สถานที่เกิดการต่อสู้ เป็นตรอกมืดๆ
มีนักดาบเวทสองคนสู้กันอยู่
คนนึงอยู่ในชุดที่คุ้นเคย – อเล็คเชียนั่นเอง
แต่ว่า อีกคนเป็นชุดดำสวมหน้ากาก
สถานการณ์แปลกๆนี่มันอะไรกัน? ถ้าอเล็คเชียใส่ชุดดำ ทำตัวเป็นอุทยานเงา ก็พอเข้าใจอยู่, แต่นี่มันกลับตรงกันข้ามซะได้
ผมปีนขึ้นหลังคาตึกใกล้ๆ ลบตัวตน แล้วดูการต่อสู้
“ยอมแพ้ได้แล้ว แกไม่มีทางชนะหรอก”
การต่อสู้เข้าทางอเล็คเชียอยู่, แม้ชายชุดดำจะไม่อ่อนแอ แต่เทียบกับอเล็คเชียไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงหลัง ที่อเล็คเชียมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก
คนชุดดำสภาพโทรมขึ้นเรื่อยๆ, เลือดไหลเปื้อนทางหิน
แค่อีกทีเดียว การต่อสู้ก็จะจบลง
“ทำไมถึงฆ่าผู้บริสุทธิ์? นี่คือวิธีต่อสู้ของพวกแกเหรอ?”
“เราคืออุทยานเงา……”
อุทยานเงา
ชายชุดดำพูดเช่นนั้น
“พูดเป็นแต่คำนี้รึไง, นี่เป็นเจตนารมณ์ของชายที่เรียกตัวเองว่าเงาทมิฬเหรอ?”
“เราคืออุทยานเงา……”
ชายชุดดำย้ำคำ
ไม่ผิดแล้ว
ชายชุดดำคือคนร้ายที่ทำตัวเป็นอุทยานเงา
ขอโทษนะ อเล็คเชีย, เธอเป็นผู้บริสุทธิ์แฮะ, ผมขออภัยอย่างสุดซึ้ง
แต่ถ้างั้น ทำไมเจ้านั่นถึงทำตัวเป็นอุทยานเงาล่ะ?
เป็นคำถามอย่างแน่นอน, แต่ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว
เพราะว่าผมเป็นผม, แค่เห็นก็รู้
นี่คือ…… ความคลั่งไคล้
หมอนั่นเป็นคนที่หลงไหลในความเท่ของอุทยานเงา……คลั่งไคล้ใฝ่ฝันจะเป็นพลังในเงามืด
ผมไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกเช่นนั้นได้
เพราะความใฝ่ฝันเช่นนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างสำหรับผม, อยากเป็นพลังในเงามืด แบบในหนัง ในอนิเม ในมังงะ และพยายามเลียนแบบ นี่คือจุดเริ่มต้นของผม
หมอนั่นเองก็เช่นกัน, ที่ใฝ่ฝันถึงการเป็นอุทยานเงา
ใช่เลย, เป็นแฟนผู้ติดตามคนแรกของอุทยานเงา
ในอกผมเกิดความรู้สึกร้อนเร่า, ดีใจที่เห็นเส้นทางชีวิตของผม เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น
พยายามเข้านะ!
ผมอดส่งแรงใจเชียร์ไม่ได้
แต่ว่า ก็ยกโทษให้ไม่ได้เช่นกัน, ทำไมรึ? เพราะผมเอง ก็เป็นพลังในเงามืดไงล่ะ
หากผมสามารถยกโทษให้คนอื่นที่แอบอ้างเอาชื่อองค์กรไปทำให้เสื่อมเสียได้ ก็ไม่ใช่พลังในเงามืดแล้ว
เหมือนที่หมอนั่นเป็นพลังในเงามืด, ผมเอง ก็เป็นพลังในเงามืด
ไม่มีความปราณีหรือการประนีประนอม
ผมทำใจให้แข็งพลางดูการต่อสู้ของทั้งสองต่อไป
“จบแล้วล่ะ”
ดาบของอเล็คเชียส่งดาบของหมอนั่นกระเด็นออกไป, แต่พริบตานี้เอง ผมก็รู้สึกว่ามีตัวตนใหม่กำลังมุ่งหน้ามา
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
“จบแล้วล่ะ”
อเล็คเชียส่งดาบศัตรูปลิวลอยออกไป
ด้วยเสียง ‘แคร้ง’, ดาบกระเด็นไปสู่ทางหิน
แต่จู่ๆ
“……หะ!”
มีการฟันจากข้างหลัง ทำให้อเล็คเชียต้องกลิ้งตัวหลบ
เธอสกัดการโจมตีที่ซ้ำมา แล้วเตะเข้าที่ท้องของศัตรูใหม่เพื่อสร้างระยะห่าง
ปรับลมหายใจที่เสียจังหวะนิดนึง อเล็คเชียมองผู้ประสงค์ร้ายรายใหม่
นักดาบเวทอีกสองรายเข้าร่วมต่อสู้, และทั้งคู่ต่างสวมชุดดำ
เห็นชายคนแรกเก็บดาบกลับขึ้นมา, อเล็คเชียเดาะลิ้น
กลายเป็นมีศัตรูสามรายแล้ว
แถมต่างก็ไม่อ่อนแอด้วย
ถ้าแค่คนเดียว, ยังชนะได้
หากว่าสอง, ก็ไม่แพ้
แต่ถ้าสาม……
“ชายฉกรรจ์สามคนรุมผู้หญิง,โหดร้ายจริงนะ”
อย่างน้อยก็คุยกันก่อนเถอะ
“อ่ะ, จริงสิ เอาเป็น 1 ต่อ 1 สู้ 3 ครั้งได้ไหม? เข้าท่าออก”
ทั้งสามค่อยๆล้อมวงรอบเธอ
อเล็คเชียปรับตำแหน่งยืนเพื่อไม่ให้ข้างหลังถูกเข้าหา
“อ่ะ, พระจันทร์คืนนี้สวยนะ, ดูข้างหลังสิ!”
เธอพยายามดึงเรื่อง พลางมองรอบๆไม่ให้ศัตรูเข้าหา
ด้วยการขยับดาบ ทั้งสองฟากกระชับวงเข้ามา
“อ้าว ตกลงไม่ดูจริงๆเหรอ? แต่แนะนำให้เหลียวดูนะ”
อเล็คเชียยิ้ม
ภายใต้แสงจันทร์ ตาของเธอส่องประกาย
“เพราะท่านพี่อยู่ข้างหลังแล้ว”
“หะ……!”
ติดกับหลงกล
อเล็คเชียใช้จังหวะนี้ขยับ
ดาบสีขาวของเธอ ฟันใส่หลังศัตรูที่ไม่ระวัง
“ตายซะ”
เสียงงุบงิบของอเล็คเชียที่ไม่ตะโกนออกมาดัง
ชุดสีดำถูกตัดผ่าน เลือดสดๆกระจายสู่อากาศ
แต่ยังตื้นไป
ฟันอีกที, ถึงจะปิดฉากได้……
พริบตานั้น, แรงกระแทกส่งเข้าที่ท้องของอเล็คเชีย
“อึกก……!”
รองเท้าหนังสือดำ ฝังเข้าท้องเธอ
เกิดเสียง ‘แคร่ก แคร่ก’ ของซี่โครงดังออกมาอย่างชัดเจน
แม้จะกระอั่กเลือด, อเล็คเชียยังแทงดาบกลับใส่รองเท้าดำ
แต่เท้าถูกดึงกลับทันท่วงที ทำให้การฟันของเธอโดนแค่ทางหิน
มันไม่อยู่ในระยะโจมตีของเธอแล้ว
อเล็คเชียพ่นเลือดทิ้ง แล้วเช็ดปาก
มือเธอย้อมด้วยสีแดง
แม้ว่าชายสองคนจะโดนหลอก แต่อีกคนไม่โดน จึงเตะใส่ท้องเธอ ขวางการลงดาบปลิดชีพเอาไว้ได้
อเล็คเชียจ้องชายสามคนอย่างเป็นอริ
3 ต่อ 1, จำนวนยังไม่เปลี่ยน
แต่สถานการณ์แย่ลง, ศัตรู 2 คนไม่บาดเจ็บ ส่วนอีกคนบาดเจ็บหนักแต่ยังขยับดาบได้ จึงไม่อาจคลาดสายตาจากรายใดได้
กลับกัน เธอกระดูกซี่โครงหัก, อย่างน้อยท่อนนึง ทิ่มปอดอยู่
‘โดนฆ่าแหง’ อเล็คเชียคิดเช่นนั้น
เพราะงั้นถึงไม่มีทางอื่น
อเล็คเชียเอายาเม็ดสีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ, เป็นยาซึ่งเธอแอบเอาออกมา ก่อนเกิดเหตุวางเพลิง
การใช้ดาบอย่างน่ารังเกียจเช่นนั้น แม้จะไม่ถูกใจเธอ, แต่ก็ดีกว่าตาย
เธอเอายาจ่อปาก
พลางบอกตัวเองให้โล่งใจ ว่า ‘ถึงไม่ได้ฝึกมาก่อน ก็ทำได้น่า’ , เธอจะกลืนยาลงไป
แต่จังหวะนี้เอง
มีสีดำร่อนลงมาจากฟ้า
โดยไร้ซุ่มเสียง, เหมือนอีกาที่บินยามค่ำคืน
ท่วงท่าเดียวกันนี้ ทำให้ดาบดำสนิทผ่าร่างหนึ่งในชายผู้ประสงค์ร้าย ก่อเกิดเป็นดอกไม้สีแดงเลือดบานยามค่ำคืน
กลิ่นเลือดเต็มตรอก
ชายสีดำสนิท……เงาทมิฬ……สะบัดดาบเพื่อสลัดคราบเลือดออก จนเป็นเส้นแดงที่กำแพงใกล้ๆ
“พวกโง่เง่าที่แอบอ้างนามอุทยานเงาเอ๋ย……”
เงาทมิฬ...
ตัวตนสุดแกร่งซึ่งอเล็คเชียไม่มีทางลืมเลือนได้, ผู้ที่แสดงรูปแบบอันสมบูรณ์แบบของดาบให้เธอได้เห็น
เป็นศัตรูกับคนพวกนี้รึ……?
ท่าทางจะไม่ใช่มิตรกับชายชุดดำพวกนี้
“บาปนั้น……จงชดใช้ด้วยชีวิตเถิด”
เมื่อเงาทมิฬเอ่ยปาก, ชายชุดดำที่เหลือก็ขยับ
เป็นการตัดสินใจในพริบตา
เตะพื้นหิน เตะกำแพง พุ่งขึ้นหลังคา, พยายามหนี
แต่
“โง่เง่านัก……”
เงาททิฬไล่ตาม
“ด-, เดี๋ยวก่อน……!”
เสียงอเล็คเชียทำให้เงาทมิฬหยุด
และหันกลับมาช้าๆ เพื่อมองอเล็คเชีย
ดาบเธอสั่นไหว
การต่อต้านใดเป็นเพียงความบ้าบิ่น…… อเล็คเชียรู้ดี
“ฉันคืออเล็คเชีย มิดกัล, เจ้าหญิงของประเทศนี้”
เงาทมิฬยังคงมองอเล็คเชียอย่างเงียบงัน
หากว่าต้องการ ก็สามารถปลิดชีพอเล็คเชียได้ก่อนเธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
“บอกมานะว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่, พลังนั้นมีไว้พื่อสิ่งใด, กำลังต่อสู้อยู่กับอะไร.....แล้ว คิดจะแยกเขี้ยวเล็บใส่ประเทศนี้งั้นเหรอ?”
เงาทมิฬหันไป
“อย่าได้ข้องเกี่ยวเลย, การไม่รู้อะไรเป็นความสุขดีแล้ว”
“ด……! เดี๋ยวก่อน! หากนายเป็นศัตรูกับเราล่ะก็……!”
“ถ้าเป็น แล้วจะยังไง?”
จิตสังหารแผ่พุ่งใส่อเล็คเชีย
เธอตัวหดตามสัญชาตญาณซึ่งรู้ดีว่าไม่มีทางเอาชนะตัวตนที่อยู่ต่อหน้านี้ได้
แต่ว่า การฝืนสัญชาตญาณนี่ล่ะ คือมนุษย์
“ก็สู้สิ, นายคงฆ่าพี่ฉันได้ แต่ฉันไม่ยอมให้เป็นงั้นหรอก”
เสียงจากเงาทมิฬ มีเพียงเสียงผ้าคลุมไหว
“ฉ, ฉันเข้าใจดาบของนาย, แม้ตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้ แต่ซักวัน……”
“จะฆ่างั้นรึ?”
ทิ้งคำถามไว้ เงาทมิฬหายตัวไปในเงา
อเล็คเชียอุบเสียงเบากับความมืดอันว่างเปล่า
“ใช่สิ……”
ค่ำคืนกลับมาสงบเงียบ
เหลือเพียงอเล็คเชียตามลำพัง, เธอเข่าทรุดกุมท้อง
ดาบร่วงจากมืออันสั่นไหว
เธอทำเรื่องโง่ๆลงไป ก็รู้ตัวดีหรอก
แต่ว่า, อเล็คเชียเพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ ว่าทำไมเธอถึงจับดาบ, สิ่งสำคัญสำหรับเธอ สิ่งที่เธออยากปกป้อง
เหตุผลก็เพื่อพี่สาวเพียงคนเดียวของเธอ, และเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของเธอ
อเล็คเชียตัดสินใจเพื่อปกป้องสองคนนั้น
“แย่แล้วสิ………”
สติเธอกำลังเลือนลาง
หากสลบไปในตรอกเช่นนี้, อเล็คเชียรู้ดีว่าคงไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
เธอเกาะกำแพงเพื่อลุกขึ้น
ตอนนั้นเอง
“……อเล็คเชีย ……อเล็คเชีย!”
ได้ยินเสียงเรียกจากแต่ไกล
“ท่-, ท่านพี่…… ท่านพี่, ทางนี้!”
“อเล็คเชีย……!!”
เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
บางอย่างนุ่มนิ่มพยุงร่างกายที่ทรุดลงของอเล็คเชีย
“อเล็คเชีย, ทำไมทำตามใจแบบนี้……!”
“ท่านพี่……”
อเล็คเชียซุกหัวลงอกพี่สาว
“เกิดอะไรขึ้นมั่ง ไว้ว่ากันยาวๆทีหลัง, เตรียมใจให้ดีล่ะ”
“……ค่ะ”
“แล้วก็, นี่มันอะไรกันด้วย”
“เอ๋……?”
สายตาเธอ, เห็นยาเม็ดสีแดงกระจายไปทั่วทางหิน เหมือนใครทำตกไว้
“ท่-, ท่านพี่, ฉันไม่รู้เรื่อง……”
“เงียบซะ”
“จริงๆ, ไม่รู้เรื่องจริงๆนะ……”
“ไม่ยกโทษให้แน่”
“โอย, หัว……”
อเล็คเชียเลือกที่จะสลบไปดีกว่า