หลังเสร็จการแข่ง, เหมือนว่าผมจะโดนบังคับพาไปห้องพยาบาล, ผมเลยแอบเล็ดลอดหนีออกมา
อันตรายแฮะ
ถ้าใครเห็นว่าผมไม่เป็นไรเลย จะอธิบายไงเนี่ย? เกือบต้องสร้างแผลให้กับตัวเองแล้วไง
ผมออกทางประตูผู้เข้าแข่งเท่านั้น แล้วเดินไปตามทางเดินที่ว่างเปล่า
อีก 33 วิชาลับ คงต้องเก็บไปใช้ปีหน้าโน่น, อยากให้มีโอกาสดีๆได้ใช้ก่อนจังเลยน้า
“อ-, เอ่อ……”
“หืม?”
จู่ๆ, มีนักเรียนที่ไม่คุ้นหน้า ทักผม
เป็นนักเรียนน่ารักผมชมพู, รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน, รึเปล่า? ไม่มั่นใจแฮะ
“อาการบาดเจ็บ…… เป็นไรไหมคะ?”
“ค-, แค่เฉียดฉิว…… เลี่ยงจากแผลลึกได้…… ล่ะมั้ง?”
ผมทำท่ากดแผลตรงหน้าอกให้เหมือนเจ็บ
“ค่อยยังชั่ว, เอ่อ ได้เห็นการแข่งแล้วค่ะ”
"ง, งั้นเหรอ”
“ไม่ค่อยได้ดูการแข่งนัก แต่ที่ยังยืนหยัดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ดูเท่มากเลยค่ะ”
“เอ่อ, เท่เหรอ……?”
“ค่ะ……”
เธอพยักหน้าอายนิดนึง
ช่างเป็นเด็กสาวที่แปลกแยกเสียยิ่งกระไร, มองตัวประกอบว่า ‘เท่’ เนี่ย
เอาเถอะ, คนดูก็มีเยอะแยะ คงจะมีคนที่แปลกๆซักคนสองคนอยู่หรอก
“อะ, เอ่อ นี่……”
เด็กสาวยื่นกล่องเล็กๆมาอย่างขลาดๆ
“นี่คือ?”
“อบคุ๊กกี้มา…… ตอบแทน……”
เป็นของปลอบใจสำหรับการแข่งรึไงกัน?
“ขอบใจ”
ไหนๆก็เอามาให้แล้ว ก็ขอรับไว้เถอะ
เด็กสาวยิ้มดีใจ
“ถ-, ถ้าไม่รังเกียจ, เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันไหมคะ?”
“เพื่อนเหรอ? เอาสิ”
ภายใต้ข้อยกเว้นบางอย่าง, โดยหลักผมจะพยายามไม่ทำให้สาวๆต้องอับอายน่ะ
“เย้! พ่อเลี้ยงคะ เป็นเพื่อนกันได้แล้วล่ะ”
พ่อเลี้ยง?
เด็กสาวมองไปทางชายวัยกลางคนผมสีเทาดำปัดข้างหลัง ซึ่งเดินมาทางนี้
ชายผอมบางผู้นี้, รู้สึกว่าจะเป็น
“รองผู้อำนวยการรุสรัน……”
รองผู้อำนวยการของโรงเรียน แล้วก็เป็นผู้ชำนาญดาบซึ่งเคยชนะเลิศในเทศกาลเทพสงครามเสียด้วย
งั้นเด็กสาวที่เรียกเขาว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ก็คือ……
“เชลลี่ บาเน็ท……!”
“คะ?”
จากการสืบข่าวของผมเอง, เธอคือผู้ยิ่งใหญ่ในวงการวิชาการ
ตัวละครทำนองนี้ ต้องไปให้คำปรึกษาแก่พระเอก หรือคอยแก้ปริศนาอันซับซ้อน ไม่ก็ทำเครื่องสวมใส่สุดแกร่งให้ไปพิชิตบอสไม่ใช่เรอะ
ผมแทบไม่เคยพบปะกับนักเรียนสายวิชาการ เลยเพิ่งนึกได้
“ซิด คาเกโน่คุงสินะ”
รองผู้อำนวยการ ยืนอยู่ข้างเชลลี่
“คับ”
“อาการบาดเจ็บไม่เป็นไรแล้วรึ?”
