ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 24 คุยนอกเรื่อง

ตอนที่ 24 คุยนอกเรื่อง

「ช่วยรอตรงนี้ด้วยครับ」

ชั้น--------ทาคามิยะ โชตะ กำลังไปที่แห่งหนึ่งด้วยกันกับนักเรียนทั้งหมด
พอเห็นว่าพวกนักเรียนสงบกันลงแล้วหลังจากถูกอัญเชิญมาโลกนี้.............
ก็ได้ไปคุยกับมนุษย์ที่อัญเชิญพวกเรามา
พวกที่อัญเชิญพวกเรามานั้นทุกคนใส่เสื้อคลุมที่เห็นได้ตามเกมส์หรือการ์ตูน
โดยแต่ละคนในมือถือไม้เท้าไว้ด้วยแค่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นจอมเวท
ตอนแรกก็ให้ตัวแทนแต่ละคนไปแนะนำตัวกันแต่หลังจากนั้นไม่รู้ทำไมคนใส่เสื้อคลุมที่เหลือ
ถึงพาพวกอาจารย์แยกออกไปที่อื่น
ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ที่นี่จึงมีแต่พวกนักเรียนเท่านั้น ตกลงพาไปที่ไหนกันนะ?

「แต่ว่านะ..............ให้มารออยู่ในที่แบบนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย?」
「คงให้พบกับพวกระดับบนๆของคนที่อัญเชิญพวกเรามานั่นแหละ」

ที่ตอบการพึมพำของเคนจิคือรุ่นพี่คันนะซึกิที่เยือกเย็นอยู่เสมอ
ก็คงจะจริงอย่างที่รุ่นพี่คันนะซึกิว่ามา
เพราะตรงหน้าที่ให้พวกเรารออยู่นั้นเป็นประตูไม้ที่บรรจงแกะสลักขนาดใหญ่
รู้สึกเลยว่าที่อยู่ข้างในต้องเป็นพวกใหญ่โต
ทางที่ผ่านมาจนถึงประตูตรงหน้าก็มีพวกไหหรือภาพวาดราคาแพงประดับอยู่
ถึงโลกนี้จะมีไฟฟ้าแต่ของที่ดูเหมือนโคมระย้าก็ไม่ใช้เทียนจุดไฟเหมือนทั่วๆไป
คิดว่าแสงไฟเองคงแก้ปัญหาโดยใช้เวทมนตร์อย่างที่รู้ๆกันนั่นแหละ
ระหว่างที่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่รุ่นที่คันนะซึกิก็พูดอย่างอย่างใจเย็นออกมา

「เรื่องของคนที่จะได้พบต่อจากนี้จะยังไงก็ช่างเถอะ
แต่ห่วงทางพวกอาจาย์มากกว่า..............」

จะช่างได้ยังไงล่ะคร้าบ................. แต่ก็สมกับเป็นลูกสาวของคันนะซึกิกรุ๊ปล่ะนะ
ที่พูดแบบนี้ได้คงเพราะได้พบพวกใหญ่โตจนคุ้นเคย เลยดูไม่มีทีท่าประหม่าอะไรเลยสักนิด

「ขอโทษที่ให้คอย ต่อจากนี้ไปพวกท่านผู้กล้าจะได้พบกับพระราชา
โปรดระวังอย่าให้เสียมารยาทด้วยนะครับ......................」

ชายคนนั้นพอแจ้งมาแล้วประตูตรงหน้าก็เปิดออก
บรรยากาศรอบๆเริ่มเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ทุกคนรวมถึงชั้นด้วยต่างเกิดอาการประหม่า
ที่จะไม่ประหม่าในที่นี้น่ะมีแต่พวกใหญ่โตอย่างรุ่นพี่คันนะซึกิเท่านั้นแหละ

「ถ้างั้นขอเชิญทางนี้.............」

พวกเราพอถูกผู้ชายคนนั้นเชิญก็ก้าวขาเข้าไปในห้องกัน
พอเข้าไปภาพที่เข้ามาสู่สายตาก็เป็นพระราชวังที่ตระการตาซึ่งเห็นได้แต่ในนิยาย
ด้านในสุดเป็นคนๆหนึ่งซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ดูหรูหราฟุ่มเฟือย
ทางซ้ายและขวาเป็นพวกที่ใส่ชุดดูเหมือนขุนนางในนิยายโดยมองพวกเราแบบเหยียดๆ

เจ้าพวกขุนนางที่ยืนเรียงกันซ้ายขวาจากเก้าอี้ที่พระราชานั่งเป็นพวกขุนางชั้นสูงหรือไงนะ?
อีกอย่างที่ข้างหลังพวกนั้นมีพวกคนใส่เกราะสีเงินเทอะทะเต็มยศเตรียมพร้อมอยู่ด้วย
พอมาเจอภาพที่บอกได้เลยว่าแปลกระดับที่ไม่มีทางได้พบเห็นที่โลกเก่า
นักเรียนหลายคนในนั่นต่างพากันอึ้งไปเลยยกเว้นรุ่นพี่คันนะซึกิ
แต่ว่านะนี่ยังไม่เว่อร์พอเหรอครับรุ่นพี่คันนะซึกิ ทำไมยังมองรอบๆแบบไม่รู้สึกอะไรเลยอยู่ได้เนี่ย
แต่เพราะว่านักเรียนส่วนใหญ่รวมถึงชั้นด้วยต่างพากันอึ้งจนพูดไม่ออก
เลยไม่ได้พูดเรื่องที่ว่ามากับรุ่นพี่คันนะซึกิ
ในสภาพแบบนั้นพวกเราก็ตามชายในเสื้อคลุมต่อไป
และแล้วก็มาถึงตรงหน้าคนที่ดูจะเป็นพระราชาจนได้

「เอาล่ะ ทุกท่าน ช่วยคุกเข่าแล้วก้มศรีษะลงด้วย  พระราชาอยู่ตรงหน้าแล้ว」

เพราะจู่ๆชายในเสื้อคลุมกล่าวมาแบบนั้น พวกเรามีทั้งพวกที่เอียงคอ
มีทั้งที่เคืองนิดๆ แสดงปฏิกิริยาต่างๆกันไป แล้วก็ชั้นเป็นอย่างหลังนะ
พวกที่เอียงคอนั้นคงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับคำพูดที่กล่าวออกมากะทันหันล่ะมั้ง
ว่าแต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...........
หลังจากอัญเชิญมาตามใจชอบแล้วยังมาให้ก้มหัวให้อีก.........จะแปลกไปหน่อยมั้ย?
ในใจก่นด่าอย่างนั้นพลางมองไปทางคนที่ถูกเรียกว่าพระราชา
ผมสีเทา ตาสีฟ้า ดูแว่บเดียวก็มองออกเลยว่าต่างกับพวกชั้นที่เป็นคนญี่ปุ่นแถมเป็นคนมีอายุด้วย
แค่สภาพที่ถูกอัญเชิญมาต่างโลกก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไรแล้ว
ยังมาถูกกวาดตามองด้วยสายตาดูถูกอีกยังไงก็ต้องไม่ชอบอยู่แล้ว
ระหว่างที่ตัวเองมีความรู้สึกอย่างนั้นขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายขวาของพระราชาก็ตวาดออกมา

「บอกแล้วไงว่าอยู่ตรงหน้าพระราชา!ก้มหัวลงไปซะ!」

พูดอะไรของมันฟะหมอนี่ พวกเราคือ『ผู้กล้า』ที่ถูกบังคับอัญเชิญมานะ
เข้าใจคำที่พูดมามั้ย?
นักเรียนที่รู้สึกคล้ายๆกันนอกจากชั้นต่างก็คิ้วกระตุกกับคำพูดของขุนนางชายคนนั้น
และแล้ว รุ่นพี่คันนะซึกิที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็เป็นตัวแทนนักเรียนทุกคน
มายืนตรงหน้าพระราชาแล้วพูดออกมา

「-----------ต้องขอประทานโทษเป็นอย่างยิ่งค่ะ พวกดิชั้นไม่รู้มารยาทของที่แห่งนี้
ช่วยกรุณายกโทษให้ด้วย」

อยู่ดีๆก็พูดแบบนั้นออกมาแต่รุ่นพี่คันนะซึกิก็ก้มหัวขอโทษแทนพวกที่รู้สึกไม่พอใจ
ทำให้พวกเราเบิ่งตากว้างขึ้นมา
หลังจากนั้นรุ่นพี่คันนะซึกิก็หันหลังมาทางพวกเราทันที

「.........ตอนนี้มีแต่ต้องเชื่อฟังพวกเขา พวกเราสำหรับโลกนี้แล้วเป็นคนที่ไม่มีทั้งพลังและทรัพย์สิน
อย่าทำพฤติกรรมที่เป็นการยั่วโมโหอีกฝ่ายให้อัตราการมีชีวิตรอดลดลงอย่างเปล่าประโยชน์จะดีกว่า
ก้มหัวลงไปเถอะ」

รุ่นพี่คันนะซึกิพูดเบาๆแบบนั้นแล้วคนที่ได้ยินทั้งที่ไม่ชอบใจก็ทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่คันนะซึกิ
สำหรับคนที่ไม่ได้ยินเสียงรุ่นพี่คันนะซึกิพอเห็นพวกเราก้มก็ก้มตามๆกันไป
............ตกลงยังไงกันแน่เนี่ย?
ก็ไม่คิดหรอกนะว่าทุกคนจะได้ยินที่พูดแต่พอเจอเรื่องไม่คาดคิด
ทุกคนก็ค่อยๆก้มหัวและสุดท้ายก็คุกเข่าลงไปกันหมด
ถึงจะอยู่ในสภาพนั้นแต่ชั้นก็ยังแอบสังเกตุพระราชาที่อยู่ตรงหน้า
และแล้วพระราชาที่กำลังจะพูดธรรมเนียมที่พวกเราสมควรทำก็พ่นลมหายใจแล้วยืนขึ้น

