ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Kage no Jitsuryokusha ni Naritakute! Ch.7 บทเรียนพื้นฐานของการเป็นพลังในเงามืด (เท่านี้คุณเองก็เป็นพลังในเงามืดได้แล้ว!?)





“หลงทางซะแล้ว”

ผมอุบกับตัวเองในเส้นทางใต้ดินที่ไม่มีใครอยู่

ตอนมาถล่มรังใต้ดินนี่ด้วยกัน ก็ไปได้สวยอยู่หรอก แต่ผมเบื่อกับการสู้ลูกกระจ๊อก จึงกะล่วงหน้าไปก่อนเพื่อหาตัวบอสแท้ๆ

เห้อ, อุตส่าห์ฝึกบทพูดตอนเจอบอสมาแท้ๆ

ว่าแต่ ที่นี่มันใหญ่โตชะมัด, งานคราวนี้ คงเป็นการล่าโจรซึ่งยึดครองพื้นที่รกร้างที่เคยเป็นฐานทัพทางทหารสินะ?

“หือ?”

จู่ๆ

ก็รับรู้ถึงตัวตนของบางสิ่ง จากอีกฟากของทางใต้ดิน

ไม่นานนัก อีกฟากเองก็รู้สึกตัว, หยุดอยู่ในระยะห่างพอตัวจากผม

“ล้อมมาดักไว้ด้วยรึ……”

มีนายกล้ามถึกโผล่ออกมา, แล้วก็ไม่รู้ทำไม ถึงตาแดงก่ำเชียว ทำได้ไงเนี่ย เท่ชะมัดเลยฟ่ะ! แบบนี้ ยิงลำแสงออกจากตาได้ด้วยป่ะเนี่ย?

“แต่ว่าแค่คนเดียว ชนะสบาย”

นายตาแดงยิ้มบิดเบี้ยว, แล้วหายตัวไป หรือจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่คนธรรมดามองเห็นดี เพราะนี่คือการขยับตัวอย่างรวดเร็ว

แต่ว่านะ

ผมหยุดดาบของนายตาแดงไว้ด้วยมือเดียว

เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าจะมาจากทางไหน, ความเร็วนี่ก็ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร ส่วนพลัง จะสำแดงฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อรู้วิธีใช้

“หะ-!”

ผมผลักไหล่ของนายตาแดงเบาๆ เพื่อสร้างระยะห่าง

มีพลังเวทมากกว่าอัลฟ่าซะอีกนะเนี่ย, แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักวิธีควบคุมเลย เป็นแค่ไอ้โง่ที่มีพลังเวทเยอะ

จริงๆผมไม่ค่อยชอบวิธีสู้อย่างป่าเถื่อนที่พึ่งพิงแต่การโด๊ปเพิ่มเวท เพื่อยกระดับพลังและความเร็วหรอก

แน่นอน ว่าไม่ได้ปฏิเสธความสำคัญของพลังกาย, หากจะให้เลือกระหว่างพลังกับเทคนิค ผมเลือกพลังอย่างไม่ลังเลอยู่แล้ว

เทคนิคที่ไร้พลัง ย่อมไม่มีค่า, แต่วิธีต่อสู้อย่างไม่สมบูรณ์แบบด้วยการใช้แต่ลักษณะร่างกาย แค่เอาพลัง เอาความเร็ว เอาปฏิกิริยาเข้าว่า โดยไม่ใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อยนั้น ผมล่ะไม่ชอบเลย 

ลักษณะร่างกายเป็นสิ่งสืบทอดมาจากยีน แต่เทคนิคเป็นเรื่องของความพยายามฝึกฝน, เพราะงั้น ผมซึ่งมีเป้าหมายจะเป็นพลังในเงามืด จึงไม่มีทางแพ้ด้านเทคนิค, ผมนำพลังมาใช้กับเทคนิค นำความเร็วมาใช้กับแผนการ และค้นหาความเป็นไปได้ภายใต้ปฏิกิริยาตอบสนอง, จริงอยู่ว่าลักษณะร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมไม่ต่อสู้อย่างโง่เง่าโดยพึ่งพิงเอาแต่ลักษณะร่างกาย และจะเรียกว่านี่เป็นสุนทรียศาสตร์ในการต่อสู้ของผมก็คงไม่ผิดนัก

ด้วยเหตุนี้ ถึงไม่ค่อยพอใจกับไอ้หน้าโง่เล่นยาโด๊ปนี่

ต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว

เพื่อให้สำเหนียกในวิธีใช้เวทอย่างถูกต้อง

"บทเรียนที่ 1”

ผมยกดาบสไลม์ขึ้น, แล้วก้าวเข้าหามัน

หนึ่งก้าว สองก้าว สามเก้า

ทันทีที่ย้างเท้าก้าวที่สาม, นายตาแดงก็เหวี่ยงดาบ นี่คือระยะจู่โจมของมัน

พริบตานั้น, ผมเร่งความเร็ว

แค่ใช้เวทในจำนวนน้อยนิด – เน้นไปกับเท้าเท่านั้น, อัดพลังเวทแน่น แล้วปล่อยออกพร้อมกันทันใด

ก็แค่นี้เอง

แต่แค่นี้, ทำให้เกิดการระเบิดของเวทที่อัดแน่น ส่งผมพุ่งไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน

ดาบนายตาแดงเหวี่ยงวืดกลางอากาศ

ผมเข้าถึงระยะจู่โจมของผมแล้ว

ความเร็วไม่จำเป็นอีกต่อไป พลังเองก็เช่นกัน หรือแม้แต่เวทก็ไม่จำเป็น

ผมลูบคอนายตาแดงด้วยดาบสีดำสนิท

เป็นแค่รอยฝานบางๆที่คอ

หลังจากทิ้งรอยสีแดงไว้ที่คอของนายตาแดง ผมก็ออกจากระยะจู่โจมตัวเอง

เวลาเดียวกัน, ดาบนายตาแเดงก็เฉี่ยวแก้มผมไป

“บทเรียนที่ 2”

ผมพุ่งไปข้างหน้าอีก เมื่อนายตาแดงดึงดาบถอย

คราวนี้ไม่ได้ใช้เวท

เพราะงั้นนายตาแดงถึงเร็วกว่าเยอะ

แต่ไม่ว่ามันจะมีความเร็วแค่ไหน, ก็ไม่อาจทำการจู่โจมกลับมาพร้อมกันได้

เพราะงั้นถึงโดนประชิดตัว

แค่ครึ่งก้าว

ระยะที่แทบจะไม่แตกต่างจากเดิม แต่เป็นระยะที่ห่างสำหรับผม และใกล้สำหรับมัน

พริบตาแห่งความเงียบ

นายตาแดงเกิดสับสน

ผมเห็นได้ชัดเจน

ท้ายที่สุด, นายตาแดงเลือกที่จะถอย

รู้อยู่แล้วล่ะ

ผมอ่านจากความเคลื่อนไหวของเวทมันแล้ว จนรู้ว่ามันจะเลือกเช่นนี้ 

เพราะงั้น ถึงนายตาแดงจะมีความเร็วมากกว่า แต่เป็นผม ที่ออกตัวก่อน

ปิดระยะเข้าใกล้ได้ไวกว่าการล่าถอยของนายตาแดง, ทำให้ปลายดาบลูบไล้ไปที่ขามัน

คราวนี้ลึกกว่าดาบแรกหน่อย

“คุ……!”

นายตาแดงส่งเสียงเจ็บปวด, และยิ่งถอยออกไปอีก

ผมเลือกที่จะไม่ไล่ตาม

“บทเรียนที่ 3”

ช่วงเวลาสั่งสอน เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

 

◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇

 

เคยรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกันไกลรึเปล่า? โอลบาคิดระหว่างที่ร่างถูกดาบสีดำสนิทฟันแล้วฟันอีก

แม้แต่ตอนสู้กับเอลฟ์ที่เรียกตัวเองว่าอัลฟ่า, หรือตอนสู้และพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าหญิงนั่นที่เทศกาลเทพสงคราม ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความห่างชั้นมากขนาดนี้

หากจะให้เปรียบเทียบ…… คงเหมือนตอนสมัยเด็ก ที่เพิ่งจับดาบ และเผชิญหน้ากับครูฝึก, เด็กน้อยปะทะครูฝึก มือใหม่ปะทะผู้เชี่ยวชาญ, เช่นนี้ จะเรียกว่า ‘การต่อสู้’ ก็ไม่ถูก

สิ่งที่รู้สึกคราวนี้ เหมือนกับตอนนั้นเลย

ศัตรูเป็นเด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้ดูแข็งแกร่งอะไร, อย่างน้อยๆ โอลบาก็ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแบบตอนสู้กับอัลฟ่า

หากจะให้สรุปในคำเดียว คือเหมือนเป็น ‘ธรรมชาติ’, ไม่ว่าจะท่วงท่า, การใช้เวท, วิชาดาบ, ทุกสิ่งของศัตรู ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมชาติ

ไม่ได้มีพลัง ความเร็ว หรืออะไรที่โดดเด่นเลย 

ไม่สิ เพราะว่าไม่จำเป็นต้องมีต่างหาก, ดาบของศัตรูสมบูรณ์แบบได้ด้วยลำพังเพียงแค่ฝีมือ

เพราะงั้น ถึงนำมาสู่ความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

การที่โอลบายังยืนอยู่, ยังคงมีชีวิตอยู่, เป็นเพียงเพราะศัตรูตัดสินใจเช่นนั้น, หากเปลี่ยนใจเมื่อใด ชีวิตของโอลบาก็ถูกช่วงชิงได้ในพริบตา

สภาพโอลบาตอนนี้ สามารถรักษาแผลที่ไม่ร้ายแรงได้ทั้งหมด, แน่นอน ว่ามีขีดจำกัด และการทำเช่นนั้น ก็มีข้อเสีย

ทว่า, สภาพเสียเลือดจำนวนมาก, มีแผลถูกเฉือน และกระดูกถูกตัด, จำต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว

แม้จะอยู่ในอันตรายเช่นนี้, โอลบาก็ยังมีชีวิตอยู่

ไม่สิ, ยังได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่

โอลบาจึงถาม

“ทำไม……?”

ทำไมถึงยังปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่?

ทำไมถึงมุ่งร้ายต่อฉัน?

ทำไมถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?

ทำไมกัน

เด็กชายสีดำเพียงแค่มองข้ามโอลบา

“ผู้อยู่เบื้องหลังเงา และไล่ล่าเงา, นี่คือเหตุผลเดียวแห่งการดำรงอยู่ของเรา”   陰に潜み、陰を狩る者。我らはただ、それだけの為にある……

เป็นเสียงอันเจือไปด้วยความโศกเศร้า

จากคำเพียงแค่นี้, ก็ทำให้โอลบาเข้าใจ

“แก, คิดจะต่อต้าน……สิ่งนั้นรึ?”

ในโลกนี้, มีสิ่งที่กฎหมายไม่อาจบังคับได้, โอลบาทราบดี และก็คิดว่าตนเป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน

พลัง อภิสิทธิ์ และเบื้องหลัง

แสงแห่งกฎหมายไม่อาจส่องถึงสุดขอบโลกได้

โอลบาเอง แม้จะได้รับผลประโยชน์,แต่ก็ถูกเหยียบย่ำโดยผู้ที่สูงกว่า จนพังทลาย 

เพราะงั้นโอลบาจึงแสวงหาพลังที่เหนือยิ่งขึ้นไปกว่า……และตกต่ำลง

“ต่อให้เป็นแก, เป็นพวกแกทั้งหมด…… ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เอาชนะไม่ได้หรอก, ความมืดมิดของโลกนี้…… มันลึกล้ำเกินกว่าแกจะจินตนาการได้”

เพราะงั้น โอลบาจึงพูดเช่นนี้

นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่เป็นความปรารถนา, ปรารถนาที่จะให้เด็กชายผู้นี้ พังทลายเช่นกัน, หวังจะให้สูญเสียทุกอย่าง, ตกลงสู่ความสิ้นหวัง, แต่อีกฟาก ก็เป็นความกลัวว่าความปรารถนาของตนจะไม่บรรลุผล, เป็นแค่ความอิจฉาอันน่าเบื่อหน่าย

“เช่นนั้นเราจักดำดิ่ง ไม่ว่าจะลึกเพียงใด”

ไม่ได้มีแรงฮึดหรือความร้อนแรงในสุ้มเสียง, มีเพียงความมั่นใจในตนเอง และความมุ่งมั่นที่ไม่อาจสั่นคลอนได้

“พูดง่ายเชียวนะ, ไอ้เด็กนี่”

โอลบารับไม่ได้

ยังไงก็รับไม่ได้

เพราะนั่นเป็นสิ่งที่โอลบาเองก็เคยต้องการ แต่สุดท้ายกลับพังทลาย

ในจุดนี้, โอลบาตัดสินใจข้ามเส้น, หยิบยาเม็ดออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ และกลืนเข้าไป

โอลบาเองทำใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่อย่างเป็นๆ, ดังนั้น จึงใช้ชีวิตของตน เพื่อสอนเจ้าเด็กเวร

ให้รับรู้ถึงความมืดมิดของโลกใบนี้
 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate