ถ้าอ่านแล้วชอบใจ

อย่าลืมไปกดไลค์ กดติดตาม แฟนเพจกันน้า

Kage no Jitsuryokusha ni Naritakute! Ch.24 7 สาว 1 หนุ่ม แน่นอนว่าต้องมีใครเหลือทิ้งไว้





แกมม่าฉลาดสุดๆ, โคตรจะฉลาด แต่ว่ามีจุดอ่อนสำคัญ

เธอมีชื่อเล่นว่า แกมม่าสุดอ่อนแอ 最弱のガンマ 

จริงทีเดียว, ในบรรดาเจ็ดเงา แม้ว่าเธอออกจะเป็นรุ่นพี่ แต่พลังต่อสู้กลับต่ำยิ่งกว่าใคร

อ้อ เจ็ดเงา หมายถึง 7 รายแรกที่เข้าร่วมเป็นอุทยาทเงา, ฟังดูเท่ดี เลยตั้งชื่อยังงั้น

ในบรรดาเจ็ดเงา, แกมม่าเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ไร้ซึ่งเซนส์ด้านการต่อสู้

หากว่าเดลต้าคือผู้มีเซนส์ด้านการต่อสู้สูงสุด แกมม่าก็มีต่ำสุด

แต่สำหรับผม สองรายนี้ออกจะเหมือนๆกัน, ซึ่งหากพูดออกมายังงี้ดังๆ เดลต้าจะดูดีใจมาก ส่วนแกมม่าจะโกรธเอา

ที่ผมว่าเหมือนๆกัน, เพราะระหว่างผมสอนดาบให้แก่แกมม่ากับเดลต้า ได้เรียนรู้อะไรสองอย่าง

อย่างแรก: ไม่ว่าจะมีเซนส์มากแค่ไหน ถ้าไม่มีสมอง ก็แค่เสียเวลาเปล่า

อย่างที่สอง: จะฉลาดปราดเปรื่องแค่ไหน ถ้าไม่มีเซนส์ ก็เสียเวลาเปล่า

เพราะงั้นผมถึงจัดให้ทั้งสองรายเป็นพวกเดียวกัน

"การต่อสู้คือใส่พลังเวทแล้วอัดศัตรูให้ม่อง”

พูดแบบนั้นก็ไม่ต้องสอบต่อแล้ว, สไตล์ต่อสู้ยังงั้นคือแบบที่ผมเกลียดที่สุด

ใช่แล้ว, หลักการของผมต้องพังลงเมื่อเจอกับสองคนนี้, แม้แต่บัดนี้ เมื่อคิดถึงวันนั้น ก็ได้แต่ปวดหัว, พอเหอะ อย่าไปคิดดีกว่า

ผมสั่นหัว

“ขออภัยที่ให้รอค่ะ, ท่าน”

แกมม่าเดินมาหาด้วยท่วงท่าอย่างนางแบบ

ก้นส่ายอย่างยั่วยวน, ส้นสูงเกิดเสียงทุกก้าวเดิน

แต่ว่า

“เปะเกี้ยยย!”

เธอสะดุดอากาศ ล้มจับกบ

“ส-, ส้นมันสูงจังนะคะ?”

โทษรองเท้าซะงั้น

พอเธอยืนขึ้นถูๆจมูก ก็มีคุณพี่สาวไปเอารองเท้าส้นเตี้ยมาเปลี่ยนให้อย่างเร็ว

"อ-, อาวล่ะ ยินดีต้อนรับค่ะท่าน”

แกมม่าว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอเห็นความอับอายของผู้หญิง ก็มีแค่สองทางเลือก: แกล้งทำเป็นไม่เห็น, หรือล้อเลียนซะ, ซึ่งผมเป็นฝ่ายแรก

แต่ว่า ยังมีสิ่งที่ต้องพูด

“เลือดกำเดาไหลนะ”

ในพริบตา, มีคุณพี่สาวอีกคนมาเช็ดๆๆๆให้

“ช-,เชิญนั่งค่ะ”

เห็นแกมม่าเอียงอาย, ผมก็คิด

ว่าเธอเหมือนจะไม่โตขึ้นเลย

ตามที่แกมม่านำ, ผมนั่งลงบนเก้าอี้ใหญ่

วิวจากจุดนี้…… ดีมาก

ดีมากจริงๆ

โถงขนาดใหญ่ มีแสงสนธยาส่อง และมีสาวๆคุกเข่าเรียงรายอยู่สองข้างทางปูพรมแดง

ยังกับผมเป็นราชาของโลกแห่งเงาเลย

แกมม่าทำงานได้ดีจริงๆ, เตรียมการซะหรู

ประทับใจมาก, หัวใจผมสั่นไหวด้วยความปิติ

ผมไขว้ขา เท้าค้างด้วยมือซ้าย, แล้วยกมือขวา รวบรวมพลังเวทสีม่วง ปล่อยไปในอากาศ

“จงรับรางวัลไป……”

เวทระเบิดเป็นฝนแสง

เมื่อฝนแตะถูกเหล่าสาวๆที่คุกเข่าอยู่, ร่างกายก็แวบเป็นสีม่วงชั่วครู่นึง

พูดตามตรงนะ แสงนี่ก็แค่มีผลคลายความเมื่อยล้า, กระตุ้นการไหลเวียนเวท, รักษาอาการเจ็บเล็กๆน้อยๆ ก็เท่านั้น

“จะจดจำวันนี้ไว้ชั่วชีวิตเลยค่ะ”

แกมม่าพูดเสียงสั่นระทวยขณะคุกเข่าอยู่ข้างผม

เล่นละครเนียนมาก

แต่ว่านะ ไม่ใช่เฉพาะแต่แกมม่าที่สั่นระทวย, เหล่าสาวๆที่คุกเข่าอยู่สองฟากของพรมเองก็สั่นสะท้านด้วย, บางรายถึงขนาดหลั่งน้ำตาออกมา, แม้แต่คุณพี่สาวที่นำทางผมมา ก็น้ำตาคลอ

ท่าทางแกมม่าจะมีพรสวรรค์ด้านการเป็นผู้กำกับเช่นกัน

“ดีมาก, แกมม่า, ทีนี้ มีคำถามซักหน่อย เรื่องบริษัทนี้”

ใช่แล้ว, บริษัทนี่ล่ะ, ทั้งช็อคโกแลต และสินค้าอื่นๆที่เห็นวางขาย หรือแม้กระทั่งการออกแบบตึกนี่ ไม่มีสิ่งไหนเป็นของโลกนี้เลย

“ถามได้ทุกสิ่งอย่างเลยค่ะ”

“สินค้าของบริษัทมิทสึโกชิ นี่คือที่มาจากผมเคยพูดเหรอ?”

นานมาแล้ว ไม่รู้ทำไมแกมม่าถึงสนใจเรื่องความรู้ของผมมากนัก, ทุกครั้งหลังจากโดนเดลต้าเล่นซะเละ จะงอแงมาขอให้ผมเล่าให้ฟัง, ซึ่งช่วงนั้น ผมก็บอกเรื่องมั่วๆในญี่ปุ่นไป โดยบอกว่าเป็น ‘ภูมิปัญญาแห่งเงา’  陰の叡智

“ค่ะ ท่าน, จากเศษเสี้ยวของความรู้เยี่ยงพระเจ้าจากท่าน นำมาทำได้เป็นเช่นนี้ล่ะค่ะ”

“ง, งั้นรึ”

คือว่านะ, ที่ผมเล่าให้ฟัง ก็แค่ ‘มีของหวานเรียกว่าช็อคโกแลตซึ่งทำจากเม็ดขมๆผสมน้ำตาลจำนวนมากให้แข็งตัวขึ้น’ เองนะ, แล้วทำขึ้นมาได้ไงเนี่ย? ผลจากความฉลาดรึ? หรือว่าเพราะผมมันไม่มีปัญญาเอง?!

เอาเถอะ, ช่างมัน

โลกนี้ มีอัจฉริยะ และมีไอ้โง่, เรื่องก็แค่นั้น

แต่สิ่งที่ผมต้องถาม

“พวกอัลฟ่ารู้เรื่องบริษัทนี่รึเปล่า?”

“ค่ะ แน่นอน”

หรือก็คือ, รูปแบบนั้นสินะ

ไอ้รูปแบบที่เหลือผม ถูกทิ้งร้างคนเดียว ไม่ให้รู้อะไรเลย

ก็เข้าใจหรอก, ทราบดีอยู่ ว่าผมเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม, เลยยากจะเอาเข้าวงของสาวๆ

“ท-, ท่าทางธุรกิจไปได้สวยนี่?”