「เอาเถอะที่อัญเชิญมาในฐานะผู้กล้าก็จะให้มาช่วยประเทศของข้าล่ะนะ
ถึงจะเป็นเรื่องแน่นอนที่ต้องทำแต่ก็จะกล่าวขอบคุณให้หน่อยแล้วกัน
ที่ได้รับการการขอบคุณจากข้าเนี่ยจะซาบซึ้งจนร้องไห้ก็ได้นะ」

ไอ้ท่าทางที่พระราชาบอกพร้อมกับมองอย่างดูแคลนกันเนี่ยมันท่าทางของคนพูดขอบคุณตรงไหนฟะ
ก่อนอื่นเลยนะ ที่อัญเชิญมาโดยไม่ได้ขอเนี่ยมันพวกแกเองไม่ใช่เหรอไง
แล้วเดิมทีทำไมการที่พวกเราได้รับคำขอบคุณมันต้องซาบซึ้งด้วยฟะ

「ข้าเองก็ไม่ชอบพูดอะไรให้มากความ จะมอบคำสั่งให้พวกเจ้าเลยแล้วกัน
เนื้อหาคำสั่งที่ให้พวกเจ้ามีอยู่อย่างเดียว ทำการกำจัดจอมมารที่คุกคามโลกนี้ซะ แค่นี้แหละ
โชคดีที่จอมมารตอนนี้อยู่ในสภาพที่ไม่มีพลังใดๆ
กว่าจอมมารจะฟื้นคืนมาได้จริงๆอย่างน้อยก็น่าจะสัก4ปี
แต่ถึงกระนั้นเรื่องที่จอมมารจะหวนกลับมาก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ทำให้เหล่ามอนเตอร์และเผ่าปีศาจต่างพากันเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนี้จึงต้องเป็นหน้าที่ของพวกเจ้า」

พระราชาตรงหน้าพล่ามถึงข้อสันนิฐานและให้พวกเรารับคำสั่งมั่วซั่วโดยไม่ใส่ใจอะไรเลย
คำสั่งเลยนะ? จะพูดจาดูถูกกันไปถึงไหนฟะ? ตาแก่นี่..............
ยิ่งกว่านั้นที่ว่าจอมมารจะฟื้นขึ้นมาจริงๆในอีก4ปี.............
ทั้งที่มีเวลาตั้งขนาดนั้นทำไมต้องรีบอัญเชิญพวกเรามาปราบจอมมารด้วย
ไม่คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองหน่อยเหรอไง
ขณะที่กำลังโกรธเดือดๆปุดจนแทบจะระเบิดนั่นเอง
ก็เหลือบไปเห็นสภาพของรุ่นพี่คันนะซึกิที่คุกเข่าเหมือนกันพวกเราตรงหน้า
รุ่นพี่คันนะซึกิจ้อมมองตาแก่.........พระราชาด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างเยือกเย็นจนสุดขั้วหัวใจ
ในแบบที่แม้แต่พวกเราที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กมาตั้งแต่เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นโดยไม่ให้รู้
ส สยองโคตร............ก็ชั้นไม่ใช่พวกMนี่หว่าจะไม่ให้กลัวได้ไง
ระหว่างที่หวาดกลัวรุ่นพี่คันนะซึกิอยู่ในใจก็รู้สึกได้ว่ามีนักเรียนที่คุกเข่าเหมือนกันยืนขึ้น

「อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟ้ย!ทำไมพวกชั้นต้องทำตามคำสั่งตาแก่ที่พึ่งได้เจอหน้ากันด้วยล่ะฟะ!」
「บอกตามตรง ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย」
「จริงด้วย!โลกที่ไม่มีสิ่งบังเทิงน่ะไปกินขี้ซะไป!ขนาดมือถือยังใช้ไม่ได้เลย!」
「...........ปัญหามันอยู่ตรงนั้นเหรอ?」
「แหมๆ ปัญหาที่ไอริพูดมามันสำคัญนะยะ ก็พวกเราเป็นเด็กยุคใหม่นี่นา
ว่าแต่ ถึงสิ่งบันเทิงมันรู้กันอยู่แล้วแต่ของแต่งหน้ามีมั้ยอ่ะ?」
「...........รูมิไม่ได้แต่งหน้าไม่ใช่เหรอ?」
「ก็นะ ไม่ได้แต่งหรอก แต่ว่าคอร์สดูแลผิวนี่สิจำเป็น ทำเล็บก็ด้วย」

ที่ยืนขึ้นมาคือกลุ่มสาวๆที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนเรานั่นเอง
ยิ่งกว่านั้นถึงจะบอกว่ามีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ในทางที่ดีหรอกนะ
เสียงหยาบคายที่ออกมาคนแรกเลยคือ โนจิม่า ยูกะ มีพ่อแม่เป็นลูกครึ่งอังกฤษกับคนญี่ปุ่น
มีผมสีทองยาวตรงจนถึงเอว ใส่ชุดนักเรียนที่ดัดแปลงเอาเอง ยิ่งกว่านั้นยังคลุมด้วยชุดประจัญบานด้วย
แล้วก็ตรงอกของเสื้อนักเรียนมองเห็นมีผ้าพันไว้อีกต่างหาก คงจะเป็นซาราชินั่นแหละ
..........ไปเลียนแบบจากการ์ตูนเรื่องไหนมาเนี่ย
ถึงจะจำชื่อทีมไม่ได้แต่เอาเป็นว่าเป็นหัวหน้าของพวกเลดี้ที่มีชื่อเสียงนั่นแหละ
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นสวยสุดๆซะด้วย พออยู่ในฐานะหัวหน้าพวกเลดี้เลยมีบรรยากาศที่เข้าใกล้ๆไม่ได้
คนต่อมาที่พูดเรียบๆคือ ชิมิซุ โนอา มีผมสั้นสีดำ มีแค่ตรงปลายผมเท่านั้นที่ย้อมเป็นสีน้ำเงิน
อีกทั้งยังสวยระดับเดียวกับโนจิม่าด้วย ถึงไม่ได้ดัดแปลงชุดจนสะดุดตาเหมือนโนจิม่า
แต่ก็ดูรุ่งริ่งใช้ได้แถมมีเจาะหูอะไรพวกนี้ตามประสาด้วย
ถึงชิมิซุ จะมีสภาพอย่างนั้นแต่ที่โลกเก่าก็ยังเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง
เพราะงี้แหละพอเอาชุดดูรุ่งริ่งมาผสมกับหุ่นอันเสลนเดอร์เลยเป็นการแต่งตัวที่ดูสุดยอดแบบง่ายๆขึ้นมา
ชิมิซุคนนี้เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้ากันได้ดีกับโนจิม่า
ถึงจะอยู่ห้องเดียวกันตอนปี 1แต่จำได้แค่ว่าไม่เอาแต่เล่นมือถือห้องก็โดดไปกับพวกโนจิม่า
และคนที่พูดนอกเรื่องเสียบขึ้นคนต่อมาจากชิมิซุคือ เซโตะ ไอริ
เซโตะนี่ว่าไงดีล่ะ มีบรรยากาศเป็นสาวเที่ยวที่ไม่แต่งหน้าที่จะว่าสวยระดับโนจิม่าก็บอกไม่ถูก
ใส่เครื่องประดับดูฉูดฉาดมาก เป็นคนคุยสนุกเข้ากับโนจิม่าได้ดีทั้งยังเข้ากับผู้หญิงคนอื่นอีกได้ด้วย
ทั้งโนจิม่าและชิมิซุต่างให้บรรยากาศเป็นหมาป่าเดียวดาย
แต่เซโตะก็เป็นคนที่สุดยอดขนาดแทรกเข้าไปที่ว่างตรงไหนสักแห่งของสองคนนั้นได้
แล้วผู้หญิงคนสุดท้ายที่พูดออกแนวสาวเที่ยวเลยคือ อามาคาวะ รูมิ
ที่ต่างกับเซโตะก็คือทางนี้เป็นสาวเที่ยวเต็มรูปแบบ
ทำผมเป็นลอนหลวมๆที่ย้อมเป็นสีน้ำตาลแล้วก็ตามที่ชิมิซุพูดคือไม่ได้ใช้ของแต่งหน้าเลย
ถึงอย่างนั้นก็ยังสวย..............เป็นสาวเที่ยวที่เสปกสูงไปเลยเนอะ?
ถึงส่วนตัวชั้นเองจะไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกันมากมายแต่กับชิมิซุและเซโตะนั้นต่างกัน
ถ้าคำนึงจากการแต่งเสื้อนักเรียนให้สวยอ่ะนะ
ถึงจะมานั่งใจเย็นแจกแจงรายละเอียดของคนที่ยืนขึ้นมากะทันหัน
แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้นสักหน่อย
พอโนจิม่าทนนิ่งเงียบไม่ได้ ก็คิดขึ้นมาเลยว่าพวกเรายังกระจอกอยู่ได้โดนฆ่าทิ้งที่นี่แน่
ถ้าอัญเชิญผู้กล้าใช้เวลาหลายปีทำได้สักครั้งก็ดีหรอก..................
จะว่าไปทั้งที่กลุ่มผู้หญิงที่เรียกว่าเป็นนักเลงยังพอจะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าง
แต่ทางผู้ชายที่ปกติชอบทำเป็นเจ๋งดันเอาแต่มุดหัวไม่ทำอะไรเลย
ตัวชั้นเองก็ไม่ได้เก่งไปกว่ากันหรอก ผู้หญิงเนี่ยแกร่งจังเนอะ
จะว่าไป..............การต่อต้านคนที่อัญเชิญพวกเรามาต่างโลกแบบนี้มันก็ควรทำสักหน่อยอย่างที่คิดแหละ
ขณะที่คิดเรื่องนั้นอยู่ตาลุงหัวล้านที่เป็นขุนนางชั้นสูงก็ฟิวส์ขาดกับการกระทำของพวกโนจิมะตามคาด

「เจียมตัวซะบ้าง! นี่อยู่ต่อหน้าพระราชานะ!?」
「หนวกหูเฟ้ย!อย่ามาเสนอหน้าน่าเจ้าโล้น!」
「ล โล้น!? ...............ทั้งที่กังวลอยู่แท้ๆ.............」

หวา ตาลุงหัวล้านเหี่ยวไปเห็นๆเลย Don't mind
ทำเอาชั้นรู้สึกเห็นใจตาลุงหัวล้านที่โดนไล่ขึ้นมานิดๆเลย
ขณะที่คิดสงสารแม้จะโกรธอีกฝ่าย ตาแก่ที่เป็นพระราชาก็ไปนั่งตุบที่บัลลังค์แล้วพ่นลมหายใจออกมา

「ช่างเถอะ คงอยากเสนออะไรกับข้าสินะ? จะอนุญาติให้เปํนพิเศษก็ได้ ไหนลองพูดมาสิ」
「งั้นขอพูดแบบไม่เกรงใจล่ะนะ...........พวกแกน่ะรีบส่งพวกเรากลับโลกเดิมซะ!」
「จริงด้วย อยู่ดีๆก็โดนเสียงที่ไหนไม่รู้มาบังคับให้มาต่างโลก คราวนี้ยังจะให้ปราบจอมมารอีก?
..............จะมากไปหน่อยมั้ย?」
「ก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรยังไงหรอกนะแต่ทางเราเรื่องยุ่งยากน่ะไม่เอาด้วยย่ะ」
「จอมมารที่ว่าเนี่ย ที่มีในดราก้อนเควสใช่มะ?」
「............ไอริเงียบก่อนเถอะ」

...........ใช่เลย ซีเรียสอยู่ดีๆเสียหมด
เพราะได้พวกโนจิม่าชั้นเลยมีเวลาสงบจิตสงบใจทอดสายตาไปรอบๆ
คนส่วนใหญ่รวมรวมถึงเคนจิต่างอึ้งไปตามๆกัน ถึงรุ่นพี่คันนะซึกิจะไม่เปลี่ยนเลยก็เถอะ
อย่างน้อยๆบรรยากาศตึงเครียดก็หายไปแล้ว ถึงเซโตะจะทำตัวต๊องๆออกมาอย่างแรงก็เถอะ
ระหว่างที่เหนื่อยใจกับคำพูดต๊องๆของเซโตะ พระราชาตรงหน้าก็ยังมองด้วยสายตาดูถูกไม่เปลี่ยนแปลง

「จะพูดยังไงก็ตามแต่พวกเจ้าก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธ ลองดูที่หลังมือซ้ายของพวกเจ้าซะ」

พอบอกอย่างนั้นชั้นก็ก้มไปดูที่หลังมือซ้ายของตัวเอง
ทุกคนรวมถึงโนจิม่าต่างก็มองไปที่หลังมือซ้ายเช่นกัน
หลังมือซ้ายที่เห็น.................ไม่ได้มีสภาพอะไรแปลกประหลาด  ตกลงหลังมือซ้ายมันมีอะไรกัน?

「ที่หลังมือซ้ายของพวกเจ้ามี『ตราแห่งบริวาร』ที่มีพลังใช้บังคับให้เป็นนักรบของประเทศข้า
สลักไว้อยู่ยังไงล่ะ!ไงล่ะเท่านี้พวกเจ้าก็เข้าใจแล้วสินะว่าไม่มีทางต่อต้านพวกข้าได้?
เสียใจด้วย!」

...........................
ชั้นผิดปรกติรึเปล่านะ? ที่หลังมือซ้ายของชั้นไม่เห็นจะมีอะไรสลักไว้เลย?
ก่อนอื่นก็ลองหันไปตรวงสอบที่หลังมือซ้ายของคนรอบข้าง ก็ยังไม่มีอะไรสลักไว้อยู่ดีแหละ
จากนั้นพวกโนจิม่าที่รู้สึกเหมือนกันก็

「.............ตรา? ไม่เห็นจะมีอะไรเขียนไว้นี่นา?」
「.............จริงด้วย」
「อย่างพวกรอยสักนี่ก็ไม่เห็นจะมีเลย..............ไม่มีอะไรเลยเนอะ」
「เอ๋!?เห็นเก๊กท่าซะดิบดีก็อุตส่าห์หวังไว้!ตกลงโม้ไปงั้นเองเหรอ!?」

ความคิดเห็นของเซโตะน่ะช่างเถอะดูเหมือนว่าที่หลังมือซ้ายของทุกคนไม่มีอะไรสลักไว้จริงๆแฮะ
ชั้นที่ยืนยันได้ขนาดนั้นแล้วก็หันสายตาไปหาพระราชา

「เอ๋ จริงเหรอ?」

และแล้วความรู้สึกดูถูกที่มีจนถึงตอนนี้ก็หายไปราวกับโกหกโดยเบิ่งตากว้างแล้วพูดแบบนั้นออกมา
ว่าแต่............เนื้อแท้ของพระราชามันหลุดมาเหรอไง? แถมรับมุขใช้ได้ซะด้วยนะ..........
พระราชากระพริบตาปริบๆมองมาที่แขนซ้ายของพวกเรา
สักพักพอพระราชาแน่ใจแล้วว่าไม่มีตราที่ว่าสลักที่หลังมือซ้ายของพวกเราจริงๆ
ก็เรียกตาแก่ในเสื้อคลุมเข้าไปใกล้ๆ

「นี่นี่ ไม่เห็นจะมีตราเลย? ทำไงดีล่ะ?ซวยแล้วสิ? ข้าเล่นวางมาดไปซะขนาดนั้นด้วยนะ?
นี่คงไม่เป็นไรนะ? คงไม่มีปัญหานะ!?」

พระราชาลนแบบสุดๆ ท่าทางดูถูกจนถึงตะกี้มันอะไรเนี่ย
ตาแก่ใส่เสื้อคลุมที่พระราชาขอความช่วยเหลือก็หันหน้าไปหาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

「ก็ไม่รู้สินะครับ!」
「โกหกน่าาาาาาาาาาาาาาาาาา!?」

หนีปัญหาซะงั้นอ่ะ!พระราชาสีหน้าสิ้นหวังขึ้นมาเลย น่าสงสารชิบ

「ท ทำอะไรสักอย่างสิ..............ปู่เอม่อน!」

ทำไมแกถึงรู้ประโยคนั้นด้วยฟะ แถมยังเป็นพระราชาที่ไม่ได้เรื่องซะจริง เกินเยียวยาแบบสุดๆ
พวกโนจิม่ากับนักเรียนคนอื่นอึ้งไปเลยกับละครเปิดใจที่แสดงกะทันหัน
ส่วนทางรุ่นพี่คันนะซึกิขนาดนี้แล้วก็ยังจ้องไปด้วยสายตาอันเย็นชาอยู่ดี
พอทีเถอะ!ไลพ์พ้อยของพระราชาเป็นศูนย์แล้วนะ!

「ไม่ไหวเลยน้าพระราชาเนี่ย จะเอาไพ่เด็ดออกมาให้แล้วกัน」

ตาแก่เองก็เป็นคู่ตลกของพระราชาด้วยเหรอไง

「ตื้ดตือรื้อ!ตัวประกัน~!」

มีออกเสียงเอฟเฟกด้วยเฟ้ย!?  ว่าแต่ใช้ปากออกเสียงเอฟเฟกนี่มันดูวังเวงแบบสุดๆ!
ยิ่งกว่านั้นเอาโดเรม่อนมาทั้งดุ้นเลยด้วยนะ!ตกลงรู้จักได้ไงอ่ะ!?
ระหว่างที่พวกเราอึ้งจนพูดไม่ออกตาแก่ก็พูดอะไรบางอย่างกับทหาร
ทหารก็พยักหน้าทีนึงแล้ววิ่งออกไป
จากนั้นสักพักทหารก็ถือของที่เหมือนลูกแก้วออกมา

「ท่านผู้กล้าทั้งหลายเอ๋ยหากขัดคำสั่งพวกเราล่ะก็................จะไม่รับรองชีวิตของพวกเขานา?」

ตาแก่ในเสื้อคลุมพูดแบบนั้นพลางชูลูกแก้ว ก็พลันตกใจนิดๆกับเทคนิคทางวิทยาศาตร์เหมือนโลกเก่า
ที่ปรากฏภาพฉายกลางอากาศ
ภาพที่ฉายออกมานั้นเป็นภาพของพวกอาจารย์ที่ถูกจับอยู่ในที่ๆเหมือนห้องขัง

「อ้ะ................」
「................」

ชั้นเผลอส่งเสียงออกมาโดยที่รุ่นพี่คันนะซึกิทำหน้าเคร่งเครียด

「พวกเขาเป็นพรรคพวกของพวกคุณใช่มั้ยล่ะ? ที่จริงก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้หรอก
แต่หากไม่ฟังคำสั่งล่ะก็พวกเขาไม่รอดแน่」

ด้วยคำพูดของตาแก่ในเสื้อคลุมทำให้พวกเราตอบกลับไปไม่ได้เลย
พวกเราที่เป็นอย่างนั้นตาแก่ในเสื้อคลุมก็พูดต่อ

「ก็นะ หากพวกคุณจะทอดทิ้งพวกเขาก็ทำได้.............
แต่พวกเรายังมีวิธีส่งพวกคุณกลับโลกเดิมอยู่ด้วยนะ? หากพวกคุณยังไม่ทำตามคำสั่งพวกเราที่นี่อีกล่ะก็
คงต้องเข่นฆ่ากันอย่างเปล่าประโยชน์ซะแล้วล่ะ
แล้วก็นอกจากพวกเราที่เป็นผู้อัญเชิญก็ไม่มีใครส่งพวกคุณกลับบ้านได้อีกด้วย」
「!?」

สรุปคือพวกเราจะได้กลับโลกเดิมรึเปล่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าพวกนี้งั้นสิ
ส่งไพ่ในมือที่มีประสิทธิภาพออกมาเรื่อยๆเลยนะ...........
ถ้าคิดจะกลับ วิธีกลับก็มีแต่ต้องเชื่อฟังเจ้าพวกนี้
ทว่าถ้าพูดถึงบ้านที่จะให้พวกเราจะกลับไปล่ะก็คงไม่มีแล้ว
เพราะถ้าจำไม่ผิดก็มีบอกไว้ด้วยว่าความทรงจำเกี่ยวกับพวกเรานั้นลบไปแล้ว.............
ก็ก่อนที่จะถูกส่งมาที่โลกนี้เสียงจากลำโพงที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าบอกไว้ประมาณนี้นี่นา
แต่ยังไงก็ตามเฉพาะเรื่องกลับโลกเดิมไม่ได้เท่านั้นที่จะคาดการณ์ไว้สักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
บัดซบเอ๊ย..................อยากอัดมันให้หนักๆสักทีจัง
ขณะที่พวกโนจิม่ารวมถึงชั้นด้วยต่างมีสีหน้าเป็นกังวล คราวนี้รุ่นพี่คันนะซึกิก็ยืนขึ้น

「---------สรุปคือพวกฉันจะกลับโลกเดิมได้ก็มีแต่ต้องเชื่อฟังพวกคุณสินะ?」
「ก็ตามที่ว่านั่นแหละ」

พอได้ยินแค่ประโยคเดียวรุ่นพี่คันนะซึกิก็จ้องเขม็งใส่ตาแก่ในเสื้อคลุม

「ไอ้พวกชั้นต่ำ............」
「หา? ทำไมต้องโกรธกันด้วยล่ะ?ไม่เข้าใจความคิดของท่านผู้กล้าต่างโลกเลยน้า」

ด้วยคำพูดที่ไม่ว่ามองยังไงก็เป็นการกวนประสาทกันพวกเราทุกคนเลยโกรธจนแทบระเบิดออกมา
สำหรับโนจิม่านี่ก็ทำท่าจะลุกไปต่อซะเดี๋ยวนี้เลยแต่ก็ได้ชิมิซุที่อยู่ข้างๆยั้งไว้ให้

「แม้ว่าพลังของพวกท่านผู้กล้าตอนนี้จะยังอ่อนแอแต่หากฝึกฝนก็จะแกร่งขึ้นมาได้
การที่มีพลังเช่นนี้อยู่ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรนี่นา?」

ถึงตาแก่ในเสื้อคลุมจะบอกอย่างนั้นแต่สำหรับพวกเราที่ใช้ชีวิตทุกวันอย่างสงบสุข
ไม่ต้องถูกเกณฑ์ทหารอย่างญี่ปุ่น อยู่ๆจะให้ไปปราบจอมมารมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
สำหรับแมลงน่ะไม่รู้หรอกแต่คนที่เคยฆ่าหมาหรือแมวโดยตั้งใจน่ะในนี้ไม่มีสักคนอยู่แล้ว
ทว่าด้วยคำพูดของตาแก่ในเสื้อคลุมก็เพียงพอแล้วที่จะสั่นคลอนนักเรียนคนอื่นๆ

「ก ก็จริงนะ............」
「พวกเราเป็นผู้กล้านี่นาถูกมะ? งั้นก็ต้องเก่งด้วยสิ?」
「อย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา..............?」
「สุดท้ายถ้าไม่ไปปราบก็ไม่ได้กลับบ้านเนอะ?」

พวกนักเรียนค่อยๆพูดในทางที่ดีเกี่ยวกับการปราบจอมมารทีละคนๆ
จะไม่เป็นไรแน่เหรอ?
ถึงพวกเราจะยังไม่ถึงขั้นเซโตะแต่คงไม่ใช่จัดโลกนี้เป็นเกมดราก้อนเควสไปแล้วหรอกนะ?

「ฮ เฮ้ย............ทุกคนดูเอาจริงเอาจังกันจังเลยนะ?」

เคนจิที่อยู่ใกล้ๆพูดกับชั้น

「เอาเถอะ............ถ้าไม่มีวิธีกลับโลกนอกจากพวกคนของประเทศนี้จะปล่อยให้กลับล่ะก็
คงมีแต่ต้องไปปราบจอมมารแล้วล่ะ ยิ่งกว่านั้นพวกเราก็ดูเหมือนจะมีพลังที่แข็งแกร่งในตัวด้วย」
「จะง่ายอย่างที่พูดเหรอ?」
「จะเป็นไปได้ไงเล่า」

พวกเราสำหรับประเทศนี้ก็เป็นแค่หมากที่ใช้สะดวกเท่านั้นแหละ
ไม่แน่ว่าถึงจัดการจอมมารได้อย่างปลอดภัยก็อาจจะฆ่าพวกเราทิ้งไม่ปล่อยให้กลับบ้านก็ได้
แต่ถ้าในเวลานี้ไม่ทำตามประเทศนี้ก็ไม่มีอนาคตอยู่ดี
ชั้นที่คิดได้อย่างนั้นก็หันไปทางรุ่นพี่คันนะซึกิทันที
ทันใดนั้นก็เห็นรุ่นพี่คันนะซึกิมีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนกังวลอะไรซักอย่าง
รุ่นพี่คันนะซึกิเองก็คงคิดเหมือนกันชั้นนั่นแหละ..............
ขณะที่ในหมู่นักเรียนต่างมีความคิดหลายๆอย่างปนเปกันไป
พระราชาก็ทำท่าหยิ่งผยองอีกครั้งเหมือนกันพฤติกรรมบื้อๆจนถึงเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องโกหก

「เฮอะ เอาเถอะ จะถกเถียงกันไปกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์
เรื่องที่พวกเจ้าต้องปราบจอมมารได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่ยังไงพวกเจ้าก็เป็นผู้กล้าล่ะนะ จะอนุญาติให้ใช้ห้องที่มีอยู่ในปราสาทนี้แล้วกัน
จงสำนึกบุญคุณซะเถอะ และตั้งแต่พรุ่งนี้จะเริ่มการฝึกอบรบเพื่อไปปราบจอมมารให้เร็วที่สุด
ที่จะพูดด้วยก็มีแค่นี้แหละ ไปได้แล้ว」

พอพูดเรื่องที่อยากพูดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วพระราชาก็ลุกขึ้นจากบัลลังค์แล้วทำท่าจะเดินจากไป

「ช ช่วยรอก่อนค่ะ!ยังพูดคุยกันไม่จบเลยนะ!」

ด้วยการตัดสินใจอยู่ฝ่ายเดียวจนเกินไปรุ่นพี่คันนะซึกิเลยส่งเสียงออกมา
แต่พวกทหารที่อยู่ด้านหลังก็ตั้งหอกดาบขึ้นมาโดยพร้อมเดรียงกันโดยหันมาทางพวกเรา

「............ชิ!」

พอหอกมาจี้อยู่ตรงหน้าหยุดการเคลื่อนไหวของรุ่นพี่คันนะซึกิ
และแล้วสุดท้ายพระราชาก็ไม่ได้หันมาเลยโดยจากไปทั้งอย่างนั้น

「ก็นะ ตัดใจซะเถอะ ท่านผู้กล้า พอพวกทหารพาไปส่งที่ห้องแล้ววันนี้ก็พักให้สบายเถอะ
ตั้งตาคอยการฝึกตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไว้ได้เลย」

ตาแก่ในเสื้อคลุมพอแจ้งมาแล้วก็จากไปทั้งอย่างนั้นอีกเช่นกัน
ต่อจากนั้นก็เป็นพวกขุนนางชั้นสูงของประเทศก็จากไปต่อ
เหลือเพียงพวกเรานักเรียนทั้งโรงเรียนกับทหารที่แม้แต่ตอนนี้ยังตั้งหอกไม่เลิก
โดยที่หลังสุดมีชายวัยกลางคนสวมเกราะทำแค่ยืนกอดอกหลับตาอยู่
ชายที่กอดอกอยู่นั้นรู้สึกมีบรรยากาศแตกต่างกับทหารคนอื่น
แล้วชายคนนั้นก็พูดกับพวกทหารโดยที่ยังปิดตาอยู่

「.........พาพวกท่านผู้กล้าไปส่งที่ห้อง อย่าให้รุนแรงนักล่ะ」

เป็นเสียงที่ทุ้มต่ำแต่ก็เป็นเสียงที่อ่านความรู้สึกไม่ออก
พอพวกทหารเร่งให้พวกเราลุกขึ้นยืนแล้วพวกเราก็ถูกบังคับพาไปที่ห้องภายใต้การนำของพวกทหาร
ระหว่างทางรุ่นพี่คันนะซึกิก็ทำหน้าเคร่งเครียดโดยทั้งชั้นและเคนจิเองก็เป็นกังวลเรื่องต่อจากนี้เช่นกัน
แต่นักเรียนคนอื่นแทบทุกคนพอได้อาศัยในปราสาทไม่นานนักก็คลายความตึงเครียดกัน
โดยพูดกันอย่างสนุกสนาน ดูท่าจะไม่มีคนคิดมากเรื่องที่ต้องปราบจอมมารเลย
ท่ามกลางบรรยากาศอย่างนั้นรุ่นพี่คันนะซึกิก็ค่อยๆสูดลมหายใจ
ทั้งชั้นและเคนจิเองก็หยุดคิดมากกันไปสักพัก
ก่อนอื่นเลยคือกว่าจอมมารจะฟื้นคืนสมบูรณ์ก็อีกตั้ง4ปี
แม้ว่าเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดแต่ความเป็นไปได้นั้นก็ดูจะต่ำ
ถ้างั้นในระหว่างนี้ก็หาวีธีดีๆเตรียมไว้แล้วกัน
สุดท้ายทุกคนรวมถึงรุ่นพี่คันนะซึกิก็หยุดการคิดมากปล่อยให้เวลาแก้ปัญหาไป
นอกจากนั้นก็อย่างที่เจ้าคนมองโลกในแง่ดีเรื่องการปราบจอมมารเมื่อตะกี้ว่าไว้
ยังไงพวกเราก็มีพลังอยู่ คงพอจะทำอะไรได้นั่นแหละ
ด้วยเหตุนี้ พวกเราเลยฝืนใจตัวเองยอมรับกันแบบนี้

---------และในภายหลังพวกเราก็ได้รู้ว่าความคิดในเวลานี้มันช่างอ่อนหัดเหลือเกิน

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate