ตอนที่ 45 คำสาปและการตัดสินใจ
ชั้นที่ถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียวในสนามฝึกเริ่มใช้สกิล『ตาพิภพ』ที่พึ่งได้มาเมื่อกี้
สกิลนี้แม้จะทำงานอัตโนมัติแต่ก็มีแค่ผลของ『ตาใจ』เท่านั้นที่แสดงออกมา
ถ้าเป็นผลของ『ค้นหาศัตรู』ต้องสั่งให้ทำงานเอาเอง
ก่อนอื่นก็เริ่มใช้สกิลโดยหาสิ่งที่เคลื่อนไหวออกห่างจากปราสาทหลวงเป็นอันดับแรก
ทันใดนั้นก็จับสัญญานที่แสดงว่าเป็นพวกคุณรุยเอสจากด้านในปราสาทได้
โดยแสดงเป็นจุดสีน้ำเงินอยู่ข้างในหัวคล้ายกับเรดาร์
กลับกันก็จับจุดสีแดงในเรดาร์ที่วิ่งออกห่างจากปราสาทหลวงด้วยความเร็วสูงได้เช่นกัน
ตอนเป็นสกิล『ค้นหาศัตรู』ไม่เห็นจะแสดงละเอียดขนาดนี้เลย
แถมดูเหมือนสกิลจะตัดสินให้ด้วยว่าคนที่เป็นพวกเดียวกันจะเป็นจุดสีน้ำเงิน
ส่วนคนที่เป็นศัตรูกับชั้นจะเป็นจุดสีแดง
ด้วยเหตุนี้ทำให้สามารถแยกแยะมิตรศัตรูได้ในพริบตา
แต่ว่านะ อืม................ขอละเอียดกว่านี้หน่อยได้มะ?
อยากได้แบบอธิบายรายละเอียดลึกถึงเนื้อในกันไปเลย
ทันทีที่ในหัวคิดไปตามนั้น จุดสีแดงในหัวก็แสดงข้อมูลอย่างละเอียดออกมา
≪ออริก้า คัลเมเรีย≫
ภูมิลำเนา:อาณาจักรไคเซอร์
เผ่าพันธุ์:มนุษย์สัตว์
เพศ:หญิง
อาชีพ:นักฆ่า
อายุ:8
เลเวล:455
สถานะ:ข้ารับใช้
ฉายา:นักฆ่ายามสนธยา(Twilight Assassin)
สัดส่วน:----------------
「เอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」
ชั้นเผลอตบมุขใส่ข้อมูลที่แสดงออกมา
ไม่สนใจความเป็นส่วนตัวกันเลยนะเจ้าสกิลนี่!
ว่าแต่แค่พูดเล่นๆไหงแสดงข้อมูลละเอียดยิบแบบนี้ฟะ!แถมมีสัดส่วนให้ด้วยนะ!?
แน่นอนว่าข้อมูลตั้งแต่สัดส่วนลงไปชั้นไม่ได้ดู ศีลธรรมในตัวชั้นสามารถหยุดเอาไว้ได้
ทำได้ดีมากตัวชั้น
ที่ไม่แสดงพลังโจมตีอะไรพวกนี้ออกมาเพราะไม่เหมือนกับสกิลที่ใช้ตรวจสอบโดยเฉพาะงั้นเหรอ?
เอาเถอะ ยังไงซะแค่แสดงข้อมูลออกมาตั้งเท่านี้ก็ดีเกินพอแล้วล่ะ
ยังไงก็ตามแต่เป็นข้อมูลที่อัดแน่นไว้ด้วยจุดตบมุขให้เพียบเลย
ก่อนอื่นเรื่องภูมิลำเนาอาณาจักรไคเซอร์ นี่มันประเทศที่อัญเชิญพวกโชวตะไปไม่ใช่เหรอ?
อาณาจักรไคเซอร์เป็นประเทศแรกที่ทำการอัญเชิญผู้กล้ามาปราบจอมมารซะด้วย
พอมาคิดดูแล้วก็น่าจะเห็นว่าราชาของประเทศที่คิดจะอยู่ร่วมกับเผ่าปีศาจเป็นตัวเกะกะ..........
เรื่องประมาณนี้เหรอ?
นอกจากนั้นนักฆ่าเป็นผู้หญิงซะด้วย แถมยังเป็นมนุษย์สัตว์อีก อายุก็ยังน้อย
พอรวมกับLvที่เกิน400นี่ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่
แต่จากข้อมูลนั้นชั้นเจอหัวข้อที่สะดุดตายิ่งกว่าอีก
「สถานะที่ว่าข้ารับใช้นี่...........มันอะไรกัน?」
ใช่ มีแต่ตรงส่วนนี้แหละที่ชั้นไม่เข้าใจเลย
ไอ้นั่นสินะ? เป็นทาสอะไรแบบนี้?
ตั้งแต่มาที่โลกนี้ก็ยังไม่เคยเห็นทาสเลยคิดว่าไม่มีของแบบนั้นอยู่ซะอีก...........
ถ้าเกิดนี่หมายถึงทาสจริงๆล่ะก็ชักเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกโชวตะซะแล้วสิ
อาจจะเป็นเหมือนอย่างในไดอารี่ของผู้กล้าอาเบลที่ถ้าใช้ได้ก็ใช้แล้วกำจัดทิ้งก็เป็นได้
แต่ว่าชั้นยังไม่เพ็งเล็งแนวความคิดเรื่องทาสลงไปมากนัก
ที่โลกเดิมก็มีการให้งานที่ออกไปทางทาสเหมือนกันซึ่งในความจริงก็ไม่ใช่ทาสแต่อย่างใด
ยิ่งพอคิดถึงเรื่องที่วิทยาการใกล้เคียงกับโลกแผ่ขยายออกไปเพราะผู้กล้าที่อัญเชิญมาล่ะก็
ถ้ามีตัวตนที่เรียกว่าทาสอยู่อาจจะเรียกได้ว่าสายไปแล้วก็ได้
แต่ยังไงสำหรับชั้นที่มาจากโลกเดิมแล้วก็เป็นคำที่ชวนให้รู้สึกไม่ดีอยู่ดีแหละ
คิดนั่นคิดนี่ไปพลาง นักฆ่าก็มุ่งหน้ามาตรงลานฝึกที่ชั้นอยู่
เพราะงั้นเลยหันสายตาไปยังทางเข้าที่เชื่อมต่อกับวังหลวง
ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง
พอเห็นเงาแบบนั้นเลยเผลอพูดออกมา
「อืม..........แต่งตัวเหมือนนักฆ่าจริงๆแฮะ」
「!?」
เงาสีดำที่พุ่งออกมาเป็นคนรูปร่างเล็กที่สวมผ้าคลุมสีดำสนิทเหมือนกับชั้น แต่ก็ไม่เห็นหน้าตา
เงาสีดำนี่ต้องเป็นนักฆ่าไม่ผิดแน่
ขณะที่มองดูนักฆ่าอย่างใจเย็นอีกฝ่ายก็มองมาทางชั้นด้วยอาการตกใจ
「..........ท ทำไม..........ตัวฉัน..........!?」
「หืม?」
พูดอะไรหว่า จากบรรยากาศแล้วน่าจะเป็น『ทำไมถึงมองเห็นตัวฉัน!?』ล่ะมั้ง
พอเอียงคอกับท่าทางอย่างนั้นของอีกฝ่าย สาวน้อยในเสื้อคลุมก็หยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ
แล้วขว้างมาที่ชั้น
「!」
「เอ๋!? เดี๋ยว!? อยู่ๆก็โจมตีใส่เลยเรอะ!?」
โดดเกลียดเข้าให้แล้วสิ
ก็อย่างว่าอีกฝ่ายมาลอบสังหารราชาของประเทศนี้ถ้าเกิดมีคนมาเห็นตัวเข้าก็ต้องทำให้หายไปแหงอยู่แล้ว
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเพราะอีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะปามีดมา2เล่มโดยเล็งมาที่ชั้น
ตรงนี้ก็หลบไปตามปกติแล้วทำให้หมดสภาพแต่ต้องออมมือแบบสุดๆด้วย
เกิดชกไปแบบเอาจริงขึ้นมาอีกฝ่ายได้ลอยละลิ่วหายไปแน่
เสร็จแล้วงานนี้จะได้รู้สึกถึงการจากลาความเป็นมนุษย์ของจริงล่ะ............
