ตอนที่ 16 ผลของการวิวัฒนาการครั้งสุดท้าย
ชั้น---------------ทาคามิยะ โชตะ ถูกเสียงที่อ้างตัวเป็นพระเจ้าวาร์ปมาต่างโลก
แต่แทนที่จะบอกว่าถูกวาร์ปมาน่าจะเป็นถูกอัญเชิญมามากกว่า
และปัจจุบันรอบๆก็มีคนสวมผ้าคลุมจำนวนมากล้อมนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเราไว้
「ที่นี่คือต่างโลกเหรอ!?」
「ตอนแรกมันกะทันหันเลยสับสนอยู่หรอกแต่............」
「พอมาคิดดูดีๆแล้วพวกเราทุกคนก็ติดสูตรโกงมาด้วยนี่นาไม่เห็นต้องไปคิดมากเลยเนอะ?」
「อย่างจอมมารน่ะอ่อนๆ!」
「แต่ฉันยัง............」
คนที่ล้อมรอบพวกเราอยู่ต่างคอยสังเกตุการณ์พวกเรา
บางคนก็มีท่าทางตื่นเต้น บ้างก็มีท่าทีกังวล แสดงอาการหลายๆออกมาให้เห็น
แต่ปกติแล้วอยู่ๆโดนอัญเชิญมาเนี่ยมันน่าจะโมโหมากกว่าดีใจนะ
ขนาดชั้นยังโมโหเลย ไม่สิ โมโหมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
ก็ที่โลกเดิมน่ะมีพ่อมีแม่คอยอยู่นะ ยิ่งกว่านั้น พวกเพื่อนต่างโรงเรียนก็มีอยู่ด้วย
แต่ยังไงพวกพ่อแม่ก็จำพวกเราที่ถูกอัญเชิญมาที่ต่างโลกไม่ได้อยู่ดี
จะมีใครสักกี่คนที่เข้าใจถึงความอ้างว้างนี้กันนะ?
นอกจากนั้น เรื่องประชากรเพิ่มขึ้นนี่ก็ไม่รู้ด้วยล่ะแต่.............มันทำให้เดือดร้อนนะ
แค่ส่งไปประเทศอื่นก็ได้ ที่นี่มันแค่อัตราเกิดต่ำแต่ผู้สูงอายุเยอะนะ หัดสำรวจสถานที่ซะบ้างสิ
ถึงจะบ่นว่าในใจยังไงแต่จะไม่คอยสังเกตุสิ่งรอบข้างก็ไม่ได้
เดี๋ยวก็ไม่รู้กันพอดีว่าสถานการณ์เดินไปทางไหน
ก่อนอื่น สถานที่ๆอันเชิญพวกเรามานี่เป็นห้องมืดทึมที่ทำจากหิน
คิดว่าอัญเชิญนักเรียนทั้งโรงเรียนน่าจะทำกันข้างนอกซะอีก ประหลาดใจเลยแฮะที่กลายเป็นห้องไปได้
นอกจากนั้นยังกว้างแปลกๆด้วย
ระหว่างที่ระแวดระวังอยู่คนเดียว ก็ได้ยินเสียงที่คาดไม่ถึงดังจากด้านหลัง
「โอ๊ะ เจอแล้ว ! โชตะ!」
「พี่จ๋าาา!」
「!」
พอหันไปทางเสียงนั้นก็รู้สึกตัวว่ามีนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงกำลังเดินมาทางนี้
「เคนจิ!แล้วก็มิอุ!หาชั้นเจอจนได้นะ」
「ก็นะ ดันเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เด่นซะขนาดนี้นี่นา」
「สำหรับหนูน่ะแค่ตามพี่เคนจิมาเท่านั้นเอง」
คนที่เข้ามาหาชั้นคือเพื่อนสมัยเด็กที่เรียกได้ว่าตัดกันไม่ขาด
อารากิ เคนจิ กับน้องสาว ทาคามิยะ มิอุ
เคนจินั้นมีผมสั้นสีน้ำตาลลักษณะเด่นคือมีรอยยิ้มที่ทำให้เข้ากับผู้คนได้ง่าย
เป็นหนุ่มหล่อระดับไอดอลที่พบเห็นได้ทั่วไปสำหรับโรงเรียนของพวกเรา
ส่วนมิอุนั้นมีผมสีดำยาวประบ่าติดกิ๊บรูปดอกไม้
บรรยากาศภายนอกที่เห็นให้ความรู้สึกเต็มไปด้วยความร่าเริงและใสซื่อบริสุทธิ์
ขนาดชั้นเป็นพี่แท้ๆยังมองว่าน่ารักเลย นี่ก็ไม่ได้เป็นซิสค่อนนะ
แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สังกัดอยู่กลุ่มไอดอลรวมทั้งชั้นด้วยซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแมวมองมาหรอก
ก็แค่ทุกคนไม่สนใจเลยปฏิเสธไปเท่านั้นเอง
เอ๊ะ เรื่องเพื่อนสมัยเด็กกับเรื่องหาชั้นเจอมันไม่ได้เกี่ยวกันเลยนี่หว่า..............
「แต่ว่านะมิอุ ต้องเป็นรุ่นพี่เคนจิสิ? ส่วนชั้นก็ต้องไม่ใช่พี่ เป็นรุ่นพี่ทาคามิยะต่างหาก」
「เอ๋--- ไม่เห็นเป็นไรนี่นาไม่ใช่โรงเรียนสักหน่อย
ยิ่งกว่านั้นมาเรียกพี่จ๋าว่ารุ่นพี่เนี่ยไม่เข้ากันจะตายไม่เอาด้วยอ่ะ!」
เอาเถอะก็ไม่ผิดนักหรอกถ้าชั้นถูกมิอุเรียกว่ารุ่นพี่มันก็รู้สึกแปลกๆชอบกลเหมือนกันแหละ.......
ระหว่างที่สนทนากันอย่างนั้นคราวนี้ไม่ใช่แค่ชั้นแต่เป็นพวกเคนจิด้วยที่ถูกส่งเสียงเรียก
「อ้ะ เจอแล้วเจอแล้ว!」
「เจอแล้วค้าา!」
พอชั้นกับพวกเคนจิหันไปทางเสียงเรียกก็เจอผู้หญิงสองคนกำลังเข้ามาหา
「โอ้ เอริกับริกะนี่นา」
ที่มาใหม่ทั้งสองคนคือ นิจิมะ เอริ ที่เป็นแฟนของชั้นกับ มุราตะ ริกะ ที่เป็นแฟนของเคนจิ
เอรินั้นมีลักษณะเด่นคือผมที่รวมไว้ง่ายๆกับหน้าเด็กแถมเตี้ยกว่ามิอุที่เป็นน้องสาวชั้นอีก
ไม่แน่อาจเตี้ยที่สุดในชั้นปีก็ได้ บอกไว้ก่อนนะชั้นไม่ใช่โลลิค่อน อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ
ส่วนริกะนั้นมีผมสีดำทรงคลื่นแบบปล่อยสยายกับตาตกเล็กน้อย ให้บรรยากาศอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก
ก็นะความจริงก็แค่เป็นคนที่ปล่อยตัวตามสบายเท่านั้นแหละ...........
อีกอย่างคือทั้งสองคนนี้เป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงไม่เบาเลยล่ะ
แต่ถ้าพูดให้ถูกคงเป็นชื่อเสียงจากกลุ่มไอดอลที่สังกัดอยู่มากกว่า
「เอาล่ะ เท่านี้สมาชิกส่วนใหญ่ก็มากันครบแล้วนะ」
เคนจิบอกแบบนั้นเมื่อพวกเอริมารวมกับพวกเรา
「อ้าว? แล้วคุณคันนะซึกิกับคุณฮิโนะล่ะ แล้วมีเซอิจิคุงอีกนะ?」
พอเอริถามแบบอ้อมแอ้มอย่างนั้นมาพวกเราก็เลยมองไปรอบๆ
「ถ้าฮิโนะล่ะก็ตะกี้เห็นอยู่กับพวกเพื่อนเขาแล้วล่ะ」
ถึงเคนจิจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยังหารุ่นพี่คันนะซึกิกับเซอิจิไม่เจอ
「......เอาน่า อย่างรุ่นพี่คันนะซึกิน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่เซอิจินี่สิ...........」
「จริงด้วยที่บอกว่ามีอยู่คนเดียวที่ไม่ได้วาร์ปมาด้วยกันคือพี่เซอิจิรึเปล่า!?」
พอชั้นทำท่าจะพูดออกมามิอุที่ใจร้อนก็ชิงถามซะก่อน
「ยังไม่มีอะไรยืนยันหรอกน่า...........」
「งั้นเดี๋ยวไปยืนยันจากพวกเพื่อนร่วมชั้นของเซอิจิกันเถอะ」
พอเคนจิพูดเสร็จก็ไปจับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเซอิจิที่บังเอิญผ่านมา
「เฮ้ย อาโอยามะ」
「หือ? มีอะไรล่ะ อารากิ」
ที่เคนจิจับได้คือเอสและกัปตันทีมฟุตบอล อาโอยามะ
「นายรู้จักเซอิจิมั้ย?」
「เซอิจิ?」
อาโอยามะเอียงคอกับคำพูดของเคนจิ
「ในชั้นเรียนของฉันมีชื่อนี้ด้วยเหรอ?」
พวกเราทำหน้าหงุดหงิดกับคำพูดของอาโอยามะ
ทันใดนั้นเจ้าคนชื่อไดกิที่อยู่ข้างๆอาโอยามะก็หัวเราะแล้วพูดกับอาโอยามะ
「อาโอยามะ เซอิจิก็เจ้าอ้วนนั่นไง เจ้าหมูตอนน่ะ ฮิฮิฮิ」
「หมูตอน? ..........อ๋อ!ไอ้หมูขยะนั่นน่ะเหรอ!
เห็นชื่อเท่ห์เหลือหลายคิดว่าเลยเป็นหนุ่มหล่อที่ไหนซะอีก」
อาโอยามะที่นึกออกด้วยคำพูดของไดกิก็ยิ้มแล้วบอกออกมา
「ถ้าเจ้าขยะนั่นล่ะก็ไม่อยู่ที่นี่หรอกว่ะ? ก็มันต้องคอยถ่วงพวกเราเห็นๆก็เลยไม่เอาเข้ากลุ่มซะเลย」
「ช่ายช่าย เจ้าคนที่อยู่ไปก็ไร้ค่าน่ะรีบๆตายไปซ---------------อ่อกก」
ไดกิที่กำลังพูดเสริมอาโอยามะไม่สามารถพูดต่อไปได้
นั่นก็เพราะเคนจิจับอกเสื้อของทั้งอาโอยามะและไดกิยกขึ้นมาคนละข้าง
「เฮ้ย พวกแก.........จะบอกว่าทิ้งเซอิจิไปงั้นเหรอ?」
เคนจิพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำถามทั้งสองคน
ปกตินิสัยจริงเป็นคนที่สดใสมีรอยยิ้มชวนคบหาอ่ะนะแต่ทุกคนรู้กันดีว่าถ้าโกรธขึ้นมาล่ะน่ากลัว
ส่วนสูง185cmแล้วยังชกมวยเป็นด้วย เรื่องกำลังแขนน่ะของตายอยู่แล้ว
「อ อะไรเล่า!ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา!」
「จ จริงด้วย!ก็แค่พูดเรื่องจริงเท่านั้นเอง!」
ทว่าทั้งสองที่มีสีหน้าเจ็บปวดยังพูดแบบนั้นออกมาอีก
「พวกแก.........」
แล้วตอนที่เคนจิกำลังจะฟิวส์ขาดนั่นเอง
「ไม่ต้องเดือดขนาดนั้นก็ได้」
มีมือสีขาวเนียนเข้ามาจับมือของเคนจิที่ยกทั้งสองคนอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว
「ร รุ่นพี่คันนะซึกิ...........」
「วางลงได้แล้ว」
สาวสวยผมสีดำเงางามยาวถึงเอวที่มีห่อหุ้มด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็นนั้น
คือประธานนักเรียนของโรงเรียนเราทั้งยังเป็นหนึ่งในเพื่อนสมัยเด็ก คันนะซึกิ คาเร็น
เคนจิแต่เดิมก็ไม่กล้าหือกับรุ่นพี่คันนะซึกิอยู่แล้วเลยฝืนใจทำตามคำสั่งของรุ่นพี่คันนะซึกิ
วางทั้งสองคนลง โดยปล่อยทั้งสองคนลงแบบก้นจ้ำเป้า
「ทำไมถึงให้หยุดล่ะครับ!เพราะเจ้าพวกนี้เซอิจิถึง..........!」
「รู้แล้ว ฉันเองก็โมโหเหมือนกัน」
พอถูกพูดแบบนั้นเคนจิก็เลยหน้าซีดแล้วเงียบไป
พูดไปชั้นกับพวกมิอุเองก็หน้าซีดกับคำพูดของรุ่นพี่คันนะซึกิเหมือนกันแหละ
เพราะคนๆนี้เคยฟิวส์ขาดเพราะเรื่องของเซอิจิมาครั้งนึง
เรื่องในตอนนั้นน่ะ ทุกคนรวมถึงชั้นต้องจำกันได้อยู่แล้ว
ตอนนั้นน่ะ................ยังคิดเลยว่าเซอิจิจะรอดมั้ยเนี่ย
แล้วปัจจุบันรุ่นพี่คันนะซึกิตรงหน้าจากสายตาของพวกเรารู้ได้เลยว่าฟิวส์ขาดไปแล้ว
ถึงไม่สามารถอธิบายได้ก็เถอะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด น่ากลัวโคตรอ่ะ ไม่ไหวแล้วอยากเผ่นกลับบ้านจัง
เพราะรับรู้ได้ว่ารู้สึกอย่างนั้นล่ะมั้ง รุ่นพี่คันนะซึกิก็เลยยิ้มเศร้าๆหันมาทางพวกเรา
จากนั้นก็หันไปทางพวกอาโอยามะแล้วย่อตัวลง
「ในชั้นเรียนของพวกเธอมีอยู่แค่คนเดียวที่ไม่ได้มาที่นี่สินะ」
「ก ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ...........」
พออาโอยามะตอบกลับมาด้วยท่าทีประหม่า รุ่นพี่คันนะซึกกิก็ส่งสายตาเย็นชาสาดใส่พวกอาโอยามะ
「โง่เง่า โง่เง่ากันจริงๆ ทั้งที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังจะมารังแกไร้สาระกันอยู่อีกงั้นเหรอ?」
「เรื่องนั้น..........」
「ผลสุดท้ายความเป็นมนุษย์ของชั้นเรียนพวกเธอมันก็แค่นี้แหละ
ฉันไม่มีคำพูดอะไรจะพูดกับคนอย่างพวกนายอีกต่อไปแล้ว」
แล้วรุ่นพี่คันนะซึกิที่สาดสายตาเย็นชาจนหยดสุดท้ายก็สะบัดสายตาออกแล้วยืนขึ้น
ม ไม่ปราณีกันเลย........
รุ่นพี่คันนะซึกินั้นเป็นลูกสาวของคันนะซึกิกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ปกติน่ะไม่มีทางมาโรงเรียนระดับพวกเราหรอกต้องเป็นโรงเรียนระดับสูงกว่านี้เยอะ
แต่ที่ไม่ทำอย่างนั้นเหตุผลง่ายๆก็คือมันใกล้บ้านกับไม่อยากแยกจากพวกเรา
ไม่สิแทนที่จะบอกว่าพวกเราน่าจะบอกว่าไม่อยากแยกจากหมอนั่นมากกว่า.............
นอกจากนั้น รุ่นพี่คันนะซึกิก็ยังเป็นที่ชื่นชอบจากทั้งชายและหญิงทั่วโรงเรียนด้วย
ทั้งที่โรงเรียนตั้งเป้าไว้สำหรับฝึกหัดเลี้ยงดูไอดอลกลับโดนความสวยของรุ่นพี่คันนะซึกิแซงไปซะได้
กริยาเรียบร้อย สวยฉลาด เก่งทั้งบุ๋นและบู๊..........เป็นคนที่พอนึกถึงก็มีคำเหล่านี้ลอยขึ้นมาเลย
มันก็แน่อยู่แล้วว่าต้องเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก แถมยังชอบดูแลคนอื่นอีก
พอเห็นคนๆนี้ทีไรก็ให้ความรู้สึกเป็นสตรีญี่ปุ่นผู้เข้มแข็งจริงๆ
เอาเถอะ อาจจะมียามาโตะ นาเดชิโกะที่มีลักษณะแบบนี้อยู่คนนึงแล้ว
แต่คนอื่นนอกจากรุ่นพี่คันนะซึกิแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับของพวกเราหรอก............
อาโอยามะกับไดกิที่ถูกคนมีชื่อเสียงอย่างรุ่นพี่คันนะซึกิเทคำพูดที่ไม่ยกโทษให้ออกมา
ทำหน้าสิ้นหวังกันออกมาเลย
อ๋อ สองคนนี้เองก็เป็นหนึ่งในบรรดาแฟนๆของรุ่นพี่คันนะซึกินี่เอง
ระหว่างที่ชั้นคิดอย่างนั้นรุ่นพี่คันนะซึกิก็กลับเป็นปกติ
ราวกับบรรยากาศโหดเหี้ยมอำมหิตเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหกเลย
「เอาเถอะ คราวนี้ก็เพราะเซอิจิเป็นที่รังเกียจเหมือนเดิมนั่นแหละ」
「เรื่องนั้น..............」
เคนจิทำท่าจะโต้แย้งออกไปแต่เรื่องที่รุ่นพี่คันนะซึกิพูดมามันก็ถูก
เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กนั่นแหละถึงได้รู้ว่าชายที่ชื่อฮิรากิ เซอิจิน่ะจะดีจะแย่ยังไงก็เป็นคนจิตใจดี
ถึงเอริกับริกะแล้วก็ฮิโนะที่รู้จักตอนเข้าม.ปลายเลยรู้จักกับเซอิจิแค่ในฐานะเพื่อน
แต่ชั้น มิอุ เคนจิแล้วก็รุ่นพีคันนะซึกิไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เซอิจิเป็นเพื่อนสมัยเด็กคนสำคัญที่ไม่มีใครจะมาแทนได้
ทั้งๆที่เซอิจิถูกรังแกตลอดตั้งแต่ชั้นประถมก็ยังคอยช่วยเหลือพวกเรา
ในนั้นมีถึงขั้นช่วยชีวิตด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นเซอิจิยังมีนิสัยมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ
แค่อยู่ใกล้ๆก็รู้สึกได้รับความร่าเริงสดใสขึ้นมาเลย
แต่เซอิจิที่เป็นแบบนั้นพอเข้าม.ปลายกลับทำตัวห่างเหินไม่อยากให้พวกเราช่วยเหลือ
ก็เริ่มเป็นมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วแหละแต่หลังจากเข้าม.ปลายก็เห็นได้ชัดเจนเลย
ทั้งที่พวกเราไม่มีใครใส่ใจแท้ๆแต่หมอนั่นกลับหลีกเลี่ยงความหวังดีของพวกเราไปเองคนเดียว
...............เพื่อไม่ให้สถานะของพวกเราตกต่ำลงมาเพียงแค่นั้น
รุ่นพี่คันนะซึกิเลยฟิวส์ขาดกับคำพูดผลักไสของเซอิจิที่เป็นห่วงความความนิยมของพวกเรา
ตอนนั้นน่ากลัวมากๆเลย แค่นึกก็สั่นแล้ว
ยังไงก็ตามแต่เพราะเป็นห่วงพวกเราเลยคอยหลบเลี่ยงนี่แหละแม้แต่ตอนนี้ถึงได้ยังถูกรังแกอยู่
ก็ไม่ได้อวดหน้าตาตัวเองหรอกนะแต่ชั้นกับพวกเคนจิน่ะหน้าตาใช้ได้
ในโรงเรียนก็จัดอยู่ในกลุ่มพวกหน้าตาใช้ได้
เพราะงั้นครั้งนี้พวกเราเลยอยากจะช่วยเหลือเป็นที่พึ่งให้กับเซอิจิบ้าง
แต่พวกเราก็ไม่ใช่ว่าจะฟลุ๊กอยู่กับเซอิจิตอนที่ถูกรังแกได้ตลอดเวลา
แถมต่อให้ถามว่าถูกใครรังแกยังไงก็ดื้นรั้นไม่ยอมบอกด้วย
ขนาดตอนพ่อแม่เซอิจิตายยังทำแค่เก็บตัวไปซักพักไม่ยอมมาพึ่งพาพวกเราเลย
ด้วยท่าทางแบบนั้นของหมอนั่นทำให้รู้สึกเสียใจเลยว่าทำไมไม่ยอมเชื่อใจพวกเราบ้าง
อยากจะให้มาพึ่งพาเพื่อนอย่างพวกเราให้มากกว่านี้
ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังคอยแบกรับมันอยู่คนเดียว..............
พอนึกย้อนกลับไปเกี่ยวกับเรื่องของเซอิจิจนถึงตอนนี้ รุ่นพี่คันนะซึกิก็คลายสีหน้าลงมา
「แต่ว่า............อย่างเซอิจิคุงน่ะต้องไม่เป็นไรอยู่แล้วล่ะ」
คำพูดนั้นถ้าเป็นคนไม่รู้จักกันมาฟังล่ะก็อาจจะคิดว่าเป็นแค่การมองโลกในแง่ดีเกินเหตุ
ซึ่งในความเป็นจริง ทั้งเอริและริกะต่างก็เอียงคอสงสัย
แต่ชั้นกับมิอุแล้วก็เคนจินั้นต่างกัน
คือยิ้มแห้งๆออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจกับคำพูดของรุ่นพี่คันนะซึกิ
「ก็จริงนะ อย่างหมอนั่นล่ะก็...............」
「ก็เป็นพี่เซอิจินี่นา..............」
มิอุกับเคนจิต่างพูดด้วยรอยยิ้ม
ใช่แล้วล่ะ อย่างเซอิจิน่ะต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว
ถึงไม่มีอะไรมายืนยันแต่มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วจะคิดอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้
เรื่องคิดบวกของหมอนั่นเจ๋งที่สุดในโลก เพราะงั้นไงถึงแค่อยู่ใกล้ก็สนุกแล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ในที่ๆอันตรายแค่ไหนก็ยังสนุกสนานได้แบบแปลกๆ
ต้องฟันฝ่ามาได้ตามจินตรนาการเบี้ยวๆของพวกเราแน่
「ใช่มั้ยล่ะ? เซอิจิ」
ชั้นพึมพำเบาๆ
◆◇◆
ชั้น.............ฮิรากิ เซอิจิกำลึงเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่คาดไม่ถึงแบบสุดๆ
「เซอิจิ!ไม่เอานะ.............จะตายไม่ได้นะ!」
ซาเรียเอียงตัวลงมาซบชั้นแล้วร้องตะโกน
ส่วนชั้นมองภาพนั้น............จากด้านบน
อืม จะอธิบายให้แล้วกันว่าทำอีท่าไหนถึงเป็นสภาพนี้ได้
ก็ชั้นน่ะ---------
『อยู่ในสภาพวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!?』
------------ก็อย่างที่ว่านี่แหละ
อ้าวฉิบหายแล้วสิ!? ชั้นตอนนี้เป็นวิญญาณแล้วนะเฮ้ย!?
จ ใจเย็นไว้...............ทำไมถึงมีสภาพนี้ได้ล่ะ มาลองเรียบเรียงสถานการณ์กันดีกว่า
อันดับแรกรู้สึกว่าจะมีเสียงดังในหัวบอกว่าจะทำการวิวัฒนาการที่เรียกอีกอย่างว่าสาส์นสั่งตายมา
จากนั้นสติของชั้นก็หายวับไปเลย คงเพราะเจ็บปวดเกินรับไหวแน่เลยสติถึงได้หายไป
แล้วพอลืมตาขึ้นมา ชั้นก็มองลงไปเห็นซาเรียร้องไห้กับร่างกายชั้น
ทีแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอมองร่างกายตัวเอง
ทำไมถึงโปร่งใสได้ล่ะ แถมขาไม่มีด้วย
..................สภาพแบบนี้มันวิญญาณชัดๆเลยนี่หว่า
『นี่มันไม่ใช่เวลามาใจเย็นค่อยๆวิเคราะห์แล้ว!? ตกลงตอนนี้ชั้นตายแล้วใช่มั้ยเนี่ย!?』
ยิ่งกว่านั้นร่ายกายของชั้นที่ซาเรียร้องไห้อยู่น่ะ!สภาพแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วด้วย!
ก็ดูสิ ตรงเส้นผมน่ะแค่ดูด้วยตายังพอรับได้
แต่ตรงส่วนอื่นๆอย่างใบหน้าหรือร่างกายเนี่ยมันเด้งปุดๆเลยนะเฟ้ย!
ยุบบ้าง พองบ้าง ยืดบ้าง หดบ้างตั้งไม่รู้กี่ครั้ง..............
สรุปก็คือร่างกายของชั้นมันคงรูปร่างแบบมนุษย์ไว้ไม่ได้แล้ว!
นอกจากนั้นถ้าชั้นไม่ได้คิดไปเองล่ะก็มีเสียงอย่างกิ๊วววววววววววว!แบบนี้
อย่างโกร็งเกร็งกร็อง!แบบนี้ หรืออย่าง ซุ่มมมมม!แบบนี้
เสียงที่ไม่มีทางมาจากร่างกายของมนุษย์ได้ยินชัดแจ๋วเลย!?
ชักหยะแหยงแล้วฟ่ะ!ร่ายกายของชั้น...............อย่างกับสไลม์แน่ะ!
นี่เพราะใส่เสื้ออยู่นะเนี่ย ไม่งั้นคงเหมือนของจริงแบบแปลกๆไปแล้ว!
ก็เคยคิดอยากดูรูปร่างหน้าตาตัวเองว่ามันเป็นยังไง...........แต่นี่มันไม่ใช่สภาพของคนแล้ว
แล้วนี่ไม่รู้เลยเหรอว่าปกติหน้าตาของตัวชั้นเองมันเป็นยังไง
...........อ้าว? ชั้นปรับตัวกับสภาพนี้ได้อย่างคาดไม่ถึงเลยแฮะ?
ก็ขนาดอยู่ในสภาพนี้แล้วยังมีอารมส์มานั่งตรวจดูรูปร่างหน้าตาตัวเองอีก
ขณะที่มองลงมาดูตัวเองแล้วคิดอย่างนั้น ซาเรียก็ทำหน้าเหมือนกันนึกอะไรออก
「จ จริงสิ!ถ้าจำไม่ผิด เวลาแบบนี้..........」
เวลาแบบนี้ที่ว่ามันเวลาแบบไหน!? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตที่เจอมนุษย์กลายเป็นสไลม์เหรอ!?
ลองเป็นชั้นเผชิญหน้ากับสิ่งแปลกประหลาดล่ะก็มั่นใจเลยว่าเผ่นทันทีแน่
ขณะที่พยักหน้าเข้าใจอยู่คนเดียวซาเรียก็เริ่มพูดอะไรที่คาดไม่ถึงออกมา
「ต้องนวดหัวใจกับผายปอด!」
ไม่ใช่แล้วไม่ใช่แล้วไม่ใช่แล้วไม่ใช่แล้ว!มันไม่ใช่ชัวร์ๆอ่ะ!?
มนุษย์ที่มีสภาพเป็นสไลม์จะนวดหัวใจไปเพื่อ!
นอกจากนั้น จะผายปอดแต่ตรงส่วนหน้าเนี่ยมันเละไปหมดแล้ว ปากหายไปไหนก็ไม่รู้ด้วย!?
ยิ่งกว่านั้นซาเรียรู้เรื่องการนวดหัวใจกับผายปอดนี่เล่นเอาตกใจเลยแฮะ.............
「ถ้าเข้าใจวิธีช่วยแล้วก็รีบปฏิบัติจริงกันเลย!」
นั่นมันไม่ใช่วิธีช่วยที่ถูกต้องแล้ววววววววววววววววววววววว!
เอาเลยลองนวดหัวใจจากร่างกายหยุ่นๆของชั้นดูเลยเอ้า!มีแต่จะเละขึ้นนั่นแหละ!
หนำซ้ำทั้งกระดูก ตับ ลำไส้หรือพวกระบบย่อยอาหารทั้งหมดอยู่ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้!
จะว่าไป มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของชั้นกันแน่เนี่ย!? แถมตัวชั้นมีสภาพเป็นวิญญาณซะด้วยนะ!
ระหว่างที่ตบมุขซาเรียไปพลางคิดถึงสภาพของตัวเอง
ซาเรียก็เอามือไปทาบตรงส่วนที่ประมาณว่าเป็นอกแล้วเริ่มนวดหัวใจ
「ฮึบ ฮึบ ฮึบ ฮึบ!」
ข้อศอกยืดตรงกดลงไปตรงกลางอกอย่างต่อเนื่องทุกวินาที
.........เอาไงก็เอาเหอะ ร่างกายที่ไม่คงรูปของชั้นน่ะตรงนั้นจะเป็นหน้าอกของชั้นรึเปล่ายังสงสัยอยู่เลย
แต่ก็นะ ถ้าตรงที่กดลงไปเป็นอกจริงๆล่ะก็นั่นก็เป็นวิธีการนวดหัวใจที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ!
น่าเสียดายอยู่อย่าง ก็ร่างกายที่เละๆเด้งดึ๋งไม่เป็นมนุษย์เนี่ย
การนวดหัวใจมันจะมีประโยชน์อะไรมั้ย!
หลังจากปั๊มหน้าอกไปประมาณ30ครั้งคงจะผายปอดต่อล่ะมั้ง
แต่พอซาเรียมองตรงที่เหมือนจะเป็นหน้าชั้นก็พลันเอียงคอแล้วพูดขึ้นโดยที่ยังไม่ได้ผายปอด
「เอ? แล้วปากกับจมูกอยู่ตรงไหนล่ะ?」
จะไปรู้เรอะ!แล้วจะเริ่มทำไปทำไมเนี่ย!?
ไม่สิ ที่อุตส่าห์ลงมือทำCPRเพื่อชั้นน่ะก็ดีใจอยู่หรอก!
แต่ว่านะ? นี่มันไม่ใช่ปัญหาที่จะลองโน่นลองนี่ก็ได้หรอกนะเธอ!?
ความจริงชั้นก็กลายเป็นวิญญาณไปแล้วด้วย!
ต่อให้ชั้นตบมุขขนาดไหนก็ตามเสียงของชั้นก็ส่งไปไม่ถึงซาเรีย
แต่แล้ว ซาเรียไม่รู้เพราะเพี้ยนไปรึเปล่าถึงได้พูดแบบนั้นขึ้น
「ใช่แล้ว!เพราะพลังของฉันไม่พอนี่เองถึงไม่ได้ผล!」
ไม่ช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
ไม่ใช่แล้วครับ คุณซาเรีย!ไม่ใช่แบบสุดๆ!
ก็ตะกี้ที่เธอจะผายปอดกับร่างกายของชั้นก็รู้อยู่แล้วนี่ว่ามันทำไม่ได้!?
แล้วทำไมถึงคิดไปได้ว่าเป็นเพราะพลังไม่พอหา!?
「ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็...........ฮึบ!」
พอออกเสียงเบ่งพลังอย่างนั้น ร่างกายของซาเรียก็มีแสงห่อหุ้มซักพักหลังจากที่แสงหายไป
กอเรีย(ซาเรียเวอร์ชั่นกอลิล่า)เปลือยเสื้อเชิ๊ตตัวเดียวก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
「เซอิจิ รอก่อนนะ จะช่วย เดี๋ยวนี้แหละ」
ช ช่วยรอประเดี๋ยวก่อนนะครับ ไม่ทราบว่าจะทำอะไรเหรอครับ?คุณกอเรีย...........
ยิ่งกว่านั้น ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นกอลิล่าทั้งตัวด้วยไม่เปลี่ยนเป็นกอลิล่าแค่ส่วนเดียวอ่ะ?
นี่อุตส่าห์ไม่อยากเห็นกอเรียในเปลือยเสื้อเชิ๊ตตัวเดียวอีกเป็นครั้งที่2ก็มาเห็นอีกจนได้..............!
ขณะที่รู้สึกไม่สบายใจกับท่าทางแปลกๆของกอเรีย
จู่ๆกอเรียก็กำมือสองข้างแล้วสะบัดลงมา-----------
「ย่าห์!」
-------------ที่ตัวชั้นด้านล่าง
『ร่างช๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนน!』
เละตุ้มเปะ!ร่างกายของชั้นเละตุ้มเปะ!แถมมีเสียง『แผละ』ด้วย!
「.................อ้าว?」
อ้าว? ซะที่ไหนกันล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ!
ร่ายกายชั้นมันกลายเป็นชิ้นๆปลิวไปหมดแล้ววววววววววววว!
ร่ายกายที่จะกลับไปของช๊านนนนนนนนนนนนนน!
ขณะที่ชั้นในร่างวิญญาณเอามือกุมหัวแล้วร้องตะโกนก็มีภาพที่ชวนสงสัยมาปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง
『...................หา?』
ภาพนั้นคือร่างกายของชั้นที่ปลิวกระจายเป็นชิ้นๆไปแล้ว
เคลื่อนไหวหนึบหนึบกลับมาเป็นก้อนเดียวกันอีกครั้ง
..................
หัวชั้นมันเพี้ยนไปแล้วรึเปล่าหว่า
ถ้าเกิดสมมติว่า ชั้นในสภาพวิญญาณกลับไปที่ร่างตัวเองได้อีกครั้งล่ะก็
ชั้นในร่างประมาณนั้นได้ลาออกจากการเป็นมนุษย์แน่นอน ฟันธงเลย
ควรพูดว่าไงดีล่ะ จะซาโยนาระแค่ความเป็นมนุษย์ หรือจะซาโยนาระความเป็นสิ่งมีชีวิตเลยดี
...............ตัดสินใจไม่ถูกเลยแฮะ
ในตอนที่สปีดการประมวลสมองของชั้นตามสถานการณ์ปัจจุบันไม่ทันนั่นเอง
อยู่ๆร่างกายของชั้นที่กลายเป็นก้อนก็ส่องแสงขึ้น
จากนั้นกอเรียที่มองแสงเจิดจ้าตรงหน้าก็เอามือจับตาทั้งสองข้าง------------
「ตา...............ตาฉัน~」
ทำไมถึงรู้บทพูดนั้นด้วยอ่ะ!? อ้ะ ก็ชั้นเคยพูดไปนี่นา!ยังไงก็ตามแต่แสดงได้มั่วดีจังนะเธอ!
ขณะที่มองดูซาเรียเล่นตลกอยู่คนเดียว ชั้นก็เริ่มถูกพลังอันรุนแรงดูดเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
『อ อะไรกันน่ะ!?』
พอหันไปทางที่ถูกดูดก็ดูเหมือนว่า...............จะเป็นร่างกายของชั้นที่ส่องแสง
『เอ๋? ไอ้นั่นจะกลายเป็นร่างกายของชั้นงั้นเหรอ!?』
โกหกน่า!? นั่นมันก้อนปริศนานะเฮ้ย!? ไม่มีรูปร่างมนุษย์แม้แต่นิดเลยนะ!?
เป็นร่างที่ขนาดเละไปทีนึงแล้วยังมารวมกันได้ด้วยนะ...........อะไรหลายๆอย่างมันไม่ถูกต้องแล้ว!?
แต่ต่อให้ชั้นพยายามขัดขืนแค่ไหนก็ไม่อาจสมหวังด้วยพลังดึงดูดกลับไปสู่ที่เคยอยู่แต่เดิม
ว่ากันง่ายๆคือกำลังถูกดูดเข้าไปในก้อนส่องแสงที่เหมือนจะเป็นร่างของชั้นแล้ว
แต่พอถูกดูดเข้าไปก็ไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไร
ทั้งที่ร่างกายไม่สามารถคงรูปร่างมนุษย์ได้แล้วแท้ๆแต่ทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับมันดีจัง
ยิ่งกว่านั้น ทั้งตา ปาก หู จมูก.............ไม่เหลืออะไรแล้วแต่ก็ยังรู้สึกได้ มันอะไรกันเนี่ย ชักสยองแฮะ
พอปล่อยร่างกายไปกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ร่างกายของชั้นก็เริ่มดิ้นยุกยิก
จากนั้นก็รู้สึกจะค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมา
แล้วนั่นก็คือ รูปร่างมนุษย์อันแสนคุ้นเคย
แขน ขา ลำตัว หัว หน้า............ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างตามความรู้สึก
ตา หู จมูก ปากพวกนี้ที่เป็นส่วนประกอบของร่างกายก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
แปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ
รู้สึกถึงพลังอันยากหยั่งถึงที่แปลกประหลาดได้เลย
「ซ เซอิจิ...........」
ทั้งที่ตายังไม่คืนสภาพกลับมาเต็มร้อยแต่ก็รู้สึกได้เลยว่าซาเรียกลับเป็นร่างมนุษย์แล้ว
ตอนที่ได้ฟังเสียงประหลาดใจของซาเรียร่างกายของชั้นก็กลับคืนมาสมบูรณ์แบบ
「...................」
เปิดตาขึ้นมาช้าๆ
จากนั้นก็มองลงมายังร่างกายของตัวเองทันที
เสื้อผ้าไม่เปลี่ยนไปจากตอนก่อนวิวัฒนาการเลย
แขน ขา ลำตัวอยู่ครบดี
ทว่ามีร่างกายอันแน่นเปรี๊ยะระดับที่ชั้นในโลกเก่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีได้
แถมรู้สึกว่าระดับสายตามันจะสูงกว่าเดิมยังไงไม่รู้แฮะ...............
พอลองสัมผัสใบหน้าดู ตา หู จมูก ปากก็มีครบ
แต่รู้สึกขนตามันจะยาวขึ้น อย่างหนวดเคราหรือสิวที่ระเกะระกะบนใบหน้าก็หายเรียบ
ผนก็แทนที่จะล้านเลี่ยนไปกลับมีจำนวนเส้นผมเพิ่มขึ้น
ก่อนจะวิวัฒนาการผมมันบางกว่านี้นา.............
ระหว่างที่สำรวจร่างกายตัวเองก็มีร่างของซาเรียเข้ามาในสายตา
「โห~」
..........มีอะไรเหรอ ซาเรียหน้าแดงและทำหน้างงๆให้ทางนี้เห็น
เอาเถอะ แค่ไม่ใช่กอเรียก็ดีแล้วล่ะ
จะว่าไป ซาเรียเจอชั้นที่วิวัฒนาการได้ขยะแขยงขนาดนั้นยังไม่หลีกหนีเลยแฮะ
ลองเป็นชั้นล่ะก็ได้โดดหนีแน่
หนำซ้ำยังพยายามช่วยชั้นอีก......... มาชอบชั้นตรงไหนกันน้าจนบัดนี้ยังไม่เข้าใจเลย
เป็นผู้หญิงที่ดีเกินไปสำหรับชั้นจริงๆ!........ถึงเดิมจะเป็นกอลิล่าก็เถอะ
ไม่สิ ตอนนี้ก็ยังกอลิล่าอ่ะนะ
โอ๊ะ..........แทนที่มานั่งคิดเรื่องอย่างนั้น มาดูสเตตัสกันเลยดีกว่า นี่แหละที่สงสัยที่สุด
ชั้นรีบเปิดหน้าจอสเตตัสทันทีเพื่อยืนยันดูว่าพอวิวัฒนาการแล้วอะไรมันเปลี่ยนไปบ้าง
≪ฮิรากิ เซอิจิ≫
เผ่าพันธุ์:มนุษย์ (มนุษย์)
เพศ:ชาย (ชาย)
อาชีพ:สัตว์ประหลาดนิรนาม (นักดาบเวท)
อายุ:17 (17)
เลเวล:1 (1)
พลังเวท:116024 (11)
พลังโจมตี:118075 (11)
พลังป้องกัน:113252 (11)
ว่องไว:120252 (12)
โจมตีเวท:115563 (11)
ป้องกันเวท:116665 (11)
โชค:109030 (10)
เสน่ห์:ตึกตักใจสลาย (10)
≪อุปกรณ์สวมใส่≫
เสื้อเชิ้ตคุณภาพดี กางเกงคุณภาพดี เสื้อในคุณภาพดี กางเกงในคุณภาพดี โซ่ลิงเจ้าปัญญา
ดาบสั้นมณีภูติน้ำ กำไลค่ำคืน โชกเกอร์หินราชาดำ สร้อยคอแห่งรักไร้สิ้นสุด
เรเปียร์วังวนแห่งความเกลียดชัง เรเปียร์แห่งความรักอันล้นเหลือ
≪สกิลเฉพาะตัว≫
จดจำทันที จดจำสมบูรณ์แบบ เรียนรู้ทันที ฟื้นตัวทันที แยกส่วนสมบูรณ์แบบ ตาใจ
≪สกิล≫
【โจมตี】เท้าสังหาร เขี้ยวคู่ เล็บแกร่ง
【ทนทาน】ทนทานเหน็บชา ทนทานนอนหลับ ทนทานสับสน ทนทานหลงไหล
ทนทานกลายเป็นหิน ทนทานสกัดกั้น ทนทานพิษ ทนทานอ่อนเพลีย
【เคลื่อนไหว】ก้าวพริบตา
【พิเศษ】ตรวจสอบขั้นสูง ปรุงยาชั้นเยี่ยม สร้างเครื่องมือ:ชั้นหนึ่ง ค้นหาศัตรู
พรางตา แทรกซึม ตาทิพย์
≪เวทมนตร์≫
เวทในชีวิตประจำวัน เวทธาตุน้ำขั้นสูงสุด เวทธาตุมืดขั้นสูงสุด
≪ศาสตร์ลับ≫
ลมกรด ประกายแสง เมฆหมอก
≪วิชายุทธ≫
วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสขั้นเจ้าสำนัก
≪ฉายา≫
ผู้ใช้กลิ่น ชายผู้มีภรรยาเป็นกอลิล่า จุดสูงสุดแห่งสรรพสิ่ง ไม่รู้จักยับยั้งตนเอง ราชาแห่งตัวผู้
≪เงินที่มี≫
1,000,000,000G
「ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้เรื่องเลยเฟ้ย.........!」
สเตตัสมันยุ่งเหยิงซะจนหลุดขอบเขตความเข้าใจของชั้นไปเยอะเลย...........!
อะไรหลายๆอย่างมันจะเพิ่มเยอะไปมั้ย!? อะไรของมันเนี่ย!?
นอกจากนั้น เผ่าพันธุ์ของชั้นกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาแล้วด้วย!?
นี่ขนาดวิวัฒนาการได้น่าขยะแขยงแบบนั้นเลยนะ!?
ขณะที่กำลังตบมุขตรงช่องเผ่าพันธุ์ที่เขียนว่ามนุษย์
อยู่ๆตรงช่องเผ่าพันธุ์ก็มีคำอธิบายแสดงออกมา
『มนุษย์』.......คำๆนี้มีความหมายมากมายรวมไว้ด้วยกัน
ปลายสุดแห่งวิวัฒนาการ - ถึงจะวนครบรอบจนกลับมาจบที่มนุษย์แต่อย่าคิดว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาซะล่ะ
「ลึกซึ้ง!」
จะว่าไปแล้ว วนครบนึงแล้วเป็นมนุษย์นี่มันอะไรกันฟะ!?
ขอบเขตวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์อย่างชั้นทำได้คิดว่าทะลวงสวรรค์ไปแล้วนะเนี่ย!?
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่คิดเลยนะว่าเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษย์จะมีความหมายลึกซึ้งขนาดนี้!
เอาเถอะเผ่าพันธุ์ไว้แค่นี้แล้วกัน ที่เขียนคร่าวๆตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะลาจากความเป็นมนุษย์สักหน่อย
มาคิดบวกดีกว่า อื้ม
แต่ว่านะ? อาชีพสัตว์ประหลาดนิรนามนี่มันอะไรกัน?
เผ่าพันธุ์เป็นมนุษย์แต่ไหงอาชีพเป็นสัตว์ประหลาดได้อ่ะ? ไม่ขัดแย้งกันไปหน่อยเหรอ?
แล้วก็นะ ถูกจัดเป็นสัตว์ประหลาดนี่โหดร้ายชะมัด?
ชั้นแม้แต่ตอนนี้ก็ยังพยายามเป็นมนุษย์อย่างสุดความสามารถเลยนะ?
เพราะสเตตัสนี่แหละ!มันคนละรุ่นกันกับเซนอสเห็นๆ!
ลองได้เห็นสเตตัสเแบบนี้ล่ะก็ได้แต่พยักหน้าให้กับอาชีพสัตว์ประหลาดแน่ เวรเอ๊ย!
แล้วตรงสเน่ห์นี่มันอะไรก๊าน!? ตึกตักใจสลาย? เอ อะไรหว่า?
รัก1000%งั้นเหรอ? เจ้าชายแห่งเสียงเพลงงั้นเหรอ!?
อุตส่าห์คิดว่าช่องว่างหายไปแล้ว............. ดันมีที่ไม่เข้าใจความหมายมาแทนอีก สลัดเอ๊ย!
จะว่าไป สกิลพิเศษที่เพิ่มเข้ามานี่มันอะไร!?
ไม่ทันไรแยกส่วนสมบูรณ์แบบก็ย้ายไปอยู่ช่องนี้ซะแล้ว!
ก่อนอื่นต้องตรวงสอบประสิทธิภาพของพวกที่ถูกเพิ่มเข้ามาตรงช่องสกิลเฉพาะตัวที่ไม่เคยเห็น
『จดจำทันที』.......สกิลจดจำสิ่งที่เห็นได้ในพริบตา
『จดจำสมบูรณ์แบบ』.......สกิลเมื่อจดจำไว้แล้วครั้งนึงจะไม่มีทางลืม
『เรียนรู้ทันที』.......สกิลรับรู้สิ่งที่เรียนได้ในพริบตา
『ตาใจ』.......สกิลทำให้การมองเห็นสิ่งเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดขึ้น
จะเห็นการโจมตีทั้งหลายทั้งปวงช้าลง พร้อมกันนั้นสามารถมองเห็นอะไรหลายๆอย่างได้
「บัดซบ!สูตรโกงพาเหรดกันมาเลยเฟ้ย!」
ตกลงจะให้ชั้นเป็นอะไรกันแน่!? ที่ว่าวนครบรอบเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้โม้เลยนะเนี่ย!
จดจำทันทีกับจดจำสมบูรณ์แบบคือชั้นจะจำอะไรต่างๆได้ทันทีแล้วไม่มีทางลืมสินะ?
สูตรโกงอย่างนี้น่ะถ้าเป็นที่โลกเก่าก็อยากได้อยู่หรอก...............!
ยิ่งกว่านั้น สกิลตาใจนี่ก็สุดๆไปเลย...........
จะเห็นการโจมตีช้าลง นี่มันไม่ใช่ขอบเขตของมนุษย์แล้ว นอกขอบเขตของมนุษย์โน่น
นอกจากนั้น จะสามารถเห็นอะไรหลายๆอย่างนี่ ตกลงจะเห็นอะไรกัน!? ผีเหรอไง!?
..............เอาเถอะสกิลเฉพาะตัวเอาแค่นี้แล้วกัน
สกิลเองก็จัดเรียงซะดูง่ายเลย
ช่องที่เพิ่มเข้ามาใหม่อย่างเวทมนตร์กับศาสตร์ลับเองก็ไม่มีอะไรแปลกๆเขียนไว้ด้วย
อื้ม ก็มีไว้เพื่อแสดงสิ่งที่ได้มาเท่านั้นนี่นา
เอาล่ะ งั้นก็ไปตรงฉายากันต่อ
「------------อย่ามาล้อเล่นนะเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」
ชั้นตะโกนสุดเสียง ก็มันทนไม่ไหวแล้วนี่นา!
ถึงซาเรียจะมีสีหน้าตกใจกับชั้นที่ตะโกนขึ้นมากะทันหันแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น
ว่าแล้วก็มาตรวจดูฉายาที่เพิ่มเข้ามาใหม่ตรงช่องฉายาทีละอันๆ
『ชายผู้มีภรรยาเป็นกอลิล่า』.......สุดยอดในหลายๆความหมาย
ถ้ามีฉายานี้อยู่ล่ะก็ต่อให้ชีวิตข้างหน้าเจออะไรส่วนใหญ่ต้องผ่านไปได้แน่ๆ...................คิดว่านะ
「มันทฤษฏีทางจิตใจนี่หว่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」
แถมยังไม่มีการรับประกันด้วยนะ!
จริงอยู่ถ้ามีภรรยาเป็นกอลิล่าได้ล่ะก็ จะเรื่องอะไรมันก็เล็กน้อยทั้งนั้นแหละ!?
ก็เรื่องมันใหญ่ระดับมีภรรยาเป็นกอลิล่านี่หว่า!
ไม่ต้องพูดถึงประสิทธิภาพหลักเลย ประสิทธิภาพยิบย่อยก็ไม่มี ฉายาขยะชัดๆ!
คิดอย่างนั้นแล้วก็ไปฉายาต่อไป
『จุดสูงสุดแห่งสรรพสิ่ง』.......จุดสูงสุดแห่งสรรพสิ่ง
「อธิบายตรงตัวมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!」
การย่อก็มีระดับของมันนะเฟ้ย!นี่เล่นซะไม่รู้ประสิทธิภาพเลยนะเฮ้ย!?
แล้วจุดสูงสุดแห่งสรรพสิ่งนี่มันอะไรฟะ!? หมายความว่าไงกัน!?
ให้ไปกูเกิ้ลเอาเหรอไง!? ให้หาคำที่เกี่ยวข้องอะไรงี้!?
แต่ไม่ต้องพูดถึงเน็ตเลยแม้แต่คอมยังไม่มีเลยนะเฟ้ย!?
『ไม่รู้จักยับยั้งตนเอง』.......ไม่รู้จักยั้งตัวเองไว้ ขีดจำกัดในการเติบโตจึงหายไปแล้ว
「นี่ตูไม่รู้จักยั้งตัวเองจริงดิ!?」
ขีดจำกัดในการเติบโตหายไปก็หมายความว่าคือชั้นสามารถพัฒนาได้อย่างไร้สิ้นสุดอ่ะดิ!?
ถ้าชั้นพัฒนาไปยิ่งกว่านี้จะเอาอะไรเป็นเป้าหมายดีล่ะ!? จอมมาร? หรือเทพเลยดี?
『ราชาแห่งตัวผู้』.......ฟังชั่นในการขยายพันธุ์ลำบากแย่เลย โหมดเหนือสุดยอด สำเร็จแล้วนะ
「อันสุดท้ายนี่มันมุขทะลึ่งเหรอไงฟะ!」
ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาดเลยอ่ะ!? ในฐานะผู้ชายก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอก!
แต่ชั้นจะเอาประสิทธิภาพของฉายานี่ไปโชว์ที่ไหนล่ะ!?
โอกาศแสดงประสิทธิภาพออกมาจะมีรึเปล่าก็ไม่รู้!?
มันระดับที่แบบอยากไปถามพระเจ้าโดยตรงเลยนะเนี่ย!
ส่วนใหญ่ก็ตบมุขไปเรียบร้อยแล้ว? แต่ก็ยังเหลือที่สงสัยมากๆอยู่อย่าง
นั่นคือ............
「ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บข้างๆสเตตัสนี่มันอะไรอ่ะ!?」
ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด!?
ตรงอาชีพทำไมในวงเล็บถึงเป็นนักดาบเวทล่ะ สเตตัสอื่นทำไมมี10กับ11อยู่ด้วย
ตัวเลขพวกนี้มันอะไรกัน!? จะไม่มีคำอธิบายอะไรให้เลยเหรอ!?
「ฮ่าห์..........ฮ่าห์..............ฮ่าห์..........ฮ่าห์..........」
「เป็นอะไรมั้ย? เซอิจิ...........」
ซาเรียพูดด้วยน้ำเสียงกังวลกับชั้นที่หายใจหอบ
ทั้งที่ตะโกนรุนแรงขนาดนี้ยังไม่ถอยหนีเลยแฮะ หนำซ้ำซาเรียยังทำแค่ตกใจแล้วเป็นห่วงให้อีก
「เฮ้อ............ฟู่ อื้ม ไม่เป็นไรแล้วล่ะ」
พอใจเย็นลงแล้วชั้นก็หันไปทางซาเรียแล้วพูดพลางยิ้มให้
ทันใดนั้นซาเรียก็หน้าแดงแล้วหันหน้าหนีชั้น
..............ปฏิกิริยาแบบนี้มันอะไรเนี่ย สภาพหน้าชั้นมันเป็นยังไงเหรอ!?
ถ้าหน้าแดงเพราะอดทนไม่หัวเราะนี่ใจร้ายจัง? หรือหน้าแดงในทางที่ดีกันหว่า? อันไหนกันแน่นะ?
พอลองสัมผัสหน้าตัวเองดูว่ามีอะไรยังไงด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่เจออะไร
เฮ้อ.........อยากได้กระจกหรืออะไรแบบนั้นจัง
ช่างเถอะไว้ค่อยแล้วกัน ยังไงก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากสักหน่อย
ที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่องจากนี้ไปต่างหาก
「ซาเรียหลังจากนี้จะเอาไงเหรอ?」
「เอ๋?」
ซาเรียหันมาทำหน้างงๆกับคำถามของชั้น
「ชั้นคิดว่าจะออกไปจากป่านี้น่ะ...........」
รู้สึกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะเรื่องที่คิดถึงผิวกายของมนุษย์น่ะ
.........แต่ที่ว่าคิดถึงผิวกายของมนุษย์นี่ไม่ใช่ว่าอยากจะไปสัมผัสอะไรแบบนั้นหรอกนะ
ระหว่างที่เศร้าไปอยู่คนเดียวซาเรียก็ยิ้มหน้าบานให้
「ฉันไม่ว่าที่ไหนก็จะตามเซอิจิไปอยู่แล้ว ก็ที่ๆเซอิจิอยู่...........เซอิจิคือที่อยู่ของฉันยังไงล่ะ!」
..................
เป็นผู้หญิงที่ดีเกินไปสำหรับชั้นจริงนั่นแหละ ถึงจะเป็นกอลิล่าก็เถอะ
「งั้นเหรอ ขอบใจนะ」
แล้วตอนที่ในใจนั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมานั่นเอง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแตรเฉลิมฉลองดังก้องไปทั่วถ้ำที่ชั้นกับซาเรียอยู่
「อ อะไรน่ะ!?」
「ม ไม่รู้เหมือนกัน!」
ในเมื่อซาเรียไม่รู้ พวกเราเลยต่างเข้าสู้สภาพระวังตัวโดยตั้งท่าพร้อมสู้ได้ทุกเวลา
แน่นอนว่า ซาเรียก็เปลี่ยนร่างเป็นกอเรียเปลือยเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเรียบร้อยแล้ว
............ถึงไม่อยากเห็นอีกเป็นครั้งที่สองแต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
อื้ม มันช่วยไม่ได้จริงๆ............!
ซาเรียกับชั้นต่างลับประสาทสัมผัสให้คมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะมีอะไรเกิดขึ้น
และแล้วที่ปรากฏออกมาหาพวกเรานั้นคือเสียงพูดคุยที่อยู่ๆก็โผล่มาของบุคคลที่3
「อื้มมม วิเศษมากครับ!」
「「!!」」
ชั้นกับซาเรียต่างหันไปทางเสียงอย่างรวดเร็ว
「หา!?」
「เอ๋!?」
และตอนที่ยืนยันตัวตนของเจ้าของเสียงนั้น พวกเราก็ส่งเสียงตกใจออกมา
「โอ๊ะ ขอประทานโทษด้วยครับ
การส่งเสียงเรียกโดยไม่ทันแนะนำตัวนี่จะระวังตัวกันก็แน่อยู่แล้ว」
พูดไปพลางเจ้าของเสียงก็เยื้องย่างเข้ามา
ชั้นกับซาเรียต่างรู้สึกตกใจกับตัวเจ้าของเสียงจนพูดไม่ออก
มันช่วยไม่ได้นี่นา
นั่นก็เพราะ---------
「กระผมเป็นผู้ดูแลดันเจี้ยนมีนามว่า เอ็ดเวิร์ด ริวเซนชไตส์ บัลเฮด เฮลบัส
ชื่อมันยาวช่วยเรียกเป็น『คุณแกะ』แทนแล้วกัน
แล้วก็ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...............」
---------------เจ้าของเสียงนั้นเป็นแกะเดินสองขาที่สวมเสื้อราตรีและหมวกผ้าไหมกลมทรงสูงนั่นเอง