น้อยนิดของเผ่าปีศาจด้วยเช่นกัน?
ตรงจุดนี้เข้าใจมั้ย?」
「เอ๊ะ? งั้นหมายความว่าพวกเราจำเป็นสินะครับ?」
「..............」
「เงียบซะงั้นอ่ะ!?」

โหดร้ายชะมัด? แถมมีพูดว่าเกะกะแถมไร้ประโยชน์ด้วย?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดว่าเป็นกำลังรบที่สำคัญ? อยากให้ถอนคำพูดครึ่งแรกจังแฮะ!

「เฮ้อ..........เหนื่อยหน่ายกับความบ้าของพวกนายซะจริงน้า?」
「ท่านเรย์ย่าครับ ข้ากับเทอรี่ไม่ได้บ้านะ」
「ใช่ครับ มีแค่คุณเบลแหละที่บ้า」
「พวกแกนี่ใจร้ายชิบ!?」

ชั้นตกใจเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าบอสโกกับเทอรี่จะทรยศกันได้ ไอ้เจ้าพวกนี้ เดี๋ยวมีเอาคืนทีหลัง....!

「ยังไงก็ตามแต่ ที่พวกนายไปติดตั้งเวทวาร์ปนี่ก็เข้าใจแล้ว ว่าแต่ติดตั้งไปกี่อันล่ะ?」
「100อันครับ」
「น้อยจัง」
「เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเอ๋!? อะไรกันน่ะ..........」
「น นี่ก็ไม่น้อยนะครับ!?」
「อุตส่าห์ลำบากใส่พลังเวทเข้าไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ............」

ด้วยคำพูดเดียวอันไร้ความเมตตาของท่านเรย์ย่า ทำเอาพวกเราทรุดลงไปตรงนั้นเลย

「แล้วไปติดถึงประเทศไหนล่ะ?」
「เอ่อ.............เทลเวล เมืองหลวงของประเทศวินบุคครับ」
「เป็นข้าล่ะก็ระยะทางแค่นั้นให้ติดวงเวทวาร์ปไป【ดันเจี้ยนเทพมังกรดำ】
คงได้อย่างต่ำซัก1000อันไปแล้ว」
「「「ไหงงี้ล่ะ...............!」」」

นี่หรือ............นี่หรือคือความห่างชั้นทางสังคม!?

「ไม่ว่ายังไงคำพูดแบบนั้นมันก็โหดร้ายเกินไปนะครับ!
ตกลงพวกเรามีอะไรไม่ดีพองั้นเหรอ!?」
「ความสามารถไง」
「เวรกรรม!ชีวิตสุดรันทด............!」

เล่นพูดแทงใจดำแบบนี้เล่นเอาพวกเราพูดอะไรกลับไปไม่ออกเลย

「ถึงจะถูกพูดหลายๆอย่างแต่สรุปแล้วแผนการของพวกเราที่แจ้งไปใช้ได้มั้ยครับ?」
「นั่นสินะ ก็พอรับได้」

พวกเราโล่งอกกับคำพูดของท่านเรย์ย่า
ค่อยยังชั่วหน่อย..............ที่ได้รับการอภัยไม่ต้องถูกลงโทษ!
ขณะที่คิดแนวๆนั้นอยู่ท่านเรย์ย่าก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์แบบสุดๆขึ้นมากะทันหัน

「แต่ก็ฝ่าฝืนกฏระเบียบอย่างเห็นได้ชัดเช่นกันเพราะฉะนั้น..........ต้องลงโทษ♪」
「「「เหวออออออออออออออออออออ!?」」」

ไม่ไหวเหรอเนี่ย!อุตส่าห์ซักไซ้ไปตั้งขนาดนั้นคิดว่าจบแล้วแท้ๆ!อย่าทำให้หวังสิ!

「งั้น เริ่มเบาๆด้วยฟาดสัก500ทีเป็นไง?」
「ไม่เบาสักนิดเลยครับ!?」
「หุบปาก」
「ไร้เหตุผลที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดด แอ้ก!?」
「「คุณเบลลลลลลลลลลลลลล!แว้ก!?」」

หลังจากนั้นพวกเราก็ได้รับเมนูการลงโทษจากนรกแบบฟูลคอร์ส อร่อยอย่างแสนสาหัสดีแท้
พอรับการทรมาณเท่าที่ทำได้แล้ว ข้าที่ยังพอรอดมาได้เนี่ยเรียกว่าเป็นผู้กล้าได้เลย
และพึ่งมารู้ตัวอีกทีว่าลืมเรื่องสำคัญอย่างนึงไป
.................ลืมเล่าเรื่องของเซอิจิไปเลย

◆◇◆

「งั้น วันนี้ก็เริ่มการทดสอบสุดท้าย-------------สายปราบปรามเลยนะ」

ชั้น-------ฮิรากิ เซอิจิ ระหว่างที่เดินอยู่ในเมืองก็ได้รับแจ้งอย่างนั้นจากคุณอัลโทเรีย
การทดสอบสายเก็บของและเบ็ดเตร็ดจบลงด้วยดี ถ้าเครียร์การทดสอบสายปราบปรามในครั้งนี้ล่ะก็
ชั้นกับซาเรียก็จะได้เป็นนักผจญภัยอย่างเป็นทางการซะที

「แล้วปราบที่ว่านี่ให้ปราบตัวอะไรเหรอ?」

ซาเรียโยนคำถามอันใสซื่อนั้นให้คุณอัลโทเรีย

「ไม่ต้องคิดอะไรยุ่งยากขนาดนั้นหรอกน่า ที่ให้ปราบก็แค่สไลม์เท่านั้นแหละ
ปกติก็ไม่ใช่มอนเตอร์ที่ออกประตูไปก็เจอนะแต่พอดีครั้งนี้ข้าอยู่
เดี๋ยวเดียวก็จบแล้วล่ะ」

ตอนทดสอบเก็บของเองคุณอัลโทเรียก็พูดอะไรแบบนี้นี่นา...............หมายความว่าไงกัน?

「เอาล่ะ หัวข้อในการปราบสไลม์ก็ไม่ได้มีจำกัดอะไร จะเป็นสไลม์ทั่วๆไปก็ได้
หรือจะเป็นสไลม์พิเศษก็ดี ยังไงก็ตามแต่แค่จัดการมอนเตอร์สายสไลม์ได้10ตัวก็สอบผ่าน
เข้าใจนะ?」
「「ครับ/ค่า」」

ระหว่างที่เดินพลางตอบแบบนั้นไป คุณอัลโทเรียก็ถามเรื่องคาดไม่ถึงกับซาเรีย

「ก็รู้สึกตะหงิดๆอยู่นะแต่.............ซาเรีย เธอจะสู้ยังไง? เท่าที่ดูก็ไม่เห็นพกอาวุธมาด้วย
................จะว่าใช้เวทมนตร์ก็ไม่เห็นมีไม้เท้า」
「เอ๋?」

คำถามที่จู่ๆถามซาเรียมานี่.............เล่นเอาตะลึงไปวูบเลย
อ้ะ จริงสิ คุณอัลโทเรียไม่รู้นี่นาว่าซาเรียเป็นKaiser Kong
นอกจากนั้น ตอนลงทะเบียนในช่องอาวุธที่เขียนว่า『กำปั้นของตัวเอง』ก็คงคาดไม่ถึงเหมือนกัน
ทันใดนั้นซาเรียที่เหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่ถามก็ยิ้มใสซื่อแล้วยื่นกำปั้นออกไป

「นี่ไง!」
「..........」

คุณอัลโทเรียจ้องกำปั้นซาเรียโดยทิ้งช่วงเวลาพอสมควร
จากนั้นก็หันสายตามาทางชั้น

「นี่ เซอิจิ ตาข้ามันเห็นแต่กำปั้นนะ ตกลงติดอาวุธพิเศษอะไรอยู่รึเปล่า?」
「ไม่ครับ ก็กำปั้นนั่นแหละอาวุธ」
「นายจะยั่วโมโหใช่มั้ย?」
「อ้าว!? เปล่านะ เรื่องจริงครับ!」

005.jpg

จริงอยู่ที่ให้สาวงามอย่างซาเรียยื่นกำปั้นออกมาแล้วพูดว่า『นี่แหละคืออาวุธของฉัน』
แล้วไม่เชื่อนี่ก็เข้าใจอยู่หรอก!แต่..............ก็เป็นกอลิล่านี่นา!

「งั้นซาเรียคงเรียนศิลปการต่อสู้อะไรมาบ้างสินะ?」
「ไม่เลย」
「..........ขออัดทีเถอะ?」
「ทำไมอ่ะ!?」
「ทำไม? ตรงไหนล่ะฟะ!คนที่ไม่รู้ศิลปการต่อสู้ยังมายืดหมัดแล้วพูดอีกว่า
『นี่แหละคืออาวุธ』จะเชื่อไปได้ไงเล่า!?」
「คงเป็นเรื่องของความเคยชินมั้งครับ」
「ความเคยชินมันใช่ปัญหาที่ไหนกันนนนนนนนนนนนนน!」

ก็จริงอยู่ แต่ช่วยไม่ได้ก็มันเรื่องจริงนี่

「คุณอัลโทเรีย ถ้าสมมติว่าซาเรียไปเจออะไรเข้าเดี๋ยวผมจัดการให้เองครับ」

ก็นะ โดยพื้นฐานแล้วคงจัดการได้เองคนเดียวทุกอย่างแหละ เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็ซาเรียLvตั้งเกิน700ไปแล้วนี่นา

「ว่าไงนะ.........!...........เฮ้อ ช่างเถอะ ความถนัดในการต่อสู้ก็พอจะเข้าใจแล้ว..........
ครั้งนี้ข้าอยู่ด้วยคงไม่ต้องห่วงแต่ไปซื้อมีดสำหรับป้องกันตัวเผื่อไว้ดีกว่านะ」

ดูท่าคุณอัลโทเรียจะเข้าใจผิดว่าซาเรียไม่ตั้งใจจะเป็นนักผจญภัยที่ต่อสู้เป็นหลักซะแล้ว
เดิมทีถ้าแค่ระดับสไลม์ล่ะก็ต่อให้เป็นเด็กแค่กำปั้นก็จัดการได้แบบเหลือเฟือ
ถ้าLvไม่สูงมากอ่ะนะ
ระหว่างที่คุยกันแนวๆนี้ พวกเราก็ได้มาถึงประตูเมืองแล้ว
ที่ประตูนั้นการจะออกไปข้างนอกก็มีขั้นตอนเช่นเดียวกัน
ซึ่งขั้นตอนก็เหมือนกับที่ทำตอนออกไปเก็บของ
หลังจากที่คุณอัลโทเรียไปจัดการขั้นตอนกับคนเฝ้าประตูคนเดียว
ก็มีคนคุ้นหน้าพวกเราเข้ามาหา

「โอ้ เซอิจิไม่ใช่เหรอ!」
「หือ? อ้ะ โครส」
「อ้ะ!คุณโครส!ไม่เจอกันนานเลย!」

ที่เข้ามาหานั้นคือโครส คนที่ไปทำขั้นตอนด้วยตอนเข้าเมืองครั้งแรก

「สบายดีมั้ย?」
「ก็พอใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ไม่เจอกันนานขนาดนั้นนี่นา?」

ถึงตอนไปเก็บของจะไม่เจอแต่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันก็พึ่งผ่านไป3วันเอง

「ก็ใช่อยู่หรอก ว่าแต่? วันนี้มาทำอะไรล่ะ?」
「ไม่มีอะไร แค่มาทำการทดสอบสุดท้ายของกิลด์น่ะ นี่ก็มาทำขั้นตอนเพื่อไปปราบสไลม์อยู่」
「..........คงไม่ใช่ถูกเจ้าพวกนั้นทำให้เสียคนไปแล้วนะ..............」
「เสียมารยาท!อย่าเอาไปรวมกับคนบ้ากล้ามเนื้อ โฮโม SM โลลิค่อน
ชีเปลือยแล้วก็พวกผิดปกติทางจิตทั้งหลายนะเฟ้ย!」
「พาเหรดอาชญากรเลยนะเนี่ย」

เป็นคำพูดที่เหมาะดีนะ คนปกติที่ไม่มีเลยซักคนนี่ชวนให้รู้สึกเลยว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับกิลด์นี้แล้ว

「ก็นะ เรื่องนี้ก็พอเข้าใจอยู่แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะไม่ให้คิดได้ไง............」

อื้ม ดูท่าทางจำเป็นต้องรีบคิดหาทางรับมือกับกิลด์เป็นการด่วนแล้ว

「ทดสอบก่อนเข้ากิลด์นี่ใครเป็นคนทำหน้าที่คุมสอบนายกับคุณหนูซาเรียล่ะ?」
「ก็คุณอัลโทเรียไง~!โน่น คนสวยๆที่กำลังเดินเรื่องอยู่ตรงนั้นไง !」

พอโครสหันหน้าไปทางที่ซาเรียชี้นิ้วก็ทำหน้าตกใจแล้วหันมาทางชั้นอีกครั้ง

「ยัยนั่น.............อัลโทเรียไม่ใช่เหรอ ยัยนั่นเป็นผู้คุมสอบจริงเหรอ?」
「เอ๋ ? ก็จริงสิ.............」

พอชั้นตอบไปอย่างนั้นโครสก็ทำท่าคิดหนักไปเลย
จากนั้นก็ทำสีหน้าอ่อนโยนแล้วพูดกับพวกเรา

「ยัยนั่นมีอะไรนิดหน่อย........แต่ก็เป็นคนดีนะ
เพราะงั้นถึงจบการทดสอบแล้วก็ช่วยดูแลหน่อยแล้วกัน?」

ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมโครสถึงพูดแบบนั้นกับชั้นแต่ที่แน่นอนน่ะมีอยู่อย่างเดียว

「ก็ไม่เข้าใจที่พูดหรอกนะแต่............เรื่องที่คุณอัลโทเรียเป็นคนดีน่ะ
แค่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆนี่ก็รู้แล้วล่ะ」
「นั่นสิ!ก็คุณอัลโทเรียเป็นคนสำคัญของพวกฉันแล้วนี่นา?」

โครสที่ฟังชั้นกับซาเรียตอบอย่างนั้นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

「งั้นเหรอ งั้นก็ดี」

ระหว่างที่โครสตอบกลับมาสั้นๆ คุณอัลโทเรีบที่เดินเรื่องเสร็จก็กลับมาหา

「โทษทีที่ให้รอนะ............อ้าวโครสไม่ใช่เหรอ」

คุณอัลโทเรียที่สังเกตุเห็นโครสก็เปิดตากว้างนิดหน่อย

「โอ้ พอดีตะกี้กำลังคุยกับพวกเซอิจิน่ะ」
「หา? เป็นคนรู้จักกับนายเหรอ?」
「ก็นิดหน่อยน่ะ」

พอโครสตอบกลับไปอย่างนั้นก็ทำหน้ายินดีนิดหน่อยแล้วพูดกับคุณอัลโทเรียต่อ

「จะอะไรยังไงก็ตามแต่............อัลโทเรียได้เจอคนที่ดีแล้วนะ」
「หา?」

จู่ๆพูดมาแบบนั้นทำให้คุณอับโทเรียทำอะไรไม่ถูกไปเลย

「เปล่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกอย่าใส่ใจเลย............พวกนายเองก็จะทำการทดสอบสุดท้ายสินะ?
อย่าให้บาดเจ็บกลับมาล่ะ」
「อา」
「อื้ม!」
「ดี」

พอโครสพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วก็ออกจากตรงที่นั่นแล้วกลับไปทำงานต่อ

「อะไรของมันฟะ? หมอนี่............」

คุณอัลโทเรียที่ไม่เข้าใจคำพูดของโครสก็ทำท่าเอียงคอแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เลยออกจากประตูไปกันทั้งอย่างนั้น

◆◇◆

「เอาล่ะ.........งั้นก็เริ่มการปราบสไลม์กันได้ ...............พูดถึงก็มาพอดีเลยนะ」

พอออกจากห่างจากกำแพงประตูได้พอประมาณ ระหว่างที่คุณอัลโทเรียพูดอยู่
ก็มีสิ่งมีชีวิตกึ่งโปร่งใสตัวหนึ่งหรือก็คือสไลม์โผล่มา
จากที่ใช้สกิลตรวจสอบดูก็ได้ว่าLv3 เป็นLvที่เหมาะสำหรับมือใหม่พอดีเลย

「งั้นก็รีบๆจบเรื่องไปเลยดีกว่า แน่นอนตามที่ตั้งไว้คือคนละ10ตัวนะ? ใครจะเริ่มก่อนล่ะ?」
「ถ้างั้นก็ผมเอง」

