“เวลาสุกงอมแล้ว …… คืนนี้จักเป็นโลกแห่งเงามืด……”
นี่คือคำทักทายผู้มาเยือนอย่างเบต้า
เงาทมิฬนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ หันหลังให้เบต้า
แผ่นหลังที่ไร้การปกป้อง, แต่เบต้ารู้ดี ว่านี่เป็นระยะห่างที่มากที่สุดในโลก
ในมือเงาทมิฬ มีแก้วไวน์ที่สะท้อนแสงของตะเกียงโบราณ, และไวน์ที่ดื่มอยู่นี้ ……แม้แต่เบต้า ซึ่งแทบไม่รู้เรื่องไวน์ ก็ยังรู้ว่าเป็นยี่ห้อที่แพงที่สุดในโลก
เบต้าตกใจกับวัตถุตกแต่งชั้นเลิศที่ประดับประดาห้อง จนกระทั่งเห็นภาพบนกำแพง
ภาพ ‘The Scream’ ของมุงค์
สมบัติมายาซึ่งไม่อาจหาได้แม้ว่าจะมีความร่ำรวยแค่ไหนมาเสนอซื้อ
เบต้าแทบจะอยากถามว่าหามาได้ไง …… แต่ก็รู้ว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระ
เพราะว่าเป็นเงาทมิฬไง, นี่ล่ะคำตอบ
แค่คำเดียว ก็เพียงพอต่อการอธิบายทุกสิ่งอย่าง
การที่มี ‘The Scream’ อยู่ในความครอบครอง เป็นเรื่องธรรมชาติ, หรือจะว่า ไม่มีผู้ใดเหมาะสมแก่การครอบครองสิ่งนี้มากกว่าท่านผู้นี้ไปอีกแล้ว
“โลกแห่งเงามืด, จริงทีเดียวค่ะ คืนที่จันทร์ซ่อนเร้นเช่นนี้ เหมาะสมกับเราเป็นยิ่งนัก”
เบต้าว่า
เงาทมิฬเหลือบมองเบต้า, และเอาแก้วแตะปากอีก
“การเตรียมการทั้งหมดพร้อมแล้ว”
“งั้นรึ”
สุ้มเสียงตอบกลับที่ล่วงรู้ทุกอย่าง อ่านขาดทุกสิ่ง
แม้เบต้าจะไม่บอก ก็คงทราบดีอยู่แล้ว
กระนั้นเอง เบต้าก็ต้องรายงาน เพระว่านี่คือภารกิจของเธอ
“ด้วยคำสั่งท่านอัลฟ่า, ทุกคนที่สามารถเคลื่อนไหวได้ มารวมตัวที่เมืองหลวงแล้ว, จำนวนทั้งสิ้น 114”
“114?”
“……!”
น้อยเกินไปรึ?
ด้วยพลังต่อสู้ของอุทยานเงา จำนวนนี้น่าจะเพียงพอแล้ว
แต่ว่า……ไม่สิ
เบต้าสำนึกในความเข้าใจผิดของตนแล้ว
114 ก็แค่ตัวเลข, สุดท้ายแล้ว เป็นได้เพียงตัวสนับสนุน, ความจริงแล้ว ผู้ใช้การได้มีเพียงไม่ถึง 10% ของจำนวนที่ว่า
และค่ำคืนนี้, เป็นภารกิจที่เงาทมิฬออกโรงเอง จำนวนผู้สนับสนุนแค่ 114 นั้น ช่างน้อยนิด, น้อยนิดเกินไปจริงๆ
“ข-, ขออภั……!”
“Extra รึ”
คำขอโทษเบต้าถูกตัดบท, ‘extra’ อะไร? เบต้าไม่เข้าใจความหมายซักนิด
“เปล่า อย่าได้สนเลย, แค่พูดกับตัวเอง”
“ค่ะ”
เบต้ารู้ดี ว่าทุกสิ่งที่ท่านผู้นี้เอ่ย เปี่ยมด้วยความหมายอันลึกล้ำจนเกินกว่าจะจินตนาการ, และเธอไม่มีสิทธิหรือพลังที่ควรค่าแก่การไต่ถาม
แต่ว่า, กระนั้นเอง...
ซักวันนึง, เธอจะยืนอยู่เคียงข้างท่านให้ได้, ความรู้สึกต้องการมอบทุกสิ่งให้แก่ท่านผู้นี้ เป็นแรงผลักดันเบต้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ซักวันนึง, เพื่อวันนั้น...
เบต้าเก็บความในใจไว้ และว่าต่อ
“แผนการคือจู่โจมรังลับสาขาเฟนริลทั้งหมดของลัทธิเดียโบลอสที่กระจายอยู่ทั่วเมืองหลวงอย่างพร้อมเพรียงกัน, ระหว่างจู่โจม เราจะค้นหาอัตลักษณ์พลังเวทของเจ้าหญิงอเล็คเชีย และเมื่อยืนยันตำแหน่งได้ เราจะเปลี่ยนไปทำการชิงตัวและคุ้มกัน”
เงาทมิฬแค่พยักหน้า, เป็นสัญญาณให้ว่าต่อ
“แกมม่า ガンマ จะเป็นผู้สั่งการโดยรวม, แต่การสั่งการภาคสนามจะเป็นหน้าที่ของอัลฟ่า โดยฉันคอยสนับสนุน, เอปซิลอน イプシロン จะดูแลด้านการขนส่ง, เดลต้าจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเมื่อเริ่มปฏิบัติการ, แต่ละหน่วยจะประกอบด้วย……”
ก่อนที่เบต้าจะได้ลงรายละเอียด, เงาทมิฬชูมือขึ้นเพื่อหยุดเธอ
มือซึ่งมีกระดาษแผ่นนึง
“บัตรเชิญ”
หลังจากรับกระดาษที่ถูกโยนมา เธอก็อ่านดู
“นี่มัน……”
คำเชิญซึ่งเขียนได้แย่ซะจนทำให้เบต้าโกรธและแปลกใจไปพร้อมกัน
“เสียใจด้วยนะเบต้า, แต่ผมจะโหมโรงเอง…… ”
“ค่ะ, จะจัดให้เป็นเช่นนั้น”
“มาด้วยกันซะ เบต้า”
ว่าแล้ว, ท่านผู้นี้ก็หันหลัง
“ค่ำคืนนี้, โลกจะเรียนรู้ถึงการมีตัวตนของเรา……”
เบต้าตัวสั่นด้วยความยินดีที่ได้รับอนุญาตให้สู้เคียงข้างท่านผู้นี้
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
สถานที่ซึ่งเขียนในจดหมายเชิญ คือในป่า, ใกล้กับจุดที่เจ้าหญิงอเล็คเชียถูกลักพาตัว
เงาทมิฬไปสู่จุดหมายในชุดนักเรียน
เบต้าซ่อนอยู่ในระยะห่างออกมานิดหน่อย ปกปิดตัวตน
ซักพัก, ก็มีสองคนเข้ามาใกล้
และมีบางสิ่ง ขว้างมายังเงาทมิฬ
คว้าไว้ด้วยมือเดียว, เงาทมิฬพินิจมอง และอุบ
“สิ่งนี้…… รองเท้าอเล็คเชียรึ”
ซึ่งจังหวะนี้
ชายสองคนก็ก้าวออกมาจากป่า
“ไง ไอ้หนุ่มสเน่ห์แรง, ถือรองเท้าเจ้าหญิงอเล็คเชียยืนทำอะไรอยู่?”
“อ~า, มีอัตลักษณ์เวทเปรอะอยู่ซะทั่วแบบนี้, แกเป็นคนร้ายเลย ซิด คาเกโน่”
เป็นชายสองคนในเครื่องแบบอัศวิน
ไม่ผิดแน่, สองคนนี้คือพวกที่สอบปากคำซิด
“อ้อ, เอาแบบนี้รึ”
“ใช่, เอาแบบนี้ล่ะ”
อัศวินชายไม่คิดจะปฏิเสธคำของซิดด้วยซ้ำ แค่ยิ้มแหยะใส่
“ถ้าแกปริปากสารภาพตั้งแต่แรก เราก็ไม่ต้องลำบากแบบนี้หรอก”
“จะได้จบๆเรื่องแบบไม่ต้องถูกทรมานด้วย”
ทั้งสองชักดาบออกมา, และพุ่งเข้าหาโดยไม่เตือน
โง่เง่านัก…… เบต้าอึ้งกับความโง่เกินบรรยายของเจ้าสองตัวนี่
“เอาล่ะ, ซิด คาเกโน่ เราจับแกข้อหาลักพาตัวเจ้าหญิง”
“อย่าได้คิดขัดขืน ไม่มีประโยชน์หรอก”
ชายคนนึงหัวเราะ พลางแทงดาบใส่ซิด
ทันใดนั้น
“โอะ?”
ซิดหยุดดาบไว้ด้วยสองนิ้ว, จากนั้นก็มีแสงวาบ
ขาซ้ายของซิดแตะคออัศวินชายอย่างผ่านๆ
เลือดกระฉูดออกจากคอ
ขาซ้ายซิด มีดาบดำสนิทงอกออกมา
“อะ…… อา…………อาาา……!!”
ชายคนนึงล้มลงพลางกดคอ อีกไม่นานก็จะเสียชีวิต
“แกทำอะไรวะ?!”
ชายอีกคนฟันใส่ซิดอย่างรีบเร่ง
แต่เป็นการโจมตีที่ง่ายเกินไป, ดั่งงานหยาบ
แค่เอียงหัว ซิดก็หลบได้, และเตะขาชายผู้นี้
ทุกอย่างตั้งแต่ใต้เข่าของเขาก็หายไป
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา!!”
เสียงชายกรีดร้องและกดเข่าซึ่งมีเลือดพุ่งออกมาเป็นสาย
“ขา-, ขาชั้นนนน!!”
แล้วเขาก็เริ่มคลานไปกับพื้น, พยายามเต็มที่เพื่อทิ้งระยะห่างจากซิด
“ก แก, อย่าได้คิดว่าทำแบบนี้กับอัศวินแล้วจะหนีพ้นนะ……! ถ้า, ถ้าเราตาย, แกจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อนเลย!”
ซิดแค่เดินตามรอยเลือดที่ลากยาวไปกับการคลานของเขาอย่างเงียบๆ
“ฮี้, ฮี้……! ก-, แกจบเห่แน่……! จบเห่……!”
เขายังพยายามคลานอย่างน่าเกลียด ด้วยแรงดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
“เมื่อค่ำคืนผ่านพ้น……จะพบศพสองอัศวิน”
“ช-,ใช่ สว่างเมื่อไหร่ แกจบเห่แน่……!”
เขาคลานหนีต่อ โดยซิดเดินตามรอยเลือด
“แต่ไม่มีสิ่งใดจะต้องกลัว”
แค่พริบตา
เขารู้ตัวว่าซิดตามมาทันแล้ว
“ฮี้!”
ขาซ้ายซิด วูบวาบ
“เมื่อค่ำคืนผ่านพ้น……ทุกอย่างจะจบสิ้น”
หัวอัศวินชายลอยขึ้นสู่อากาศ
มีน้ำพุเลือดเป็นฉากหลัง, ซิดหันกลับ
เบต้าได้แต่สั่นระริก
ไม่มีซิดในชุดนักเรียนอีกแล้ว
มีเงาทมิฬสีดำสนิทมาแทนที่
บอดี้สูทและรองเท้าสีดำสนิท, ในมือมีดาบสีดำสนิท และชุดคลุมสีดำสนิทที่ไหวพริ้วตามสายลม
ดึงฮู้ดจากชุดขึ้นมา และซ่อนส่วนบนของหน้าในเงาดำ มีเพียงส่วนล่างของใบหน้าที่ต้องแสง
หน้าเองก็ถูกปิดด้วยหน้ากากนักมายากล, ส่วนเดียวที่เห็นได้จากใบหน้า คือดวงตาส่องประกายสีแดงท่ามกลางความมืด
เบต้าเห็นรูปร่างอันแสนจะสง่าเช่นนี้ ก็แทบเป็นลม, แต่ยังตั้งสติ เอาสมุดจดออกมาจากร่องอก, เพื่อสเก็ตภาพร่างอันแสนสง่านี้ลงไป สำหรับประกอบใน 'บันทึกสงครามท่านเงาทมิฬ ' シャドウ様戦記
ข้างๆภาพร่าง เธอเติมกวีนิพนธ์ถึงความเท่ของท่านเงาทมิฬในวันนี้ลงไป, ทั้งหมด ใช้เวลาจดบันทึกเพียง 5 วินาที
นี่เป็นแค่บทย่นย่อ, ในห้องเบต้า จะมีแต่ภาพสเก็ตท่านเงาทมิฬ และบทกวีสรรเสริญฉบับยาวแปะอยู่เต็มกำแพงห้อง
การจารึกวีรกรรมต่างๆลงในบันทึกสงครามท่านเงาทมิฬ ทุกวันก่อนนอน เป็นความสุขที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาแทนที่ได้ของเบต้า
แล้ว จู่ๆเสียงระเบิดก็ดังมาแต่ไกล ดึงเบต้ากลับสู่ความเป็นจริง
“เดลต้ารึ…… บทกลางเริ่มแล้ว, ไปกันเถอะ เบต้า”
“ค ค่ะ, รับทราบ!”
เบต้ายัดสมุดจดกลับเข้าร่องหน้าอก แล้วรีบติดตามไป
แน่นอน ท่านผู้นี้ไม่รู้ถึงสิ่งที่เบต้าทำอยู่หรอก