ตอนที่ 1 สู่ต่างโลก
ชั้นชื่อ ฮิรากิ เซอิจิ เป็นนักเรียนม.ปลายปี2โรงเรียนพิเศษ
ถึงจะบอกว่าพิเศษ ก็ไม่ใช่ว่าเป็นโรงเรียนที่มีคนมีพลังพิเศษหรือเอเลี่ยนอย่างในการ์ตูนหรอกนะ
แค่เป็นโรงเรียนที่รู้จักกันในนามโรงเรียนฝึกไอดอล..............พิเศษแบบนี้แหละ
มีพวกไฮสคูลไอดอลที่ดังๆอย่างจานิสอยู่กันดาดดื่นนั่นแหละคือโรงเรียนที่ชั้นเรียนอยู่
ถ้างั้น ชั้นเองก็คงมีรูปร่างหน้าตาระดับไอดอลด้วยงั้นสิ?
ถ้าถามมาแบบนี้ล่ะก็ ขอตอบเลยว่าไม่ใช่
ไม่ใช่ชัวร์ๆ
ถึงจะมีเส้นผมอยู่ครบถ้วนไม่ร่วงหัวล้านแต่ก็หน้าจืดแถมกลิ่นตัวแรงด้วย
ระดับของกลิ่นตัวนี่แบบว่าผู้คนรอบข้างไม่กล้ามานั่งใกล้ๆเลยล่ะ
ยิ่งกว่านั้นนา ไม่ใช่แค่นักเรียนที่ขอไม่นั่งใกล้ด้วยนี่อาจารย์เล่นมาขอให้เองเลย
ชั้นที่เป็นแบบนั้นต้องมารายล้อมด้วยหนุ่มหล่อสาวสวยในโรงเรียนอันเลื่องชื่อแบบนี้นี่
................เป็นอะไรที่แย่สุดๆ
มิหนำซ้ำหลังๆมานี่เริ่มอ้วนขึ้นด้วย ตอนเริ่มเข้าเรียนใหม่ๆหนัก70โลก็เพิ่มเป็น100โล
จนตัวเองยังคิดเลยว่ากลายเป็นคนน่าเกลียดระดับเกินเยียวยาไปซะแล้ว
ส่วนเหตุผลที่อ้วนขึ้นมาจากการที่พ่อแม่เจออุบัติเหตุเสียชีวิตเลยใช้ชีวิตกินอยู่ไปตามใจชอบ
จะว่าเป็นผลกรรมจากการอกตัญญู ก็ไม่ได้ทำอะไรที่สุดๆจนเห็นเด่นชัดสักหน่อย
คงต้องบอกว่าทำตัวเองนั่นแหละ
คุณพ่อ คุณแม่ ขอโทษนะครับ?
เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกนี่จะบอกว่ายอมแพ้ไปแล้วก็ได้
แต่อย่างเดียวที่ทนไม่ได้ก็ไอ้ชื่อของชั้นนี่แหละ
ก็แหม เซอิจินี่ฟังดูก็เท่ห์หรอกนะแต่ด้วยรูปลักษณ์ของชั้นที่ไม่ค่อยจะเข้ากันนี่
เล่นเอาชื่อถูกลดระดับลงมาซะไม่เหลือ แบบอยากคุกเข่าขอขมาคนทั่วโลกเลย
ขอโทษด้วยครับ
แล้วชั้นที่เป็นแบบนั้นเป็นยังไงบ้างน่ะเหรอ? ก็นะพอไปโรงเรียนก็ต้องโดนแกล้งแหงอยู่แล้ว
จะว่าเป็นธรรมเนียมของโลกก็ไม่แปลกหรอก
แล้วทำไมชั้นถึงมาอยู่โรงเรียนนี่ได้เหรอ?
ในที่สุดก็มาถึงคำถามนี่จนได้นะ
เรื่องนั้นก็เพราะบ้านชั้นมันอยู่ใกล้ก็เลยเข้าเรียนโรงเรียนฝึกไอดอลนี่ได้
แม้จะหัวไม่ดีก็ตามที เหตุผลก็อย่างที่ว่านี่แหละ
สรุปก็คือต่อให้เป็นคนธรรมดาสามัญอย่างชั้นก็ยังเข้าเรียนได้เป็นเรื่องธรรมดา
งั้นก็เป็นพวกไร้ค่าน่ะสิ? เอาเหอะอยากหัวเราะก็เชิญ!
เพราะไงก็สำนึกเสียใจอยู่แล้วด้วย!
แต่ก็จริงๆนะ ไม่ใช่ว่าเป็นผลจากการเลือกเรียนที่ไม่อยากยุ่งยากเอาแต่สบายเลยถูกรังแกหรอก
จะเข้าเรียนที่โรงเรียนม.ปลายไหนก็คงโดนเหมือนกันแหละ
แล้วที่มาสาธยายตัวเองซะยืดยาวเกินเหตุอยู่คนเดียวนี่มันก็มีเหตุผลอยู่
จะบอกว่าการที่พล่ามอยู่คนเดียวนี่ก็เพื่อคงสติของตัวเองไว้ก็ได้
แล้วทำไมถึงต้องทำแบบนี้น่ะเหรอ?
เรื่องนั้นคงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้นิดหน่อย--------
◆◇◆
「เฮ้ย เจ้าหมู!ไปซื้อขนมปังมาหน่อยเด๊ะ!」
「แน่นอนว่าแกออกเองนะ」
ก๊ากฮ่าาาาาาาา!