“ตอนนี้ เรากำลังตั้งสาขาในเมืองหลักๆของประเทศรอบข้าง, การขยายกิจการเป็นไปอย่างราบลื่น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเราจะอาศัยบริษัทเป็นตัวปักรกรากแห่งเงามืดไปได้ลึกเพียงใดค่ะ”

ไม่ต้องผูกมัดกับโลกแห่งเงาซะขนาดนั้นก็ได้นะเธอ

หรือก็คือ

พวกสาวๆใช้ไอเดียของผมไปต่อยอด แล้วทิ้งผมไว้

นี่ถ้าแบ่งค่าทรัพย์สินทางปัญญามาให้ซักนิด ผมก็คงไม่ต้องก้มคลานเก็บเหรียญทองกับพื้น หรือทำตัวเป็นหมาเพื่อไล่ตามเหรียญทองหรอก

แต่เอาเถอะ, ถึงกับตั้งฉากขนาดใหญ่ยังงั้ให้ผมเล่นด้วย ก็พอใจแล้วล่ะ

แต่ว่านะ

ขอซักนิด อีกซักนิดก็ไม่เสียหายนี่หว่า

“เอ่อ, ปรึกษานิดนึงสิ ขอยืมเงินหน่อยได้ไหม?”

แล้วซักวันนึงจะชดใช้คืน, มั้ง

“ค่ะท่าน, จะเตรียมมาทันที”

ตอบกลับทันใด แกมม่าส่งสัญญาณให้พี่สาวที่นำทางผมเข้ามา

ครู่เดียว ก็มีรถเข็นที่เต็มไปด้วยเหรียญทองเข้ามา

ทองกองเป็นภูเขา

มากกว่าที่เคยเห็นทั้งชีวิต, เปล่งประกายบนรถเข็น

นี่มัน มากกว่าหมื่นล้านเซนี่แหงๆ

“นี่มัน…… ออกจะ……”

ถึงผมจะหน้าด้านแค่ไหน ก็ไม่กล้ายืมขนาดนี้โดยไม่คืนหรอก

“หะ!? น้อยไปหรือคะ? จะไปเอามาเพิ่มอีก……”

“เปล่า, ไม่เป็นไรหรอก”

ผมหยุดแกมม่า แล้วเอื้อมมือไปหาเหรียญทอง

ด้วยท่วงท่าเนิบนาบ ผมเอามือขวาแหย่เข้าไปในกองเหรียญ

เกิดเสียงเหรียญกระทบกัน

จุดสำคัญคือให้ทุกคนหันความสนใจมาที่มือขวา

ผมปลุกกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งปวง

แล้วก็

“ฮึบ”

มือขวาหยิบมาซัก 15 เหรียญทอง, แสดงให้เห็นว่าหยิบเข้ากระเป๋าขวา

นี่คือ 1.5 ล้านเซนี่

ช่วงที่ทุกคนสนใจอยู่แต่มือขวา, ผมใช้สุดยอดความเร็วไปกับมือซ้าย เพื่อคว้าเหรียญมาเข้ากระเป๋าอย่างไม่ให้โดนจับได้เช่นกัน

อัลฟ่ากับเดลต้าก็เรื่องนึง, แต่ไม่มีทางที่แกมม่าจะจับผิดทันหรอก

“ค-, แค่นิดเดียวเองเหรอคะ? เอาไปหมดเลยก็ได้……”

แกมม่าว่างั้น, แต่ผมแอบหัวเราะเธออยู่เบื้องหลัง

หิ, ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย..., คิดว่าผมยืมไปแค่ 1.5 ล้านเซนี่รึ

ที่จริง, ผมเอามาได้ถึงสองเท่า: 3 ล้านเซนี่!

“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอแล้ว”

ผมตอบพลางกลั้นหัวเราะที่แทบจะฮาก๊ากออกมา

“ค่ะ ท่าน, เช่นนี้จะเก็บไป”

แกมม่าตบมือ, แล้วคุณพี่สาวหลายคนก็มาเข็นรถขนเงินกลับ

แกมม่ามาคุกเข่าหน้าผม

“เราทราบดีค่ะ ถึงเหตุที่ท่านมาเยือนในวันนี้, เป็นเรื่องนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย”

“อืมม์”

ผมพยักหน้านิ่งๆ, ว่าแต่เรื่องนั้นไหนวะ?

“ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้กำลังสืบอยู่, แต่ยังไม่อาจระบุถึงตัวตนผู้ร้ายได้ ขอเวลาอีกหน่อย, ไอ้โง่ที่บังอาจใช้สีดำ เรียกตนว่าเป็นอุทยานเงาและสังหารประชาชนเมืองหลวงอย่างไม่เลือกหน้า – แกมม่าผู้นี้ จะจัดการให้ได้เลยค่ะ”

“ฟุมุ……”

เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกแฮะ
 
Copyright © 2016. NTDTranslate - All Rights Reserved
Powered by SirZIZ | NTDTranslate