ขณะที่คิดไปพลางมองดูมีดที่พุ่งเข้ามาหาชั้น----------
「ชิ!?」
「เห?」
ร่างกายของชั้นเคลื่อนไหวไปเองเหมือนตอนที่สู้กับคุณรุยเอส
และแล้วร่างกายของชั้นก็ใช้มือขวารับมีด2เล่มที่พุ่งเข้ามาหาชั้น
โดยรับไว้ที่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางและนิ้วกลางกับนิ้วนาง
แล้วในพริบตานั้นก็ขว้างกลับไปที่อีกฝ่ายทั้งอย่างนั้นเลย
「เฮ้ย!?」
ถึงชั้นจะเคยสู้และปราบมอนเตอร์แต่จะให้เตรียมใจแลกชีวิตกับมนุษย์หรือมนุษย์สัตว์นั้น
ชั้นในตอนนี้ยังทำไม่ได้
เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกันเลยไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถคิดให้มนุษย์เหมือนกับมอนเตอร์ได้
ถึงรู้ว่ามันเป็นความคิดที่อ่อนหัดมากแต่ยังไงชั้นก็ทำไม่ได้อยู่ดี
เพราะงั้นชั้นถึงได้หวาดกลัวสิ่งที่ชั้นกำลังทำอยู่นี้มากเหลือเกิน
ตอนคุณรุยเอสยังไม่ค่อยเข้าใจนักก่อนหน้านี้เลยยังไม่มีปัญหาเรื่องความกลัวอะไรแบบนี้
แต่ตอนนี้มันผิดกัน
ถึงจะเป็นเพราะการทำงานของสกิล『ป้องกันอัตโนมัติ』แต่ถ้าเกิดไปฆ่านักฆ่าขึ้นมาล่ะก็..........
นั่นคือสิ่งที่ชั้นคิด
แต่สกิล『ป้องกันอัตโนมัติ』กลับดีเยี่ยมเหนือกว่าที่ชั้นคิดซะอีก
「อึก..........!」
ความเร็วของมีดที่ชั้นปากลับไปนั้นเร็วจนไม่มีทางหลบได้
เลยคิดว่าต้องเสียบทะลุตัวของนักฆ่าแน่แต่ทว่า............มีดที่ชั้นปาไปนั้นกลับเจาะแค่ผ้าคลุมของนักฆ่า
แล้วไปปักกับกำแพงปราสาท
ด้วยความเร็วของมีดทำให้นักฆ่าถูกลากไปกับผ้าคลุมจนร่างกายถูกตรึงกับกำแพงปราสาทไปด้วย
ทั่วไปต่อให้ปามีดกลับไปก็คงทำได้แค่เจาะทะลุผ้าคลุมแล้วก็จบแต่ร่างกายที่วิวัฒนาการแล้วของชั้น
เทพถึงขนาดปิดผนึกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายโดยไม่ลำบากเลยสักนิด
จะดีใจดีมั้ยเนี่ย? แบบนี้อ่ะ
แต่ว่าตามชื่อสกิลก็แค่ป้องกันเองนี่นา อย่างนี้ค่อยยอมรับได้หน่อย อื้ม
ขณะที่กำลังยอมรับการควบคุมร่างกายตัวเอง นักฆ่าที่ถูกตรึงไว้ก็ถอดผ้าคลุมออกในพริบตา
เพื่อสลัดการถูกตรึงให้หลุด
「โอ้!」
และแล้วก็ได้เห็นถึงรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของนักฆ่าที่ถอดผ้าคลุมเลยเผลอส่งเสียงออกมา
「............」
นั่นก็เพราะนักฆ่ามีผมสีดำเหมือนกับชั้น ยิ่งกว่านั้นบนหัวก็มีของอย่างหูแมวติดอยู่ด้วย
ตรงแถวเอวมีหางสีดำเช่นเดียวกับสีผมยืดยาวออกมา
เพราะนักฆ่าระมัดระวังตัวจ้องมองชั้น ชั้นเลยได้โอกาสสำรวจนักฆ่าให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
ผมสั้นสีดำ ดวงตาสีทองเหมือนแมว และเพราะยังอายุน้อยเลยทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู
แต่ด้วยสภาพที่หรี่ตาจ้องเขม็งมาในตอนนี้ทำให้ความน่ารักหายไปครึ่ง
ชั้นคิดว่าบางทีคงเป็นมนุษย์สัตว์ประเภทแมวดำ ก็ทั้งหูแมวกับหางสีดำหมดเลยนี่นา
และเสื้อผ้าของเธอก็ใส่เสื้อสีดำที่เหมือนชุดนินจาแถมตรงคอยังมีปลอกคอสีดำสวมไว้อีกต่างหาก
ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีของอย่างนินจาอยู่ในโลกนี้ด้วยรึเปล่าแต่การแต่งตัวดูสมเป็นนักฆ่าไม่ผิดแน่
แหม...........ถึงยังไงก็เถอะ แค่มีผมดำเหมือนชั้นก็สบายใจขึ้นตั้งเยอะ ถึงจะโดนโจมตีใส่ก็เถอะ
แต่ก็เพราะเธอเลยทำให้รู้ว่าไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องผมดำถึงขนาดนั้น
ขณะที่ชั้นกำลังอิ่มเอิบกับการได้รับรู้ข้อเท็จจริงโดยบังเอิญ นักฆ่าก็เข้ามาหาชั้นด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
ยิ่งกว่านั้นในมือถือมีดมาด้วย
「--------------!」
「ยังจะโจมตีอีกเรอะ!? อยู่นิ่งๆบ้างเป็นมั้ย!?」
โลลิน่ารักถือมีดวิ่งมาจ้วงนี่มันหนังสยองขวัญที่ไหนฟะ
ชั้นที่เดาะลิ้นอยู่ในใจพริบตานั้นก็รวมพลังไว้ที่ขาเพื่อหลบ
แต่ร่างกายของชั้นดันขยับไปเองอีกแล้ว
「เฮ้ย!เดี๋ยว!」
สกิลแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เป็นอย่างดี
ชั้นที่ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ใช้นิ้วของมือซ้ายหนีบหยุดมีดที่กำลังเข้ามาหา
ส่วนมือขวาก็เอานิ้วดีดหน้าผากของเธอเบาๆ
「อืออืออืออือ!!??」
เพียงแค่นั้นสาวน้อยนักฆ่าก็ตาวิงเวียนไปมาแล้วล้มลงไปตรงนั้นเลย
「โอ๊ะ」
ชั้นประคองสาวน้อยนักฆ่าไว้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น
ฮ่าฮ่าฮ่า............แค่ดีดนิ้วเล่นๆอีกฝ่ายก็ถึงกับสลบเลยงั้นเหรอ อย่างนั้นสินะ
แล้วก็ของเหลวที่ไหลอยู่ตรงแก้มไม่ใช่น้ำตาหรอกนะ
คิดอะไรติงต๊องไปพลางชั้นก็ยืนยันหน้าตาของนักฆ่าที่สลบอยู่ในอ้อมแขนของชั้นอีกครั้ง
...........อืม พอนอนอย่างนี้ก็ดูไม่ต่างจากเด็กธรรมดาทั่วไปเลยแฮะ
โลกที่เด็กแบบนี้สามารถถือมีดมาฆ่าคนเหมือนเป็นเรื่องปกติทำให้ชั้นผวาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จนถึงตอนนี้ไม่เคยคิดตระหนักถึงเรื่องนั้นเลยแต่ตอนนี้ได้รู้สึกถึงความน่ากลัวของต่างโลกอีกครั้งแล้ว
ถึงกับมอนเตอร์จะเรียกว่าปราบแต่การที่สามารถช่วงชิงชีวิตเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ทำให้รู้สึกหวาดกลัวตัวเองมาก
และที่น่ากลัวที่สุดก็คือการที่มีสเตตัสล้นฟ้านี่แหละ
อีกฝ่ายโจมตีมาก่อนเลยเป็นเหตุผลที่ต้องจัดการแต่การที่สามารถคิดแบบนั้นได้
นั่นแหละที่ผิดปกติไปแล้วป่านนี้ชั้นพึ่งจะมารู้ตัว
แต่สำหรับโลกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ทำก็ไม่รอด
ที่นี่...........ไม่ใช่โลกเดิมอีกต่อไปแล้ว
ถึงในหัวจะเข้าใจแต่ในใจนั้นยังยากที่จะทำใจได้
เพื่อคลายไหล่ที่เกร็งจนแข็งเลยถอนหายใจออกมา
พอทำอย่างนั้นแล้วก็ทำให้ผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียดได้
แล้วก็รู้สึกถึงสิ่งที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างเร่งรีบจากทางด้านในปราสาทอีกครั้ง
พอหันสายตาไปก็เจอคุณรุยเอสที่ตีหน้าเคร่งเครียดกับเหล่าvalkyrieทุกคนมาที่ลานฝึก
พอคุณรุยเอสตรวจดูสภาพของชั้นแล้วก็รีบเดินเข้ามาหาชั้น
「อาจารย์ ต้องขอโทษด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน
แต่ครั้งนี้ช่วยกลับไปก่อนได้มั้ยคะ?」
.............ตกลงจะเรียกว่าอาจารย์ให้ได้สินะ
「ครับ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ..........อ้ะ คุณรุยเอส」
「เรียกรุยเอสเถอะค่ะ แล้วก็ไม่ต้องใช้คำสุภาพด้วย」
เถียงไปยังไงชั้นก็แพ้คุณรุยเอสอยู่แล้วเลยยอมทำตามคำพูดของรุยเอสแต่โดยดี
「อะ............อื้ม งั้นก็ รุยเอส บางทีคิดว่าจับคนร้ายที่โจมตีพระราชาได้แล้วล่ะ...........」
「...............ว่าไงนะคะ?」
รุยเอสนิ่งไปสักพักกับคำพูดของชั้นแล้วถามกลับมา
แหม ก็นั่นสินะ อยู่ดีๆมาบอกว่าชั้นจับนักฆ่าที่โจมตีพระราชาได้แล้วเป็นใครก็ตกใจทั้งนั้นแหละ.......
คิดอย่างนั้นไปพลางก็เอาตัวสาวน้อยนักฆ่าที่ตัวเองอุ้มอยู่ให้ดู
「นี่ไง เด็กคนนี้แหละ อยู่ๆก็วิ่งออกมาจากในปราสาทอย่างเร็วแถมโจมตีชั้นด้วย..........」
..........เอ๊ะ? ทำไมกันน้า ฟังดูเหมือนกำลังแก้ตัวจัง
แต่รุยเอสก็ไม่สนใจชั้นแล้วมองดูสาวน้อยนักฆ่าที่ชั้นอุ้มอยู่จากนั้นก็เปิดตากว้างด้วยความตกใจ
แล้วสักพักก็หันไปใช้สายตาตรวจสอบสาวน้อย
ทันใดนั้นจากสายตาของชั้นเหมือนเห็นตาของรุยเอสส่องแสงขึ้นมาแว่บนึง
จากสายตานั้นที่มองสาวน้อยนักฆ่าของรุยเอสทำให้ชั้นนึกขึ้นมาได้
นั่นให้ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่ไดกิใช้สกิล『ตรวจสอบ』สเตตัสของชั้นที่ห้องเรียน
ก่อนจะวาร์ปมานี่โลกนี้เลย
พริบตาที่เหมือนเห็นตาของรุยเอสส่องแสงคงเป็นเพราะสกิล『ตาทิพย์』ของชั้นทำงาน
เลยปรากฏเป็นภาพให้ตาชั้นเห็นว่ารุยเอสกำลังใช้สกิลอยู่
ดูท่าทางกำลังตรวจสอบสเตตัสของสาวน้อยนักฆ่าอยู่แฮะ
ว่าแต่ รุยเอสใช้สกิลไม่ได้ไม่ใช่เหรอไง? หรือว่าจำกัดแค่สกิลสายโจมตี?
ไม่ว่าจะอันไหนแค่ปล่อยคมดาบออกมาได้โดยไม่ใช้สกิลได้นี่ก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!
「สำหรับเด็กคนนี้............โรน่า」
「ค่า! มีอะไรเหรอคะ」
รุยเอสที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเรียกคุณโรน่าให้เข้ามาหา
「ฝากสอบสวนเธอด้วย」
「รับทราบค่ะ!」
พูดเพียงประโยคเดียวแล้วก็ส่งสาวน้อยนักฆ่าให้กับคุณโรน่า
คุณโรน่าที่รับเด็กสาวไปก็พาไปที่ไหนสักแห่งทั้งอย่างนั้น
ยังไงก็ตามแต่.........สอบสวนงั้นเหรอ? ฝากให้คุณโรน่าทำจะไหวมั้ยเนี่ย?
ขณะที่คิดอะไรเสียมารยาทมากแบบนั้นพลางเอียงคอ คุณคลาวเดียร์ก็เข้ามาหาชั้น
「ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกถ้าฝากให้โรน่าจัดการ ไม่ทำเรื่องไม่ดีกับเด็กคนนั้นแน่」
「เปล่า ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นแต่............ฝากให้คุณโรน่าสอบสวนนี่จะไหวเหรอครับ?
อ้ะ คือก็ไม่ได้หมายความว่าไม่น่าเชื่อถืออะไรแบบนั้น..........」
คุณคลาวเดียร์ก็ยิ้มแห้งๆให้กับชั้นที่เผลอพูดเหมือนแก้ตัว
「ฮะฮะฮะ ก็เข้าใจนะว่าอยากพูดอะไร แต่เธอเป็นนักสอบสวนที่เก่งที่สุดในประเทศนี้เลยนะ」
「จริงเหรอครับ!?」
「ยิ่งกว่านั้นยังสำเร็จ『หลักสูตรSM』ขั้นสูงที่คุณหนูเอลิสของกิลด์เป็นคนเปิดสอน
อย่างไร้ที่ติอีกด้วย」
「คุณเอลิสก็มีเอี่ยวกับเขาด้วยเรอะ!?」
ไม่รู้หรอกนะมีอุปสงค์มาจากไหนแต่มีคนเข้าเรียนหลักสูตรนั้นด้วยเหรอฟะ!
ยิ่งกว่านั้นยังจบหลักสูตรขั้นสูงอย่างไร้ที่ติด้วยช่างเสียของดีแท้!?
แต่ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนไปเรียนวีธีสร้างกล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพของกัลซุสเหมือนกันก็เป็นได้?
...........แย่ล่ะ ปฏิเสธความเป็นไปได้ไม่ได้ซะด้วย
คิดว่าไม่มีใครไปเรียนหลักสูตรพรรณนั้นแต่ดันมีตัวอย่างออกมาอย่างคาดไม่ถึงเล่นเอาชั้นหนาวเลย
「เรื่องนั้นยังไงก็ช่างเถอะ เซอิจิคุง ต้องขอโทษนายด้วยนะแต่ตอนนี้คงต้องให้กลับไปก่อนแล้วล่ะ」
「เรื่องนั้นรุยเอสบอกมาแล้วครับ」
「จ้า ขอโทษทีนะ ท่านอาจารย์ ทั้งที่ทางนี้เป็นคนเรียกมา...........」
「เปล่า ไม่ต้องใส่ใจไปหรอกครับ........แล้วพระราชาเป็นอะไรรึเปล่าครับ?」
พอลองถามดู ทั้งสองคนก็ทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาพร้อมกัน
「.......พวกทหารหน่วยเวทมนตร์ช่วยกันใช้เวทรักษาเลยยังพอช่วยชีวิตไว้ได้ แต่ว่า...........」
「?」
พอเอียงคอกับคำพูดของรุยเอสที่ขาดช่วงไป คุณคลาวเดียร์เลยช่วยพูดต่อให้
「........ฝ่าบาทยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย」
「เอ๋?」
ยังไม่ฟื้น? ตะกี้รุยเอสก็บอกมานี่นาว่าเพราะเวทรักษาเลยช่วยชีวิตไว้ได้............
มีปัญหาที่สภาพร่างกายงั้นเหรอ?
ลองคาดคะเนไปแบบนั้นแต่กลับไม่ใช่เลย
「ไหนๆเซอิจิคุงก็รู้เรื่องที่ฝ่าบาทถูกโจมตีแล้วงั้นจะบอกให้แล้วกัน..........
แต่ก่อนอื่นเรื่องในตอนนี้ให้เงียบไว้จะได้มั้ย?」
「ค ครับ ตั้งแต่แรกก็ไม่คิดจะไปบอกใครอยู่แล้ว...........」
「ถ้างั้นจะบอกให้ อย่างที่รู้กันนักฆ่าโจมตีใส่ฝ่าบาท..........
แล้วดูเหมือนว่าอาวุธที่ใช้ตอนนั้นจะเป็น『อุปกรณ์ต้องสาป』ด้วย」
「อุปกรณ์ต้องสาป?」
พอเอียงคอเพราะเป็นคำที่ไม่คุ้นเคย รุยเอสก็ตอบมาให้
「อาจารย์คะ อุปกรณ์ต้องสาปที่ว่าก็ตามชื่อของมันคืออุปกรณ์หรืออาวุธที่มีคำสาป
หรือวิญญาณร้ายสิงสู่ซึ่งจะทำให้เกิดผลร้ายต่อผู้คน ถ้าเป็นอุปกรณ์ต้องสาปที่มีวิญญาณร้ายสิ่งสู่
ถ้าไม่ระวังอาจทำให้ผู้ใช้ถึงตายได้.........แต่ครั้งนี้มีดที่ใช้มีคำสาปที่ชื่อ 『หลับนิรันดร์』ติดอยู่ค่ะ」
「หลับนิรันดร์...........」
คำสาป............จะว่าไปอัลเองก็เพราะมีคำสาป『ผู้แบกรับภัยพิบัติ』สเตตัสโชคเลยติดลบ
แล้วตามที่อัลบอกคำสาปนั้นก็ไม่มีวิธีแก้ด้วย
สรุปคือ-----------
「.........ฝ่าบาทอาจไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแล้วก็เป็นได้」
「............」
ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนความรู้สึกหลายๆอย่างถูกบดขยี้ แล้วคุณคลาวเดียก็พูดต่อ
「........ยังถือว่ามีโชคดีในโชคร้ายที่ เจ้าชายลำดับหนึ่ง ท่านโรเบอร์โต้ เจ้าชายลำดับสอง ท่านโจนิส
และเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง ท่านลาติส ทั้งหมดอยู่ที่โรงเรียนเลยไม่ตกเป็นเป้าหมาย」
ถึงคุณคลาวเดียร์จะพูดแบบนั้นแต่สีหน้ามืดมนจนไม่รู้สึกว่าโชคดีเลยสักนิด
รุยเอสที่ปกป้องพระราชาไว้ไม่ได้ก็สีหน้าเศร้าสลดไปตามๆกัน
...........ไม่มีอะไรที่ชั้นพอจะทำได้เลยเหรอ............
เรื่องสะดุดตา ไม่สะดุดตามันไม่ใช่ปัญหาแล้ว
ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตามแต่ชั้นน่ะคิดว่าประเทศนี้สุดยอดอย่างแท้จริงจนทำให้รู้สึกชอบมาก
เรื่องพระราชาในตอนนี้ปกครองได้ดี หรือพระราชาองค์ก่อนปกครองได้ดีกว่าเรื่องนั้นน่ะไม่รู้หรอก
แต่ประเทศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแบบนี้ก็รู้สึกเปล่งประกายเป็นอย่างมากยามที่ได้พบเห็น
ทั้งที่เป็นอย่างนั้นทั้งคุณคลาวเดียร์ทั้งรุยเอสต่างแสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา
ทั้งที่จนถึงเมื่อกี้ยังมีบรรยากาศสนุกสนานกันอยู่เลย แต่สิ่งนั้นกลับถูกทำลายลงในพริบตา
เรื่องไร้เหตุผลแบบนั้นน่ะชั้นรับไม่ได้
เพราะงั้นชั้นเลยรู้สึกว่าถ้าทำได้ก็อยากจะให้ยืมพลัง
ที่โลกเดิมชั้นได้แต่ถูกช่วยแต่ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย
แต่ตอนนี้มีพลังพอที่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้แล้ว ไม่สิ ต้องทำให้ได้
แม้ชั้นจะไม่มีเวทที่ใช้สำหรับแก้คำสาปแต่ก็พยายามนึกประสิทธิภาพของเวทที่จำได้ทั้งหมด
แต่ถึงจะหาขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่เจอเวทที่ใช้แก้คำสาป
.............ไม่ไหวจริงๆเหรอเนี่ย?
ตอนที่คิดแบบนั้นนั่นเอง
แม้จะอย่างเดียวแต่ก็นึกวิธีออก
วิธีนั้นก็คือ----------
「........ถ้าไม่มี ก็สร้างมันขึ้นมาสิ」
「เอ๋?」
คุณคลาวเดียร์และรุยเอสเอียงคอกับคำพูดพึมพำเสียงค่อยของชั้นที่เหมือนคำพูดราชินีที่ไหนสักแห่ง
ใช่แล้ว...........เวลาแบบนี้แหละเป็นเวลาที่แสดงพลังของสเตตัสบ้าๆนี้ของชั้นออกมา
ถึงชั้นจะยังไม่เข้าใจเวทได้ดีมากพอแต่แสดงพลังของสกิลให้ดู
จนถึงตอนนี้เอาแต่หลีกหนีความจริงหนีหน้าจากพลังอันล้นหลาม
คอยเอาแต่เศร้าสลดกับสิ่งที่ได้รับก็เลยรับมา
ตอนนี้ได้เวลาเผชิญหน้ากับมันอย่างจริงจังแล้ว
นั่นคือสกิล.........『ประดิษฐ์เวท』
นี่เป็นก้าวแรกสำหรับการเผชิญหน้ากับพลังของชั้นและเป็นครั้งแรกที่สร้างเวทมนตร์ออกมาด้วยตัวเอง
ชั้นปิดตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าจากนั้นก็หันไปทางทั้งสองคน---------
「ช่วยพาผมไปหาพระราชาทีครับ」
---------แล้วกล่าวแบบนั้นออกมา