เสียงหัวเราะพร้อมๆกันมาจากพวกนักเรียนชายหลายคนที่ลากชั้นมาที่หลังโรงยิมตอนพักกลางวัน
หน้าตาดีก็ไม่ได้หมายความว่าต้องนิสัยดีเสมอไปหรอก
แต่ก็เป็นพวกที่สุดยอดของโรงเรียนนี่แหละนะ.............เป็นพวกไอดอลระดับประเทศ
ที่หน้าตาดีและใจดีขนาดที่คบหาชั้นแบบปกติได้
ถึงปฏิเสธไม่ได้ว่าชั้นแค่ถูกใช้เสริมให้โดดเด่นขึ้นในรูปแบบหนึ่งก็เถอะ
สุดท้ายพอชั้นออกตังตัวเองไปซื้อขนมปังมาให้ตามคำสั่งของนักเรียนชายพวกนั้น
หลังจากนั้นก็ต้องถูกจับเป็นกระสอบทรายประจำวันแก้เครียด
「เอ้า ฮีบบ!」
「อุ๊ก!」
กำปั้นของอีกฝ่ายเสียบเข้ามาที่ท้องของชั้น
「ค่อก!แค่ก!」
「ฮะฮะ!รู้สึกดีจริงๆน้า!สดชื่นจังเลย!」
「อ้ะ ใกล้เริ่มคาบต่อไปแล้วนี่นา?」
「อ้าวได้เวลาแล้วเหรอ? งั้นก็ไปกันดีกว่า แล้วเจอกันนะ เจ้าหมูอ้วน!」
นักเรียนชายพากันหัวเราะแล้วจากไป
「อุก.........!」
เข่าอ่อนล้มลงไปทันทีเพราะฝืนยืนขึ้นทั้งๆที่เจ็บปวดมาก
「ฮ่าห์..........ฮ่าห์.........」
ชั้นรอให้ความเจ็บปวดหายไปด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
「ฮ ฮิรากิคุง!」
นักเรียนหญิงคนหนึ่งเข้ามาหาชั้น
「ป เป็นอะไรมั้ย !?」
ผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลัง หัวติดคาดผมประดับ ตากลมโตสองชั้น
นัยน์ตาสีเกาลัด ริมฝีปากชุ่มชื่นเจือสีชมพู
ผู้หญิงที่ชะเง้อมองหน้าชั้นนั้นเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงในโรงเรียนแห่งนี้
ฮิโนะ โยโกะ จากห้องข้างๆนั่นเอง
ทั้งยังเป็นคนส่วนน้อยที่พูดคุยได้อย่างปกติโดยไม่ใส่ใจถึงกลิ่นตัวของชั้นเลย
「ยืนไหวมั้ย?」
「อ อื้ม...........」
ต่อให้เป็นชั้นก็ยังยื่นมือมาให้โดยไม่มีการลังเล ทำให้ชั้นรู้สึกเลยว่าฮิโนะนี่เป็นคนดีจริงๆ
แล้วก็ชั้นไม่ใช่ว่าแค่มาใจดีด้วยนิดหน่อยแล้วจะเข้าใจผิดแปลกๆหรือคาดหวังอะไรหรอกนะ
เพราะยังไงก็เข้าใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองดีอยู่แล้ว นี่ขนาดพูดเองยังเศร้าเองเลยนะเนี่ย!
「ฮิรากิคุง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?」
「...........ไม่ใช่เรื่องที่ฮิโนะต้องกังวลหรอก ยิ่งกว่านั้นถ้าไม่กลับห้องล่ะก็
เดี๋ยวคาบต่อไปจะสายเอานะ?」
「อะ.........อืม ก็จริงอยู่หรอกแต่..........」
「งั้นก็รีบไปเถอะ แต่ ฮิโนะแยกกับชั้นไปจะดีกว่านะ」
「ทำไมล่ะ?」
「เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดแปลกๆกันน่ะ ยิ่งกว่านั้นก็ไม่อยากดึงฮิโนะเข้ามาเกี่ยวด้วย」
「เอ๋?」
ชั้นพูดแล้วก็ ฝืนร่างกายที่เจ็บปวด แยกตัวจากฮิโนะไปก่อน
ถึงฮิโนะจะเป็นห่วงเรื่องของชั้นอย่างจริงจังแต่ถ้าเป็นห่วงเกินไปทางนี้จะแย่เอาแทน
ก็ฮิโนะเป็นที่ชื่นชอบนี่น่าต้องดึงคนดีๆแบบนั้นมาพัวพันด้วยนี่ไม่เอาหรอก
และหลังจากนั้นที่ห้องเรียน
เมื่อถึงเวลาจบคาบเรียนทั้งหมดที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับ
ปิ๊งป่องป่างป๊อง
สัญญานประกาศก็ดังขึ้น
『นักเรียนทุกคน ช่วยหยุดสิ่งที่ทำทั้งหมดแล้วนั่งประจำที่ด้วย』
เป็นการประกาศที่ไม่เข้าใจความหมายเลยสักนิด
แต่มือของทุกคนก็หยุดในชั่วพริบตา พอเอียงคอด้วยความสงสัย
ทุกคนก็ถูกจับให้นั่งที่ด้วยพลังมหาศาลอะไรบางอย่าง
「อ้ะ!?」
「ร ร่างกายมัน!?」
ซึ่งก็น่าจะรู้ว่าชั้นเองก็กำลังจะกลับเหมือนกันแต่อยู่ก็โดนอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น
ทำให้ชั้นถูกบังคับกลับมานั่งประจำที่
「มันอะไรกันเนี่ย..........」
พอชั้นบ่นพึมพำแล้วพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง-
「ข ขยับไม่ได้!?」
「มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!?」
อย่างกับถูกมัดกับเก้าอี้จนทำอะไรไม่ได้
ต่อให้พยายามขยับร่างกายเท่าไรก็ไม่สะเทือนเลยซักนิด
ดูเหมือนว่าจะถูกมัดกับเก้าอี้จริงๆแฮะ
สถานการณ์ที่ทุกคนในห้องกำลังลนลานนั้นเอง ก็มีประกาศดังขึ้นอีกครั้ง
『ไง ทุกคน ผมคือคนที่โลกของพวกเธอเรียกว่า≪พระเจ้า≫นะ』
เสียงที่ออกมาจากลำโพงนั้นเป็นเสียงแปลกประหลาดที่เดาไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิงอายุเท่าไร
『ตอนนี้พวกเธอคงกำลังสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดอย่างกะทันหันสินะ?
ก็พอเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น มนุษย์ย่อมสงบเยือกเย็นไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะอย่างนี้แหละน้ามนุษย์ถึงได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทั้งน่าเศร้าและน่าตลก』
พูดอะไรมาไม่เห็นจะเข้าใจสักนิด
มนุษย์?
ยิ่งกว่านั้นเจ้าของเสียงยังอ้างตัวเป็นพระเจ้าซะด้วยนะ
ถ้าสถานการณ์ปกติถ้ามีใครมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังล่ะก็ ได้คิดว่าเป็นพวกบ้าเสียสติไปแล้วแน่
แต่ ความเป็นจริงคือพวกเราทุกคนถูกพลังที่ไม่สามารถเข้าใจได้บังคับให้นั่งที่
ยิ่งกว่านั้นยังขยับไม่ได้อีกเหมือนกับถูกอะไรสักอย่างพันร่างกายเอาไว้
เพราะงั้นคำพูดของพระเจ้าที่ประกาศอยู่นี่ถึงได้เกิดความน่าเชื่อถืออย่างประหลาดขึ้นมาในใจชั้น
『จะอธิบายรายละเอียดให้มนุษย์อย่างพวกเธอก็ยุ่งยากซะด้วยสิ งั้นจะอธิบายให้ง่ายๆแล้วกัน』
เสียงที่ผ่านลำโพงมาบรรยากาศดูสบายๆยังไงก็ไม่รู้
『หลังจากนี้พวกเธอ จะไปยังโลกที่ไม่ใช่โลกนี้--------【ต่างโลก】ไงล่ะ』
「「「........」」」
จู่ๆก็เกิดอาการใบ้กินกันทุกคนเลย
และพอมีคนได้สติกลับมาพอจะอ้าปากพูดแต่เสียงก็ไม่ออกมา
ท่ามกลางสภาพที่ทุกคนโดยรอบต่างก็เต็มไปด้วยสีหน้าสงสัยนั้นเอง
เสียงก็ดังขึ้นจากลำโพงอีกครั้ง
『อ้ะ แล้วก็พอดีผมรำคาญที่ต้องคอยตอบไปทีละอย่างๆ
เลยขอใช้พลังยึดเสียงชั่วคราวนะ』
ด้วยคำพูดนี้ ทำให้ชั้นเข้าใจได้อย่างแน่นอนเลยว่าเจ้าของเสียงประกาศนี้
เป็น≪พระเจ้า≫หรือไม่ก็คนที่เทียบเท่าแน่นอน
ถึงเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ยากที่จะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
『กลับเข้าเรื่องดีกว่า ที่พวกเธอจะถูกส่งไปต่างโลกนี่ก็มีเหตุผลนะ.........
ก็ไอ้ประชากรของโลกที่มันพิ่มขึ้นเยอะเกินไปนั่นแหละ
มนุษย์อย่างพวกเธออายุยืนกันเกินไปนี่นา
จนโลกนี้หวีดร้องขึ้นมาแล้ว ถ้าเพิ่มขึ้นมากว่านี้ล่ะแย่แน่เลย
เพราะงั้นตอนนี้พระเจ้าอย่างผมก็เลยจะส่งพวกเธอไปโลกอื่นซะ
สรุปก็คือเป็นการทำเพื่อช่วยโลกไง』
จินตรนาการว่าเข้าใจอืมอืมผ่านลำโพงอยู่คนเดียวได้เลย
『แต่ถึงยังไงผมก็ยังใจดีน้า? ถ้าเอาจริงๆล่ะก็ผมไม่อธิบายอะไรให้พวกเธอ
แล้วลบตัวตนให้หายไปเลยก็ยังได้ เพราะงั้นผมเลยให้สิทธิในการมีชีวิตอยู่
โดยย้ายไปที่โลกอื่นแทนไง? อยากให้รู้สึกขอบคุณไว้นะ』
ทั้งที่จัดการอะไรคนเดียวตามอำเภอใจเนี่ยนะ............
『ทีนี้นะ โลกที่พวกเธอกำลังจะไปกันเนี่ย เป็นที่ๆเรียกกันว่าโลกแฟนตาซี..........
ก็โลกที่เหมือนกับเกมส์RPGของพวกเธอนั่นแหละ อย่างนี้คงเข้าใจง่ายกว่าล่ะมั้ง?
เราจะไปที่นั่นกัน แล้วโลกแฟนตาซีเนี่ยการมีมอนเตอร์หรือเวทมนตร์ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ทว่าไม่มีของอย่างเทคโนโลยีทางวิทยาศาตร์หรอกนะ
เพราะงั้นคงเป็นโลกที่ลำบากและอันตรายมากกับเด็กในยุคปัจุปันอย่างพวกเธออยู่แล้วล่ะเนอะ』
เอาจริงดิ อันตรายแบบนั้นขอเป็นลบให้หายไปโดยไม่รู้เรื่องเลยดีกว่า............
『สรุปก็คือเป็นโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายแถมไม่ต้องห่วงเรื่องคนที่เพิ่มขึ้น
แถมเป็นโลกที่ผมไม่ได้ไปแตะต้องเลยสักนิด
โลกที่ไม่มีการกลั่นแกล้งจากพระเจ้าหรือของอย่างปาฏิหารเลยน้า
แต่ก็มีของอย่างเลเวล สกิล สเตตัสอยู่คงสนุกกันได้ตามเรื่องตามราวแหละเนอะ?
โลกที่พวกเธออาศัยอยู่กับโลกที่ผมจะส่งไปนี่ก็อยู่ในระดับที่สูงกว่า
คิดว่าสเตตัสน่าจะสูงกว่าคนที่ทางโน้นนะ? สำหรับครอบครัวของพวกเธอที่ยังอยู่ที่โลกนี้
พวกเธอก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอก จะช่วยลบความทรงจำเกี่ยวกับพวกเธอให้เอง』
โอ้ ค่อยหมดห่วงหน่อย ไม่ใช่อยู่ๆก็ตายไปซะเฉยๆนี่เนอะ
แต่ว่า เรื่องที่ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเราจะหายไปจากพ่อแม่นี่
มันเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่จะไม่ทำให้เสียใจได้จริงๆเหรอ?
เอาเถอะพ่อแม่ชั้นก็ไม่อยู่แล้วจะเอายังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ.........
『แล้วก็จากพลังที่ผมเลือกมาให้ก็มีพลังที่ยืนยันสเตตัสได้จากเมนู
ฟังชั่นกล่องไอเท็มที่เก็บไอเท็มได้แค่เรียกขึ้นมาในใจ
แล้วก็พลังที่ทำให้เข้าใจภาษาจะได้ไม่ต้องลำบากลำบนที่ต่างโลก
แล้วยังแถมสกิลตรวจสอบให้เป็นของขวัญด้วยนา
อีกอย่างนะคือมนุษย์ของโลกที่จะส่งไปนี่พลังมองสเตตัสนี่ใครๆก็ทำได้
แต่การมองอะไรในแง่ดีนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญนา?
ครั้งนี้ที่พวกเธอถูกส่งไปต่างโลกเพราะดวงล้วนๆ
แต่ก็น่าจะมีกลุ่มอื่นที่มาจากโลกที่ต่างกับพวกเธอถูกส่งไปเหมือนกันแหละ
แล้วนี่จะวาร์ปพวกเธอไปกันยกโรงเรียนให้ด้วย
แน่นอนว่าของอย่างตึกเรียนนี่ไม่วาร์ปด้วยหรอก
อ้ะใช่ใช่ จะให้สกิลฉายาด้วย
เชิญยืนยันจากหน้าต่างเมนูได้เลย』
มันอะไรกันฟะเนี่ย...........นี่พวกเราถูกวาร์ปไปต่างโลกนี่เพราะดวงงั้นเหรอฟะ
ยิ่งกว่านั้นไปกันทั้งโรงเรียนด้วย โรงเรียนเรานี่มีนักเรียนทั้งหมด800คน
คนเยอะใช่เล่นเลยนะ?
แถมมีมนุษย์คนอื่นที่ต่างจากโลกเราถูกวาร์ปไปอยู่ด้วย
แต่ว่า.........ที่บอกว่าเป็นของขวัญนี่มันก็แค่พลังที่จำเป็นสำหรับต่างโลกไม่ใช่เหรอไง?
อย่างความสามารถเข้าใจภาษาเนี่ย ถ้าไม่มีล่ะก็ได้ตายเพราะพูดกันไม่รู้เรื่องแหงๆ
ถึงสกิลกับฉายานี่จะไม่ค่อยจะเข้าใจแต่ สกิลที่ชื่อตรวจสอบนี่ขอบคุณจริงๆ
จะได้ใช้เวลากินของที่ไม่รู้จักได้หน่อย
『เอาล่ะผมก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ พอดียังมีงานอื่นค้างอยู่ด้วย
และสุดท้ายนี้จะให้เวลาพวกเธอเตรียมตัวกันหนึ่งชั่วโมง
ถ้าจับกลุ่มกันล่ะก็จะวาร์ปไปที่ๆปลอดภัยให้...........แต่ถ้าอยู่คนเดียวโดนวาร์ปไปที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยน้า』
พูดเพียงแค่นั้นแล้วเสียงจากลำโพงก็หยุดไปทันที
จากนั้นพอลองขยับร่างกายดู ก็ออกจากเก้าอี้ได้แล้ว
แต่ทุกคนก็ยังไม่เคลื่อนไหวกันทันที
ที่ว่ามนุษย์พอเกิดเรื่องลึกลับหรือเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้จะสับสนกันก็ไม่ผิดหรอก
แต่ในความจริงแล้วเวลาที่ลำบากก็ยังทำใจเย็นซึ่งตรงข้ามกันได้
เพราะงั้นทุกคนถึงได้เงียบกันมากผิดปกติ
ทั้งๆที่เคลื่อนไหวได้แล้วก็ยังไม่มีคนเคลื่อนไหว
เมื่อเวลาผ่านไป อาโอยามะ ฮิโรกิ ที่เป็นเพื่อนร่วมห้องเคลื่อนไหวขึ้น
「ท ทุกคน !ก่อนอื่นมายืนยันสถานการณ์ปัจจุบันกันก่อนดีมั้ย?」
อาโอยามะ ถึงไม่ใช่ไอดอลแต่ก็เป็นกับตันชมรมฟุตบอลของโรงเรียนนี้
เนื้อหอมในหมู่พวกผู้หญิงมากทีเดียวเลยล่ะ
「ก่อนอื่น คนอื่นนอกจากพวกเรา.........คนที่อยู่ในโรงเรียนนี้
ถ้าที่ประกาศนั่นเป็นความจริงล่ะก็ ต้องโดนวาร์ปไปแน่
ถ้างั้นประตูห้องเรียนล่ะเปิดได้มั้ย?หน้าต่างด้วยมาลองตรวจสอบกันเถอะ」
พอว่ามาแบบนั้นพวกที่นั่งติดหน้าต่างกับประตูก็ลองเปิดกันดู
「ไม่ไหว เปิดไม่ได้เลย นี่ก็ไม่ได้ล็อกด้วยกุญแจด้วยนะ..........」
พอยืนยันที่พวกนั้นพูดทีละคนๆแล้ว อาโอยามะก็พยักหน้าให้
「ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็คำพูดที่ประกาศมาก็ชักจะจริงขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ.......」
พูดไปก็เอามือไปจับคางด้วยท่าทางครุ่นคิด
「.........จริงสิ ถ้าที่ประกาศมาโน่นเป็นความจริงล่ะก็
ก็น่าจะยืนยันสเตตัสของตัวเองได้ด้วยนี่นา.............」
「เอ๋? นั่นไม่ใช่ว่าใช้ได้หลังจากไปที่ต่างโลกแล้วเหรอ?」
「แค่สมมติน่ะ อาจารย์เองก็อยู่ที่ห้องพักครูกันด้วย
ตอนนี้ตรวจสอบเท่าที่ทำได้ก่อนยังไงก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ งั้นก่อนอื่นก็.........สเตตัส!」
เสียงประกาศก็บอกว่าร่ายในใจก็ได้แท้ๆ ทำไมอาโอยามะถึงต้องพูดออกมาด้วยฟะ
ทันใดนั้นเอง ที่ตรงหน้าอาโอยามะก็มีการ์ดโปร่งใส่โผล่ขึ้นมาทันที
「อ ออกมาแล้ว!」
อาโอยามะรีบตรวจสอบดูทันที
「อย่างนี้นี่เอง...........เป็นสเตตัสที่เหมือนกันเกมส์จริงๆนั่นแหละ ทุกคนก็ตรวจสอบกันดูสิ!」
พออาโอยามะพูดแบบนั้น ทุกคนก็เริ่มตรวจสอบสเตตัสที่แสดงออกมากัน
สถานการณ์อย่างนี้ ต่อให้มีคนช่วยนำให้แค่คนเดียวก็น่าขอบคุณแล้วล่ะนะ
ชั้นเองก็เลยเปิดหน้าจอสเตตัสเพื่อตรวจสอบเหมือนกับทุกคน โดยร่ายสเตตัสในใจ
≪ฮิรากิ เซอิจิ≫
เผ่าพันธุ์:เกือบไม่ใช่มนุษย์
เพศ:ชายน่าขยะแขยง
อาชีพ:ขยะสังคม(ไม่มีอาชีพ)
อายุ:17
เลเวล:1
พลังโจมตี:1
พลังป้องกัน:1
ว่องไว:1
พลังเวท:1
ป้องกันเวท:1
โชค:0
เสน่ห์:ไม่สามารถวัดได้(ต่ำเกิน)
≪อุปกรณ์สวมใส่≫
เสื้อนักเรียนสกปรก กางเกงนักเรียนสกปรก เสื้อในสกปรก กางเกงในสกปรก
≪สกิล≫
ตรวจสอบ
..................
แกล้งกันรึไงฟะ!?
เกือบไม่ใช่มนุษย์นี่มันอะไรกันเนี่ย!?
เพราะชั้นเป็นมนุษย์ที่น่าขยะแขยงเกินไปอะไรแบบนั้นเหรอไง!?
ยิ่งกว่านั้นเพศชายน่าขยะแขยงนี่.........แค่ชายก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ!
ทำไมต้องใส่『น่าขยะแขยง』เข้ามาด้วยฟะเฮ้ย!?
แถมยังสเตตัสต่ำสลัด!?
ตรงเสน่ห์นี่ก็สุดยอดวัดไม่ได้เลยนะเฟ้ย!?
ในทางแย่ๆอ่ะนะ!
นอกจากนั้นโชคยัง 0 เลยนะเว้ยเฮ้ย!?
อุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดทำไมมี『สกปรก』ติดอยู่เนี่ย!?
ร่างกายชั้นมันสกปรกนักเหรอไง!?
น้ำตาจะไหลแล้ว!?
สเตตัสนี่มันก็แค่ที่รวมของคำด่าไม่ใช่เหรอไงฟะ!
แล้วอาชีพขยะสังคมนี่มันไม่ใช่อาชีพสักหน่อย!
อย่างแรกเลยนะชั้นเป็นนักเรียนเฟ้ยไม่ใช่ไม่มีอาชีพ!
ดูถูกกันเหรอไง!
ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย!
จะว่าอย่างนี้เหรอ!?
ไปตายซะ?
อยากให้ตายมากงั้นสินะ!?
.........เฮ้อ..........เฮ้อ......
........ตบมุขมากไปหน่อย.......!
ขณะที่ชั้นกำลังโมโหกับสเตตัสอันห่วยแตกสิ้นดีนั้น ก็ได้ยินเสียงต่างๆนาๆจากรอบข้าง
「อาชีพของฉันเป็นนักดาบล่ะ!」
「ไหงเราเป็นนักปราชญ์ล่ะเนี่ย?」
「สเตตัสทุกอย่าง100นี่เจ๋งมั้ยอ่ะ?」
「อ้ะ ชั้นก็100ด้วยนะ」
............เอ๋ เอาจริงดิ!?
สเตตัสทุกคนเริ่มที่100กันเหรอ!?
นี่100เท่าของชั้นเลยนะ!?
มันจะเกินไปแล้ว...........!
สิ้นหวังกับความแตกต่างของพลังตัวเองกับผู้คนรอบๆ
ช่องว่างความแตกต่างทางสังคมนี่มันโหดร้ายชะมัด.............
คงได้แต่ปลงกับสเตตัสของชั้นเองแหละนะ ถึงไม่อยากปลงนักก็เถอะ
「เอาล่ะ ทุกคนดูเหมือนว่าจะตรวจสอบกันได้เรียบร้อยนะ งั้นก็มาจับกลุ่มกันดีกว่า
เวลาก็เหลือน้อยแล้วด้วย..............」
อาโอยามะพูดแบบนั้นเพราะพอดูนาฬิกาที่เดินได้เป็นอย่างดี
ซึ่งก็ได้ผ่านไป50นาทีแล้วหลังจากการประกาศนั่น
「กลุ่มที่จับกันนี่ก็ไม่น่าจะมีจำนวนคนจำกัด ก็ประกาศนั่นไม่เป็นจะมีบอกไว้เลยนี่นา
ถ้างั้นก็รวมเป็นกลุ่มกันทุกคนเลยอันตรายจะได้น้อยลงไปด้วยจริงมะ
แต่วิธีสร้างกลุ่มนี่ทำยังไงก็ไม่รู้ซะด้วยสิ.............」
ขณะที่อาโอยามะพึมพำอยู่นั่นเอง
จู่ๆการ์ดโปร่งใสก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าอาโอยามะอีกครั้ง
「โอ้...........แค่ใส่ชื่อของสมาชิกที่อยากให้มาร่วมกลุ่มก็พองั้นเหรอ..........
ดีล่ะ !ถ้างั้นทุกคนก็มาบอกชื่อกันมาทีละคนนะ!」
หลังจากการเสนอนั้น เพื่อนร่วมห้องทุกคนก็ค่อยไปรวมตัวกันภายใต้อาโอยามะ
แล้วบอกชื่อของตัวเองไป
ถ้าชั้นไม่ไปลงทะเบียนกับเขาด้วยล่ะก็คนแรกที่จะถูกสังเวยในต่างโลกคือชั้นแน่
ก็เลย หาจังหวะเหมาะๆผสมโรงไปพูดกับอาโอยามะร่วมกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นด้วย
「ช ช่วยลงทะเบียนชั้นด้วย!」
แต่กลับได้แค่สายตาอันเย็นชาตอบกลับมา
「หา? แกจะมาร่วมด้วยทำไม?」
「เอ๋?」
「ทำไมต้องเอาแกมาเข้ากลุ่มด้วยล่ะฟะ?」
「ค คือว่า...........ไม่งั้นก็ต้องอยู่คนเดียว...........」
「คนเดียวก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอไง เชิญตายไปคนเดียวเถอะ เจ้าหมูอ้วน
แล้วก็อย่าเข้ามาใกล้นะเฟ้ย มันเหม็นว่ะ」
ชั้นพูดไม่ออกเลย
ไม่จริงน่า..........สถานการณ์อย่างนี้ยังมารังแกกันอีกเหรอ!?
ยิ่งกว่านั้นพวกนักเรียนคนอื่นก็เต็มไปด้วยสายตาที่มองชั้นเหมือนเป็นของสกปรก
ในนั้นมีคนที่หัวเราะเยาะอยู่ด้วย
ศัตรูรอบด้าน ในชั้นเรียนนี้ไม่มีคนที่คบหาชั้นอย่างปกติเลยสักคนเดียว
วันนี้ชั้นต้องจบสิ้นแล้วแน่ๆ............... โชค 0 นี่ไม่ใช่แค่โชว์นะเนี่ย!
ตอนที่กำลังคิดเรื่องอย่างนั้น เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่สังเกตการณ์การชั้นอยู่
ก็เริ่มปล่อยก๊ากออกมา
「อุ๊บ...........!ก๊ากฮ่าาาาาาาา!ไม่ไหวแล้ว ปวดท้องฟ่ะ...........!」
「เฮ้ยเฮ้ย เป็นอะไรไปฟะ!」
เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นเองก็มองเจ้าคนที่ปล่อยก๊ากออกมาด้วยสีหน้างุนงง
「ก ก็มัน..........!สเตตัสของหมอนี่มันโคตรกากเลยฟ่ะ!?」
「!?」
ท ทำไมถึงความแตกได้ล่ะ!?
ไม่น่าจะมีใครเห็นได้นี่นา!?
อ่านความคิดของชั้นได้งั้นเหรอ
เจ้านักเรียนชายที่หัวเราะก๊ากขึ้นมานี่...........จำได้ว่าชื่อไทกิกำลังยิ้มแป้นอยู่
「จะบอกอะไรดีๆให้ฟังนะ ก็ที่ประกาศมาเมื่อกี้มีว่ายืนยันสเตตัสได้ก็ทำได้ใช่มั้ยล่ะ
เพราะงั้นไงเลยลองใช้สกิล『ตรวจสอบ』ที่บอกว่าเป็นของขวัญดู
พอทำแบบนั้นนะ............อะฮะฮะฮ่าฮ่า!」
ตรวจสอบงั้นเหรอ!?
เอาจริงดิ!?
พอฟังที่ไทกิพูดแล้ว ทุกคนก็หันมาสังเกตุชั้นด้วยแววตาประหลาดๆ
จากนั้นก็----
「「「ก๊ากฮาาาาาาาาา!」」」
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะกันขึ้นมา
「ไม่ไหวว่ะ..........นี่มันสุดยอดไปเลยนะเนี่ย!?」
「1 มัน1หมดเลย...........!」
「ตายแหงแก๋.........หมอนี่ตายแหงแก๋แน่นอน..........!」
ทุกคนสมเพชเวทนาทั้งยังมองชั้นด้วยสายตาที่เหมือนเด็กมองของเล่นที่น่าสนุก
「แกนี่มันถ่วงชาวบ้านเขาสุดๆไปเลยฟ่ะ!แล้วใครมันจะเอาแกเข้าไปอยู่ในกลุ่มกัน
ฮิฮิฮิ!」
「อุหวา.........หมอนี่เป็นขยะจริงๆด้วย........」
「ขยะสังคม.........ก็เป็นอาชีพที่เข้ากันดีนี่หว่า!」
ทุกคนต่างล้อและดูถูกชั้นกันหมด
ชั้นเลยแอบใช้สกิล『ตรวจสอบ』กับอาโอยามะดูบ้าง
แต่ตัวอักษรที่ปรากฏออกมายิ่งทำให้ชั้นสิ้นหวังขึ้นไปอีก
『ความสามารถต่างกับเป้าหมายมากเกินไป ไม่สามารถตรวจสอบได้』
หลังจากประโยคนั้น ผลสุดท้ายที่เข้าใจได้จากการตรวจสอบก็แค่ชื่อของอาโอยามะเท่านั้น
ส่วนตรงช่องสเตตัสเขียนอะไรอยู่บ้างนั้นไม่สามารถรู้ได้เลย
สรุปก็คือ เลเวล1ของชั้นทิ้งห่างกับความสามารถของทุกคนในห้องโขเลย
ที่โลกนี้เองก็ไม่มีข้อดีอะไรเทียบกับคนอื่นเขาก็สู้ไม่ได้
ขนาดค่าความสามารถที่ต่างโลกก็ยังต่ำที่สุดในห้อง
ตรงหน้าชั้นมืดสนิท
พวกในห้องต่างพากันไล่ต้อนชั้นโดยไม่คิดถึงสภาพของชั้นเลย
「หายไปซะ เจ้าขยะเอ้ย」
「ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมาอยู่ห้องเดียวกันด้วยเนี่ย?」
「ถึงโลกนี้การแกล้งกันจะเป็นสิ่งที่ผิดแต่จะไปที่ต่างโลกแล้วคงไม่เกี่ยวหรอกเนอะ?」
「เอาจริงดิ งั้นมาแช่งมันกันเถอะ?」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
「ตายซะ」
ตายตายอยู่ได้หนวกหู!?
แค่นี้ในใจชั้นมัน『ตาย』แหลกสลายไปหมดแล้วนะ!?
อะไรกันล่ะ!?
เจ้าพวกนี้นี่!
อยากให้ชั้นตายนักเหรอไง!
ไม่เอาด้วยอ่ะ ไม่อยากตายสักหน่อย!?
ก็มันน่ากลัวนี่นา!
ชั้นถูกตัดทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบแต่จะยังไงก็ช่างมันเถอะ
เข้ากลุ่มไม่ได้ก็ช่างมัน ยังไงถึงเข้าไปก็ต้องโดนแกล้งอยู่แล้ว
มาคิดบวกดีกว่า อืมอืม
「อุหวา.............ยิ้มด้วยล่ะ..........」
「น่าขยะแขยงชะมัด........」
ก็บอกแล้วไงว่าจะแกล้งกันไปถึงไหน!?
ว่างนักเหรอไง!?
สุดท้ายเวลาก็ผ่านไป1ชั่วโมงโดยที่ชั้นก็เข้ากลุ่มไม่ได้
และแล้วการกระจายเสียงก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ปิ๊งป่องป่างป๊อง
『ดูเหมือนว่าจะตั้งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว
...........แต่มีอยู่คนเดียวที่ต่างกับคนอื่นเขานะ』
เอ๋ ที่ว่าคนเดียวนี่มีแค่ชั้นงั้นเหรอ!?
เอาจริงดิฟะเฮ้ย!?
『เฮ้อ ในสถานการณ์อย่างนี้ยังมาทะเลาะงี่เง่ากันอยู่อีก มนุษย์นี่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่รู้จักโตสักทีน้า
............โอ๊ะ พูดนอกเรื่องไปหน่อย
แล้วก็นะ ผมมีเรื่องนึงที่ต้องขอโทษพวกเธออย่างช่วยไม่ได้จริงๆ』
หา ขอโทษ? เรื่องไรเหรอ?
『ก็ตั้งใจนะว่าถ้าพวกเธอสร้างกลุ่มแล้วจะส่งไปที่ๆปลอดภัยให้
แต่ดูเหมือนว่าประเทศนึงในโลกที่ๆจะส่งพวกเธอไป กำลังทำพิธีอัญเชิญผู้กล้าจากต่างโลกกันอยู่น่ะ』
อ อัญเชิญผู้กล้า?
『เพราะงั้นกลุ่มทั้งหมดในโรงเรียนนี้เลยจะถูกอัญเชิญไปที่ประเทศนั้นกันหมดเลย
ทางโน้นดันมาเกะกะวิชาวาร์ปของผมซะได้
............เอาเถอะก็ยังมีหลุดการอัญเชิญนั่นมาได้คนนึงล่ะนะ 』
โว้ว!?
ทุกคนอยู่ในหมวดการอัญเชิญผู้กล้า
แต่มีชั้นแค่คนเดียวที่จะถูกส่งไปที่ไหนก็ไม่รู้งั้นเหรอ!?
『ยังไงก็ตามแต่โลกที่จะส่งพวกเธอไปนี่มีตัวที่เรียกว่าจอมมารอยู่หรือก็คืออันตรายมีมากขึ้นไปอีก
เพราะงั้นคิดว่าพวกเธอได้เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยทันทีแน่
และด้วยเหตุนี้เองคิดว่าพวกเธอคงไม่มีเวลามานั่งเรียนรู้เรื่องพื้นฐานที่ต่างโลก
เลยจะใส่หนังสือความรู้ที่บรรจุความรู้ที่โลกนั้นแบบคร่าวๆในไอเท็มบ็อกให้
แต่จะให้ช่วยมากกว่านี้คงไม่ได้แล้วล่ะนะ ที่ผมทำได้ก็แค่นี้แหละ 』
เอาจริงดิ!?
อิมเมจพระเจ้านี่มันต้องทำได้หมดทุกอย่างไม่ใช่เหรอ.......
ยิ่งกว่านั้นผลลัพธ์ดันเป็นการอัญเชิญผู้กล้าที่ต้องไปสู้ทันทีเนี่ยมันจะแย่เกินไปแล้ว
อยู่คนเดียวดีกว่าอีก
...........เปล่า โกหกน่ะครับ แบบว่าคนเดียวมันเหงาอ่ะ
『โอ๊ะโอ...........ดูเหมือนว่าพิธีอัญเชิญจะเริ่มขึ้นแล้วนะ............』
พอเสียงจากลำโพงพูดเสร็จ ที่ขาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนก็มีวงเวทเปล่งแสงขึ้นมา
『โทษทีนะที่จู่ๆก็โยนไปต่างโลกเลย? ขอให้พวกเธอโชคดีในการต่อสู้นะ
แล้วก็สู้ๆที่โลกใหม่ด้วยน้า』
พอสิ้นเสียงนั้น พวกในห้องก็ค่อยๆกลายเป็นเม็ดแสงหายลับไป
ระหว่างนั้น ทุกคนต่างก็มองชั้นด้วยสายตาหัวเราะเยาะ
ว่างกันซะจริงนะเจ้าพวกนี้
และแล้วทุกคนก็หายลับไปเพราะการอัญเชิญผู้กล้า
「............」
............อ้าว แล้วชั้นล่ะ!?
ถึงไม่ได้ไปกับการอัญเชิญผู้กล้าด้วยแต่ก็น่าจะถูกส่งไปที่ไหนสักแห่งไม่ใช่เหรอ!?
เพราะรู้ตัวว่าชั้นกำลังงงอยู่ล่ะมั้งเลยมีเสียงออกมาจากลำโพง
『ฮะฮ่าฮ่า ไม่ต้องเป็นห่วง จะส่งเธอไปให้เรียบร้อยแน่
แต่พอดีกรณีส่งไปคนเดียวนี่ยังตัดสินใจไม่ถูก งั้นเอาเป็นแรนด้อมเลยแล้วกัน』
「หา?」
『สรุปก็คือ เธออาจจะได้ไปที่ๆปลอดภัยหรืออาจจะเป็นที่ๆอันตรายสุดๆเลยก็ได้ไง』
「เอาจริงดิครับ!?」
ตายโหง..........ชั้นมันโชค0นะเว้ยเฮ้ย?
อย่างกับเห็นผลลัพธ์ล่วงหน้าเลยนะเนี่ย...........
ทันใดนั้นเอง เพราะคิดว่าชั้นน่าสงสารล่ะมั้ง เสียงของลำโพงเลยพูดเรื่องนึงขึ้น
『อืมมม............ทั้งโรงเรียนมีอยู่คนเดียวที่ถูกทิ้งไว้นี่จะว่าสุดยอดเลยก็ได้นะ
ทั้งๆที่ทุกคนรวมถึงอาจารย์ก็ไปกับการอัญเชิญผู้กล้าแท้ๆ
งั้นผมจะให้อีกสกิลนึงกับเธอที่เป็นอย่างนั้นแล้วกัน』
「เอ๋!?」
『เอาเป็นอะไรดีน้า...........จริงสิเอานี่ดีกว่า
【แยกส่วนสมบูรณ์แบบ】ให้นี่เป็นของขวัญกันเธอแล้วกัน』
「ย แยกส่วนสมบูรณ์แบบ?」
อ อะไรล่ะนั่น? ชื่อสกิลเว่อร์ชิบ.........
『สกิลที่ให้เป็นของขวัญอันนี้น่ะไม่มีความเสี่ยงในการใช้
แบบเดียวกับสกิล【ตรวจสอบ】ที่ให้พวกเธอใช้ก่อนหน้านี้เลย
ก็นะสกิลติดตัวมันไม่กินอะไรเลยไม่เหมือนกับเวทมนตร์ที่กินพลังเวท
เพราะงั้นเชิญใช้ได้ตามสะดวกเลยนะ
ส่วนประสิทธิภาพนี่ไว้ไปโลกใหม่ก็ไปลองดูแล้วกัน』
「ค ครับ............」
『โอ๊ะ ดูเหมือนว่าการส่งตัวของเธอจะเริ่มขึ้นแล้วนะ』
「อ้ะ.........」
ตามที่เสียงนั้นพูด แป๊ปเดียวเม็ดแสงก็มาห่อหุ้มตัวชั้น
『ฟุฟุ ถ้างั้นเธอเองก็พยายามที่โลกใหม่ด้วยน้า』
「เอ่อ ครับ」
『ขอให้พวกเธอโชคดีในการต่อสู้นะ 』
หลังจากเสียงนั้นชั้นก็หายลับไปจากโลก
และแล้ว การผจญภัยของชั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น...........!
.................เอ่อขอโทษครับ ไม่มีอะไรหรอก
◆◇◆
เสียงที่ได้ยินจากลำโพงในโรงเรียนที่ทุกคนหายไป
『มนุษย์นี่ช่างน่ารังเกียจจริงๆ.......... ตามบาปมหันต์ 7 ประการที่คำภีร์ไบเบิ้ลบอกเลยนะ
โลภ หยิ่ง โกรธ ตะกละ ตันหา อิจฉา ขี้เกียจ........... ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเลย
เพราะงั้นถึงได้ทำตามใจชอบลุกลามไปจนโลกแทบจะกรีดร้อง』
เสียงนั้นไม่มีอารมส์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย
『คิดว่าโลกเป็นของใครกัน?
มนุษย์งั้นเหรอ?
ไม่ใช่อยู่แล้ว
มนุษย์ก็แค่คงอยู่บนโลกตามอำเภอใจเท่านั้นเแหละ
อย่างการปะทะกันที่น่ารังเกียจก็แค่ต้องการดินแดนหรือทรัพยากระที่อยู่ตรงนั้นเท่านั้นเอง
สงครามศาสนานั่นก็ใช่ มีแต่จะรบกวนโลกเปล่าๆ』
ถึงเสียงจะว่าถึงขนาดนั้นแต่เสียงถัดมาที่ออกจากปากนั้นกลับมีความสนุกปนอยู่ตรงไหนซักแห่ง
『แม้จะถูกปฏิเสธขนาดนั้นเขาก็ยังไม่ถูกย้อมเป็นสีดำ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ
ไม่ถูกความเคียดแค้นเข้าครอบงำซะด้วย............
แต่ก็นะพูดในทางที่ดีก็คือปลงได้แล้ว
พูดในทางที่แย่ก็คือเพราะไม่ได้เรื่องเลยยอมแพ้
คงประมาณนี้ล่ะมั้ง?』
จากนั้นเสียงนั่นก็หัวเราะออกมานิดหน่อย
『จริงๆเลยนะถ้ามนุษย์ไม่ใช่ตัวตนที่ต้องรับความช่วยเหลือล่ะก็
พวกเรา(......)ก็คงไม่จำเป็นสร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอก
พวกอย่างนั้นบางครั้งก็มีอยู่เหมือนกันนะ
มนุษย์ถึงได้ทั้งน่ารังเกียจและน่าเอ็นดู』
เสียงนั้นอย่างกับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนของผู้เป็นแม่
『ต่อจากนี้พวกเราก็จะคอยเฝ้ามองและชี้นำมนุษย์ต่อไป
ก่อนหน้านั้นก็ขออวยพรให้โชคดี---------』
หลังจากนั้นเสียงของลำโพงที่โรงเรียนก็ไม่ออกมาอีก
◆◇◆
「อือ ที่นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย」
ชั้น..........ที่ๆฮิรากิ เซอิจิถูกส่งมานั้นเป็นกลางป่าที่ไหนก็ไม่รู้
อย่างน้อยขอแค่ใกล้เมืองหน่อยก็ยังดี...............
แต่ว่า ก่อนอื่นก็มายืนยันสถานการณ์ปัจจุบันดีกว่า!
-----------แต่ถึงจะพูดไปแนวๆนั้น ก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นอยู่ดี
「สงบใจไม่ได้เลยเฟ้ยยยย!」
ต่อให้พูดอยู่คนเดียวเพื่อคงสติของตัวเองไว้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนสักหน่อย!
บัดซบเอ้ย!
「...........ก่อนอื่นก็เดินหน้าดีกว่า」
ผลลัพธ์จากการใจเย็นลง ชั้นก็เลยตัดสินใจเดินหน้าไปจากตรงที่กำลังอยู่
ก็ต่อให้ยืนอยู่ตรงนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนี่นา
พอกวาดสายตามองรอบๆอีกครั้งหนึ่ง กลางป่าที่หนาทึบนี่บอกตามตรงรู้สึกไม่ดีเลยฟ่ะ
「ค คงไม่มีอะไรออกมา............หรอกเนอะ?」
ชั้นก้าวเดินไปข้างหน้าแบบสั่นๆ
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของชั้นมันเป็นflagในรูปแบบหนึ่ง----------