“รายงานมีเท่านี้เหรอ?”
สาวสวยผมแดงเหมือนเพลิง ถามขึ้น, เส้นผมที่ยาวไปจนถึงหลัง เปล่งประกายในแสงเทียน, ดวงตาสีแดงดั่งไวน์วาบผ่านรายงานสืบสวน, รูปร่างสวยงามทำให้อัศวินที่มารายงานต้องแก้มแดง
“ม- มีเท่านี้ครับ ท่านไอริส, แล้วจะทำการสืบสวนต่อ”
ไอริสพยักหน้า, ออกท่าทางให้อัศวินออกไปจากห้อง
เมื่อประตูปิด, เหลือเพียงไอริสกับหนุ่มหล่อผมบลอนด์อยู่ในห้อง
“มาร์ควิสเซนอน, ขอบใจสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้”
“เหตุเกิดในเขตโรงเรียน ฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ, แต่ที่สำคัญ เป็นห่วงท่านอเล็คเชียยิ่งนัก ……”
เซนอนก้มหัวกัดปากเจ็บใจ
“นายมีหน้าที่เป็นครูฝึกสอนดาบ ไม่มีใครโทษนายหรอก, สำหรับตอนนี้ ไม่ใช่การโทษว่าใครผิด แต่ต้องช่วยอเล็คเชียออกมาอย่างปลอดภัย”
“นั่นสินะ……”
“แล้ว...”
ไอริสปิดแฟ้มรายงาน
“ที่เป็นไปได้ว่านักเรียนชื่อ ซิด คาเกโน่ คือคนร้าย นี่มีความมั่นใจแค่ไหน?”
“ฉันเองก็เจ็บปวดใจกับการคิดว่านักเรียนเป็นคนร้าย แต่สถานการณ์บ่งบอกว่าน่าสงสัยเป็นที่สุด, แม้ว่าดูจากพลัง จะไม่น่าเป็นไปได้ต่อการเอาชนะท่านอเล็คเชียในการต่อสู้ตรงๆก็ตาม”
เซนอนเลือกคำพูดอย่างระวังเพื่อรายงาน
“ถ้างั้น อาจมีผู้สมรู้ร่วมคิด หรือไม่ก็ใช้ยา หรือวิธีบางอย่าง, แต่ไม่ได้สารภาพออกมาแม้ผ่านการสอบสวนของอัศวินนี่นา? แน่ใจแล้วเหรอ?”
“ก็อยากจะเชื่อในตัวนักเรียนจริงๆนะครับ”
ไอริสพยักหน้า แล้วปิดตา
“ส่งอัศวินที่เชื่อถือได้ไปสะกดรอยแล้วสินะ? คงทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากรอผลรายงานแล้ว”
“ขอภาวนาให้ท่านอเล็คเชียปลอดภัย”
โค้งคำนับ แล้วเซนอนก็ออกจากห้อง
แต่พริบตานั้น, มีเด็กสาวเล็ดลอดเข้ามาทางประตูที่เซนอนเปิด
“ท่านไอริส! โปรดรับฟังก่อน!”
“แคลร์คุง คิดจะทำอะไรกัน! ขออภัยต่อความหยาบคายด้วย, จะพาออกไปเดี๋ยวนี้!”
เซนอนจับเด็กสาวแคลร์ คาเกโน่ที่เล็ดลอดเข้ามา และพยายามลากออกไป
“มาร์ควิสเซนอน, นี่ใครรึ?”
ไอริสหยุดเซนอนและถาม
“คือ……”
“แคลร์ คาเกโน่! เป็นพี่สาวซิด คาเกโน่ค่ะ!”
“แคลร์คุง! ธ-, เธอเป็นนักเรียนตัวอย่างของโรงเรียน ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่กับกองอัศวินตามโครงการแลกเปลี่ยนครับ”
“งั้นรึ…… ว่ามาได้”
“ขอบพระคุณค่ะ!”
แคลร์ คาเกโน่เข้าหาไอริสและเริ่มวิงวอน
“น้องชายฉัน, ซิดไม่มีทางทำเรื่องอย่างการลักพาตัวเจ้าหญิงอเล็คเชียหรอก! ต้องมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นแน่ๆค่ะ!”
“กองอัศวินกำลังสืบเรื่องราวด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีความผิดพลาด, ยังไม่ได้สรุปชัดหรอกว่าน้องชายเธอเป็นคนร้าย”
“แต่วิธีที่ทำอยู่, หากไม่พบคนร้ายตัวจริง น้องชายคงโดนประหารแน่ค่ะ!”
“กองอัศวินระมัดระวังเป็นอย่างดี ไม่ประหารผิดคนอยู่แล้ว”
“แต่ว่า!”
“แคลร์คุง!”
เซนอนหยุดแคลร์ที่พยายามอุทธรณ์ต่อไอริส
“แคลร์คุง, พอแค่นี้เถอะ มากกว่านี้จะเป็นการเสื่อมเสียต่อกองอัศวิน!”
“คุ……!”
แคลร์จ้องเซนอน และไอริส
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นล่ะก็……!”
“แคลร์คุง อย่าได้พูดจบจบประโยคเชียว!”
เซนอนปิดปากแคลร์ด้วยมือ และลากออกจากห้อง
โครม
เห็นประตูปิดแรงๆ, ไอริสถอนหายใจ
“ความรักที่มีต่อครอบครัวต่างเหมือนกันสินะ ……”
เธออุบ
“อเล็คเชีย, ขอให้ปลอดภัยด้วยเถอะ……”
นานมาแล้ว, สองพี่น้องสนิทกันนัก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เริ่มห่างเหิน
ผ่านมากี่ปีแล้ว ที่ได้คุยกันครั้งสุดท้าย?
หรือว่าจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเลย?
“อเล็คเชีย……”
ดวงตาสีแดงไวน์ปิดลง, เม็ดน้ำตาไหลลงสู่แก้ม
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
อเล็คเชียลืมตาขึ้น, พบว่าตนอยู่ในห้องสลัวๆ
ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงเทียนเล่มเดียว
กำแพงหิน, และประตูหนาอยู่ตรงหน้า
“ที่นี่……”
หลังแยกกับโปจิหลังเลิกเรียน ก็จำอะไรไม่ได้
พอจะขยับร่างกาย, ก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกัน
มองหาต้นเสียง พบว่าแขนขาถูกตรึงไว้
“โซ่ผนึกเวท ……”
เธอใช้เวทไม่ได้, ยากจะหนีด้วยตนเองในสถานการณ์เช่นนี้
ใครกันที่จับตัวเธอมา, และเพื่ออะไร? ลักพาตัว, ขู่กรรโชก, ค้ามนุษย์…… ความเป็นไปได้เยอะแยะ ผุดขึ้นในใจ แต่ไม่มีทางยืนยันได้
อเล็คเชียไม่ใช่ผู้มีสิทธิสืบบัลลังก์, แต่สถานะเจ้าหญิงยังมีคุณค่า ดังนั้นจึงรู้ตัวดี
ทว่า, ข้อมูลในมือ น้อยเกินกว่าจะสรุปได้
อเล็คเชียหยุดคิด, แต่แล้วความคิดอื่นก็ผุดขึ้นมา
โปจิเป็นอะไรรึเปล่า?
เด็กชายนิสัยเสียซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอเมื่อไม่นานนี้, เธอออกจะชื่นชอบ เพราะว่าพูดจาออกมาตรงๆโดยไม่เกรงกลัวเธอ
หากว่าถูกลากเข้ามาพัวพัน ป่านนี้คง.....หยุดคิดเถอะ
อเล็คเชียสั่นหัว มองรอบๆ
กำแพงหิน, ประตูเหล็ก, เชิงเทียน …… กับกองสีดำที่เหมือนขยะ
กองดำๆที่อยู่ข้างเธอ, และไม่รู้ทำไม ถึงมีโซ่ผูก
เมื่อดูให้ดี อเล็คเชียพบว่ามีความเคลื่อนไหวด้วย
มันหายใจอยู่
เจ้า ‘กอง’ นี่ คือสิ่งมีชีวิตนุ่งห่มด้วยเศษผ้า
“ตรงนั้นน่ะ ได้ยินเสียงฉั-……!”
สิ่งนั้นมองกลับมาที่อเล็คเชีย
มันคือ …… สัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดตัวผอมบางหน้าตาน่าเกลียดอย่างที่อเล็คเชียไม่เคยเห็นมาก่อน ถูกล่ามโซ่อยู่
ตัวดำ, หน้าแทบจะมองไม่ออกว่าตรงไหนเป็นตา จมูก ปาก, ทั้งร่างมีแต่รอยบิดเบี้ยว, แขนขวายาวยิ่งกว่าขาอเล็คเชีย แต่แขนซ้ายกลับสั้นและบางยิ่งกว่าแขนอเล็คเชีย, ที่อกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่
มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ข้างๆอเล็คเชีย
อเล็คเชียแขนขาติดโซ่, ส่วนสัตว์ประหลาดถูกล่ามแค่ตรงคอ, หากมันยืดแขนยาวออกมา อาจเอื้อมถึงอเล็คเชียก็เป็นได้
เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นสัตว์ประหลาด, อเล็คเชียลดเสียงหายใจและไม่มอง
แต่สัตว์ประหลาดมองมาทางเธอ
อเล็คเชียรู้สึกได้ถึงสายตาสัตว์ประหลาดมองทั่วร่าง
หลังช่วงเวลาแห่งความเงียบที่เหมือนเวลาหยุดลง ……
แกร่กแกร่ก, เสียงโซ่กระทบดังในอากาศ
ดูจากมุมสายตา อเล็คเชียเห็นว่าสัตว์ประหลาดม้วนตัวนอน
อเล็คเชียถอนหายใจอย่างโล่งอก
ผ่านไปอีกพักใหญ่, ประตูตรงหน้าก็เปิดออก
“ในที่สุด! ในที่สุด, ก็ได้มาอยู่ในมือ!”
ที่เข้ามา เป็นชายผอมๆใส่เสื้อห้องทดลอง
แก้มตอบ ตาดำ ปากแห้งแตก, ผมเหนอะติดผิวส่งกลิ่นร้ายกาจ
อเล็คเชียสังเกตชายผู้นั้นอย่างเงียบๆ
“สายเลือดราชวงศ์, เลือดราชวงศ์, เลือดราชวงศ์!”
เลือดราชวงศ์
ชายผู้นั้นย้ำคำเดิม พลางเอากระบอกต่อด้วยเข็มบางๆ
ท่าทางจะตั้งใจสูบเอาเลือดเธอออกไป, หมอประจำวังเคยทำมาก่อน เธอเลยพอรู้จักเครื่องมือนี้อยู่
แต่
ที่ไม่เข้าใจ คือทำไมชายผู้นี้ถึงอยากได้เลือดเธอนักหนาจนถึงขั้นลักพาตัวเธอมา
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
อเล็คเชียออกเสียงมั่นคง
“ห, หือ?”
ชายผู้นั้นขานตอบอเล็คเชียอย่างแปลกๆ
“ทำไมถึงอยากได้เลือดฉัน?”
“ล-, ล-, เลือดเธอเป็นเลือดปีศาจ, สามารถคืนชีพปีศาจสู่ยุคนี้ได้!”
อเล็คเชียไม่รู้เลยว่าเขาพูดเรื่องอะไร, แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าหมอนี่บ้าไปแล้ว และเป็นพวกศรัทธาในลัทธิบ้าบออะไรซักอย่าง
“แต่สูบเลือดออกไปมากเกินก็แย่สิ ฉันยังไม่อยากตายนะ”
“หิ, หิ, ม-, ไม่ต้องห่วง, ย อยากได้เยอะๆ- ล เลย, มาเอาทุกวัน -, สูบไปทีละนิด”
“อย่างงี้นี่เอง ความคิดเข้าท่านะ”
ตราบเท่าที่ชายผู้นี้ยังต้องการเลือด, โอกาสที่เธอจะโดนฆ่า ก็ต่ำ
อย่าขัดขืน, ให้ความร่วมมือซะ, อเล็คเชียตัดสินใจว่าหนทางดีที่สุดคือรอความช่วยเหลือ
“ม, ไม่ควรจะ – ป, เป็นงี้เลย ค-, ความผิดของพวกบ้านั่น!”
“นั่นสิ ฉันก็เกลียดพวกบ้าเหมือนกัน”
พวกบ้าแบบแกเนี่ยล่ะ, อเล็คเชียอุบในใจเมื่อมองชายชุดทดลอง
“ก-, การทดลองผม, ถูก, ถูกทำลายหมด! เริ่มจากไอ้บ้าโอลบาก่อน”
“นั่นสิ, โอลบาบ้าก่อนสินะ”
“จากนั้น, ครั้งแล้วครั้งเล่า! อ๊าาาาาาา!”
“น่าสงสารนะ ท่าทางจะเหนื่อย”
“ใช่สิ, ใช่แล้ว! ผม, การวิจัยของผมใกล้แล้ว! อีกนิดเดียว, นิดเดียว, แต่ถ้าไม่เสร็จ, ผมจะโดนขับไล่, ขับไล่ ……!”
“โหดร้ายเนอะ!”
“บ-, บัดซบเอ้ย, ไร้ประโยชน์, ไร้ประโยชน์!”
ชายชุดทดลองรีบไปยังสัตว์ประหลาดที่ถูกล่าม และเตะอย่างรุนแรง
เตะอีก เตะอีก, แล้วเหยียบย่ำ
สัตว์ประหลาดแค่ห่อตัว ไม่ตอบสนอง
“จะสูบเลือดฉันไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อใช่, อ้อใช่, เลือดเธอ, ตราบเท่าที่มีเลือดเธอ ก็ทำให้เสร็จได้ ……!”
“ดีจังเนอะ”
ชายชุดทดลองหยิบกระบอกมาแทงเข็มที่แขนอเล็คเชีย
“เท่านี้, เท่านี้! ก็สำเร็จได้, ไม่ถูกขับไล่แล้ว!”
“ขอแบบไม่เจ็บนะ”
ไม่งั้นจะอยากต่อยสวนเข้าให้, อเล็คเชียคิด
เข็มแทงเข้าแขนอเล็คเชีย
อเล็คเชียมองภาชนะแก้วถูกเติมด้วยเลือดสีแดงเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
หิหิ, หิหิหิ……”
พอภาชนะแก้วเต็ม, ชายชุดทดลองก็ประคองอย่างระวังและออกจากห้องไป
อเล็คเชียรอประตูปิด แล้วถอนหายใจ
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
ทุกอย่างก็เพื่อวันนี้
2 วันผ่านไปหลังจากถูกอัศวินปล่อยตัว, ผมอยู่ในหอ กำลังเลือกสรรสิ่งที่จะใช้ได้ จากสิ่งสะสมสำหรับการเป็นพลังในเงามืด
ซิการ์…… ยังอีกนาน กว่าอายุจะถึงขั้นใช้ได้
ไวน์เก่าเก็บ…… ของหายากจากปอร์โตแปรงซ์ทางใต้ของฝรั่งเศส มูลค่า 900,000 เซนี่, ดีมาก อันนี้เหมาะกับค่ำคืนไร้แสงจันทร์เช่นคืนนี้
แปลว่าต้องมีแก้วอันแสนจะสุดยอดเพื่อใช้คู่กัน……ใช่แล้ว, แก้วทำจากวิตตอง, นี่ก็ของฝรั่งเศส มูลค่า 45,000 เซนี่
แล้วยังมีตะเกียงโบราณ…… กับนี่…… นี่ด้วย…… อ้อ, ภาพวาด ‘The Scream’ ในตำนานที่บังเอิญเก็บได้คราวนั้น เอามาประดับกำแพงเช่นนี้......โอว สมบูรณ์แบบ
หัวใจอิ่มเอม
การไล่ล่าโจรและคลานกับพื้นเพื่อเก็บเหรียญทอง ก็เพื่อสิ่งนี้
น้ำตาแห่งความปิติ เล็ดออกมาเมื่อชื่นชมห้องซึ่งประดับด้วยของสะสมระดับสุดยอดของผม
ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ถึงกำหนดตามคำเชิญที่ได้รับมาในวันนี้
รอ, ให้ถึงกำหนด
รอ
รอ……
รออย่างเงียบงัน!
จนกระทั่ง……ในที่สุด!
พอเด็กสาวสีดำปรากฏขึ้นที่หน้าต่าง, ผมก็เปิดปาก
“เวลาสุกงอมแล้ว …… คืนนี้จักเป็นโลกแห่งเงามืด ……” 時が満ちた……今宵は陰の世界
ทุกอย่าง, เตรียมมาสำหรับวันนี้เลย!