“ด-, ด้วยปาฏิหารย์บางอย่าง…… อ้อออ, เค้าคงออมมือให้ผมมั้ง?”
ผู้อำนวยการลูบคาง
“ฟุมุ, ก็จริง ที่โรสคุงคงไม่กะแรงผิด แต่ว่าไปหาหมอซักหน่อยดีกว่านะ”
“คับ, แน่นอน”
แน่นอนว่าไม่ไปหรอก
รุสรันพยักหน้า, แล้ววางมือบนไหล่เชลลี่
“เด็กคนนี้รู้แต่การทำวิจัย จนไม่มีเพื่อนเลยล่ะ”
“พ่อเลี้ยงคะ!”
รุสรันหัวเราะก่อนว่าต่อ
“เห็นยังงี้ก็เถอะ แต่เชลลี่ผ่านอะไรมาเยอะ, ช่วยเป็นเพื่อนที่ดีต่อเชลลี่ด้วยนะ นี่เป็นแค่ความปรารถนาของผู้เป็นพ่อ”
หน้ารุสรันจริงจังมาก, เชลลี่ยิ้มอายๆอยู่ข้างเขา
‘ไม่ได้หรอก ผมเป็นแค่ตัวประกอบ จะตีซี้กับพวกพ้องของตัวเอกได้ไง’…… บรรยากาศมันเข้มจนไม่สามารถพูดเช่นนี้ได้
“…… คับ”
“เอาล่ะ, ที่เหลือก็ปล่อยไปตามภาษาหนุ่มสาว”
หลังจากตบไหล่ผม รองผู้อำนวยการก็เดินจากไป
“เอ่อ, ฝากตัวด้วยค่ะ”
“อืม, ฝากตัวด้วย”
“แล้ว, ยังไงต่อคะ?”
เธอเอียงหัว……
“อ่ะ, จริงสิ, หมอไง! ต้องไปหาหมอก่อนสิคะ! ขอโทษด้วยที่ลืม คือตื่นเต้นเกินไป”
……เธอยิ้มขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก”
“เอ๋, แต่……?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องหมอ, ไว้ไปทีหลัง, ไปแน่ๆ, อืม เออ ดื่มชากันดีกว่า”
“เอ่อ, จะดีเหรอคะ?”
“ดีสิ, ดีๆ”
“นักดาบเวทนี่สุดยอดจังเลยนะคะ”
“นักดาบเวทสุดยอดจริงๆนั่นล่ะ”
สาวสวยที่เกินกว่าตัวประกอบอย่างผมจะเอื้อมถึง ยิ้มให้อย่างเจิดจรัส
หลังจากนั้น เราดื่มชาแล้วก็กินคุ๊กกี้เธอกัน และคุยกันนิดหน่อย
ผมถึงรู้ว่าเธอเป็นเด็กสาวปกติ แต่ช่วงนี้รับคำขอมาจากกองอัศวินเพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับอาร์ติแฟคสำคัญบางอย่างอยู่
แหม่ ยอดเลยเนอะ, แถมคุ๊กกี้แม้จะพื้นๆแต่อร่อยอีกด้วย
เอาเถอะ, ถึงเธอจะห่างจากการนับให้เป็น ‘เพื่อนตัวประกอบ’ ไปไกล, แต่จากขนาดอันกว้างใหญ่ของโรงเรียน คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วล่ะ, เพราะงั้นเลยไม่เป็นไร
วันต่อมา เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย, ผมลา 5 วัน โดยอ้างว่าเพื่อฟื้นจากอาการบาดเจ็บ
เมื่อผมกลับไปเรียน เพื่อนร่วมชั้นก็มองผมอย่างอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมนิดนึง