“ฟุมุ……”
แกมม่าพินิจเงาทมิฬซึ่งกำลังใช้ความคิดอย่างเงียบๆ, ด้วยดวงตาสีฟ้าที่สั่นไหว
น้ำตาเล็ดที่ขอบตา เมื่อได้เห็นพลังเวทสีม่วงที่ทำให้เธอนึกถึงอดีต
แสงสีม่วงที่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตแกมม่า
หากท่านผู้นี้ไม่มา, แกมม่าคงสิ้นชีพในสภาพก้อนเนื้อเน่าๆ
ถูกครอบครัวทิ้ง ถูกประเทศขับไล่, สูญเสียทุกสิ่งอย่าง, ติดอยู่ในความเจ็บปวดและหวาดกลัวอย่างสิ้นหวัง
ชายผู้ซึ่งช่วยเหลือเแกมม่าเอาไว้ด้วยแสงสีม่วง, เธอจึงไม่อาจลืมแสงสีม่วงนี้ได้ชั่วชีวิต....สำหรับแกมม่า นี่คือแสงแห่งชีวิต
สีแสงม่วงเปี่ยมไปด้วยชีวิต, อัลฟ่าเคยบอกเช่นนั้น
แกมม่าเองก็เห็นด้วย – แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผล, เธอรู้ได้โดยสัญชาตญาณ
แสงนั้น ไม่ใช่แค่ฟื้นฟูบาดแผลภายนอก, แต่เป็นสิ่งที่ลึกล้ำไปกว่านั้น เป็นเหมือนการเยียวยารักษาชีวิตของผู้รับ
ทันทีที่แกมม่าได้รับแสงนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยจากตรวน, เหมือนกับได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสรภาพจากบางสิ่ง และกลับคืนสู่ตัวตนที่แท้จริง.....สู่ตัวเธอที่ควรจะเป็น
วันนั้น, แกมม่าเกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อได้รับนาม ‘แกมม่า’ เธอก็ตั้งใจใช้ทั้งชีวิตใหม่ เพื่อท่านผู้นี้
แต่ว่า ตรงข้ามกับความตั้งใจ, เธอกลายเป็นผู้อ่อนแอสุดในบรรดาเจ็ดเงา
ถูกผู้มาทีหลังแซงหน้า, เสียเวลาอันมีค่าไปกับการคลุกคลานบนพื้นเยี่ยงผู้แพ้ และลิ้มรสความอับอายหลายต่อหลายครั้ง
ในที่สุด แกมม่าก็รู้ตัวว่าต่อให้พยายามแค่ไหน เธอก็ยังคงอ่อนแอที่สุด
แกมม่าเศร้าสลด, เธอมีตัวตนไปเพื่ออะไร? หากว่าเธอทำได้แค่เป็นตัวเกะกะขวางทางคนอื่นอย่างงี้, น่าสมเพชนัก สู้หายไปจากโลกไม่ดีกว่ารึ
กระทั่งวันที่เธอตัดสินใจได้, ท่านก็เรียกเธอไปเล่าเรื่อง ‘ภูมิปัญญาแห่งเงา’ ให้ฟัง
หนทางซึ่งแตกต่างจากการใช้ความรุนแรง, หนทางแห่งปัญญา
แกมม่าโดดเข้าใส่ ‘ภูมิปัญญาแห่งเงา’ โดยพลัน
เส้นทางชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมี, คือการทุ่มเททุกสิ่งให้กับการสรรค์สร้าง ‘ภูมิปัญญาแห่งเงา’ ขึ้นมาใหม่
ท่านผู้นี้ มองทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง, แม้แต่ความสับสนในใจของเธอ รวมถึงเส้นทางที่เธอควรจะก้าวเดินไป เพราะเหตุนี้ จึงได้มอบ ‘ภูมิปัญญาแห่งเงา’ ให้แก่เธอ
เป็นช่วงเวลาที่น่าเจ็บปวดสำหรับแกมม่า
ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวของท่านผู้นี้ ที่เหมือนว่าอยู่สูงเสียจนไม่อาจเอื้อมถึง
การมีอยู่ของแกมม่า มีความจำเป็นด้วยรึ?
ยิ่งคิด, น้ำตาแกมม่าก็ยิ่งเอ่อล้น
กระนั้นเอง เธอก็เช็ดน้ำตา และพยายามให้มากขึ้นอีก
เธอจะทำให้อุทยานเงาใหญ่โตขึ้น และเข้มแข็งขึ้น, เธอจะหล่อเลี้ยงอุทยานเงาให้กลายเป็นองค์กรที่ควรค่าแก่นามของท่านผู้นี้
หากว่าทำเช่นนั้น, ซักวัน.......
นี่คือความคิดที่อยู่ภายในใจเธอ
“อ้อ, เช่นนี้เองรึ”
เสียงท่านผู้นี้ ดึงแกมม่ากลับมาสู่ความจริง
“พอมีเบาะแสแล้ว จะตรวจสอบดู”
เมื่อได้ยินเสียงซึ่งล่วงรู้ทุกอย่างในโลกา, แกมม่าก็แน่นหน้าอก
คราวนี้เธอก็ไร้ประโยชน์อีกแล้วรึ?
ท่านผู้นี้เข้าถึงคำตอบอย่างรวดเร็วเสมอ ด้วยข้อมูลเพียงน้อยนิด, สามารถจับเบาะแสได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่เธอ ยังไม่อาจทำได้ แม้ว่าจะเคลื่อนพลลูกน้องทั้งหมดเพื่อปฏิบัติงาน
แต่ว่า แกมม่าไม่ยอมแพ้
ซักวันนึง…… เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากท่านผู้นี้, เธอจะไม่ยอมแพ้
“นิว, มานี่”
เธอเรียกลูกน้องผมน้ำตาลเข้มที่เป็นคนนำทางท่านผู้นี้มาในวันนี้
“นี่คือนิว, หมายเลข 13 ค่ะ” ニュー
“หืมม์?”
ท่านผู้นี้ หรี่ตามองนิว, ดวงตาอันแหลมคมของท่าน คงมองทะลุทุกจุดเด่นของนิว และวิเคราะห์ออกอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“แม้ว่าจะเข้าร่วมกับเราไม่นาน แต่มีพลังถึงขั้นที่ท่านอัลฟ่ายังยอมรับ, โปรดใช้งานเล็กๆน้อยๆหรือเพื่อการติดต่อใดได้ตามสะดวก”
“นิวค่ะ, เป็นเกียรติที่ได้รับใช้”
นิวเสียงสั่นหน่อยๆด้วยความตึงเครียด
“ถ้าต้องการ จะเรียกใช้งานแล้วกัน”
“ฮ่ะห์”
นิวก้มหัวถอยไป
“เอาล่ะ กลับดีกว่า”
ว่าแล้ว ท่านก็ลุกขึ้น
“จริงสิ, มาเพื่อซื้อช็อคโกแลต, ถ้าได้อันที่ถูกสุด แบบมีส่วนลดมิตรภาพด้วยก็จะดี”
“เราจะเตรียมของคุณภาพดีสุดให้ทันทีค่ะ”
“เอ่อ…… แบบนั้นจะราคาเท่าไหร่?”
“ส่วนลดมิตรภาพคือลด 100% ค่ะ”
“ลด 100% …… ฟรีงั้นเหรอ? โชคดีจัง! อ่ะ, ขอ 3 อันนะ”
“รับทราบ”
เวลาที่ท่านผู้นี้ พยายามแสดงตัวเป็นสามัญชนนามว่าซิด คาเกโน่, ก็ยิ่งมีเสน่ห์สำหรับแกมม่าค่ะ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
“แย่แล้ว, ไม่ทันหอปิดแหง!”
“เพราะซิดคุงสายเนี่ย!”
“ก็ขอโทษแล้วไง! ผมก็ให้ช็อคโกแลตไปแล้วนี่หว่า”
เราสามคนวิ่งกัน หลังพระอาทิตย์ตก
แม้ว่าจะออกมาสายไปหน่อย, แต่เฮียวโรกับจากะก็ตื๊อถามเรื่องคุณพี่สาวถือป้าย, รู้สึกชื่อนิวสินะ? ยังไงก็ตาม ผมตอบมั่วๆส่งๆไป
แต่ว่านะ
นึกไม่ถึงเลยว่าอเล็คเชียจะกลายเป็นฆาตกรหั่นคน, หากไม่ใช่เดลต้า คนอื่นที่เป็นไปได้นอกจากยัยนั่นก็นึกไม่ออกแล้วล่ะ
ทันทีที่ได้ฟังจากแกมม่า ผมจึงรู้เลยว่ายัยนั่น ทำลงไปซะแล้ว
ทั้งที่ชีวิตเจ้าหญิงปูด้วยกลีบกุหลาบแท้ๆ, อะไรผลักดันให้กลายเป็นเช่นนี้กันนะ……
หัวใจหญิงสาวยากแท้หยั่งถึง
เอาเถอะ, ไอ้การเป็นฆาตกรหั่นคน ก็ไม่เลวหรอก, ใครจะเป็นงั้นก็เรื่องของมันสิ
แต่ถ้ามาอ้างชื่ออุทยานเงาของเรา ก็เป็นอีกเรื่อง
นี่คือสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้
ตอนนี้เอง
“เฮ้, ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า?”
“เปล่านี่?”
เฮียวโรกับจากะที่วิ่งนำ คุยกัน
ท่าทางทั้งสองคนได้ยินไม่ชัด, แต่ผมได้ยินชัดแจ๋ว
เป็นเสียงดาบปะทะดาบ
จากที่ห่างไกล มีการต่อสู้
ผมหยุด
“เห้ย, เป็นไรไป?”
“ประตูหอจะปิดแล้วนา!”
เฮียวโรกับจากะหยุดถาม
ผมชี้ไปในตรอก
“ขี้จะไหล”
เฮียวโรกับจากะทำหน้า “เอาจริงดิ ไอ้นี่?” ใส่
“ถ้าไม่ปล่อยตอนนี้ คงรั่วตอนวิ่ง”
“ท่าทาง…… เรื่องใหญ่นะ”
“ต้องเลือกระหว่างเส้นตายหรือเกียรติศักดิ์เหรอ”
หน้าตาสองเพื่อนเกลอต่างซีดเซียว
“ทิ้งผมไว้แล้วไปก่อนเลย, ผมไม่อยากให้ใครเห็น……”
“เข้าใจแล้ว!!, เราไม่บอกใครแน่ ว่านายสายเพราะขี้แตกอยู่ข้างนอก!”
“หนทางที่ซิดคุงเลือก ไม่ว่าใครจะว่าไง, ตัวเราก็เชื่อมั่นว่าถูกต้องนะ……!”
“ทนไม่ไหวแล้ว…… ไปเร็วๆ!”
“ซิด……เราจะไม่ลืมนายเลย!”
“ซิดคุง……ถึงจะขี้แตกข้างนอก เราก็เป็นเพื่อนกันเสมอนะ!”
“ไป, ไปซักทีเซ่!!!”
ทั้งคู่หันหลังวิ่งไป
หลังเห็นเช่นนั้น ผมก็เข้าตรอก แล้วตรงไปยังจุดที่เกิดเสียงต่อสู้