บอกอย่างนั้นแล้วชั้นก็ไปเผชิญหน้ากับสไลม์
บอกตามตรงเจ้าสไลม์นี่ขืนใช้【เรเปียร์วังวนแห่งความเกลียดชัง(Black) 】หรือ
【เรเปียร์แห่งความรักอันล้นเหลือ(White)】ที่ระดับทำOver killนี่ไม่ดีแน่
ชั้นใช้มือเปล่าจัดการดีมั้ยหว่า? อ้ะแต่ก็มีบรรยายว่าใช้เวทมนตร์ได้นี่นา
งั้นใช้เวทมนตร์น่าจะดีกว่า............
ระหว่างที่คิดอะไรแบบนั้นอยู่ สไลม์เห็นชั้นเมินมันก็พุ่งเข้าใส่ทั้งอย่างนั้น

「เฮ้ยเซอิจิ!มันมาแล้วนะ!」
「อ้าวเฮ้ยยย!? เดี๋ยว!รอก่อนดิ!」
「มีคนให้สไลม์รอด้วยเหรอฟะ!」
「มีครับ!อย่างน้อยก็คนนี้แหละ!」

แม้ชั้นจะพยายามให้สไลม์รอแค่ไหนแต่สปีดของสไลม์ก็ไม่ลดลงเลย
ก็แน่อยู่แล้วล่ะนะ
อย่างนี้ต้องใช้เวทแล้ว!แต่ไม่ทำเรื่องโง่ๆอย่างปล่อยเวทใหญ่ตรงนี้หรอก
ก็กะจะปล่อยเวทอ่อนๆที่กินพลังน้อยอยู่แล้ว
ขณะที่จ้องสไลม์ที่เข้ามาหาอย่างช้าๆด้วยประสิทธิภาพของสกิล『ตาใจ』
ระหว่างที่กำลังจะปล่อยเวทนั่นเอง

「เอ๋?」

ภายใต้การเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าของสไลม์ชั้นได้เห็นชัดเจนเลย
นั่นคือพื้นที่อยู่ใต้สไลม์ส่องแสงขึ้นมากะทันหัน แม้ประสิทธิภาพของสกิลตาใจจะแสดงผลอยู่ก็ตาม
แต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น------------สไลม์หายไปแล้ว

「อ้าว?」
「เอ๊ะ?」

ทั้งคุณอัลโทเรียทั้งซาเรียต่างเอียงคอที่อยู่ดีๆสไลม์ก็หายไป

「ส สไลม์.........หายไป?」

หมายความว่าไงกัน? สไลม์พุ่งตรงเข้ามาหาชั้นไม่ผิดแน่ แล้วมันไปอยู่ที่ไหนกัน...............
ทุกคนทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์อันแปลกประหลาดตรงหน้า
ในระหว่างนั้นเอง คุณอัลโทเรียก็ปรับอารมส์ใหม่แล้วพูดกับพวกเราทันที

「เอาเถอะ หายไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ ไปหาตัวอื่นต่อ」

ก็จริงอยู่ที่ต่อให้ว่าสไลม์หายไปไหนก็เปล่าประโยชน์
เลยทำตามที่คุณอัลโทเรียว่ามา ไปหาสไลม์ตัวอื่น
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่สไลม์หายไป พวกเราที่หาสไลม์เจอก็เข้าไปสู้
แต่ไม่รู้ทำไมสไลม์ทั้งหมดล้วนหายไปในพริบตา
สไลม์ที่โดนผลกระทบจากการหายตัวลึกลับตั้งแต่ตัวแรกนั้นรวมกันได้กว่า99ตัวแล้ว

「มันเกิดอะไรขึ้นกัน?」

คุณอัลโทเรียเองก็ขมวดคิ้วกับเหตุการณ์นี้
ชั้นที่ทุกครั้งมองดูสไลม์หายไปก็ไม่เคยพลาดที่จะเห็นปรากฏการณ์ที่มีแสงบนพื้นอย่างกะทันหัน
คุณอัลโทเรียอาจจะรู้อะไรก็ได้ แจ้งไปไว้ก่อนดีกว่า

「คุณอัลโทเรีย」
「หือ? ว่าไง?」
「คือตั้งแต่สไลม์ตัวแรกที่หายไป ก่อนที่สไลม์ทั้งหมดจนถึงตอนนี้หายไป
ไม่รู้ทำไมพื้นถึงส่องแสงขึ้นมาน่ะครับ」
「พื้น.........ส่องแสงงั้นเหรอ?」

พอฟังที่ชั้นพูดแล้วคุณอัลโทเรียก็ใช้ความคิด

「พื้น.............หายไป ............หรือว่า...........」

ทันใดนั้น อยู่ๆคุณอัลโทเรียก็หันหน้ามาบอกกับพวกเรา

「เซอิจิ ซาเรีย ยกเลิกการทดสอบ」
「เอ๋?」
「ทำไมล่ะ?」
「ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะแต่มีเวทวาร์ปกระจายไปทั่วอยู่」
「เวทวาร์ป?」

พอฟังคำพูดของคุณอัลโทเรียชั้นก็เอียงคอ อะไรล่ะนั่น

「เวทวาร์ปคือเวทที่สามารถเคลื่อนย้ายจากแห่งหนึ่งไปอีกแห่งที่เคยบันทึกไว้ในชั่วพริบตา
ยิ่งกว่านั้นพอคิดจากปรากฏการณ์บนพื้นที่เซอิจิเห็นแสดงว่าเป็นประเภทติดตั้งด้วย」
「เอ่อ................ก็ค่อยไม่เข้าใจหรอกแต่ทำไมเวทวาร์ปนั่นถึงได้มากระจายอยู่แบบนี้ล่ะครับ?」
「เรื่องนั้นข้าจะไปรู้ได้ไงเล่า!ยังไงก็ตามแต่กลับกิลด์กันก่อนเถอะ ไม่รู้ว่าถูกโยนไว้ตรงไหนด้วย
ยังไงก็ต้องตรวจสอบไว้ก่อน ถ้าไม่ส่งไปที่อันตรายก็ดีไป.................」

แล้วตอนที่คุณอัลโทเรียแจ้งอย่างนั้นพลางก้าวออกไปหนึ่งก้าวนั่นเอง
ที่ใตัเท้าของคุณอัลโทเรียก็เกิดแสงเหมือนพวกสไลม์ที่หายไป

「อึก----------」
「คุณอัลโทเรีย!?」

คุณอัลโทเรียเกิดตกใจกับเหตุการณ์กะทันหันจนขยับตัวไม่ได้
ในขณะนั้นเองเมื่อชั้นรู้สึกตัวก็พุ่งมือไปหาคุณอัลโทเรีย
ไม่ใช่แค่ชั้นที่พุ่งมือไปหาคุณอัลโทเรีย ซาเรียเองก็ทำเช่นกัน
มือของชั้นกับซาเรียที่ยื่นไปพร้อมกันนั้น-----------ก็ได้ไปถึงคุณอัลโทเรีย
จากนั้นชั้นกับซาเรียรวมถึงคุณอัลโทเรียก็หายตัวไปจากที่นั่น

◆◇◆

「อือ............」

หลังจากที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงเจิดจ้าชั้นก็เปิดตาขึ้น ที่นั่นเป็นที่ว่างเปล่าแปลกๆที่ไม่เคยรู้จัก
คิดว่าจะเป็นพวกถ้ำมืดๆทึมๆซะอีกแต่กลับเป็นผนังทำจากอิฐที่บรรยากาศชวนให้รู้สึกว่าเป็นดันเจี้ยน

「ที่ไหนกันน่ะ?ที่นี่............」
「เรื่องนั้นจะรู้มั้ย」
「!」

อยู่ๆก็มีเสียงคุ้นเคยจากด้านหลังเลยหันกลับไป

「เซอิจิ!」

พอหันกลับไปก็เจอคุณอัลโทเรียกับซาเรียอยู่ตรงหนั้น

「ซาเรีย!คุณอัลโทเรีย!ปลอดภัยสินะ?」
「อา ก็นะ」

คุณอัลโทเรียตอบกลับคำถามของชั้นพลางมองไปรอบๆ

「ตกลงมันที่ไหนกันแน่นะ? ที่นี่...........」
「เป็นสถานที่ๆคุณอัลโทเรียเองก็ไม่รู้จักเหรอ?」
「อา ไม่รู้เลยซักนิด」

ชั้นเองก็พยายามหาข้อมูลที่ได้รับมาจนถึงตอนนี้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
ตกลงที่นี่มันที่ไหนหว่า?
ขณะที่คิดอย่างนั้นอยู่คุณอัลโทเรียก็ขมวดคิ้วแล้วพูดกับชั้น

「เฮ้ย เซอิจิ ทำไมถึงตามข้ามา?」
「เอ๋?」
「ซาเรียก็ด้วย ทำไมเอาตัวเองมายุ่งกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงแบบนี้?
ถ้าตอนนั้นไม่มาแตะต้องตัวข้าทั้งสองคนอาจจะกลับเมืองกันอย่างปลอดภัยก็ได้ไม่ใช่เหรอไง?」

คำพูดของคุณอัลโทเรียเหมือนโกรธอยู่ตรงไหนซักแห่งทำให้ชั้นกับซาเรียมองหน้ากันเอง

「ก็เคยบอกเซอิจิไปแล้วนะว่าสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นนักผจญภัยคือการรู้สึกถึงอันตราย......
ทั้งอย่างนั้นแล้วที่ตามมานี่หมายความว่ายังไง? ถ้าทำตัวไร้เหตุผลเกินไปล่ะก็ไม่จบง่ายๆแน่..........」

กับคุณอัลอัลโทเรียที่เต็มไปด้วยความโมโหชั้นก็ตอบกลับไปตามตรง

「เอ่อ...........พอรู้ตัวร่างกายมันก็ขยับไปเองน่ะครับ」
「.................หา?」

คำพูดของชั้นทำให้คุณอัลโทเรียส่งเสียงงงๆออกมา
ทันใดนั้นซาเรียเองก็ตอบกลับตามคำพูดของชั้น

「ฉันก็ด้วย แบบว่าต้องช่วยคุณอัลโทเรียแล้วอะไรแบบนี้!
พอคิดอย่างนั้นแล้วร่างกายก็ขยับไปเองเลย!」

ตามที่ซาเรียพูด ร่างกายของชั้นก็ขยับไปเองเหมือนกัน
ถึงจะเป็นความผิดพลาดที่ไม่ไตร่ตรองการกระทำให้ดี
แต่ความรู้สึกต้องช่วยคุณอัลโทเรียมันมีมากกว่านี่นา

「ก็รู้ว่าเป็นการทำไปโดยไม่คิดแต่ทั้งผมและซาเรียอยากจะช่วยคุณอัลโทเรียมากกว่า」
「...........」

คุณอัลโทเรียฟังคำพูดของพวกเราก็ก้มหน้าเงียบไปสักพัก

「............คนอย่างพวกนายก็พึ่งเคยเจอนี่แหละ............」
「เอ๋?」

ไม่ค่อยได้ยินแฮะแต่หลังจากที่คุณอัลโทเรียพึมพำอะไรบางอย่าง
ก็กลับมาเป็นคุณอัลโทเรียเหมือนอย่างเคยแล้วมองมาทางพวกเรา

「เอาเถอะ ไหนๆตามมาแล้วก็ช่วยไม่ได้
สำหรับสถานการณ์ที่ทุกคนถูกวาร์ปมาในที่ๆไม่รู้จักก็ต้อง.............เอ้ารับ」
「เอ๋?」

จู่ๆคุณอัลโทเรียก็โยนอะไรบางอย่างมาให้ชั้นกับซาเรีย
พอลองดูว่ามันเป็นอะไร ก็เป็นหินสีเงินนั่นเอง

「เจ้านี่คือไอเท็มชื่อ『หินชี้ทาง』เป็นไอเท็มจำเป็นสำหรับนักผจญภัยที่รวมกันเป็นปาตี้
เอาไว้ใช้ตอนที่สมาชิกปาตี้พลัดหลงกันน่ะ」
「ตอนที่หลง?」
「ใช่แล้ว  เจ้าของเดิมของหินนี่..........หรือก็คือมีพลังเวทของข้าที่ใส่ไว้
หากถือหินนี่ไว้ ตอนที่พลัดหลงกันหินนี่ก็จะชี้ทางมาที่ข้า ก็นะ ถึงจะเรียกว่าชี้ทางแต่
มันก็แค่บอกทิศที่ข้าอยู่เท่านั้นแหละ...........」

โห สุดยอด แค่มีเจ้านี่ต่อให้หลงกับคุณอัลโทเรียก็ยังรู้ทิศที่อยู่ของคุณอัลโทเรียได้

「ยังไงก็ตามแต่ถือไว้ให้ดีๆล่ะ ที่จริงก็อย่าหลงเลยจะดีกว่า?」
「「คร้าบ/ค่า」」
「จะไหวมั้ยเนี่ย............」

พอพูดคุยกันอย่างนั้นเสร็จ คุณอัลโทเรียก็รีบบอกให้ออกเดินทางกัน

「งั้นก่อนอื่นก็ลองไปทางนี้ดูแล้วกัน」
「ครับ」
「อื้ม!」

จากนั้นทันทีที่พวกเราก้าวไปได้หนึ่งก้าวจากที่นั่น
แกร๊ก
เสียงที่น่าหวาดหวั่นก็ดังขึ้นมา
ตรงที่เสียงออกมานั้นคือ---------ใต้เท้าของคุณอัลโทเรียนั่นเอง
คุณอัลโทเรียที่ตัวแข็งเหมือนรูปปั้นเหล็กสนิมเขรอะก็หันมาทางพวกเรา

「.........แย่ล่ะ เหยียบอะไรเข้าซะแล้ว..........!」
「「คุณอัลโทเรียยยยยยยยยยยย!」」

ทันทีที่ชั้นกับซาเรียตะโกนระหว่างพวกเรากับคุณอัลโทเรียก็มีกำแพงอิฐโผล่ขึ้นมา
หรือก็คือพวกเราถูกแยกกับคุณอัลโทเรียซะแล้ว
................

「อยู่ๆก็หลงกันเลยซะงั้นอ่ะ............!」

ทำไงดี!? โดนแยกกันวิธีนี้ก็ยังไม่เคยปรึกษากันซะด้วยสิ!

「จ จริงสิ!ยังมีไอเท็มที่ตะกี้คุณอัลโทเรียให้มาสำหรับเวลาแบบนี้นี่นา!」
「จริงด้วย!」

ชั้นกับซาเรียรีบหยิบ『หินชี้ทาง』ที่เอาให้ตะกี้ออกมา
ทันใดนั้นหินชี้ทางก็ลอยขึ้นแล้วค่อยๆเคลื่อนไปยังทิศทางหนึ่ง
จากนั้นก็ไปชนกับกำแพงที่แยกพวกเรากับคุณอัลโทเรียเมื่อตะกี้
..................

「เออ มันก็แน่อยู่แล้วนี่หว่า!」

ก็กำแพงตรงหน้านี่มันแยกพวกเราไว้เห็นๆ ที่ว่าคุณอัลโทเรียอยู่ฝั่งตรงข้ามก็รู้อยู่แล้ว!
แต่ที่ชั้นอยากรู้ตอนนี้ก็คือทำไงถึงจะไปหาคุณอัลโทเรียได้ต่างหาก!?

「เวรเอ๊ย...........!ทั้งที่ตะกี้คิดว่าสุดยอดแท้ๆแต่ถ้าเป็นดันเจี้ยนแบบนี้ก็ใช้ไม่ได้เลยนี่หว่า!」

ต่อให้ชี้ไปทางที่คุณอัลโทเรียอยู่แต่ถ้าไม่รู้วิธีไปหาก็เปล่าประโยชน์!?
เรื่องนี้คุณอัลโทเรียก็บอกไว้แล้วด้วย!
ขณะที่กำลังวุ่นกับข้อเสียอันคาดไม่ถึง ซาเรียก็ส่งเสียงเรียก

「เซอิจิหยุดอยู่ตรงนี้ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ
ตรงนั้นก็ทางอยู่อาจเป็นทางที่ไปรวมกับคุณอัลโทเรียก็ได้!
แถมยังโชคดีที่ทางนี้เองก็รู้ทิศทางของคุณอัลโทเรียด้วย」

คำพูดของซาเรียนั้นถูกต้องทั้งหมด
ต่อให้คร่ำครวญอยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไปรวมกลุ่มกันคุณอัลโทเรียไม่ได้อยู่ดี

「ดีล่ะ!ถึงเป็นที่ๆเหมือนถ้ำตอนเจอเซนอส............แต่ก็รีบไปรวมกลุ่มกับคุณอัลโทเรียกันเถอะ!」
「อื้ม!」

ตอนนี้ที่ตรงนี้ก็ไม่มีคุณอัลโทเรียอยู่ซะด้วยจะใช้พลังให้สะใจไปเลย
เพื่อที่จะรีบไปรวมกัน ชั้นกับซาเรียเลยวิ่งกันไปเต็มกำลังตามทางตรงหน้า

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate