“กว้างชะมัด……”
ผมพูดออกมาดังๆอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องเรียนวิชาสายบุชินเมืองหลวง กลุ่ม 1
เป็นเหมือนสนามขนาดใหญ่มหึมา, นอกจากห้องเปลี่ยนเสื้อ ยังมีห้องอาบน้ำ บาร์ แล้วก็สิ่งอำนวยความสะดวก, แม้แต่ประตู ก็ยังเปิดอัตโนมัติ ด้วยแรงงานเมด
ส่วนกลุ่ม 9, เป็นกลางแจ้ง จะฝนตกแดดออก ก็ต้องทนกันไป, ไม่มีประตูด้วย เลยไม่ต้องมีเมด
เพื่อไม่ให้ใครมาจุกจิก, ผมเปลี่ยนชุดอย่างไว และไปรออเล็คเชียอยู่ที่มุม
ซักพัก
“เริ่มเบาๆกันก่อนไหม?”
อเล็คเชียในชุดฝึก มาแล้ว
ชุดฝึกผู้หญิง จะเป็นชุดยาวฉีกที่ขา เหมือนกับชุดจีน, ของเธอเป็นชุดสีดำ ซึ่งสายบุชินจะใช้สีเป็นตัวแสดงความชำนาญ – สีดำคือชำนาญสุด สีขาวคือมือใหม่
ของผมก็แน่นอนว่าชุดขาว, เป็นเพียงสีขาวคนเดียวในห้อง เลยเด่นสุดๆเลย
อย่าไปสนสายตามุ่งร้าย 70% กับสอดรู้สอดเห็น 30%, ผมเริ่มยืดร่างกายเบาๆ
“น่าสนใจนี่”
อเล็คเชียว่าพลางทำตามผม
โลกนี้ ความคิดยืดหยุ่นร่างกายก่อนออกกำลังก็มีอยู่ แต่วิธีการทำอย่างเป็นแบบแผนไม่ได้มีขึ้น ดังนั้นทุกคนเลยออกแนวทำตามใจตนเอง
คนเล่นกีฬาที่ไม่ให้ความสำคัญกับการยืดร่างกาย จะทำลายร่างกายของตนเองในที่สุด, ในโลกนี้ เวทมนต์อาจสามารถรักษาอาการเจ็บเช่นนั้นได้ แต่มันก็ยังมีผลกับการปฏิบัติอยู่ดี
ในแง่นี้, อเล็คเชียออกจะทำซะจริงๆจังๆ ซึ่งก็ดูน่าตลก, ผมเอง ก็จริงๆจังๆในเรื่องที่เกี่ยวกับการต่อสู้เช่นกัน จึงมีความมั่นใจเหมือนกับการฝึกดื่มน้ำทะเลในชายฝั่งตะวันตก
ซักพัก, ก็เริ่มเรียน
“วันนี้มีเพื่อนใหม่มาร่วมด้วย”
ครูคุมสอนแนะนำแบบนี้
“ผมชื่อซิด คาเกโน่, ฝากตัวด้วย”
เริ่มมา ผมก็โดนถล่มด้วยสายตาของเหล่าผู้ที่ไม่คิดจะนับผมเป็นเพื่อน
อา, สมกับเป็นกลุ่ม 1, แค่ดูรอบๆอย่างผ่านๆ ก็เห็นคนสำคัญไปทั่ว
นายหล่อตรงนั้น เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลดยุค, สาวสวยทางโน้นคือลูกสาวของหัวหน้าอัศวินดาบเวท, แม้แต่ครูฝึกเอง ก็คือครูสอนวิชาดาบของประเทศเรา แถมยังเป็นนายผมทองหน้าหล่ออายุ 28 อีกด้วย
“สนิทกันไว้นะทุกคน”
หลังจากนั้นก็เริ่มฝึก
เริ่มจากการควบคุมพลังเวทผ่านการทำสมาธิ ไปสู่การฝึกพื้นฐานอย่างหวดดาบ
ดี ดีเลย, พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ, ในกลุ่ม 9 เราแค่ซ้อมหวดดาบแป๊ปเดียว ก่อนทุกคนจะเอาดาบหวดกันเอง, ผู้แข็งแกร่ง ย่อมเข้าใจดีถึงความสำคัญของพื้นฐานอ่ะนะ
ทุกคนที่นี่ดูมีระดับอยู่, เลยเป็นสภาพแวดล้อมที่ดี
เหนือสิ่งอื่นใด, วิชาดาบสายบุชินเมืองหลวงนี้ นับว่าเข้าท่า, ทุกความพยายามที่ทุ่มเทให้กับการฝึก จะไม่สูญเปล่า
“ชอบวิชาสายบุชินเมืองหลวงรึเปล่า?”
นายหน้าหล่อผมบลอนด์ถามขึ้น, ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกชื่อว่า เซนอน กลีฟี ゼノン・グリフィ
“เห็นเป็นงั้นเหรอครับ?”
“ใช่สิ, ท่าทางชอบมากเลย”
ครูเซนอนหัวเราะตอบผม
“อย่างที่รู้ วิชาสายบุชินเมืองหลวง เป็นบุชินสายใหม่, บุชินแบบดั้งเดิมเองก็เป็นรูปแบบนิยมที่สุดของประเทศเราอยู่แล้ว ดังนั้นบุชินที่ขัดเกลาเป็นสายเมืองหลวงถึงมีความโดดเด่น, แล้วด้วยการสนับสนุนของเจ้าหญิงไอริส จึงกลายเป็นวิชายอดนิยมอันดับ 2 ของประเทศนี้ ตามหลังเพียงแค่บุชินสายดั้งเดิม”
“ได้ยินว่าครูเองก็มีส่วนทำให้วิชาสายนี้เป็นที่นิยมนี่ครับ”
“เทียบกับที่เจ้าหญิงไอริสทำไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้สายบุชินเมืองหลวงได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้ก็เถอะ, เพราะงั้น ได้เห็นคนชอบวิชาสายนี้ก็เกิดความยินดี, โทษทีที่รบกวนการฝึก”
ว่าเท่านี้ แล้วครูเซนอนก็ไปดูนักเรียนคนอื่น
ผมเองก็เข้าใจดี, เหมือนการได้เห็นอัลฟ่าและพวก เหวี่ยงดาบของผม, ดาบผมคือสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตัวเอง จึงเกิดความรู้สึกเหมือนได้รับการยอมรับเมื่อเห็นผู้อื่นใช้งานอย่างยินดี
“คุยอะไรกันน่ะ?”
อเล็คเชียถาม
“เรื่องวิชาสายบุชินเมืองหลวง”
“หืมม?, ต่อไปแมสแล้ว, จับคู่กัน”
‘แมส’ マス(mass) ที่ว่า คือกิจกรรมกลุ่ม, ฝึกฝนต่อสู้กันอย่างเบาๆ
เพื่อยืนยันถึงสัมผัสเวลาใช้เทคนิคและปัดป้อง โดยที่ไม่แตะต้องคู่ต่อสู้
“ความถนัดเราไม่ต่างกันไปหน่อยเหรอ?”
“ไม่เป็นปัญหา”
เราตั้งท่ากัน โดยมีดาบไม้ในมือ
ผมขยับ, อเล็คเชียปัดป้อง
แล้วเธอก็ขยับ, ผมปัดป้อง
การจู่โจมไม่ถูกตัว, เราเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า
ไม่มีฝ่ายใดใช้เวท
รอบๆเรา มีหลายคู่ที่ใช้เวทอย่างเต็มที่และฟาดฟันกันอย่างดุเดือด, แต่อเล็คเชียแค่ทำไปคู่กับผมอย่างคาดไม่ถึง
ไม่สิ, แทนที่จะเรียกว่าทำไปคู่กับผม …… นี่เหมือนจะเป็นสิ่งที่อเล็คเชียทำตามปกติ, แมสคือการยืนยันลักษณะของเทคนิค, เลยไม่มีความจำเป็นต้องใช้พลังหรือความไว, เธอมีสายตาที่มองทะลุปรุโปร่งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการฝึกเช่นนี้
เห็นได้จากดาบของเธอ
พี่สาวเธอ เจ้าหญิงไอริส, ได้รับคำชมไปทั่วทุกที่, อัจฉริยะ, เปี่ยมพรสวรรค์, ทุกคนชื่นชมต่างๆนาๆ, ขณะนี้ ถึงกับเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดในประเทศ
กลับกัน ชื่อเสียงของอเล็คเชียไม่ได้ดีเด่นัก, มีพลังเวท และมีดาบที่ซื่อตรง แต่เมื่อเทียบกับพี่สาว ก็จืดจางไปเลย, นี่คือสิ่งที่ปวงประชามองอเล็คเชีย
แต่เมื่อมายืนเผชิญหน้ากับเธอ ผมก็เห็นว่าเป็นดาบที่ดี
ซื่อตรงต่อพื้นฐาน, ยึดถือรากฐาน, แต่ว่าจืดจาง
ใช่แล้ว จืดจาง, แต่ความจืดจางนี่ล่ะ ที่เป็นผลของการก่อตัวของความพยายาม, หลังจากทุกอย่างที่ไร้แก่นสารถูกเอาออกไป ก็เหลือแค่การเสริมสร้างรากฐานขึ้นไป ทีละขั้นละขั้น
เดลต้าเอ๋ย, ดูแบบนี้สิ
ผมอดใจไม่ได้ เผลอเทียบกับเด็กสาวมนุษย์สัตว์ที่เอาแต่เหวี่ยงดาบมั่วซั่วจนยากแก่การยอมรับ
“เป็นดาบที่ดีนะ”
อเล็คเชียชม
“ขอบใจ”
“แต่ฉันไม่ชอบหรอก”
เป็นประเภทเชิดชูก่อนแล้วจิกกัดรึ
“เหมือนกับดูดาบของตัวเองเลย, หยุดแค่นี้เถอะ”
ว่าแล้ว เธอเริ่มเก็บของ, ชั้นเรียนใกล้จะจบพอดีด้วย
ในที่สุดก็ผ่านชั้นเรียนมาได้โดยไม่เกิดปัญหา, ว่าแล้วก็รีบเก็บของ รีบเผ่น จะได้พ้นๆ …..
“เดี๋ยวก่อน”
รึเปล่า
อเล็คเชียดึงหลังคอผม ลากไป
“นี่คือคำตอบของเธอรึ?”
ไม่รู้ทำไม, เราถึงมาหาครูเซนอน
“ใช่, ฉันเลือกคบกับคนๆนี้แล้ว”
“หนีแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก รู้ใช่ไหม?”
ครูเซนอนถามด้วยสายตากวดขัน
“เด็กอย่างเราไม่เข้าใจสถานการณ์ของผู้ใหญ่หรอก”
อเล็คเชียว่าแล้วก็หัวเราะ ‘โฮะโฮะโฮะ’
จากบทสนทนา, ผมก็เข้าใจเป็นส่วนมากแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น, เหตุผลที่ผมโดนพามานี่ และเหตุผลที่ยัยนี่ตัดสินใจคบกับผม
ภาวนาอย่าให้ตัวเองถูกลากเข้าไปพัวพัน ผมทำตัวเป็นอากาศแล้วมองตัวเอกทั้งสองมีอีเวนต์กันไป