ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Shinka no mi ตอนที่ 15 อดีตของขุนนางแห่งความมืด

ตอนที่ 15 อดีตของขุนนางแห่งความมืด

ผลลัพธ์บอกได้เลยว่ากว่าชั้นตั้งสติได้ แทบตายแน่ะ
แหม..........ก็มันช็อคโลกแบบสุดๆเลยนี่นา
อีกอย่างนะ? ไม่ใช่แค่ไม่มีแฟนมานานเท่ากับอายุเท่านั้น
เดิมทีชั้นยังไม่เคยแม้แต่จะไปพูดกับผู้หญิงเป็นชิ้นเป็นอันเลยด้วย
แล้วอยู่ดีๆซาเรียที่กลายเป็นสาวสวยมากอดเนี่ยจะไปทนไหวได้ไง
นี่แหละน้าความน่าเศร้าของหนุ่มจิ้น..........หรือจะว่าไม่ได้เรื่องก็ได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใดชั้นน่ะอยากให้ความสำคัญกับซาเรียมากกว่า
เพราะงั้นจะปล่อยตัวไปตามความปรารถนาไม่ได้
..........ถึงตอนเป็นกอลิล่าจะถูกพูดเชิญชวนตั้งหลายครั้งก็เถอะ
แต่ถ้าพูดเชิญชวนแบบนั้นตอนเป็นสาวสวยอย่างนี้ล่ะก็ในฐานะที่เป็นคนควรจะทำไงดีเนี่ย
แหม ก็ต้องตกลงเห็นๆอยู่แล้ว................
ก่อนอื่นในหัวของชั้นที่จัดการเรื่องซาเรียกลายเป็นสาวสวยแถมอยู่ดีๆเข้ามากอดได้แล้ว
ก็เอาเสื้อเชิ้ตตัวนึงออกมาจากไอเท็มบ็อกยื่นให้ซาเรียที่ถ้าเปลือยต่อไปต้องแย่แน่ๆ
แต่จะว่าไงดีล่ะ ตอนนี้ซาเรีย-----------เปลือยเสื้อเชิ้ตตัวเดียวแทนซะแล้ว
ช ชั้นไม่ใช่คนวิตถารนะ!?
ก็แค่บังเอิญเสื้อผ้าที่จะให้ซาเรียใส่ได้มีแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเท่านั้นเอง!.......นี่ไม่ได้แก้ตัวนะ........!
เอางี้ ลองคิดดูถ้าเกิดชั้นมีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ต่างหากถึงจะแปลก แถมต้องมาอธิบายว่าทำไมถึงมีอยู่อีก
แต่ว่านะ.............ยังไงก็ต้องให้ซาเรียใส่เสื้อให้ได้ แต่ชั้นในไม่มีนี่สิ..........
ไม่มีชั้นในแบบนี้กางเกงคงพอถูไถล่ะน่า..............
ระหว่างที่ชั้นกำลังกลุ้มใจอยู่คนเดียว
ซาเรียที่อยู่ตรงหน้าชั้นก็เอาจมูกไปแนบกับเสื้อเชิ้ตที่ใส่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู

「ซูด...........ฮ่าร์!มีกลิ่นของเซอิจิอยู่ด้วยล่ะ!」
「อ้ะ เหม็นเหรอ?」
「เปล่านะ!ไม่ใช่สักหน่อย!เป็นกลิ่นที่ดีมากๆเลยล่ะ!
รู้สึกสบายใจมากๆเหมือนถูกเซอิจิกอดอยู่เลยดีใจจัง!」
「.................」

..............ไม่ไหวแฮะ เขินสุดๆไปเลย
ซาเรียที่ยิ้มแป้นแล้วพูดแบบนั้นเนี่ยน่ารักสุดๆ.................
ยังไงก็ตามแต่...........กลิ่นที่ดีงั้นเหรอ.......... ตั้งแต่เกิดมาพึ่งจะมีคนพูดเลยนะเนี่ย
พึ่งผ่านไปไม่นานนี่กลิ่นตัวเปลี่ยนไปแล้วเหรอ?
เลยทดลองดมกลิ่นตัวเองดูนิดๆแต่ก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรสักเท่าไร
ต้องบอกว่ารู้สึกไม่ได้เปลี่ยนไปเลยมากกว่า
...........ใช้ฉายา『ผู้ใช้กลิ่น』ปิดกลิ่นตัวให้หมดเผื่อไว้ซะเลย ก็มันกังวลนิดๆนี่นา
พอชั้นทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นเสร็จแล้วก็หันไปพูดกับซาเรียอย่างใจเย็น

「ยังไงก็ตามแต่...........ซาเรียนี่วิวัฒนาการได้เยี่ยมไปเลยนะ」
「เอ๋? งั้นเหรอ?」
「ก็ดูสิ ภายนอกเหมือนคนแท้ๆเลยนะ นี่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ไปแล้วเหรอ」

ชั้นยิ้มแหยๆแล้วพูดไปแต่ซาเรียก็ตอบกลับมาแบบงงๆ

「เอ๋? ฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปตรงไหนเลยนะ?」
「หา? ไม่นะ...........ก็ภายนอกเนี่ยเปลี่ยนกันเห็นๆ ถึงเนื้อในจะไม่เปลี่ยนก็เถอะ.........」
「เปล่านะ ภายนอกก็ไม่ได้เปลี่ยนซักหน่อย?」

.............อ้าว? คุณซาเรีย ท่าทางบ๊องๆเนี่ยก็มาจากวิวัฒนาการด้วยเหรอ?
ดูยังไงรูปร่างภายนอกก็วิวัฒนาการแบบสุดๆไปเลยนา ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก..........
พอชั้นทำหน้าแบบเหลือจะกล่าวซาเรียก็ทำแก้มป่องขึ้นมานิดๆ

「มูววว จริงๆนะ!」
「แหม ก็มัน..........」

แล้วตอนที่ชั้นจะพูดนั่นเอง

「งั้นจะแสดงให้ดู!」

พอซาเรียพูดเสร็จ ร่างกายของซาเรียก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างอีกครั้ง
จากนั้นชั้นที่มองอยู่ตรงหน้าก็-----------

「ตา.......ตาช้านนนนนนนนนนนนนน!」

โดนแบบมุสุกะอีกแล้ว!
ไม่ไหวแล้ว!ตามัน..........ได้พังแล้วงานนี้!บอดจริงๆนะ!?
ต้องมามองแสงจ้าๆระยะประชิดแบบนี้บ่อยๆนี่ขอทีเถอะ!
พอชั้นเอามือสองข้างกดตาแล้วกลิ้งไปกับพื้นดินความเจ็บที่ดวงตาก็หายไปอย่างช้าๆ

「อูวว...............ระยิบระยับไปหมดเลย..............」

ตาลายไปหมดแต่แล้วตอนที่รอให้การมองเห็นกลับมานั้นก็พลางหันกลับไปหาซาเรียนั่นเอง

「..............」
「เนอะ? ก็บอกแล้วไง?」

ชั้นใบ้กินเลย
กอลิล่า ซาเรีย
......................
มันเกิดอะไรกันขึ้น!?
เพียงชั่วครู่ที่รอการมองเห็นกลับมาซาเรียเวอร์ชั่นกอลิล่าก็กลับคืนมาอีกครั้งแล้ว

「เเเเเเเเเเเเเเเอ๋!? กลับเป็นกอลิล่าแล้ว!?」
「อื้ม ถึงบางส่วนจะเปลี่ยนไป แต่ก็ทำได้」

เป็นความสามารถที่เสียของแบบสุดๆ!?
แม้ชั้นจะตกใจกับที่ซาเรียบอกมาแต่มีสิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกยิ่งกว่านั้นซะอีก
นั่นก็คือ

「ใครมันไปขอกอลิล่าเปลือยเสื้อเชิ้ตตัวเดียวกันฟะะะะะะะะะะะ!」

004.jpg

ซาเรียเวอร์ชั่นกอลิล่ามันต่างกับซาเรียเวอร์ชั่นสาวสวยตรงที่อกล่ำๆมันจะทะลักเสื้อเชิ้ตออกมาแล้ว
ถึงตอนที่เป็นสาวสวยจะทะลักในอีกความหมายก็เถอะ...........
แต่อันนี้มัน.............อันนี้มันรับไม่ได้เฟ้ย!
ใครกัน.............ใครกันฟะที่ขอกอลิล่าเปลือยเสื้อเชิ้ตตัวเดียวช่วยบอกชั้นที..........!
แล้วซาเรียก็ทำแก้มแดงพูดกับชั้นที่ร้องตะโกนพลางเอามือกุมหัว

「ดีใจถึงขนาดนั้น............ก็เขินอยู่หรอก แต่ดีใจจัง」
「ไหงมารู้สึกอายตอนเป็นกอลิล่ากันฟะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ!」

ซาเรียตอนตัวเองเป็นสาวสวยเปลือยให้ชั้นเห็นยังไม่อายเลย
ทีซาเรียแบบกอลิล่าดันมาทำเป็นพยายามดึงปลายเสื้อเชิ้ตปิดท่อนล่าง
เพื่อไม่ให้เห็นส่วนสำคัญแบบผู้หญิงซะงั้นอ่ะ
มันแปลกๆอยู่นะเฮ้ย!?
ตอนเป็นกอลิล่าคุณเธอก็เปลือยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง!? ทำไมพึ่งมาอายเอาป่านนี้!?
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยเฟ้ย!?
พอชั้นทั้งมือทั้งเข่าทรุดไปกับพื้นทันใดนั้นที่พื้นก็ถูกแสงเจิดจ้าใกล้ๆกันส่องสว่างจนเป็นสีขาว
ซักพักชั้นก็หันกลับไปหาซาเรียยืนยันดูอีกรอบ

「เป็นไง อย่างที่บอกใช่มั้ยล่ะ?」

ที่ตรงนั้นมีซาเรียแบบสาวสาวยยิ้มอย่างเจิดจ้ามาทางชั้น

「................」

คิดกับตัวเองเลยว่าเป็นสาวสวยนี่แหละถึงจะดี อันนี้ ไม่ได้คิดไปเองแน่
แต่ ตอนเปลือยเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเนี่ยช่วยอย่าแปลงร่างทีเถอะขอร้อง อะไรหลายๆมันเจ็บปวด
.............ส่วนใหญ่ก็ทางจิดใจอ่ะนะ
พอชั้นตั้งสติได้อีกครั้งก็ถามซาเรีย

「ยังไงดีล่ะ..........ถึงแปลงร่างได้มันจะดีก็เถอะแต่มันเพื่ออะไรเหรอ?」

ชั้นเอียงคอสงสัย ซาเรียก็ตอบกลับแบบลำบากใจนิดหน่อย

「ก็ ดูเหมือนว่าตัวฉันในสภาพนี้จะอ่อนแอ
เพราะงั้นรูปร่างที่ย้อนกลับไปเมื่อตะกี้นี้ก็เหมือนกับเพื่อดึงพลังต่อสู้ออกมา」

อย่างนี้นี่เอง
ดูเหมือนว่าซาเรียในตอนนี้จะอ่อนแอกว่าซาเรียเวอร์ชั่นกอลิล่า
สรุปคือ ซาเรียสาวสวย=โหมดไม่ต่อสู้ ซาเรียกอลิล่า=โหมดต่อสู้.......แบบนี้แหละ
อื้ม กอลิล่าซาเรียดูจะยังเป็นที่ต้องการอยู่แฮะ .............แต่รูปร่างภายนอกนี่ต้องการด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้สิ
พอเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะและร่ายกายใหม่ของซาเรียแล้ว
ชั้นก็ไปเก็บดรอปไอเท็มที่ได้จากการปราบเซนอส

「โอ้...........ดรอปไอเท็มเยอะดีแฮะ」

ตรงหน้าชั้นมีดรอปไอเท็มตกอยู่เยอะแยะเลย

「นี่เหรอดรอปไอเท็มของเซนอส...........」

...........ไอเท็มจะโกงขนาดไหนก็พอเดาได้ล่ะนะ
ได้มาก็ดีแต่จะเอามาใช้ยังไงดีหว่า............
ก่อนอื่นชั้นก็เก็บของที่เหมือนสกิลการ์ดที่ตกอยู่

『สกิลการ์ด≪พรางตา≫』.......สามารถเรียนรู้สกิล≪พรางตา≫ได้
『สกิลการ์ด≪แทรกซึม≫』.......สามารถเรียนรู้สกิล≪แทรกซึม≫ได้
『สกิลการ์ด≪ตาทิพย์≫』.......สามารถเรียนรู้สกิล≪ตาทิพย์≫ได้
『เมจิคการ์ด:ธาตุมืดสูงสุด』.......สามารถใช้เวทธาตุมืดได้
『การ์ดวิชา:วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสระดับเจ้าสำนัก』
.......สามารถใช้วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสได้
『การ์ดศาสตร์ลับ≪ประกายแสง≫』.......สามารถเรียนรู้ศาสตร์ลับ≪ประกายแสง≫ได้
『การ์ดศาสตร์ลับ≪เมฆหมอก≫』.......สามารถเรียนรู้ศาสตร์ลับ≪เมฆหมอก≫ได้

「อ อู้วววว.............」

พอชั้นหยิบสกิลการ์ดมาตรวจสอบดูก็ไม่รู้เลยว่าจะตอบสนองกับมันยังไงดี
ที่สำคัญการ์ดวิชาเนี่ยมันคืออะไรหว่า?
การ์ดศาสตร์ลับก็คือทำให้ชั้นเรียนรู้ศาสตร์ลับได้เนี่ยยังพอเข้าใจอยู่บ้าง.......
แต่ยังไงก็คงเหมือนเมจิคการ์ดที่บอกว่าทำให้เชี่ยวชาญเวทธาตุมืดประมาณนั้นล่ะมั้ง
จะว่าไป ชั้นกับซาเรียก็ถูกใช้ตรวจสอบด้วยนี่นา
แต่คงเพราะชั้นมีสกิลตรวจสอบอยู่แล้วการ์ดเลยไม่ออกมาให้
นอกจากนั้น สกิลการ์ดสายโจมตีออกมาน้อยเกินคาดนี่รู้สึกตะขิดตะขวงใจจังแฮะ.......
ระหว่างที่คิดแบบนั้นซาเรียก็เข้ามาถามด้วยความสนอกสนใจจากด้านหลัง

「เซอิจิ การ์ดนั่นมันอะไรเหรอ?」
「อืมมม...........คร่าวๆก็การ์ดที่ไว้ใช้เรียนรู้สกิลน่ะ..........」

ทันทีที่ชั้นเอียงคอแล้วบอกไปการ์ดก็กลายเป็นบอลแสงแล้วเข้ามาในตัวชั้น

『สกิล≪พรางตา≫ได้เรียนรู้แล้ว
สกิล≪แทรกซึม≫ได้เรียนรู้แล้ว
สกิล≪ตาทิพย์≫ได้เรียนรู้แล้ว
สามารถใช้เวทธาตุมืดได้แล้ว
≪วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสระดับเจ้าสำนัก≫ได้เรียนรู้แล้ว
ศาสตร์ลับ≪ประกายแสง≫ได้เรียนรู้แล้ว
ศาสตร์ลับ≪เมฆหมอก≫ได้เรียนรู้แล้ว』

พอมีเสียงที่บอกว่าได้รับสกิลดังขึ้นในหัวก็เลยตรวจดูสกิลที่ได้รับมา

『พรางตา』.......สามารถปลอมสเตตัสหรือความสามารถของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายประมาท
ทำงานอัตโนมัติแต่ก็สามารถสั่งยกเลิกได้
『แทรกซึม』.......สามารถกลืนไปกับสภาพโดยรอบได้แม้ตัวเองจะโดนสกิลค้นหาก็ยังคงผลไว้
ทว่าตอนโจมตีหากไม่ยกเลิกสกิลจะโจมตีไม่โดน
『ตาทิพย์』.......สามารถรับรู้ถึงการใช้สกิลของอีกฝ่ายได้ ทำงานอัตโนมัติ
『เวทมนตร์ธาตุมืดขั้นสูงสุด』.......เชี่ยวชาญถี่ถ้วนในเวทธาตุมืด สามารถใช้เวทธาตุมืดได้ทั้งหมด
『วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสระดับเจ้าสำนัก』
.......สามารถใช้เทคนิคทั้งหมดของวิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสได้
『ประกายแสง』.......ศาสตร์ลับที่สามารถเจาะทะลุอีกฝ่ายได้แน่นอน
『เมฆหมอก』.......ศาสตร์ลับที่ใช้จับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเพื่อป้องกันการโจมตีทั้งหมด
และปัดป้องออกไปทั้งอย่างนั้น ทว่า หากไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ล่ะก็จะใช้ไม่ได้

「ทำยังไงดีเนี่ย ไม่มีความมั่นใจว่าจะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพเลยเฟ้ย.........!」

พอชั้นตรวจสอบดูเสร็จก็ร้องตะโกนออกมา
แหมแหมแหมแหมแหม!มันแปลกเห็นๆเลยนี่นา!? ถึงพวกสกิลจะเหมือนทั่วๆไปก็เถอะ............
แต่『วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสระดับเจ้าสำนัก』นี่มันจะเกินไปแล้ว!?
สรุปก็คือ ที่เห็นว่าไม่มีสกิลประเภทโจมตีเลย
ก็เพราะทั้งหมดมันรวมอยู่ใน『วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟสระดับเจ้าสำนัก』หมดแล้ว!?
เวทธาตุมืดนี่ก็เหมือนกับที่ทำให้จำเวทธาตุน้ำได้หมดจากการปราบAsh wolf
คือในหัวมีข้อมูลไหลเข้าพรวดเดียวเลย
เรื่องนั้น『วิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟส』เองก็ทำนองเดียวกัน
คือสกิลที่สำนักนั้นใช้เข้ามาในหัวทั้งหมด
ข้อมูลเวทธาตุมืดที่ได้มาตอนนี้ก็มีชื่อเวทที่อลังการอยู่เยอะแยะเลย
ถึงจะไม่ดีนิดหน่อยตรงที่ไม่รู้ประสิทธิภาพก็เถอะ..............
แต่ว่าชั้นจะใช้เจ้าพวกนี้ได้เต็มประสิทธิภาพมั้ยน้า?
แถมยังกลัวหลงระเริงไปกับสกิลยังไงไม่รู้สิ.............
ทว่าจะเอาแต่ใช้สกิลไม่ได้ ต้องค่อยๆใช้หัวคิดถึงวิธีใช้ บทเรียนก็ได้มาจากการต่อสู้กับเซนอสแล้ว
สกิลที่ได้มาตอนนี้ถึงจะต้องใช้เวลาแต่ก็ต้องใช้มันอย่างเต็มประสิทธิภาพให้ได้
ชั้นที่คิดเรื่องนั้นอยู่ ซาเรียก็พูดขึ้นมาด้วยอาการตื่นเต้นนิดๆ

「นี่ ตะกี้มันอะไรเหรอ!? มีแสงสว่างเข้าไปในตัวเซอิจิด้วย!?」
「อ๋อ เมื่อกี้คือการเรียนรู้สกิลน่ะ」
「เห..........สุดยอดจัง!เซอิจิไม่ใช่แค่จะเท่ห์ขึ้นแต่ยังเก่งขึ้นด้วย!」
「ง งั้นเหรอ?」

ชั้นที่ไม่เคยถูกบอกว่าเท่ห์สักครั้งพอมาถูกสาวสวยอย่างซาเรียบอกเข้าให้ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
เล่นเอาเขินจนทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะ

「ช่างมันก่อนเถอะ ต่อไป...........」

พูดไปพลางก็หยิบอันต่อไปนั่นคือสมุดโน๊ตที่เขียนว่า『เรื่องราวของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』

「เรื่องราว!?」

เผลออุทานออกมากับหน้าปกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ยิ่งกว่านั้น ข้างใต้ยังมีตัวอักษรเขียนไว้ด้วย

『อ้างอิงจากเรื่องจริงจ้า』
「งั้นก็อย่าเขียนว่าเรื่องราวสิฟะ!」

ชั้นเผลอตะโกนออกมาเลย
แต่มันก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นต่างจากสมุดโน๊ตที่แล้วๆมา

「มีอะไรเขียนไว้บ้างน้า?」

พอชั้นพูดไปซาเรียก็มาชะเง้อมองจากด้านหลังของชั้น
แต่มันตัวเล็กมองเห็นลำบากเลยอ่านให้ฟังซะเลย

「ก็มีอยู่ว่า..........」
『เซนอสขุนนางแห่งความมืด เซนอส เซโฟสที่เปลี่ยนมาเป็นมอนเตอร์นั้นมีชีวิตอยู่เมื่อ1500ปีก่อน
โดยเป็นขุนนางใหญ่ชื่อก้องโลกและเป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบันของบ้านดยุดเซโฟส
ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมอนเตอร์นั้น ไม่ใช่แค่มีอำนาจเทียบเท่ากับเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิฮัลมาล
ยังรู้จักกันดีในฐานะผู้ปกครองดินแดนที่ดีจากทั้งในและนอกดินแดน
นอกจากนั้นยังเป็นผู้บุกเบิกวิชาดาบพิทักษ์สำนักเซโฟส และด้วยคุณสมบัติด้านวิชาดาบนี้
ทางจักรวรรดิฮัลมาลจึงมอบหมายให้เป็นผู้สอนวิชาดาบแก่ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาเพื่อปราบจอมมาร
มีความรักชาติยิ่งกว่าใครทั้งยังมีชื่อเสียงในความสัมพันธ์อันดีกับภรรยาอลิซาเบธที่รักอีกด้วย』
「เห~」

ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจหรอกนะแต่ซาเรียก็ส่งเสียงชื่นชมออกมา
แต่ว่านะ..........เป็นผู้สอนดาบให้กับผู้กล้างั้นเหรอ เก่งขนาดไหนกันเนี่ย แถมยังเป็นดยุคอีก
ทำไมถึงเรียกว่าขุนนางแห่งความมืดนี่เข้าใจได้เลย..............
ยิ่งกว่านั้นที่อ่านมาก็เหมือนเรื่องราวจริงๆแฮะ............

『ทว่า จักรพรรดิ์แห่งจักรวรรดิฮัลมาล เอลชูตัสที่3นั้น หลังจากผู้กล้าปราบจอมมารได้แล้ว
ก็หวั่งเกรงที่พลังนั้นจะหันมาหาตัวเอง จึงใส่ร้ายป้ายสี
โดยปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลออกไปทั่วประเทศเพื่อให้ถูกประชาชนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันเป็นคนสังหาร
แล้วเป้าโจมตีนั้นก็หันมาหาเซนอสที่เป็นผู้ฝึกฝนผู้กล้าด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุที่ว่าเดิมทีการที่เซนอสมีอำนาจเทียบเท่ากับตัวเองนั้นก็เกะกะสายตาอยู่แล้ว
จึงคิดว่าถือเป็นโอกาสดีที่จะใช้กำจัดเซนอสซะเลย』

................รู้สึกเรื่องชักจะมืดแล้วแฮะ?

『แม้ว่าเซนอสจะพยายามยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะหักหลังจักรวรรดิ
ทว่าคำร้องเหล่านั้นถูกเพิกเฉยทั้งหมด แต่แม้เซนอสจะถูกประเทศอันเป็นที่รักหักหลัง
ก็ยังไม่เท่าถูกอลิซาเบธภรรยาผู้เป็นที่รักหักหลัง』............อ้าวเฮ้ยจริงดิ!?

ไม่ใช่ว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับภรรยาเหรอ!?
ถึงแม้ชั้นจะตกใจแต่ก็หยุดอ่านไม่ได้

『อลิซาเบธผู้เป็นภรรยาของเซนอส เดิมทีเหตุผลที่แต่งานกับเซนอสนั้น
ก็เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องทรัพย์สินเงินทอง
หรือก็คือเป็นแต่งงานทางการเมืองที่ทำกันบ่อยๆในหมู่ขุนนางนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ หลังจากแต่งงานแม้ฉากหน้าจะทำเป็นภรรยาที่ดีที่คอยสนับสนุนเซนอส
แต่เมื่อสถานะของเซนอสไม่ดีก็ทิ้งเซนอสหนีจากไปทันที』

เฮ้ย นังอลิซาเบธ!
..........แต่ก็นะการเอาตัวรอดไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรหรอก........
แต่พออ่านจากที่คนอื่นเล่าแล้วนี่มันรู้สึกโหดร้ายจังแฮะ

『สำหรับเซนอสนั้นแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานทางการเมืองก็ยังรักอลิซาเบธอย่างจริงจัง
แต่เซนอสกลับถูกทั้งประเทศที่รัก ทั้งภรรยาที่รักหักหลังจนไม่รู้ว่าแล้วอะไรคือรักแท้
ได้แต่สิ้นหวังกับโลกนี้ไป』

「อู.............」

พอคิดว่าเป็นเสียงอะไรก็หันหลังไปเห็นซาเรียน้ำตาคลออยู่
ชั้นก็เลยยิ้มแห้งพลางลูบหัวให้แล้วซาเรียก็พลันกอดเอวจากด้านหลัง
........อึก หน้าอกมัน...........
พอสะกดกลั้นสติที่จะปลิวไปอีกครั้งอย่างเต็มที่ได้แล้วก็อ่านต่อ

『แม้เซนอสจะเป็นเช่นนั้นก็ยังมีผู้ที่ดูแลห่วงใยให้อยู่นั่นก็คือแมรี่ผู้เป็นเมด
แมรี่นั้นถูกเซนอสเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กก่อนที่จะอดตาย แล้วก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเมดเมื่อเขาสู่วัยสาว
แมรี่รู้สึกขอบคุณเซนอสที่ไม่ใช่แค่ช่วยชีวิตตนไว้ ทั้งยังมอบงานให้ด้วย
แล้วในขณะเดียวเมื่อได้ใกล้ชิดเซนอสก็ได้เกิดความรักเล็กๆขึ้นมา
แต่ด้วยเซนอสเป็นเจ้าบ้านแมรี่เป็นเมด ในยุคสมัยที่ตำแหน่งทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญ
ทั้งยังมีภรรยาที่ชื่ออลิซาเบธอยู่แล้ว การผูกสัมพันธ์กันของแมรี่กับเซนอสจึงเป็นได้แค่ฝัน
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประเพณีที่มีภรรยาหลายคน
เพียงแต่เซนอสเป็นสามีที่ทุ่มเทให้กับภรรยาจึงไม่เคยคิดจะมีภรรยาหรือภรรยาน้อยอื่นอีก』

「..............」
「.............」

ทั้งซาเรียและชั้นต่างอ่านกันอย่างใจจดใจจ่อ
ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งน่าติดตาม

『เซนอสที่ถูกประเทศหักหลังและถูกภรรยาที่รักหักหลัง
ได้สิ้นหวังกับทุกสิ่งแล้ว พร้อมกันนั้นก็ไม่สามารถทำใจเชื่อผู้คนได้อีก
แต่แล้วตอนที่เซนอสกำลังจะถูกจับกุมโดยทหารที่ถูกประเทศส่งมาจับตัวนั้น
แมรี่ก็ได้ลากตัวเซนอสที่หมดอาลัยตายอยากหนีออกจากประเทศไป』

เหตุการณ์พาหนีออกมาแล้ววววววววววววว!
ต ต่อไปล่ะ!?

『แมรี่เคลื่อนไหวอย่างแน่วแน่หนีจากทหารที่ตามมาเพื่อช่วยเซนอสแม้จะมีหมายจับออกมาก็ตาม
ถึงแม้แมรี่จะทำเช่นนั้นแต่เซนอสที่อยู่ในสภาพไม่เชื่อใจมนุษย์ไปแล้วก็ยังไม่ยอมเปิดใจให้แม้แต่น้อย
แต่ไม่นานนักก็ค่อยๆเริ่มเปิดใจให้กับความมุ่งมั่นของแมรี่ที่พยายามอย่างสุดชีวิต
พร้อมกันนั้นก็หลงรักแมรี่ไปด้วย』

「.............」

พลิกหน้าต่อไปอย่างเงียบๆ

『และแล้วก็ได้มีข่าวดีมาถึงเซนอส เนื้อหาคือเอลชูตัสที่3ป่วยตายและที่4ขึ้นครองราชย์แทน
โดยเอลชูตัสที่4นั้นได้ขอโทษต่อเซนอสเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่พ่อตนเองทำไว้
เพราะงั้นจึงอยากให้มาที่ปราสาท นี่เป็นข้อความที่ประกาศไปทั่วประเทศ
ด้วยความไม่เชื่อใจคนที่ดีขึ้นมาจากความช่วยเหลือของแมรี่
ทั้งยัง.............จักรพรรดิ์จากประเทศที่รักต้องการกล่าวขอโทษด้วยตนเอง
เซนอสจึงรู้สึกดีใจ รีบมุ่งไปยังปราสาท』

「โอ้............」
「ค ค่อยยังชั่วหน่อย.............」

แต่ไม่ทันไรทั้งชั้นกับซาเรียก็ต้องตึงเครียดกันอีกครั้งจากข้อความที่ปรากฏ

『ทว่า สิ่งที่รอเซนอสอยู่ที่ปราสาทนั้น คือความจริงอันโหดร้าย』

「「หะ?」」

ด้วยประโยคเดียวทำให้ชั้นกับซาเรียส่งเสียงเอ๋อๆออกมาเลย

『ข้อความที่ประกาศไปทั่วประเทศนั้นทั้งหมดเป็นเพียงกับดักเพื่อล่อเซนอสออกมาฆ่าทิ้ง
โดยจักรวรรดิ์ฮัลมาลใช้ประโยชน์จากหัวใจที่รักชาติของเซนอส』

「จักรวรรดิ์ฮัลมาลบัดซบ!」
「โหดร้าย............」

ชั้นเผลอตะโกนออกมาส่วนซาเรียก็มีน้ำตาไหลออกมา

『เอลชูตัสที่4นั้นตั้งใจว่าตอนที่จับเซนอสได้จะฆ่าทิ้งตรงนั้นทันที
เพราะมันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่าการเข้าเฝ้าจักรพรรดิ์ในปราสาทนั้น ต้องปลดอาวุธก่อน
จึงไม่มีทางต่อสู้ขัดขืนได้แน่ ยื่งหากเป็นเซนอสที่หมดอาลัยตายอยากเหมือนแต่ก่อนล่ะก็
คงฆ่าได้ง่ายๆแน่ แต่ตอนนี้มีแมรี่ช่วยเยียวยาจิตใจให้แล้ว
ต่อให้ต้องสู้กับทหารด้วยมือเปล่าก็ต้องมีชีวิตรอดกลับไปอยู่กับแมรี่ให้ได้』

「โอ้โห เซนอสเท่ระเบิดไปเลย...........!」
「สุดยอด...........」

『ทว่าขีดสุดของเซนอสที่มีแต่มือเปล่าก็มาถึง โดยตอนกำลังจะถูกฆ่าด้วยแรงกายที่มาถึงขีดจำกัด
ผู้ที่เข้ามาปกป้องเซนอสในสภาพนั้น คือเมดสาวที่มอบกำลังใจให้มีชีวิตอยู่แก่เซนอส
แมรี่นั่นเอง』

「「แแแแแแแแแแแแแแแแมรี่!!」」

ชั้นกับซาเรียต่างตะโกนออกมา
ก็มัน...........ก็มัน!

『หล่อนใช้แผ่นหลังของตัวเองปกป้องคมหอกคมดาบและลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่เซนอส
ขณะที่เซนอสตะลึงงันอยู่นั้นแมรี่ได้บอกเรื่องที่รักเซนอสออกไปแล้วสิ้นใจไปด้วยรอยยิ้ม
สภาพของแมรี่ตรงหน้าทำให้เซนอสใจสลาย
แล้วหัวใจที่แหลกสลายสิ้นไปแล้วนั้นได้เปลี่ยนเป็นพลังสังหารทหารที่ไล่ตามมาด้วยมือเปล่า
โดยไม่คิดเลยว่านั่นเป็นพลังกายของเซนอสที่ได้ถึงขีดจำกัดไปแล้ว』

「อึกก.......」
「ฮึกก......」

『หลังจากนั้นก็ได้อุ้มศพของแมรี่อันแสนสำคัญไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า
แม้ในป่าจะมีหญ้าต่อต้านวิญญาณที่ใช้ทำยาวิญญาณ
แต่ก็ไม่อาจจะคืนชีพแมรี่ที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
เซนอสไม่มีคุณสมบัติในการใช้เวทธาตุแสง จึงไม่อาจรักษาบาดแผล ด้วยเหตุนี้การคีนชีพจึงทำไม่ได้
ทว่าเวทธาตุมืดนั้นก็มีสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์ต้องห้ามอยู่ หากใช้เวทนั้นอาจจะทำให้คืนชีพสำเร็จก็ได้
ตั้งแต่นั้นมาเซนอสจึงหมุกมุ่นกันการวิจัยเวทธาตุมืดจนในที่สุดก็ไปถึงสุดขอบเขตของเวทธาตุมืด』

อย่างนี้นี่เอง.................มิน่าล่ะ เซนอสถึงได้เชี่ยวชาญเวทธาตุมืดแบบนี้

『แต่เซนอสใช้เวลานานเกินไปจนร่ายกายจิตใจทรุดโทรมลงและน่าจะเสื่อมสลายไปทั้งอย่างนั้น
โดยที่ยังไม่ทันได้ใช้เวทเลย ทว่าด้วยความปรารถนาที่เรียกได้ว่าเป็นจิตใจที่ยึดติดของเซนอส
จึงทำให้เซนอสลดตัวลงไปเป็นมอนเตอร์เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป』

「...............」
「...............」

『เซนอสที่กลายเป็นมอนเตอร์นั้นได้ใช้เวทธาตุมืดที่ถึงขั้นเป็นศาสตร์ต้องห้ามกับศพของแมรี่
แต่ผลลัพธ์นั้นกลับเปล่าประโยชน์ ด้วยเหตุผลที่ว่า แมรี่ตายมานานเกินไป
จนต่อให้เป็นศาสตร์ต้องห้ามของเวทธาตุมืดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคืนชีพขึ้นมาจากในสภาพนั้น』

ชั้นกับซาเรียแทบไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านกันต่อไปแล้ว

『เซนอสที่รู้เช่นนั้นก็ได้แต่ร้องไห้ด้วยตาที่ไร้ลูกตา ร้องไห้ด้วยเสียงที่ไร้เส้นเสียง
แล้วจากนั้นเป็นต้นมา เซนอสก็ได้ไปใช้เวลาอยู่กับศพของแมรี่อย่างเงียบๆ
ที่ส่วนลึกของ【ป่าปลายทางแห่งรักอันแสนเศร้า】ที่เป็นดันเจี้ยนความยากสูงสุดแห่งหนึ่ง』

พออ่านมาถึงตรงนี้『เรื่องราวของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』ก็ได้จบลง
จากนั้นก็ไปกันต่อที่บนปกเขียนว่า『ช่วงชีวิตของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』
.....................

「โลกนี้มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว............!」
「เศร้าจังเลยอ่ะ............เซอิจิ............」

พวกเราร้องไห้ให้กับเรื่องราวของเซนอส
เซนอส..........หมอนั่นก็เจออะไรมาเยอะเลย
ถึงทีแรกจะคาดไม่ถึงจากทั้งน้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นก็เถอะ
ซาเรียเบือนสายตาหนีจากสมุดโน๊ตในมือชั้นโดยตอนนี้กำลังซบหลังชั้นร้องไห้อยู่
ชั้นก็เลยลูบหัวซาเรียที่เป็นแบบนั้นพลางเปิดอ่าน『ช่วงชีวิตของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』
ถ้าให้พูดถึงผลลัพธ์ก็มีข้อมูลปริมาณมหาศาลไหลเข้ามาในหัว
ที่มีก็สถานการณ์ของประเทศเมื่อ1500ปีก่อนหรืออย่าง
มอนเตอร์ที่เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ1500ปีก่อนที่ดูเหมือนว่าจะหายไปแล้วอะไรแบบนี้
ในบรรพาพวกนั้นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดมันก็ต้อง
เรื่องการต่อสู้กับมอนเตอร์ต่างๆนาๆก่อนที่เซนอสจะมาเป็นมอนเตอร์กับเรื่องของผู้กล้าอยู่แล้ว
ข้อมูลของมอนเตอร์ก็มีวิธีการปราบมอนเตอร์ไปจนถึงสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการปราบอะไรแนวๆนี้
สำหรับชั้นที่ปราบชนิดของมอนเตอร์นับรวมเซนอสด้วยมีแค่3ชนิดนั้นถือเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก
ส่วนข้อมูลของผู้กล้าก็อย่างแรกเลยดูเหมือนว่าทุกครั้งที่จอมมารคืนชีพ
ประเทศต่างๆจะจัดพิธีอันเชิญผู้กล้ากัน
สรุปก็คือนอกจากพวกในโรงเรียนของชั้นแล้วก็อาจจะมีผู้กล้าถูกอัญเชิญมาอีกตั้งไม่รู้กี่คนนั่นเอง
อีกทั้งผู้กล้าที่ถูกอัญเชินมานั้นดูเหมือนว่าทุกคนจะได้รับมอบอาวุธ
ที่เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนานไปพร้อมๆกันโดยอัตโนมัติ
จอมมารเองก็มีแต่ต้องใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์จัดการถึงจะสังหารได้
นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ต่อให้เซนอสเป็นอาจารย์สอนดาบผู้กล้าก็ไปปราบเองเลยไม่ได้
แต่สาเหตุหลักนี่น่าสมเพชสุดๆเลยนั่นก็เพราะเซนอสเป็นกำลังรบของจักรวรรดิ์ฮัลมาน
ด้วยการคืนชีพของจอมมาร ทำให้ความตึงเครียดของสงครามระหว่างประเทศทวีความรุนแรงขึ้น
ในสภาพเช่นนี้จักรวรรดิ์ฮัลมานที่เห็นว่าให้เดินทางไปด้วยก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยไม่ให้ไป
พออ่านเสร็จหมดสมุดโน๊ตก็ส่องแสงเช่นเคยแล้วหายเข้าไปในตัวชั้น

「ฟู่..........ปรับอารมส์ได้แล้ว!」

ชั้นปัดเป่าบรรยากาศมืดมนทิ้งไปโดยทำตัวให้สดชื่น

「เอาล่ะงั้น? ต่อไป..........」

จากนั้นสิ่งที่ชั้นหยิบต่อมาคือลูกแก้วสเตตัสของเซเนอส
ชั้นตรวจดูทีละอันๆ

『พลังเวท:60000』
『พลังโจมตี:50000』
『พลังป้องกัน:20000』
『ว่องไว:70000』
『โจมตีเวท:60000』
『ป้องกันเวท:60000』
『โชค:100』
『เสน่ห์:50000』

「เลขเยอะชิบ!?」

มันแปลกๆนะเนี่ย!? สเตตัสทุกอย่างยกเว้นโชค20000ขึ้นหมดเลยอ่ะ!? แต่ไหงโชคต่ำจัง!?
ก็ดูสิเป็นตัวเหลือเชื่อที่LV1500เลยนา...........
ถึงหลังจากอ่าน『เรื่องราวของเซนอสขุนนางแห่งความมืด』แล้วจะพอยอมรับได้ก็เถอะ.........!
แล้วนี่นะ สเน่ห์ของชั้นมันต่ำกว่าโครงกระดูกอีกเรอะ!?
ยิ่งกว่านั้นเสน่ห์50000ของเซนอสเนี่ยเล่นเอาตกใจเลย!
อุหวา...........เทียบไม่ติดเลย แต่ไม่เศร้าหรอกนะ!
พอลูกแก้วสเตตัสเข้ามาในตัวชั้นและมีเสียงดังชั้นในหัวก็ไปที่ดรอบไอเท็มถัดไป
ที่เหลือก็คือกล่องสมบัติกับดาบเรียวยาวสีดำที่หล่นอยู่และดาบเรียวยาวสีขาวที่ปัดอยู่กับพื้นดิน
ชั้นเปิดกล่องสมบัติออกมา

「นี่มัน..........?」

ที่เห็นอย่างแรกคือ...........ปลอกคอสีดำ? ไม่สิ โชกเกอร์มากกว่า
พอสังเกตุดูดีๆจะว่าเป็นพลาสติกหรือโลหะก็ไม่ใช่..........
เอาเป็นว่าเป็นวัตถุดิบที่มีสัมผัสแปลกประหลาดไม่เคยสัมผัสได้เลยที่โลกเก่าก็แล้วกัน
ตรงกลางมีอัญมณีสีฟ้าฝังไว้ด้วย
ชั้นเลยรีบใช้ตรวจสอบเพื่อยืนยันชื่อกับประสิทธิภาพ

『โชกเกอร์หินราชาดำ』.......อุปกรณ์สวมใส่ระดับเทพนิยาย
แม้ในโลกนี้จะมีสินแร่อยู่มากมายแต่โชกเกอร์ที่สร้างด้วยหินราชาดำนี้ล้ำค่าเป็นพิเศษ
มีพลังปัดเป่าเวทมนตร์ที่มาจากภายนอกหรือก็คือสามารถสะท้อนกลับเวทโจมตีโดยอัตโนมัติ
ทว่าอานุภาพของเวทที่จะสะท้อนได้ขึ้นอยู่กับLvของตัวผู้สวมใส่เอง
ส่วนอัญมณีที่ฝังอยู่ตรงกลางนั้นเรียกว่าหินรวมคลื่นฟ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มพลังเวทสายรักษา  
ขนาดจะปรับตัวเองไปตามผู้สวมใส่

「มาถึงก็โกงสุดๆไปเลย...........!」

ยิ่งกว่านั้นเป็นระดับเทพนิยายด้วยนะ!? งั้นก็เหนือกว่าดาบมณีภูตน้ำของชั้นน่ะสิ!?
น่ากลัว..........เซนอสช่างน่ากลัวยิ่งนัก
แล้วด้วยความที่ประสิทธิภาพดีสุดยอด ชั้นเลยเอาใส่ที่คอทันทีเลย
ทันใดนั้น มันก็ปรับเข้ากับคอชั้นได้พอดีโดยไม่รู้สึกอึดอัดเลยซักนิด
นี่เหรอที่บอกว่าปรับขนาดตามผู้สวมใส่น่ะ

「เอ่อ? งั้นต่อไปล่ะ..........」

ที่อยู่ในกล่องสมบัติต่อมาก็ยังเป็นสร้อยคอที่เป็นอุปกรณ์ใช้กับคออีก
โซ่เป็นสีเงิน ที่ห้อยตรงกลางเป็นอัญมณีสีชมพูรูปหัวใจ

「หัวใจเหรอ..........เอาอันนี้ให้ซาเรียดีมั้ยน้า?」

คิดแบบนั้นไปก็พลางตรวจสอบดูเผื่อไว้

『สร้อยคอแห่งรักไร้สิ้นสุด』.......อุปกรณ์สวมใส่ระดับมายา
เป็นสร้อยคอหนึ่งเดียวในโลกที่ได้จากการปราบเซนอสภายใต้เงื่อนไขพิเศษ
อัญมณีสีชมพูที่เป็นรูปหัวใจนั้นเป็นรูปร่างโดยธรรมชาติจึงขึ้นชื่อว่าเป็น『อัญมณีแห่งความรัก』
เป็นอัญมณีในตำนานที่เรียกว่าLove heart
สีเงินตรงส่วนของโซ่นั้นถูกสร้างจากการผสมกันของแร่เงินที่เรียกว่าCopy silver
Copy silverนั้นเป็นแร่เงินที่มีประสิทธิภาพเชื่อมต่อกับความนึกคิด
เมื่อผู้เป็นเจ้าของต้นแบบมีคนที่รักและห่วงใยไม่นานนักสร้อยคอจะทำการแบ่งตัว
ผู้มีสร้อยคอแบบเดียวกันนี้ถึงแม้อยู่ห่างไกลแต่ก็สามารถใช้สิ่งที่เรียกว่า『การสื่อสารทางใจ』ได้
หรือก็คือไม่ว่าเมื่อไรก็จะติดต่อหากันได้นั่นเอง
ส่วนประสิทธิภาพของLove heartนั้นจะเพิ่มสเตตัสเป็นเท่าตัวตามจำนวนของผู้มีสร้อยคอแบบเดียวกัน
ทว่าประสิทธิภาพนี้จะไม่ออกมาหากไม่มีผู้สวมสร้อยคอแบบเดียวในระยะสายตา

「.....................OH...........................」

ชั้นขอโทษแล้วกันที่ทำได้แค่ปฏิกิริยาแบบนี้
ก็มันเป็นระดับมายาเลยนะ!? ตกลงนี่มีอยู่จริงๆเหรอเนี่ย!?
ยิ่งกว่านั้นประสิทธิภาพนี่ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!?
หา เพิ่มสเตตัสเป็นเท่าตัวตามจำนวนคนที่มีสร้อยคอเหมือนกันงั้นเหรอ!?
สรุปคือมีสองคนก็เพิ่ม2เท่ามีสามคนก็เพิ่ม3เท่างั้นสิ!?
นี่มันของสวมใส่สำหรับพวกเปิดฮาเร็มโดยเฉพาะเลยไม่ใช่เหรอไง!? ทายไม่ผิดชัวร์!
ค ค่อยยังชั่วหน่อย............ตราบใดที่ชั้นมีเจ้านี่อยู่
ก็จะไม่มีพวกฮาเร็มที่ไหนซักคนขยายขนาดออกไปโดยตั้งใจแล้วล่ะ
พวกบรรดาฮาเร็มทั้งหลายน่ะ..............ระเบิดไปซะ!
ขณะที่ชั้นทำหน้าแบบตัวการ์ตูนกับสร้อยคอที่อยู่ตรงหน้า
ซักพักซาเรียก็ยื่นหน้ามามองสร้อยคอที่อยู่ในมือชั้นจากตรงไหล่

「หวาาา........สร้อยคอน่ารักจัง!」
「เอ๋? อ อืม นั่นสิ」

อืมม..........เจ้านี่แทนที่จะให้ชั้นใส่ให้ซาเรียใส่แทนดีกว่า
พอชั้นคิดแบบนั้นแล้วกำลังจะเอาสร้อยที่อยู่ในมือส่งให้ซาเรียนั่นเอง

「หือ?เอ๊ะ..........หา!?」
「หวา........」

อยู่ๆสร้อยคอในมือก็เปล่งแสงสีชมพูจางๆออกมา

「เฮ้ย.........อะไรกัน!? เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?」

ชั้นลนลานกับปรากฏการณ์ที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาแต่ไม่นานแสงจางๆนั้นก็ค่อยๆหายไป
แล้วในมือชั้นก็มีสร้อยคอที่เหมือนกันเปี๊ยบอยู่สองอันโผล่มา

「..............หา?」

เอ ทำไมมี2อันได้ล่ะ? เป็นคำสาปอะไรรึเปล่า? คงไม่หรอก........แต่ทำไมมันกลายเป็น2อันได้อ่ะ?
น่ากลัวนะเนี่ย
..........อ๋อชักเข้าใจแล้วล่ะ
เปล่า..........ไม่ได้หมายความว่ารู้ว่าแบ่งเป็น2อันได้ยังไงหรอก
ที่จะบอกคือ เรื่องผู้เป็นเจ้าของต้นแบบมีคนที่รักและห่วงใยไม่นานนักสร้อยคอจะทำการแบ่งตัวนั่นน่ะ
...........เจ้าของต้นแบบบางทีคนเป็นชั้นแล้วคนที่ชั้นรักและห่วงใย.........ก็คือซาเรียเพราะงั้น
สร้อยคอเลยแบ่งออกเป็นสองให้ไง
ก็นะ........จากสภาพที่เห็นซาเรียก็ถูกใจมากๆพอดีด้วยแค่นี้ก็รู้สึกดีใจแล้วล่ะ
.............อืม เอาเป็นว่า.........ผลลัพธ์โอเคแล้วกัน!ไม่ใช่ว่าไม่อยากคิดอะไรที่มันยุ่งยากหรอกนะ!
บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ!
พอตัดวงจรความคิดที่ยุ่งยากไร้สาระไปได้แล้วชั้นก็หันไปหาซาเรีย

「ซาเรีย สร้อยคอนี่............ช่วยรับไว้ได้มั้ย?」
「เอ๋? จะดีเหรอ?」
「แน่นอน นอกจากนั้น.........」

พูดไปพลางชั้นก็เอาสร้อยคออีกชิ้นที่สวมให้ตัวเอง ให้ซาเรียดู

「นี่ไง ชั้นเองก็ใส่ด้วยถ้าซาเรียใส่ก็เข้ากันพอดีเลยเห็นมะ?」

ชั้นพูดพลางยิ้มไปด้วย พริบตาหนึ่งซาเรียก็มีสีหน้าตกใจขึ้นจากนั้นก็หน้าแดงแล้วพูดมา

「เอ่อ..........ถ้างั้น........ก็ได้?」
「.........」

ซาเรียในสภาพสาวสวยทำท่าเขินๆมองไปด้านบนช่างเป็นคอมโบที่มีพลังทำลายน่ากลัวจริงๆ
พอกำลังจะส่งสร้อยคอให้ซาเรียโดยที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองก็แดงด้วย
ซาเรียก็เอามือมาหยุดแล้วเงยคอขึ้น

「ไม่เอา ฉันไม่อยากสวมเอง อยากให้เซอิจิสวมให้」
「เอ๋?」
「ไม่ได้เหรอ?」

ชั้นเองก็ไม่มีเหตุผลจะมาปฏิเสธซาเรียที่ปล่อยคอมโบมองไปทางด้านบนระดับฆ่าคนได้
ก็เลยสวมสร้อยคอให้กับซาเรีย

「ท เท่านี้ก็พอใช่มั้ย?」
「อื้ม ขอบคุณนะ!」

ยิ้มหน้าบานพลางพูดอย่างนั้นนี่เล่นเอาพูดอะไรไม่ออกเลย
อ้ะ ชั้นกลายเป็นพวกหลงแฟนไปซะแล้วเหรอเนี่ย
ชั้นที่ประวัติไม่มีแฟนมายาวนาแล้วมีสาวยสวยระดับซาเรียมาชอบ
มันลำบากในอะไรหลายๆอย่างมากเลยรู้มั้ย!...........ถึงแต่เดิมจะเป็นกอลิล่าก็เถอะ
ไม่สิ ตอนนี้ก็ยังเป็นกอลิล่าอยู่อ่ะนะ
พอชั้นโต้ตอบกับซาเรียแบบนั้นเสร็จก็ไปตรวจดูในกล่องสมบัติอีกครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากเงินแล้ว
ก็เลยหยิบถุงเงินออกมาตรวจดูสิ่งที่อยู่ในนั้น
ข้างในก็มี เหรียญทองคำขาว5เหรียญ เหรียญทอง47เหรียญ เหรียญเงิน76เหรียญ
............แน่นอนว่ามีคิดไว้แล้วสำหรับเรื่องตอนออกจากป่านี้ไป
แต่มันเงินก็ไม่ได้จำเป็นไปมากกว่าที่มีอยู่นี้แล้วนี่นา................
ยังไงถึงจะบอกว่าไม่จำเป็นแต่ก็ไม่ได้มีขีดจำกัดนี่นาชั้นก็เลยโยนใส่ไอเท็มบ็อกไปให้หมดเลย
เท่านี้ดรอบไอเท็มส่วนใหญ่ก็เก็บได้หมดแล้ว ใช่ส่วนใหญ่อ่ะนะ------------

「..............ปัญหาก็คือเจ้าพวกนี้สินะ............」

ตรงหน้าของชั้นที่พึมพำนั้นมีดาบเรียวยาวสีดำ กับดาบเรียวยาวสีขาว
ดาบเรียวยาวสีดำนี่ก็พอเข้าใจนะว่าเป็นของที่เซนอสใช้
แต่ดาบเรียวยาวสีขาวนี่รู้สึกว่าดาบจะมาปักพื้นตอนที่เซนอสหายไปแล้ว...........
ต่อให้คิดไปก็ไม่ช่วยอะไรเลยเริ่มจากหยิบดายเรียวยาวสีดำมาใช้สกิลตรวจสอบดู

『เรเปียร์วังวนแห่งความเกลียดชัง(Black) 』.......อาวุธระดับมายา
เป็นเรเปียร์ที่แปรสภาพจากความเกลียดชังของเซนอส
เมื่อฟันใส่ศัตรูจะ จะติดสภาวะผิดปกติแบบแรนด้อมให้ด้วย
อีกทั้งทุกครั้งที่ฟันใส่จะทำการแย่งชิงทั้งพลังเวทและพลังกายของศัตรูมาฟื้นฟูตัวผู้ใช้
ทว่าไม่สามารถใช้รักษาแผลได้ ปริมาณที่ฟื้นฟูพลังกายและพลังเวทขึ้นอยู่กับLvของตัวผู้ใช้

「โกงอิ่มแล้วจ้า」

ไม่เอาแล้ว ต่อให้ชั้นเจออาวุธโกงอย่างนี้ก็ไม่เอาแล้ว ความสามารถที่จะใช้ได้ดีพอก็ไม่มีด้วย
เดิมทีชั้นที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันสงบสุข อยู่ๆก็ได้พลังล้นฟ้าแบบนี้เดี๋ยวก็เข้าใจผิดแปลกๆไปหรอก
ทีแรกก็เข้าใจผิดเรื่องของพลังตัวเองไปแล้วด้วย
อุตส่าห์ตะหนักถึงเรื่องที่เชื่อมั่นในสกิลเกินไปมันไม่ดีได้แล้วทั้งที
สกิลเองถ้าผู้ใช้ไม่ได้เรื่องก็ออกมาไม่ได้เรื่องเพราะเอาพลังที่แท้จริงออกมาไม่ได้
อื้ม.............เพื่อการเอาชีวิตรอดในโลกที่อันตรายแห่งนี้ ถึงสกิลกับอาวุธเจ๋งๆจะเป็นสิ่งจำเป็น
แต่ก็ต้องให้มั่นใจว่าใช้ได้ด้วย................
เรื่องความพยายามเป็นสิ่งสำคัญเนี่ยคงเป็นหัวข้อสำหรับชั้นไปชั่วชีวิตเลยล่ะมั้ง

「จะว่าไปไม่มีปลอกดาบเหรอ..........」

ทันทีที่บ่นพึมพำอย่างนั้นออกมา『เรเปียร์วังวนแห่งความเกลียดชัง』
.......Blackก็ถูกแสงสีดำห่อหุ้มอย่างกะทันหัน แล้วแสงนั้นก็ค่อยๆหายไปกลายเป็นปลอกดาบที่ใส่Black

「อุว้าว สมเป็นต่างโลกดีจัง อะไรก็เกิดขึ้นได้」

แต่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันช่วยทำให้สะดวกขึ้น
ก็เลยเอาไปเสียบเข้าที่เข็มขัดตรงกางเกงโดยไม่บ่นอะไร

「สุดท้ายก็.............ดาบเรียวยาวสีขาวล่ะนะ」

หยิบดาบเรียวยาวสีขาวขึ้นมาใช้สกิลตรวจสอบ

『เรเปียร์แห่งความรักอันล้นเหลือ(White)』.......อาวุธระดับมายา
เป็นอาวุธที่ได้จากการปราบเซนอสภายใต้เงื่อนไขพิเศษ
เมื่อสัมผัสอีกฝ่ายที่ตัดสินว่าเป็นพวกพ้องของผู้ใช้
จะสามารถถ่ายโอนพลังกายและพลังเวทตามความต้องการของตัวผู้ใช้
โดยตัวผู้ใช้จะมีสถานะฟื้นฟูเหนือธรรมชาติ
สามารถรักษาอาการบาดเจ็บหรือบาดแผลในระดับหนึ่งได้ทั้งหมดในคืนเดียว
หากใช้เวทในหมวดการถ่ายโอนล่ะก็ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ทว่าประสิทธิภาพเหล่านี้ขึ้นอยู่กับLvของตัวผู้ใช้

「ก็บอกแล้วไงว่าโกงจนอิ่มแล้ว!」

อะไรฟะเนี่ย!? เรียงหน้าโกงกันได้สุดยอดเลยนะ!?
แถมเข้ากันกับBlackได้ดีสุดยอดด้วย!? นี่กะจะเอาให้ไร้เทียมทานเลยเหรอไง!
ในบรรดาของอุปกรณ์สุดโกงทั้งหลายมีอย่างเดียวที่ดีหน่อยคือชั้นที่เป็นLv1
ถ้าเกิดมีLvระดับเซนอสขึ้นมาล่ะก็..........ชั้นแค่อุปกรณ์อย่างเดียวก็บอกลาความเป็นมนุษย์ได้แล้ว
เอาเหอะชั้นที่รู้สึกไม่สบายใจจากการมีอุปกรณ์โกงๆเยอะเนี่ย มันก็พิลึกพออยู่แล้วล่ะ
ถึงที่ผ่านๆมาจะไม่เคยเจอผู้คนเลยก็เถอะแต่ถ้าผู้คนของต่างโลกมีอุปกรณ์ระดับเดียวกับชั้นได้เนี่ย
ค่อยน่าสบายใจได้หน่อย ก็ชั้นไม่อยากโกงอยู่คนเดียวนี่นา

「ช่างเถอะแต่..........ดาบนี่ก็ไม่มีปลอกแฮะ」

พอบ่นพึมพำอย่างนั้นอีกครั้ง『เรเปียร์แห่งความรักอันล้นเหลือ(White)』
......Whiteก็มีแสงอันอ่อนโยนห่อหุ้มแล้วแสงนั้นก็ค่อยๆหายไปกลายเป็นปลอกดาบที่ใส่White
แต่ชั้นเลิกตกใจแล้ว
พอตบมุขหลายๆอย่างไปเต็มสูบกับดรอปไอเท็มของเซนอสจนเหนื่อย
ชั้นก็คิดว่าถ้าเอามาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ก็คงดีแล้วถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง
ทว่า ชั้นกลับลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปอย่าง
ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาปล่อยตัวปล่อยใจอยู่แบบนี้แล้ว

『ยืนยันการได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมาก ยืนยันการเข้าสู่การวิวัฒนาการครั้งสุดท้าย
ผ่านเงื่อนไขในการวิวัฒนาการพิเศษ
ยืนยันการผ่านเงื่อนไขที่ต้องวิวัฒนาการด้วยLvที่ต่างกัน1000
ยืนยันการผ่านวิวัฒนาการครั้งสุดท้ายด้วยศัตรูที่เป็นบอสดันเจี้ยน
ด้วยเหตุนี้จะทำการดำเนินการวิวัฒนาการครั้งสุดท้ายและวิวัฒนาการพิเศษ
เกิดโบนัสวิวัฒนาการ สเตตัสทั้งหมดเพิ่ม50000+20000+20000+10000
จากที่กล่าวมาจะทำการดำเนินการ วิวัฒนาการครั้งสุดท้าย วิวัฒนาการพิเศษและโบนัสวิวัฒนาการ』

แล้วชั้นที่มีเสียงอันไร้ความปราณีเข้ามาในหัวซึ่งไม่รู้ทำไมมันยาวกว่าทุกทีก็-----------

「อ้ะ」

---------------ที่พูดทันก็แค่นี้แหละ

 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate