“ไม่ได้กินอาหารด้วยกันสามคนแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ?”
เจ้าจากะจอมทรยศมันว่า
“ก็ไอ้นี่ได้กินอาหารกับเจ้าหญิงแทบจะทุกมื้อเลย”
นี่ก็เฮียวโร
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่หว่า”
กับผม
ไม่ได้กินอาหารด้วยกันสามคนในโรงอาหารมานานแล้ว, เหลือเชื่อ ที่อเล็คเชียไม่โผล่หน้ามาแฮะ
“ซิดคุง, ยกโทษให้ซักทีสิ?”
“ใช่ๆ, ลูกผู้ชายไม่คิดแค้นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก!”
“วันนี้ก็เลี้ยงข้าว ด้วยชุด 980 เซนี่สำหรับชนชั้นสูงผู้ยากไร้แล้วนี่ไง”
“ใช่ๆ, ออกตังค์ให้แล้ว ก็ปล่อยเรื่องผ่านๆไปเถอะ!”
“ก็ได้ๆ”
ผมถอนหายใจใหญ่
“ขอบใจ, ซิดคุง”
“เออๆ”
“แล้ว, ไปได้ไกลแค่ไหนแล้วล่ะ?”
เฮียวโรถามเสียงเบา
“ไปไหน?”
“ก็กับเจ้าหญิงอเล็คเชียไง, ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว คงได้ ‘นั่น’ บ้างแล้วสิ?”
ให้ตายสิ ‘นั่น’ บ้าบออะไรฟะ ไร้สาระ
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไปด้วย”
“ชิ, ทำไมเห่ยยังงี้, ถ้าเป็นชั้น คงลุยไปถึงสุดขอบแล้ว”
“เห็นด้วย อย่างน้อยตัวเราก็คงได้จู๊บจู๊บแล้ว”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ยังงั้น”
ผมปัดๆอย่างไม่ใส่ใจพลางกินอาหารกลางวันต่อ
แต่จู่ๆ
“ขอนั่งนี่ได้ไหม?”
มีนายหล่อ ครูเซนอน เข้ามาหา
“แน่นอน!”
“เชิญเลย!”
เท่านี้ เพื่อนสองหน่อก็กลายเป็นตัวประดับฉากอีกแล้ว
“มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”
ผมระมัดระวังนิดหน่อย เผื่อว่าพี่แกจะเล็งอัดผมตอนอเล็คเชียไม่อยู่
“คงได้ยินมาแล้วสินะ, ว่าเจ้าหญิงอเล็คเชียไม่ได้กลับหอมาตั้งแต่เมื่อวาน”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินข่าวฟ่ะ
แต่คงออกไปเดินทางค้นหาตัวตนของตัวเองอะไรทำนองนั้นมั้ง, แบบที่วัยรุ่นทำน่ะ
“การค้นหาเมื่อเช้า, พบสิ่งนี้”
ที่เขาเอาออกมา คือรองเท้าอเล็คเชีย
“มีร่องรอยการขัดขืนอยู่ไม่ไกล, กองอัศวินคิดว่าเป็นคดีลักพาตัว และกำลังสืบสวนอยู่”
“อะไรนะ……!”
ผมตะโกนออกมาอย่างเสียใจ, แต่ในใจกำลังตะโกน “โยชช่า, สมน้ำหนัก!!” อย่างสะใจ
“เราจำกัดตัวผู้ต้องสงสัยลง และคนสุดท้ายที่อยู่กับเจ้าหญิง....”
ครูเซนอนมองผม
“กองอัศวินมีเรื่องจะสอบถามซักหน่อย”
หน้าโรงอาหารมีกองอัศวินแต่งเต็มยศมาประจำพร้อม เปล่งจิตสังหาร
“คงยินดีให้ความร่วมมือสินะ?”
อีชิบหายเอ้ย
นำความซวยมาให้กูแล้วไง
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
หลังจากนั้น, ผมโดนพาไปในที่ๆเหมือนคุก, ถูกถามๆแล้วก็ปล่อยออกมาหลังผ่านไป 5 วัน
“ไปได้แล้ว ไอ้เวรเอ้ย”
หลังผมโดนผลักแรกๆ เมื่อได้รับการปล่อยตัวออกมา, จากนั้นของส่วนตัวก็โดนโยนตามออกมา
ตอนนี้ ผมเหลือแต่กางเกงใน, หยิบชุดหยิบรองเท้ามาใส่, อ้อ เพราะมือไม่เหลือเล็บแล้วด้วย เลยใช้เวลานานกว่าปกติ
หลังจากจัดชุดตัวเองเสร็จ ก็ถอนหายใจเดินออกมา
คนเดินเท้าต่างมอง ‘ร่องรอย’ เปื้อนเลือดทั่วร่างของผม
ผมถอนหายใจอีกที
“ใจเย็นๆ, มัวแต่โมโหพวกลูกกระจ๊อกไปจะได้อะไร?”
ผมพยายามอย่าไปนึกหน้าของอัศวินที่สอบปากคำผม และทำใจให้เย็น
“เค้าก็แค่ทำหน้าที่”
แผลของผมก็แค่ภายนอก, สามารถงอกเล็บใหม่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
เหตุเดียวที่ไม่ทำ เพราะจะไม่สมกับเป็นบทตัวประกอบ
“ใช่แล้ว ใจเย็นๆ”
ผมสูดหายใจ, เปิดทัศนียภาพให้ชัด
มีเงาน่าสงสัยตามหลังมา
“สะกดรอยมาสองรายรึ”
คนร้ายลักพาตัวยังหาไม่พบ แน่นอนว่าความปลอดภัยของอเล็คเชียยังไม่เป็นที่ยืนยัน
ผมไม่ได้โลกสวยถึงขนาดได้ใจว่าหลุดจากคดีแล้ว, แค่มีหลักฐานไม่พอ แต่ชื่อผมยังอยู่ในรายการต้องสงสัยแหงๆ
ผมก้มหน้าแกล้งทำเป็นเหนื่อยขณะเดินกลับหอ
ระหว่างทาง
“แล้วพบกัน……”
เสียงเบา, เบายิ่งนัก เข้าหูผม
มากับกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย
“อัลฟ่ารึ……”
ถนนเปี่ยมไปด้วยผู้คนในตอนเย็น, ตัวตนของเธอไม่อาจหาพบได้
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇
กลับมาที่ห้องในหอ, ผมเปิดไฟ
จากเงามืด, เด็กสาวปรากฏกาย
“กินไหม?”
เธอใส่บอดี้สูทสีดำแน่นๆ ทำให้ส่วนอวบอั๋นเด่นขึ้นมา
ในมือ มีแซนวิชใส่ทูน่า, ซื้อจากแมคโรนัล まぐろなるど
“ขอบใจ, ไม่ได้เจอกันนานนะ อัลฟ่า, แล้วเบต้าล่ะ?”
ผมไม่ได้กินอะไรมา 5 วันแล้ว, เลยเขมือบแซนวิชอย่างไม่รีรอ
เบต้าเป็นผู้ที่สนับสนุนผมในช่วงนี้
“ได้ยินจากเบต้าแล้ว, ท่าทางเรื่องยุ่งแล้วนะ”
เธอนั่งบนเตียงผมและไขว้ขา
เส้นผมนุ่มสลวยสีบลอนด์กับดวงตาสวยงามสีฟ้า ที่ชวนคิดถึง
เป็นเวลาสั้นๆที่พ้นสายตาไป แต่โตขึ้นมามากทีเดียว
“นั่นสิ”
ผมโยนเศษแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
“น้ำอยู่นี่”
“ขอบใจ~”
กระดกน้ำหมดแก้ว
“เฮ้อ-, รอดไปที”
ผมโยนรองเท้ากับเสื้อโค้ท แล้วพุ่งเข้าเตียง
“อย่างน้อยก็เปลี่ยนชุดก่อนสิ!”
“ไม่อ่ะ, จะนอน”
“นี่คุณ…… เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองรึเปล่าคะ?”
“เรื่องเตรียมการให้เธอจัดการไป”
อัลฟ่าทำงานได้ดียิ่งนัก, ปล่อยให้เธอทำไป คงเตรียมฉากอันแสนสุดยอดให้ผมได้อยู่แล้ว, จนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอนอน.....หมายถึง ขอสงวนพลังเอาไว้ก่อน
อัลฟ่าถอนหายใจ
“คงเข้าใจดีนะ ว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป คุณกลายเป็นคนร้ายแน่”
“ก็คงงั้น”
ตราบเท่าที่คนร้ายตัวจริงไม่ถูกค้นพบ, คนที่น่าสงสัยสุดก็โดนจับกุดหัวแหง
โดยเฉพาะนี่เป็นคดีลักพาตัวสมาชิกราชวงศ์, จึงต้องมีหัวปลิว ไม่งั้นคดีปิดไม่ได้
ยุคกลางจงเจริญ
“ตื่นสิ, มีแซนวิชอีกนะ”
“ตื่นแล้ว”
ผมรับแซนวิชจากอัลฟ่า
“มีความเคลื่อนไหวเพื่อใส่ความให้คุณเป็นคนร้าย”
“เห~, ถึงปล่อยไว้งี้ ผมก็กลายเป็นคนร้ายอยู่แล้วเนี่ยนะ?”
“คงอยากให้เรื่องจบไวๆ, ลูกชายบารอนจนๆผลงานจืดจาง เหมาะแก่การเป็นแพะรับบาปสุดๆ”
“นั่นสิ เป็นผมก็คงทำแบบเดียวกัน”
“กองอัศวินเชื่อถือไม่ได้”
“มีเกลือเป็นหนอนภายในรึ?”
“ไม่ต้องสงสัย, เป็นพวกลัทธิที่ลักพาตัวไป เป้าหมายคือสายเลือดวีรชนที่เข้มข้นอยู่ในตัวเจ้าหญิง”
อัลฟ่ากับพวก ยังคงยืนหยัดกับเนื้อเรื่องแบบลัทธิเดียโบลอสเพื่อผม, น่าขอบคุณจริงๆ
“คิดว่ายังมีชีวิตอยู่รึเปล่า?”
“สูบเอาเลือดจากคนตายไม่ได้หรอก”
“ก็จริง”
“แต่เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงเลือกทำเรื่องรักใคร่กับเจ้าหญิง”
อัลฟ่าจ้องผมตาดุๆ
“จะเรียกว่ารักใคร่ก็คงไม่ใช่”
“คงมีเหตุผลสินะ ที่อธิบายพวกฉันไม่ได้”
ผมหลบตาอัลฟ่าที่พยายามมองอ่านใจ
แน่นอน ผมนิ่งเงียบ, เพราะไม่ได้มีเหตุผลห่าเหวอะไรเลย
“ก็ได้, เราเข้าใจว่าคุณมีแผนการอันยิ่งใหญ่อยู่”
มีด้วยเหรอ?
“แต่อย่างน้อย ก็เชื่อมั่นในตัวพวกเราหน่อยเถอะ, คราวนี้เอง ถ้าบอกก่อนล่วงหน้า ก็คงไม่เป็นงี้หรอก”
“ข เข้าใจแล้ว”
“เอาเถอะ ยังไงซะ การสนับสนุนคุณ ก็เป็นงานของพวกฉันอยู่แล้ว”
อัลฟ่ายิ้มว่างั้น
“จบงานนี้ เลี้ยงแมคโรนัลด้วยนะคะ, แซนวิชนั่นส่วนของฉัน”
“เอาสิ โทษทีที่กินส่วนของเธอไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก”
อัลฟ่ายืนขึ้น, เปิดหน้าต่าง และยกเท้า
ก้นเล็กๆแกว่งล่ะ
"ไปแล้วนะ, อย่าทำตัวเด่นไปซักพักนะ”
“เข้าใจแล้ว, แผนล่ะ?”
“เรียกคนมา, ตอนนี้ในเมืองหลวงมีจำนวนไม่พอ แล้วก็ จะเรียกเดลต้ามาด้วย”
“เดลต้าด้วยรึ?”
“เค้าบอกว่าคิดถึงคุณค่ะ”
เดลต้ากระสุนเถื่อน 鉄砲玉デルタ หรืออีกฉายา เดลต้าอาวุธสละชีพ 特攻兵器, พูดง่ายๆ เธอเป็นแค่ตัวต่อสู้สมองบวม
สรุปคือ ไม่ได้เจอกันนาน เลยจะจัดงานพบปะเลี้ยงรุ่นงั้นสิ? หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะ
“รายละเอียดจะบอกหลังเตรียมการเสร็จ, ลาก่อน”
หลังยิ้มให้ครั้งสุดท้าย, อัลฟ่าปิดหน้าด้วยบอดี้สูทแล้วหายไปทางหน้าต่าง