ฤดูร้อนกำลังมา
ภายใต้ท้องฟ้าที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น, ผมฝึกหวดดาบไม้อย่างมีเรี่ยวแรง
หลังได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากอเล็คเชีย ตอนนี้ผมมาฝึกฝนอยู่กับพวกเฮียวโรจากะ
จากข่าวเสื่อมเสียของครูเซนอน ทำให้จำนวนนักเรียนสายบุชินเมืองหลวง ลดลงไปมาก, ทำให้ตอนนี้เราสามคนเลื่อนขึ้นมาเป็นกลุ่ม 7
“แล้ว, กับเจ้าหญิงอเล็คเชียเป็นไงมั่ง?”
เฮียวโรถามขณะฝึกหวดดาบอยู่ข้างผม
“ก็อย่างที่บอก, เราแค่เลิกกัน ก็เท่านั้น”
จริงๆเกือบถูกเจ้าหญิงฆ่าตายด้วย
“น่าเสียดายชะมัด ไม่ได้จูบกันเลยเหรอ?”
จากะถาม
“ไม่มี ไม่มี”
เราคุยไร้สาระกันระหว่างฝึก พลางอู้ไป, นี่ล่ะ คือกลุ่ม7
เสียเวลาเป็นบ้า, แต่เป็นหนทางของตัวประกอบ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเล่นตามน้ำ
“จะว่าไป, ใกล้เข้าช่วงเทศกาลเทพสงครามแล้วนะ ทั้งคู่ส่งใบสมัครเข้าแข่งคัดเลือกรึยัง?”
“แหงอยู่แล้วสิ ถ้าได้แสดงฝีมือในการแข่ง จะมีสาวมาติดพัน 2 หรือ 3 คนก็เรื่องหมูๆ”
เฮียวโรว่างั้น, เอ็งฝันไปเหอะ
“อุฟุฟุฟุ, หิ้วสาวกลับมาทีละสามคน คงเหนื่อยแน่เลย”
จากะว่างั้น, ไอ้นี่ก็ฝันได้อีก
“ซิดไม่สมัครเข้าแข่งคัดเลือกเหรอ?”
เทศกาลเทพสงคราม คืองานแข่งครั้งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นสองปีครั้ง, มีนักดาบชื่อดังจากทั้งในและนอกประเทศมารวมตัวกันเพื่อเข้าแข่ง, และภายในโรงเรียน จะมีการแข่งคัดเลือกภายใน เพื่อตัดสินตัวแทนของโรงเรียน ที่จะได้เข้าแข่งในเทศกาลต่อไป
แน่นอน, ตัวประกอบแบบผม ไม่สนใจเข้าร่วมของพรรณนั้นหรอก, รังแต่จะตกเป็นเป้าสนใจซะเปล่าๆ
“ไม่ล-……”
“ชั้นช่วยยื่นใบสมัครให้แล้ว, จงสำนึกในบุญคุ……!!”
จู่ๆเฮียวโรก็กุมท้องสลบไป
“ฮ-, เฮียวโรคุง! จู่ๆเป็นอะไร!”
โดนหมัดตรงอย่างเร็วสุดๆเข้าไป ประเภทที่ว่าคนอื่นนอกจากผมมองไม่ทัน
“เห้ย, เห้ย, สหายรักเฮียวโร, ทำไมถึงล้มลงยังกับโดนหมัดซ้ายตุ๊ยท้องเข้าซะล่ะ?”
ผมถามพลางคลายมือซ้าย
“ท-, ทำไมยกตัวอย่างละเอียดจัง ซิดคุง”
“ไม่ดีแล้ว สลบเหมือดเลย ผมว่าแบกไปห้องพยาบาลดีกว่า, ช่วยกันหน่อย, เออจริงสิ ใบสมัครของผมมันยกเลิกได้ไหม?”
“ไม่รู้สิ, อ่ะ เฮียวโรน้ำลายฟูมปากแล้ว”
หลังแจ้งครูว่าเฮียวโรเป็นลม, เราก็แบกไปส่งห้องพยาบาล
ระหว่างทาง
“อะไรน่ะ?”
ผมเห็นกลุ่มคนท่าทางใหญ่โตเดินอยู่ในบริเวณโรงเรียน
“นั่น…… อ่ะ, เจ้าหญิงไอริสล่ะ”
นอกจากนี้ ก็มีอเล็คเชียด้วย, พอตาเราสบกัน เธอก็เชิด ‘เฮอะ’ หันหัวหนี
ผมยังไม่ได้บอกใคร เรื่องที่เธอตกต่ำลงจนกลายเป็นอาชญากรฟันคนไม่เลี้ยง, ตราบเท่าที่เธอไม่ยุ่งกับผม ผมก็ไม่คิดจะแฉเรื่องอาชญากรรมบนดาดฟ้าหรอก
นี่เป็นเหมือนสนธิสัญญาไม่รุกรานต่อกัน, ส่วนเธอจะไปไล่ฟันใครอื่นอย่างมั่วซั่วก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว, ดูเหมือนช่วงหลังเธอจะฝีมือพัฒนาขึ้นด้วยสิ ดังนั้นการสังหารคนเพื่อลองวิชา ก็คงเป็นความคิดที่ไม่เลว ตราบเท่าที่ไม่มาลองวิชากับผมเป็นพอ
“จริงสิ, ได้ยินมาว่าเจ้าหญิงไอริสต้องการให้โรงเรียนวิชาการมิดกัล ミドガル学術学園 ทำการตรวจสอบเรื่องราวอะไรด้วย”
เห็นจากะเป็นงี้ แต่มีการข่าวดีใช้ได้เลย, โรงเรียนนักดาบเวทมิดกัลของเรา มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก, โดยเราอาศัยอยู่หอพัก แบบแบ่งปันกับโรงเรียนวิชาการมิดกัล ซึ่งทางโน้นเป็นพวกที่เรียนวิทยาศาสตร์หรือทำวิจัยอะไรทำนองนั้น รายละเอียดผมไม่รู้นักหรอก
“หืม~ม์”
จริงสิ, ยัยอเล็คเชียบอกว่าจะมีการตั้งหน่วยอะไรขึ้นมานี่หว่า
จากะกับผมดูกลุ่มอัศวินที่ผ่านไป, เอาเฮียวโรไปทิ้งห้องพยาบาล แล้วก็โดดเรียน
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
ในห้องรับรองขนาดใหญ่ มีการพูดคุยของคนกลุ่มนึง
“อยากจะขอให้เธอ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ในสาขานี้ ช่วยถอดความอาร์ติแฟคนี่ให้หน่อย”
คนที่พูดออกมาพลางถือสิ่งเหมือนกับจี้ห้อย คือเจ้าหญิงไอริสผู้มีผมสีแดงสวยงาม
“แต่ฉันเป็นแค่นักเรียนนะคะ”
คนที่มองดูอาร์ติแฟคและปฏิเสธ เป็นวัยรุ่นสาวสวยผมสีชมพู
“ผลงานวิจัยของเธอเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศ ไม่มีใครที่มีความสามารถมากไปกว่าเธอแล้วล่ะ, เชลลี่ บาเน็ท” シェリー・バーネット
“แต่ว่า……”
“เป็นโอกาสดีออก รับไว้เถอะ?”
ที่ขัดเชลลี่ขึ้น คือชายวัยกลางคน
“รองผู้อำนวยการ รุสรัน บาเน็ท……” ルスラン・バーネット
“จะเรียกว่าพ่อก็ได้นะ”
รุสรันว่าพลางหัวเราะ
เชลลี่ได้แต่ยิ้มลำบากใจ
“เชลลี่, เธอคือผู้ที่จะโลดแล่นในโลกแห่งวิชาการ การทำคำขอจากเจ้าหญิงไอริส เป็นก้าวสำคัญสำหรับอนาคตอันสดใสของเธอนะ”
“แต่คนอย่างฉัน……”
“เชลลี่, บอกอยู่เสมอๆใช่มั้ย? ให้มั่นใจในตัวเอง ถ้าเป็นเธอต้องทำได้แน่ มีแต่เธอเท่านั้น ที่ทำได้”
รุสรันวางมือบนไหล่บางๆของเชลลี่
“เข้าใจแล้วค่ะ……”
เชลลี่รับอาร์ติแฟคมาจากไอริส
“งี้นี่เอง, ภาษาโบราณ แล้วยังเป็นรหัสอีก”
“มันคือสิ่งที่อยู่ในสถานที่ขององค์กรทางศาสนาที่เรียกว่าลัทธิเดียโบลอส, เราสงสัยว่ามันกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณอยู่ แต่เราไม่รู้รายละเอียด แล้วก็คิดว่ารหัสลับเองคงมีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณด้วย”
“งั้นก็เป็นคำขอที่เหมาะกับฉันจริงด้วยนะคะ”
เชลลี่ดูอาร์ติแฟค, สายตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“แล้วเราอยากเอาอัศวินมาปกป้องอาร์ติแฟคด้วย”
“ปกป้อง……?”
รุสรันตอบสนองกับคำของไอริส
“พูดตามตรง อาร์ติแฟคนี้กำลังตกเป็นเป้าของลัทธิเดียโบลอสอยู่”
“ฟังดูอันตรายจัง”
รุสรันตาเขม็ง
“อาร์ติแฟคนี้ เดิมทียึดมาจากสถานที่ของมัน แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งเดียวที่ยึดมา – มีเอกสารจำนวนมากและสิ่งของอื่น, แต่วันก่อน ที่ๆเก็บเอาไว้โดนเผาไปแล้ว เหลือแต่อาร์ติแฟคเนี่ยล่ะ”
“อาา, เหตุไฟไหม้นั่นรึ จะว่าไป หลังเกิดเหตุ เจ้าหญิงไอริสก็ตั้งหน่วยอัศวินใหม่ขึ้นมานี่นา?”
“ใช่ ถึงจำนวนจะยังน้อยอยู่”
“ถ้าจำไม่ผิด, ชื่อว่าอัศวินแดงชาด 『紅の騎士団』 สินะ? วันนี้มาในนามนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว……”
“ไม่เชื่อมั่นในกองอัศวินปัจจุบันถึงปานนั้นเชียวรึ?”
ไอริสไม่ตอบคำถามอันแหลมคมของรุสรัน
เธอแค่มองรุสรันโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ฟุมุ, ก็ได้ อนุญาตให้ทำเช่นนั้น แต่แค่สองคนนะ”
“สองคน…… ถ้าฉันมาประจำเองก็ปลอดภัยที่สุด แต่……”
ไอริสแสดงสีหน้าขัดแย้ง
“ถ้าท่านไอริสอยู่งานข้างนอกตลอด งานอื่นของกองอัศวินก็ไม่คืบหน้าสิครับ”
คนที่พูดคืออัศวินตัวใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ทางขวาของไอริส, มีผมฟูเหมือนสิงโต และมีร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี รวมทั้งแผลเป็นขนาดใหญ่ที่หน้า
“ก็จริง……ถ้างั้น นี่ให้เป็นงานของนาย เกล็น” グレン
“ฮ่ะห์! โปรดวางใจ”
เกล็นก้มหัว
“ท่านพี่, ให้ฉันช่วยด้วยสิ”
อเล็คเชียที่ด้านซ้ายไอริสพูด
“ยิ่งเอาคนประจำที่นี่เยอะ, คนสืบเรื่องราว คดีสีดำ 漆黒の事件 ก็ยิ่งน้อยนี่คะ”
ไอริสยังเงียบ
“อัศวินแดงชาดยังมีคนไม่พอ, แล้วฉันก็เคยเห็นคนๆนั้นมาก่อน จึงไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นั้นไปกว่าฉันแล้วค่ะ”
“แต่ว่า, อเล็คเชีย เธอยัง……”
“เป็นนักเรียน? แต่มีความสามารถ ก็ไม่เกี่ยวกันนี่คะ? ท่านพี่เป็นคนพูดเองนะ”
“ไม่ได้พูดงั้นซะหน่อย”
“เมื่อกี้ก็พูดทำนองนี้กับเชลลี่ซังนี่”
ไอริสเซ็ง, อเล็คเชียยิ้มนิ่ง
“เมื่อก่อนออกจะน่ารักแท้ๆ…..”
ไอริสบ่นเบาๆ
“ได้ยินนะคะ ท่านพี่, ฉันอยากรู้ค่ะ เรื่องเป้าหมายของพวกนั้น…… และพวกนั้นเป็นศัตรูของเรารึเปล่า”
“แต่มันอันตรายนะ!”
“ทราบดีค่ะ”
ไอริสกับอเล็คเชียจ้องกันซักครู่นึง
“ก็ได้, แต่แค่เท่าที่ไม่รบกวนการเรียนนะ, แล้วก็เฉพาะภารกิจที่อันตรายต่ำ”
“ขอบคุณค่ะ”
อเล็คเชียยิ้มก้มหัว
“ส่วนเรื่องอาร์ติแฟค ฝากให้เธอจัดการด้วยนะ”
ไอริสถอนหายใจว่ากับเชลลี่